พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 484 เธอรู้แล้ว
ปฏิกิริยาอย่างนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้ชิวมู่เฉิงก็กลายเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมาเช่นกัน ชิวมู่เฉิงล้วนเชื่อเนี่ยเฟิงมากๆมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ว่าเนี่ยเฟิงจะพูดอะไรเธอล้วนเชื่อ
แม้ว่าครั้งก่อนในใจชิวมู่เฉิงมีความสงสัยงงงวยจริงๆ แต่ผ่านการอธิบายแบบนี้ของเนี่ยเฟิง ชิวมู่เฉิงเชื่อสิ่งที่เนี่ยเฟิงพูดอีกแล้ว
ใครจะรู้ว่าเนี่ยเฟิงมีการปกปิดตนเองจริงๆ ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วอย่างแน่น คิดแล้วคิดอีก จากนั้นพูดกับเนี่ยเฟิงว่า “แกจะทำเช่นนี้ย่อมเป็นเพราะว่ามีความวิตกกังวลแน่นอนล่ะ? ถ้าหากแกไม่อยากพูดฉันจะไม่บีบบังคับแก แต่ว่าแกต้องรับรองกับฉันแกจะต้องปลอดภัยแน่นอน มิฉะนั้นฉันจะโมโหมาก”
เดิมทีเนี่ยเฟิงคิดว่าชิวมู่เฉิงรู้ว่าตนเองหลอกเธอย่อมจะเกรี้ยวกราดด้วยอารมณ์เดือดดาลแน่นอน นึกไม่ถึงชิวมู่เฉิงถึงขนาดยังห่วงตนเองอยู่ เนี่ยเฟิงรู้สึกอบอุ่นในใจ
“งั้นผมก็ไม่ปกปิดพี่ใหญ่แล้วล่ะ ผมมีอะไรก็จะพูดตรงๆเลย ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่เคยได้ยินสำนักมังกรมาก่อนไหม”
เนี่ยเฟิงไม่อ้อมค้อม ก็ไม่มีความคิดที่จะซ่อนเร้นเก็บไว้เช่นกัน
“วิสาหกิจของสำนักมังกรนี้ฉันย่อมเคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ตามความจริงนักธุรกิจเหมือนอย่างพวกเขาเหล่านี้รู้ถึงสำนักมังกรเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าสำนักมังกรตกลงว่ามีความร้ายกาจมากขนาดไหนเลย
แม้แต่ชิวมู่เฉิงก็เช่นกันคิดว่าสำนักมังกรเพียงแค่เป็นแบรนด์ที่ร้ายกาจมากๆอีกทั้งเป็นเป้าหมายที่นักธุรกิจทั่วโลกล้วนอยากจะประจบ
“แกล่วงเกินสำนักมังกรแล้วเชียวเหรอ? ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ งั้นพวกเราก็ต้องคิดวิธีสักหน่อยแล้ว ฉันเคยได้ยินว่าประธานกรรมการของสำนักมังกรไม่ได้แส่หาเรื่องง่ายขนาดนั้น”
ฉับพลันในทันทีชิวมู่เฉิงนึกถึงจุดนี้ ทันใดนั้นกังวลขึ้นมาเลย ส่วนเนี่ยเฟิงคือหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ในใจคิดอยู่ว่าอยู่ดีๆพี่ใหญ่นึกถึงจุดนี้ขึ้นมาได้ยังไงล่ะ
“ผมไม่ได้ล่วงเกินราชามังกรของสำนักมังกร สิ่งที่ผมจะพูดกับคุณวันนี้ คุณอาจจะรู้สึกเหลือเชื่อมากๆ แต่ว่าผมไม่อยากปกปิดคุณอีกแล้ว ผมก็คือราชามังกรของสำนักมังกร”
พอเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ ชั่วพริบตาเดียวชิวมู่เฉิงอึ้งชะงักอยู่กับที่ เธอเบิกตาโพลง ยากที่จะเชื่อจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง
“เสี่ยวเฟิง แกแน่ใจว่าแกไม่ได้ล้อเล่นกับฉันจริงๆเหรอ? แกรู้ไหมว่าแกพูดอะไรอยู่ล่ะ? สำนักมังกรเป็นวิสาหกิจที่มีชื่อเสียงสุดยอดทั่วโลกนะ เป็นไปได้ยังไงที่แกจะเป็นประธานกรรมการของสำนักมังกรล่ะ?”
ไม่ใช่ชิวมู่เฉิงไม่เชื่อน้องชายของตนเองว่ามีฝีมือเช่นนี้ เพียงแค่วิสาหกิจที่มีชื่อเสียงสุดยอดทั่วโลก นี่พูดออกมาล้วนจะทำให้คนรู้สึกตื่นตะลึง เป็นวิสาหกิจระดับไฮเอนด์เช่นนี้ ประธานกรรมการของแบรนด์ที่ร้ายกาจขนาดนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเนี่ยเฟิงที่อยู่ต่อหน้าเหรอ? แต่เนี่ยเฟิงไม่เคยเปิดเผยจุดนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก่อนเลย…..
“แม้ว่าฟังแล้วดูเหมือนเหลือเชื่อมาก แต่ว่าผมเป็นราชามังกรของสำนักมังกรจริงๆ จุดนี้ไม่ผิดอยู่แล้ว และเมื่อกี้ผมทำให้คนเหล่านั้นล้มละลาย เป็นเพราะว่าวิสาหกิจที่พวกเขาร่วมกิจกรรมกันมากน้อยล้วนอยู่ภายใต้ชื่อสำนักมังกรของผมนั่นเอง ผมเพียงแค่ให้พวกเขาถอนหุ้น อย่างงั้นพวกเขาก็จะไม่ร่วมกิจกรรมกับคนเหล่านี้อีก”
ตามความจริงเนี่ยเฟิงจับกุมห่วงโซ่ธุรกิจการค้าที่ยิ่งสลับซับซ้อนและแข็งแกร่งมากกว่าหอการค้าทั่วไป
เขาจึงเป็นคนที่อยู่ส่วนยอดของห่วงโซ่ธุรกิจการค้านี้
ทันใดนั้นชิวมู่เฉิงพูดไม่ออก เธออ้าปากแล้วอ้าปากอีก ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีกว่า เพราะว่าตอนนี้ในใจของเธอตื่นตะลึงมากๆ
“แกให้ฉันใจเย็นๆก่อน”
ชิวมู่เฉิงจ้องมองลักษณะท่าทีเนี่ยเฟิงไม่เหมือนล้อเล่นอยู่เลย เธอต้องพยายามย่อยดูดซึมข่าวแบบนี้สักหน่อย
ต่อจากนี้อยู่ดีๆชิวมู่เฉิงนึกถึงว่าตนเองก่อตั้งเทียนหลงอินเตอร์เนชันแนล ทำเพื่อที่จะให้ความมั่นคงกับน้องชายสักหน่อย แต่ยังไงก็นึกไม่ถึงว่าวิสาหกิจของน้องชายแข็งแกร่งกว่าเธอไม่รู้กี่เท่า เป็นระดับสูงที่เธอไม่สามารถมุ่งหวังที่จะไล่ทัน
ชิวมู่เฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที “นึกไม่ถึงอยู่จุดที่ฉันมองไม่เห็น แกถึงขนาดเติบโตถึงขั้นนี้แล้ว นี่ทำให้ฉันทั้งปลื้มใจทั้งรู้สึกเจ็บปวดใจจริงๆ”
ชิวมู่เฉิงรู้ว่าปลาคาร์พสีทองที่ไหนจะเป็นของในบ่อน้ำได้ บุคคลดังเนี่ยเฟิงเช่นนี้ เป็นไปได้ยังไงจะธรรมดาๆได้อีกล่ะ?
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ได้รับการกล่อมเกลาต่างๆนาๆมาแล้ว ความสามารถในการเรียนรู้ก็แข็งแกร่งมากๆ รอดจากเหตุกาณ์ที่เลวร้าย ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ยากลำบากอยู่ข้างนอกนานขนาดนั้น ตอนที่นำรอยแผลที่ไม่สามารถสลายไปตามกาลเวลากลับมา ชิวมู่เฉิงก็ควรที่จะนึกถึงว่าน้องชายของตนเองประสบเจออะไรแล้ว
“พี่ใหญ่ปกปิดคุณนานขนาดนั้น เป็นความผิดของผมจริงๆ ถ้าหากคุณโมโหล่ะก็ เอาแต่พุ่งใส่ผมก็พอแล้ว จะตีผมจะด่าผม ผมล้วนจะไม่โต้แย้งอย่างเด็ดขาด”
เนี่ยเฟิงกังวลว่าชิวมู่เฉิงจะโมโหกับตนเองเหมือนเดิม ถึงยังไงเรื่องนี้เขาก็ปกปิดนานมากแล้ว ล้วนหาโอกาสที่เหมาะสมบอกกับชิวมู่เฉิงมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าเรื่องที่เขาทำลายหอการค้าทั่วไปนี้ก็เลยไม่มีทางที่จะปกปิดได้อีกนั่นเอง ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาหมดเลย
“ฉันไม่อยากด่าแก และไม่อยากตีแก ฉันรู้ว่าแกปกปิดฉัน ก็มีความวิตกกังวลของตัวแกเอง ถึงยังไงหลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเราที่เป็นพี่ๆเหล่านี้ย่อมจะทั้งรักสงสารทั้งกังวลอยู่แล้ว”
ชิวมู่เฉิงพูดอยู่ยื่นมือออกมา ตบไหล่ของเนี่ยเฟิงเบาๆตบแล้วตบอีก
“หลายปีที่ผ่านมานี้แกลำบากแล้วจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าแกตกลงเดินทีละก้าวๆกลับมาได้ยังไงล่ะ”
เนี่ยเฟิงเพียงรู้สึกว่าในใจอบอุ่นอยู่ เขาแสยะปากยิ้มหนึ่งที “สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้พี่ใหญ่รู้แล้ว งั้นต่อไปนี้เรื่องที่ผมจะพูดออกมาอาจจะทำให้คุณรู้สึกยิ่งตื่นตะลึงและไม่สามารถรับได้……”
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าถ้าจะพูดก็พูดออกมาให้หมดเถอะ ไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นเก็บไว้เลย
ชิวมู่เฉิงจัดแต่งนั่งอย่างสุภาพเรียบร้อย เอาจริงเอาจังในเรื่องนั้นจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง ให้เนี่ยเฟิงเอาแต่พูดก็พอแล้ว
เนี่ยเฟิงคิดแล้วคิดอีกจากนั้นตอบกลับชิวมู่เฉิงพูดว่า “แท้ที่จริงครั้งนี้ผมจะกลับมา นอกเหนือจากตามหาเบาะแสของพวกคุณแล้ว ยังมีการสืบหาความลึกลับในประวัติชีวิตพวกคุณและผู้วางแผนคดีร้ายแรงบนทะเลที่เกิดขึ้นในปีนั้น และหลังจากตามหาเรื่องนี้ พวกเราค่อยๆได้รับข่าวสารมากมาย…….”
เนี่ยเฟิงเล่าเรื่องยาห้ามใช้ให้กับชิวมู่เฉิงฟัง ชิวมู่เฉิงเป็นคนที่ฉลาดมากๆคนหนึ่ง แค่พูดเล็กน้อยเธอก็เข้าใจแล้ว หลังจากเธอฟังแล้วเพียงแค่รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“ฉันรู้ว่าคนเหล่านั้นในปีนั้นย่อมเข้าใจผิดคุณเนี่ยแน่นอน เพราะว่าอยู่ในใจของฉันคุณเนี่ยไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าแบบนี้เลย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะวางแผนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและทำเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมา ตอนนี้ดูแล้วเป็นอย่างที่คิดไว้แบบนี้จริงๆ คนเหล่านี้น่าเกลียดชังมากเกินไปแล้วจริงๆ”
ชิวมู่เฉิงอดไม่ไหวที่จะกำกำปั้นอย่างแน่น จากนั้นสายตาหนาวเหน็บจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง “เสี่ยวเฟิง ต่อจากนี้แกคิดว่าจะทำยังไงล่ะ?”
“ผมกับพี่สองยังมีพี่สี่ทำลายจุดซ่อนจุดหนึ่งของพวกเขาแล้ว อีกทั้งได้รับชิปชิ้นหนึ่ง ต่อจากนี้พวกเราจะรวบรวมชิปทั้งหมดให้เสร็จ นอกจากฉุดช่วยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทดลองที่เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นดั่งพวกคุณแล้ว ยังมีก็คือจะจัดการคนเหล่านั้นที่ฆ่าทั้งตระกูลของผมในปีนั้นให้หมด”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “พี่ใหญ่ ลักษณะท่าทีของผมอย่างนี้คุณจะรู้สึกหวาดกลัวไหม?”
ชิวมู่เฉิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที เธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ฉันไม่รู้สึกหวาดกลัว กลับเป็นตรงกันข้ามกันฉันรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดามากเรื่องหนึ่ง พวกเขาทำเรื่องสุดชั่วร้ายควรจะต้องได้รับการลงโทษอย่างเฉียบขาด แกวางใจเถอะ ไม่ว่าแกจะทำอะไร ฉันล้วนจะยืนอยู่ฝั่งแก”
ความเชื่อมั่นที่ไร้เงื่อนไขของชิวมู่เฉิงที่มีต่อเนี่ยเฟิง ทำให้เนี่ยเฟิงได้รับผลประโยชน์มากๆ
“แต่ว่าเรื่องนี้ยังคงอย่าให้พี่ๆคนอื่นๆรู้จะดีกว่า พวกเธอน่าจะยังรับไม่ไหว” ชิวมู่เฉิงก็รู้ว่าเนี่ยเฟิงทำไมต้องปกปิด เธอคิดที่จะเก็บความลับนี้ไปพร้อมกับเนี่ยเฟิง