พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 268 ตัวตนของลู่เฉิน
บทที่ 268 ตัวตนของลู่เฉิน
ณ วิลล่าของครอบครัวจาง
“ ดูเหมือนว่าพวกคุณจะยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉินกันใช่ไหม?” หมู่จองมองไปที่จางเซิงเฉียวและคนอื่น ๆและพูดขึ้น
“เขาเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่หรือ? และเขาได้รับการสนับสนุนจาก เซ่เว่ยเหา เราทุกคนรู้ดี” จางเซิงเฉียวกล่าว
“ใช่ เด็กคนนั้นพอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่นอกเหนือจากความสัมพันธ์ที่ดีกับเซ่เว่ยเหาแล้วเขาก็ดูไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย” หลิว ฉีฟู ชายชราตระกูล หลิว มองไปที่หมู่จองอย่างสงสัย
จั่วเจิ้งยี่ ท่านปู่ตระกูลจั่ว ไม่ได้พูดอะไร แต่เขามองไปที่หมู่จองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พวกคุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลลู่ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ในปักกิ่งสินะ” หมู่จองกล่าว
ทุกคนต่างตกใจ และเข้าใจในทันที
“ความหมายที่คุณชายหมู่ต้องการสื่อคือ ลู่เฉินเป็นคนของตระกูลลู่?” จางตาวเหรินถามด้วยความไม่เชื่อ
หมู่จองพยักหน้าและกล่าวว่า: “ใช่ ลู่เฉินเป็นลูกชายคนเดียวของลู่เทียนฉิง ถึงแม้ว่าตระกูลลู่จะเป็นตระกูลดาวรุ่งใหม่ของปักกิ่ง แต่พวกเขากลับมีทรัพย์สินอยู่หลายแสนล้าน”
ทุกคนต่างตกตะลึง และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซ่เว่ยเหาถึงต้องการสนับสนุนลู่เฉิน
แม้ว่าตระกูลมหาอำนาจทั้งสี่จะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในยวี่โจว แต่ทั้งหมดสี่กระกูลรวมกัน ก็เทียบไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ของตระกูลลู่
ชื่อของลู่เทียนฉิงเมื่อ10กว่าปีก่อนนั้นดังสนั่นหู นั่นคือถึงขั้นเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจแห่งประเทศจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ด้วยความพยายามของตัวพวกเขาเอง ในเวลาเพียง10กว่าปี ไม่เพียงแต่สามารถลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงในเมืองหลวง แต่พวกเขาสามารถขึ้นมาเป็นหนึ่งในห้าตระกูลชั้นนำได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าความสามารถของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด
กล่าวกันว่า ตระกูลลู่นั้นมีทรัพย์สินหลายแสนล้าน ถ้านำตระกูลทั้งสี่ของพวกเขามารวมกัน ทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันก็ยังไม่ถึงสิบล้าน แสดงให้เห็นว่าห้าตระกูลใหญ่ของปักกิ่งนั้นมีอำนาจเพียงใด
“คุณชายหมู่ ถ้าอย่างนั้น เทคโนโลยีอี้ฉี ก็คงจะต้องเป็นผลงานที่ลู่เฉินทำออกมาแล้วหล่ะ” จางเซิงเฉียวกล่าว
“อื้ม หลินอี้จุนคือภรรยาของลู่เฉิน และลูกสาวของเขาชื่อลู่ฉีฉี เทคโนโลยีอี้ฉีตั้งชื่อตามชื่อของภรรยาและลูกสาวของเขา พวกคุณทั้งหมดคงไม่สังเกตเห็นล่ะสิ”หมู่จองกล่าว
หลังจากที่ฟังหมู่จองอธิบายแล้วทุกคนก็เข้าใจทันที จากนั้นพวกเขาต่างรู้สึกอายเล็กน้อย มันดูโง่มากที่พวกเขาต่างคิดไม่ถึง ทั้งที่เรื่องมันง่ายเช่นนี้
