พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 261 เจิ้งซีเหอแพ้ราบคาบ
บทที่ 261 เจิ้งซีเหอแพ้ราบคาบ
เมื่อได้ยินคำพูดของเจิ้งซีเหอ ลู่เฉินก็เข้าใจในทันที เขายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยและเดินไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้จากนั้นก็เอนตัวหลับตาลง
ในเมื่อเจิ้งซีเหอต้องการจะยืดเวลา ลู่เฉินก็จะให้ความร่วมมือกับเขา จึงได้นอนหลับเอาแรงเสียก่อน
หากเขาเข้าสู่โหมดพักผ่อนเมื่อไหร่ละก็ เสียงดังต่างๆก็ไม่อาจรบกวนสมาธิของเขาได้
ในตอนแรกเจิ้งซีเหอไม่ได้สังเกตเห็นว่าลู่เฉินทำอะไรอยู่ เพราะเมื่อ 10 กว่านาทีก่อนเขายังจับจ้องอยู่กับการแข่งขัน
เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะต้องยืดเวลาสักสองสามชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายลู่เฉินรับไม่ไหว เนื่องจากเขาทำการแข่งขันมาทั้งคืนแล้ว หากทำการแข่งขันต่ออีกสักสองสามชั่วโมงก็คงจะทนไม่ไหวแน่ๆ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เขาคล้ายกับได้ยินเสียงอะไรขึ้นมา เมื่อหันไปมองจึงพบว่าลู่เฉินหลับไปแล้ว
เจิ้งซีเหอโมโหจนแทบกระอักเลือด เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะแก้ไขสถานการณ์ได้ดีเช่นนี้
ที่จริงหยางมู่และคนอื่นๆก็ได้ตักเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่เขายังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาเหล่านั้นกลัวว่าเจิ้งซีเหอจะไม่สามารถคาดเดาออกมาได้อย่างแม่นยำ
เนื่องจากในรอบนี้เป็นรอบที่สำคัญมากและสามารถตัดสินความเป็นตายของพวกเขาได้
หากชนะยังพอมีความหวัง แต่หากแพ้ละก็ไม่ต่างอะไรกับการตกนรก สิ่งที่รอพวกเขาอยู่นั้นก็คือเสียงหัวเราะเยาะจากสมาคมหินอัญมณีทั่วประเทศ อีกทั้งอาจทำให้สมาคมหินธรรมชาติจงไห่พบกับความหายนะในรอบ 10 กว่าปีนี้
เมื่อลองนึกคิดดูแล้ว ในที่สุดเจิ้งซีเหอก็ถอดใจกับแผนการเหล่านั้น เนื่องจากว่ามีความเสี่ยงมากเกินไป หากถึงเวลาแล้วไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะก็อาจจะกลายเป็นเรื่องตลกในวงการของการเดิมพันหินอัญมณีได้ และชีวิตนี้คงจะไม่อาจลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้
“หยกเหอเถียน 63 กรัม” เจิ้งซีเหอพูดแล้วส่งหินอัญมณีให้แก่เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ไม่รอช้า รับหินนั้นไปและผ่าออกดูปรากฏว่าเป็นหยกเหอเถียนจริงๆ เพียงแต่การสามารถเดาชนิดของอัญมณีที่อยู่ด้านในถูกต้องนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับปรมาจารย์แล้ว จึงไม่มีอะไรจะต้องพิสูจน์กัน
หน้าที่จึงได้วางหยกลงไปบนตาชั่งและดูน้ำหนัก
“70 กรัม”
คลาดเคลื่อนเพียง 7 กรัมเท่านั้น!
เจิ้งซีเหอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หยางมู่และคนอื่นๆก็เช่นกัน
ความคลาดเพียง 7 กรัมนั้นเป็นผลงานที่ดีที่สุดสำหรับเจิ้งซีเหอในหลายปีมานี้
แม้แต่เสี่ยวจื่อหยวนที่นั่งดูสถานการณ์อยู่ในห้องก็สีหน้าเครียดทันที
การคาดเดาน้ำหนักให้ผิดพลาดภายใน 10 กรัม ตัวเขาเองก็มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ทำได้ หากเขาต้องแข่งขันกับเจิ้งซีเหอ อันที่จริงก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากนัก
“เจ้าหมอนั่นน่าจะง่วงมากจริงๆ รอบนี้เขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะเจิ้งซีเหอได้” ชายวัยกลางคนพูดกับเสี่ยวจื่อหยวน
เสี่ยวจื่อหยวนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ภายในใจของเขาก็รู้สึกเห็นด้วย
“ไปปลุกเขาซะ อย่าทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา” เจิ้งซีเหอพูด
พิธีกรพยักหน้าและเดินไปตบบ่าลู่เฉิน
“นี่มันผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว?” ลู่เฉินนำมือขยี้ตาและเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้เขามองออกถึงแววตาเจิ้งซีเหอ สามารถเข้าใจได้ว่าคนที่หน้าไม่อายอย่างเจิ้งซีเหอจะต้องดึงเวลาไปอีกหลายชั่วโมงแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงได้นอนหลับอย่างไม่คิดอะไร
“เพิ่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผลการตัดสินของอาจารย์เจิ้งออกมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาคุณ” พิธีกรพูด
“หา!!!เพิ่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงเองเหรอ?นี่มันไม่ใช่สไตล์ของอาจารย์เจิ้งเลยนะ?” ลู่เฉินลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ
เมื่อคนด้านล่างเวทีได้ยินคำพูดถากถางของลู่เฉินดังนั้นก็พากันหัวเราะออกมา
เจิ้งซีเหอมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก
“น้ำหนักของเขาคลาดเคลื่อนกี่กรัม?” ลู่เฉินถามพนักงาน
เรื่องของประเภทอัญมณีนั้นเขาเชื่อว่าเจิ้งซีเหอจะสามารถเดาออกมาได้อย่างถูกต้อง แต่นี่ก็ไม่สำคัญเนื่องจากการเดิมพันหินอัญมณีนั้นตัดสินกันที่น้ำหนักความคลาดเคลื่อน
“7 กรัม” พนักงานต่อบ
“พระเจ้า! จริงหรือเนี่ย? เจิ้งซีเหอเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ลู่เฉินพูดออกมาด้วยท่าทางไม่เชื่อและเดินเข้าไปดูด้วยตาตัวเอง
“แก!” เจิ้งซีเหอโมโหมาก เขารู้ว่าลู่เฉินตั้งใจจะพูดออกมาแบบนี้ เพื่อยั่วโมโหเขา
เขาเป็นถึงปรมาจารย์สามอันดับแรกของประเทศ แต่กลับถูกลู่เฉินดูถูกเช่นนี้มันน่าอับอายจริงๆ
“เขาให้น้ำหนักว่า 56 กรัมหรือ 70 กรัม?” ลู่เฉินถามพนักงานด้วยความตั้งใจ
“70 กรัม”พนักงานตอบ
“อาจารย์ลู่ 70 กรัมจริงๆ!” คนจากด้านล่างเวทีตะโกนขึ้นมา
ลู่เฉินหันไปมองยิ้มให้จากนั้นพูดว่า “ครับถ้าอย่างนั้น ก็นับว่าเขาคลาดเคลื่อน7กรัมแล้วกัน”
“ลู่เฉิน! หมายความว่ายังไงกัน อะไรคือถ้าอย่างนั้นก็? นี่แกกำลังดูถูกฉันใช่ไหม?” เจิ้งซีเหอโมโหจนสุดขีดและตะโกนออกมา
