พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 118 จั่วชิงเฉิงที่บ้าคลั่ง
ลู่เฉินไม่ได้ใช้แรงมาก แต่ใบหน้าของคนเดิมทีก็บอบบางอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของดั้ง กระทบเข้ากับพวงมาลัยรถ เลือดสดๆก็ไหลออกจากจมูกของจั่วชิงเฉิงพวงมาลัยรถสีน้ำตามก็ถูกสีแดงย้อมอย่างรวดเร็ว
“ลู่เฉิน คุณ…”
ลู่เฉินลงมือเดิมทีก็เร็วอยู่แล้ว ภายใต้การไม่ทันตั้งตัว จั่วชิงเฉิงก็ตอบโต้ไม่ทันอยู่แล้ว เพียงครู่เดียวก็ถูกลู่เฉินดึงผม จับกระแทกเข้ากับพวงมาลัยรถ
เลือดสดใหม่ไหลย้อนลงทันที จั่วชิงเฉิงเพิ่งจะอยากพูดไม่ดีสักกี่ประโยค กลับพบว่าลู่เฉินกดหัวเขาลงไปอีกครั้งแล้ว
ปึง!
เป็นอีกครั้งที่ใบหน้ามีสัมผัสใกล้ชิดกับพวงมาลัย
ในครั้งนี้จั่วชิงเฉิงเตรียมพร้อมป้องกันไว้แล้ว เขาต่อต้านเต็มที่ แต่กลับพบว่ามือของลู่เฉินอย่างกับเขาไท่ซาน เขาต่อต้านไม่ได้อยู่แล้ว เรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียวก็เอาออกมาใช้ไม่ได้
ในครั้งนี้ลู่เฉินก็เพิ่มเรี่ยวแรงขึ้นสักกี่ส่วน จั่วชิงเฉิง ที่ถูกโขกหัวก็เริ่มมึนหัวมึนงงแล้ว
เขาสะบัดหัว สติรับรู้เพิ่งจะกลับมาเมื่อกี้
เพี๊ยะ!
ฉับพลันใบหน้าก็ถูกตบเต็มๆ รอยนิ้วมือไม่กี่รอยก็ปรากฏขึ้นมาในทันใด
“ลู่เฉิน!”
เพี๊ยะ!
สิ่งที่ตอบเขากลับมาคือเสียงตบที่ดังชัดเจน ตบได้อย่างไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
ในครั้งนี้จั่วชิงเฉิงไม่เพียงแค่มีจมูกที่เลือดไหล มุมปากเขาเอาก็มีเลือดสายหนึ่งไหลลงมาแล้ว
คนทั้งคนพอมองแล้วก็ดูดุร้ายอยู่บ้าง เลือดสดยิ่งทำให้ดูน่าสยดสยอง
ในตอนนี้ในใจลู่เฉินก็นับว่ามีความสุขไม่เบา
เขามองดูจั่วชิงเฉิง พลางส่งเสียงหัวเราะเหอะๆพูดว่า “ดูคุณสิ ถ้าเมื่อกี้ยอมตกลงข้อเสนอของผม ก็จะโดนตบแค่สองครั้ง จมูกก็จะไม่ถูกโขกจนเลือดไหลไม่หยุดใช่มั้ยล่ะ? และถ้าคุณยอมตกลงข้อเสนอของผม ไม่แน่ว่าพวกเราจะสามารถหาร้านอาหาร ขวดเหล้าสองขวด กับแกล้มสองอย่าง กินเหล้ากันจนเมา ไม่แน่ว่าในภายหลังการร่วมงานกับพวกคุณจะเยอะขึ้น”
“แต่คุณกลับปฏิเสธข้อเสนอของผม อย่างนั้นก็คือไม่ยินดีเป็นเพื่อนของผมแล้ว ในเมื่อไม่ใช่เพื่อน งั้นก็เหลือแค่ใช้วิธีของศัตรูมาจัดการแล้วใช่มั้ยล่ะ”
ลู่เฉินพูดแล้วก็ก้มตัวลงไป มองไปยังดวงตาของจั่วชิงเฉิงที่ปรากฏความโกรธแค้นไฟลุกโชน พูดเสียงเย็นชา “ในเมื่อเป็นศัตรูกัน งั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่จบ!”