“แต่พวกคุณวางใจเถอะ ตระกูลลู่ในปักกิ่งถูกคุณนายของตระกูลฉันยุบลงไปแล้ว ในอีกไม่กี่วันนี้คุณนายของตระกูลฉันจะมายวี่โจวเป็นการส่วนตัวเพื่อจัดการกับลู่เฉิน ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกคุณจะจัดการกับลู่เฉิน และทำให้เทคโนโลยีอี้ฉีนั้นล้มละลายก่อนที่จะเปิดตัว เมื่อคุณนายของตระกูลฉันมาแล้วลู่เฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาพวกคุณก็จะสามารถแบ่งเทคโนโลยีอี้ฉีได้” หมู่จองเห็นว่าหลังจากที่พวกเขาทราบถึงตัวตนของลู่เฉินแล้ว ต่างมีท่าทีหวาดกลัว หมู่จองจึงรีบอธิบายเสริม
เขายังต้องการประโยชน์จากสามตระกูลใหญ่เพื่อสร้างความกังวลใจให้กับลู่เฉิน แน่นอนว่าไม่สามารถทำให้พวกเขาเลิกกลัวได้
เหตุผลที่เขาพูดถึงตัวตนของลู่เฉินนั้น เพียงเพื่ออยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าหากทำให้ลู่เฉินร่วงลงมาได้ พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์มากมาย
เขาเชื่อว่า ด้วยการผลักดันของตระกูลจาง หลิว และจั่ว ทั้งสามตระกูลใหญ่นี้จะไม่ทำให้พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลจางและตระกูลจั่ว พวกเขาทั้งสองตระกูลต่างมีความแค้นเป็นอย่างมากกับลู่เฉิน
เมื่อได้ยินคำอธิบายของมู่จง ทุกคนต่างก็ลังเลอยู่หลายสิบวินาทีก่อนที่จะตัดสินใจในที่สุด
พวกเขาเลือกที่จะเชื่อมู่จง เตรียมรวมทั้งสามตระกูลลุกขึ้นจัดการกับลู่เฉินด้วยกัน
ที่จริงแล้วจางเซิงเฉียวก็โทรศัพท์ไปหาคุณเฉิน แต่เขากลับถูกคุณเฉินปฏิเสธ
“เกรงว่าครั้งนี้ลู่เฉินจะพบเจอกับความลำบากแล้วล่ะ” คุณเฉินวางสายโทรศัพท์จากจางเซิงเฉียวมองไปที่เฉินจือหรานที่อยู่ข้างๆแล้วพูด
“เป็นเพราะว่าเขาตั้งใจสละตำแหน่งแชมป์หรือเปล่า? คนของสมาคมหินหยาบคงไม่โง่ขนาดนั้น แม้แต่จุดแปลกปลอมพวกนี้ยังมองไม่ออก คนที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างรู้ว่าลู่เฉินต้องพบเจอกับเรื่องอะไรอย่างแน่นอนเขาถึงยอมสละแชมป์” เฉินจือหรานพูดอย่างเคืองๆ
ในมุมมองของเธอ ลู่เฉินได้รับการบันทึกลงในประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้วว่าเป็นตัวแทนของยวี่โจวคว้ารางวัลรองชนะเลิศ คนของสมาคมหินหยาบไม่เพียงแต่ไม่ชื่นชมลู่เฉิน ทั้งยังคิดที่จะสร้างความยุ่งยากให้ลู่เฉิน มีอย่างที่ไหน
“นี่เป็นเพียงชนวน ตอนนี้มีบุคคลสำคัญของเมืองหลวงคอยอยู่เบื้องหลังหนุนหลังให้ ตระกูลหลิว ตระกูลจางรวมทั้งตระกูลจั่ว ทั้งหมดได้รวมเข้าด้วยกันแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะโค่นลู่เฉิน” คุณเฉินยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วพูด
“อะ ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรล่ะ ถ้าทั้งสามตระกูลร่วมมือกันแล้ว เกรงว่าเซ่ซูเจี๋ยก็คงจะช่วยอะไรลู่เฉินไม่ได้ คุณปู่ พวกเราสามารถช่วยเขาได้ไหม?” เฉินจือหรานตื่นตระหนกเมื่อเธอได้ยิน
“จือหราน เธอประเมินลู่เฉินต่ำไปแล้ว เธอคิดว่าเขาจะต้องพึ่งเซ่เว่ยเหา จริงๆหรือ?” คุณปู่เฉินพูดพลางวางถ้วยชาลงและพิงโซฟาแล้วพูด “เธอคงยังไม่รู้ว่าลู่เฉินเป็นเบื้องหลังของเทคโนโลยีอี้ฉีล่ะสิ ถ้าหากปู่เดาไม่ผิด ทายาทของตระกูลลู่ เขาน่าจะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง”