“แหมๆๆ มองไม่ออกนะครับเนี่ยศาสตราจารย์เจิ้งว่าคุณจะรู้ตัวด้วย”
“แก!!!” เจิ้งซีเหอโมโหจนตัวสั่น เขาไม่คิดมาก่อนว่าลู่เฉินจะปากร้ายถึงเพียงนี้ แต่ละคำพูดของเขาเป็นเหมือนกับเข็มทิ่มแทงใจที่ทำให้เจ็บยิ่งนัก
พิธีกรไม่อาจทนดูสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้จึงได้พูดว่า “อาจารย์ลู่ ถึงตาคุณแล้ว ขอเชิญเลือกหิน อย่าทำให้คนอื่นต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”
ลู่เฉินจึงพยักหน้าและพูดอย่างประชดประชันว่า “ใช่สินะครับ พวกเราเสียเวลาอาจารย์ท่านอื่นมาทั้งคืนแล้ว ถ้าอย่างนั้นคงจะต้องเริ่มแล้วล่ะ”
เขาพูดจบก็เดินไปหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แม้จะเพียงแค่นำมาไว้ในมือลูบๆคลำๆเหมือนเดิมแต่เห็นได้ชัดเจนว่าในครั้งนี้เขาใช้เวลามากกว่าเดิมนัก
เจิ้งซีเหอมีความคลาดเคลื่อนเพียงแค่ 7 กรัม ในรอบนี้เขาจะชะล่าใจไปไม่ได้
เมื่อทุกคนเห็นลู่เฉินมีท่าทีจริงจังเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่าลู่เฉินเอาจริงแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการแข่งขันที่เขาแสดงออกมาถึงหน้าทางจริงจัง
มองดูแล้วในรอบนี้อาจารย์เจิ้งให้ความกดดันเขาอยู่บ้าง
“หยกอาเกต น้ำหนัก 37 กรัม”
ในที่สุดเขาก็พูดออกมาหลังจาก โยนหินไปมาในมืออยู่ 10 รอบ
เจ้าหน้าที่เดินไปรับหินเพื่อทำการผ่าออก ทุกคนล้วนจับจ้องไปยังเจ้าหน้าที่คนนั้น
ในรอบนี้สำคัญมากจริงๆ และเป็นสนามตัดสินความเป็นตายของเจิ้งซีเหอ ทุกคนอยากจะรู้ว่าลู่เฉินสามารถทำอัศจรรย์ได้หรือไม่ และสามารถเอาชนะอาจารย์เจิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์จากทั่วประเทศได้หรือไม่
ไม่นานต่อมา ทุกคนก็เห็นว่าด้านในเป็นอัญมณีสีแดง
หยกอาเกตมีทั้งหมด 3 สีคือสีแดง สีอำพันและสีขาว อีกทั้งสีแดงเป็นสีที่งดงามที่สุด
จากความสามารถของลู่เฉิน เมื่อพวกเขามองเห็นด้านในเป็นสีแดงก็เชื่อมั่นทันทีว่านี่หยกอาเกต
เมื่อนำไปเข้าเครื่องตรวจสอบก็พบได้ว่านั่นคืออาเกตสีแดงที่งดงามมาก
เจ้าหน้าที่ประกาศชนิดของอัญมณีออกมาจากนั้นก็หยิบอัญมณีใส่ไว้ในถาด
“น้ำหนัก 33 กรัม ความคลาดเคลื่อน 4 กรัม!”
เมื่อตาช่างนิ่งลง เจ้าหน้าที่ก็ประกาศออกมาด้วยความตกตะลึง
ในครั้งที่แล้วลู่เฉินเอาชนะเจิ้งซีเหอด้วยน้ำหนักคลาดเคลื่อนไป 5 กรัม ทำลายสถิติในการพนันหินอัญมณีแล้ว
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะมีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้ ในรอบนี้เขาคาดเดาผิดไปเพียง 4 กรัมเท่านั้น
ความแม่นยำขนาดนี้ไม่ว่าใครที่นั่งอยู่ในที่นี้ก็ไม่อาจเทียบได้
เจิ้งซีเหอเดินไปมองที่ตาชั่งและพบว่า 33 กรัมจริงๆ!ในตอนนี้สมองของเขามันมึนงงไปหมด
เขาแพ้อีกแล้ว! ภายในเวลาไม่กี่เดือนเขาแพ้ให้แก่คนๆเดียวกันถึง 3 ครั้ง อีกทั้งยังเป็นคนที่เขาดูถูกอีกด้วย
ณ บัดนี้ ทุกคนที่อยู่ในสนามการแข่งขันก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