เขาพูดแล้วก็ขับรถตะบึงออกไป
เดิมทีเขาไม่ได้เอาจั่วชิงเฉิงไว้ในสายตา ซ้ำยัง ถ้าหากจั่วชิงเฉิง ไม่ได้ทำเรื่องลับหลังเขาแบบนี้ ถ้าหากเผชิญหน้ากับเขาตรงๆอย่างโจ่งแจ้ง เขาคงไม่โมโหแบบนี้
ถ้าหากจั่วชิงเฉิง เปิดเผยตรงๆออกมา นั่นแสดงว่าจั่วชิงเฉิง ยังมีความสามารถอยู่บ้าง ยังพอฝืนให้เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่การกระทำนี้ของจั่วชิงเฉิง ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
อย่างนั้นการจะเอาคืนคนแบบจั่วชิงเฉิงใช้วิธีการที่ชัดเจนที่สุด ถึงจะสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้
จริงๆแล้วการลอบกัดในที่มืดของจั่วชิงเฉิง ทั้งหมดที่ทำต่อซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินนั้นยังไม่รู้ศักยภาพที่แท้จริงของลู่เฉิน
เอาหนึ่งพันล้านมาเดิมพันบนหิน อีกทั้งรอบเดียวก็ชนะเจิ้งซีเหอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหนึ่งในสามคนของโลก
ซ้ำยังมีความสัมพันธ์กับบ้านเฉินไม่น้อย อีกทั้งได้รับความชื่นชมจากนายท่านเฉิน
คนแบบนี้เขายังมองเบื้องลึกของเขาไม่ออกอีก
ดังนั้นเขาไม่สามารถโจมตีลงมือต่อลู่เฉินได้อย่างเปิดเผยแน่นอน
ที่เขาทำแบบนี้ ที่จริงแล้วก็อยากเพียงแค่รับรู้ตื้นลึกหนาบางของลู่เฉินด้วยตัวเองเท่านั้น
ไม่คิดว่าลู่เฉินกลับไม่เปิดไพ่ทำตามเหตุผลทั่วไป เขาลงมือกับเขาอย่างโหดร้ายเหมือนอันธพาล
มองเห็นลู่เฉินเติมน้ำมันเสร็จขับรถออกไป จั่วชิงเฉิงที่เพิ่งจะใช้ทิชชูเช็ดเลือดก็รีบโทรศัพท์ทันที
เพียงแปปเดียวปลายสายก็รับโทรศัพท์ ภายในสายคือเสียงที่หนักแน่นของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมา “คุณจั่วชิงเฉิง โทรหาผมมีอะไรหรือครับ?”
จั่วชิงเฉิงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ในระหว่างที่ครุ่นคิด เขากลับเอาความกรุ่นโกรธในใจให้ดับสงบลง
“เสี่ยวซัวจุน ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็คือเมื่อวานพ่อของผมได้ไข่มุกราตรี สองเม็ดจากชิปปิ้งจีน ทั้งหมดจ่ายไปมากกว่าหนึ่งร้อยสิบล้าน อีกสามวันให้หลังพวกเราจะไปจัดแสดงที่ห้องโถงของเครื่องประดับ หยุนเฟย ถึงเวลานั้นขอเชิญให้คุณเข้าไปร่วมชมด้วยนะครับ” จั่วชิงเฉิงพูดเสียงสงบ
“เป็นไข่มุกราตรีจริงๆเหรอครับ?” ปลายสายเสี่ยวซัวจุนถามอย่างตื่นตะลึง
“เป็นไข่มุกราตรีจริงๆ อีกทั้งผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ไข่มุกราตรี สองเม็ดนี้เป็นของโบราณจากราชวงศ์ฉินที่เก็บเอาไว้” จั่วชิงเฉิง พูด
“ครับๆ ถึงตอนนั้นผมจะไปถึงตรงเวลาแน่นอน” อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้น
จั่วชิงเฉิงวางโทรศัพท์ ก็โยนมือถือไปที่หน้าต่างรถ ในดวงตาปรากฎความโกรธแค้นไฟลุกโชนอีกครั้ง
“ลู่เฉิน คุณจะต้องชดใช้ความโง่ด้วยค่าตอบแทนที่เจ็บปวด!”
จั่วชิงเฉิง พูดด้วยท่าทางที่ดูคลุ้มคลั่ง
หลังใส่น้ำมัน เขาก็ขับรถวกกลับออกไป
เขากุมพวงมาลัยรถแน่นด้วยมือของเขา
เหมือนกับกำลังกุมกะโหลกของลู่เฉิน
กลับถึงวิลล่าของบ้านจั่วเห็นชัดว่าจั่วชิงเฉิงยังไม่สงบนิ่งลง ภรรยาของเขาทักทายเขา เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาล้วนไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ
เขาอยู่บนโซฟา ก็เอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาตี๋ฟู่
แต่โทรไปสองรอบติดกัน อีกฝ่ายล้วนปิดเครื่อง
“ไอ้ของไร้ประโยชน์ ในช่วงเวลาสำคัญดันปิดเครื่อง ดูว่าแกคงไม่อยากไปที่บริษัทแล้วสินะ!” จั่วชิงเฉิงฮึดฮัดเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนโซฟา
เดิมทีเขาจะให้ตี๋ฟู่ออกแรงเพิ่มไปอีกหน่อย เอาให้ซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินล้มครืน
คิดไม่ถึงว่าตี๋ฟู่กลับปิดเครื่อง จะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง
“เกิดอะไรขึ้น?” จู้เสี่ยวจุนชิงถือแก้วชาใบหนึ่งเดินเข้ามาถาม
จู้เสี่ยวจุนชิงคือภรรยาของจั่วชิงเฉิง และก็เป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านจู้
ถึงแม้ว่าบ้านจู้จะเป็นตระกูลเล็กตระกูลหนึ่ง แต่ภายในยวี่โจวก็นับว่ามีอำนาจ
“วันนี้ถูกหมาบ้าตัวนึงกัดเข้าให้ ผมจะถอนฟันมัน!” จั่วชิงเฉิงกล่าวเสียงเย็น
“สามารถทำให้คุณโมโหแบบนี้ได้ ดูท่าว่าพลังของหมาตัวนั้นจะเยอะนะ เป็นเฉินจื่อหลง? หลิวซาน? หรือว่าจางดาวเรน?” จู้เสี่ยวจุนชิงรู้ว่าในยวี่โจว คนที่ทำให้สามีของเธอกลัวได้ก็มีเพียงสามคนนี้แล้ว
แต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ พวกเขาทั้งสี่คนเรียกได้ว่าสี่คุณชายใหญ่แห่งยวี่โจว ปกติถึงแม้จะแข่งขันในที่ลับ แต่เบื้องหน้าก็คือรักษาความสงบระหว่างกัน แล้ววันนี้ทำไมถึงได้ขัดแย้งกันแล้วล่ะ?
“ถ้าเป็นพวกเขาสามคนก็ดีสิ อย่างน้อยพวกเขาสามคนก็ไม่ลงมือโดยพลัน แต่ไอ้หมาบ้าตัวนี้ อีกนิดก็จะทำดั้งผมหักแล้ว!” จั่วชิงเฉิงพูดฮึดฮัด
“หา? ไม่ใช่พวกเขาสามคน งั้นใครที่ยังจะกล้าต่อกรกับคุณล่ะ?” จู้เสี่ยวจุนชิงถามอย่างตะลึง
“ลู่เฉิน หมาบ้าลู่เฉิน!” จั่วชิงเฉิง ตอบ
“ลู่เฉิน? ผู้เชี่ยวชาญของโบราณที่ชนะเจิ้งซีเหอในการประชุมที่จัดขึ้นอย่างมโหฬารโบราณก่อนหน้านั้นน่ะนะ?” จู้เสี่ยวจุนชิงรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ เพราะในตอนนั้นเคยได้ยินจั่วชิงเฉิง พูด
“ใช่ คือไอ้หมาบ้านั่นละ เขาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ชื่อว่าเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ต โทรหาตี๋ฟู่ไม่ติด คุณโทรหาพี่ชายคุณหน่อย ให้เขาจัดการอะไรให้ผมสักหน่อย ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ก็จะต้องให้เซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดกิจการต่อไปไม่ได้!”
จั่วชิงเฉิงพูดฮึดฮัด
วันนี้ลู่เฉินให้เขาได้พบกับเลือดสีแดง ถ้าไม่ให้ลู่เฉินพบสีอะไรบ้าง งั้นเขาก็ได้ชื่อว่าจั่วชิงเฉิง
ที่ไม่คู่ควรกับคำเรียกสี่คุณชายใหญ่แล้ว