“อะ? เขาคือเจ้านายของเทคโนโลยีอี้ฉีหรอ!”เฉินจือหรานอ้าปาก และไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
พวกเขาเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ต่างคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเป็นเจ้านายของเทคโนโลยีอี้ฉี ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“อื้ม ดังนั้นถึงแม้ว่าทั้งสามตระกูลใหญ่จะร่วมมือกัน ก็เหมือนกับนกกระยางสู้กับหอยกาบ สุดท้ายแล้วใครจะชนะก็ไม่สามารถรู้ได้ ถ้าหากพวกเราตระกูลเฉินนั่งเฉยๆโดยไม่สนใจก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย” คุณปู่เฉินกล่าว
หลังจากที่เฉินจือหรานรู้สึกประหลาดใจเขาก็พยักหน้าและพูดว่า: “ใช่ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย ตระกูลเฉินของเราจะต้องได้ผลประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งพ่ายแพ้ ตระกูลเฉินของเราได้รับผลกระทบแน่ๆ”
คุณปู่เฉินพยักหน้าแล้วพูด ถ้าหากลู่เฉินพ่ายแพ้แล้ว เช่นนั้นหลังจากที่ทั้งสามตระกูลใหญ่นำเทคโนโลยีอี้ฉีมาแบ่งกันแล้วก็จะมีอำนาจมากกว่าตระกูลเฉินของพวกเขา
ถ้าหากตระกูลใหญ่ทั้งสามแพ้ล่ะก็ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีทีม แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับลู่เฉินจะต้องแปลกแยกอย่างแน่นอน และในอนาคตลู่เฉินคงจะไม่มีทางร่วมมือกับตระกูลเฉินอีกต่อไป
“คุณปู่ หนูเชื่อในตัวลู่เฉิน ข้าคิดว่าพวกเราตระกูลเฉินควรที่จะอยู่ข้างลู่เฉินในเวลานี้” เฉินจือหรานกล่าว
คุณปู่เฉินมองไปที่หลานสาวของตัวเอง ยิ้มและไม่พูดอะไร จึงทำให้เฉินจือหรานทำอะไรไม่ถูก
ในเวลานี้ที่ด้านนอกของสนามบิน มีรถยนต์หรูหลายคันจอดอยู่ที่ทางเข้าสนามบิน ไม่ว่าจะคนในท้องที่หรือว่านักท่องเที่ยว พวกเขาต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่จะต้องมีไว้ต้อนรับบุคคลสำคัญอย่างแน่นอน ถึงได้ดูหรูหราแบบนี้?
ในบรรดารถหรูนั้นมีทั้งเบนท์ลีย์,โรลส์รอยซ์,มายบัคทั้งยังมีลัมโบร์กีนี ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่มีคันไหนราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านเลย
อย่างไรก็ตามผู้คนที่สนใจนั้นต่างพบว่าคนที่นั่งอยู่ในรถหรูนั้นต่างเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในยวี่โจว อีกทั้งยังมีครอบครัวใหญ่อีกหลายครอบครัวด้วย
“นี่คือสถานการณ์อะไร ต้อนรับใครน่ะ ช่างเป็นพิธีที่ใหญ่เสียจริง?”
“นี่คุณไม่ทราบเรื่องนี้หรอ ดูที่ประตูสิพระเจ้าเดินออกมาแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาค่อยๆมองไปที่ทางออกของสนามบินและเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตามด้วยหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งและชายชราที่มีใบหน้าซีดเซียวเดินออกมา
ในขณะเดียวกันประตูรถหรูก็ค่อยๆเปิดออกบุคคลสำคัญต่างก็ทยอยลงจากรถทีละคน
ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง