พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 422 ขออยู่ด้วย
“แต่เมื่อกี้คุณปลิ้นปล้อนไปหน่อยนะ เถ้าแก่เนี้ยยังตะโกนตัวเลขไม่เสร็จ คุณก็ลงมือแล้ว มันผิดจรรยาบรรณไปหน่อย”
แม้ว่าฝูยานหรงจะรู้ว่าชัยชนะของเนี่ยเฟิงนั้นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่
“เฮ้อ หรงหรง คุณไม่เข้าใจ ฝั่งตรงข้ามมีคนเยอะมาก เราต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาก่อน ถ้าเมื่อกี้พี่เฟิงไม่ชิงลงมือก่อน พี่หมีก็จะฉวยโอกาสก่อน! พอถึงตอนนั้นพวกเราจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว! ใช่ไหมพี่เฟิง?”
ถึงได้บอกว่าเหลยจ้านผู้นี้นั้นสองมาตรฐาน ในเวลานี้ก็ยังไม่ลืมที่จะช่วยแก้ตัวให้เนี่ยเฟิง
ฝูยานหรงอดกลอกตาใส่ไม่ได้ “คุณนี่ขี้โม้จริงๆ ตอนนี้เนี่ยเฟิงเป็นไอดอลของคุณ เขาพูดอะไรก็คิดว่าถูกไปหมด”
“เปล่านะ เมื่อคนที่ชื่อพี่ลงมือก่อนต่างหาก ผมก็เลยลงมือ”
“เอ๊ะ? จริงหรือไม่จริงเนี่ย?” ทั้งฝูยานหรงและเหลยจ้านต่างรู้สึกว่ามันช่างคาดไม่ถึง พวกเขาขนาบซ้ายขวาเนี่ยเฟิง ทั้งสองแทบจะมองไปทางเดียวกับเนี่ยเฟิง
“อืม เมื่อกี้เถ้าแก่เนี้ยเพิ่งบอกมา คนที่ชื่อพี่หมีได้ออกแรงไปแล้ว ผมรู้สึกไม่พอใจเขา ก็เลยแสดงอานุภาพให้เขาเห็น ใครจะรู้ว่าเขาไม่เอาไหน ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง แค่ลมพัดก็ล้มแล้ว”
อันที่จริง เป็นเพราะความแข็งแกร่งของเนี่ยเฟิง มิฉะนั้นจะไม่สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ในทันที
ฝูยานหรงหน้าแดง “ฉันนึกว่าคุณลงมือก่อนเสียอีก…”
“อ้าว หรงหรง ในเมื่อคุณเข้าใจผิดเนี่ยเฟิง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอโทษไหม?”
เหลยจ้านขยิบตาให้ฝูยานหรง แม้ว่าในใจฝูยานหรงจะไม่สบายใจ แต่ก็ยังพูดอย่างเคอะเขินว่า “ขอโทษ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไร ในสายตาของคนอื่นผมเป็นคนผิดจรรยาบรรณก่อน ผมชิงลงมือออกแรงก่อน มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่มีร่างกายอย่างผม การจะเอาชนะคนที่แข็งแกร่งกว่าผมเกือบสองเท่า เกรงว่าต้องใช้วิธีการที่สกปรกแบบนี้เท่านั้น”
เนี่ยเฟิงยักไหล่ ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่คำพูดนี้ของเขากลับทำให้ฝูยานหรงตกอยู่ในภวังค์
ฝูยานหรงเอาแต่คิดว่า ตนเองตำหนิเนี่ยเฟิงเกินไปหรือเปล่า
ตัวเธอเองก็รู้ดี เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน เขาเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด แต่ฝูยานหรงแค่อยากจะระบาย
เนี่ยเฟิงไม่ได้คิดอะไรละเอียดอ่อนขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้ฝูยานหรงกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่เฟิง คุณมาที่นี่อย่างกะทันหันคงไม่มีที่อยู่ใช่ไหม ทำไมไม่อยู่ในสมาคมการต่อสู้ล่ะ พ่อผมยังเก็บห้องของคุณไว้ให้นะ มันถูกทำความสะอาดทุกวัน รอให้คุณมาที่บ้านผม”
เหลยจ้านและบิดาของตน รวมถึงบรรดาอาจารย์ของเขาล้วนคลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้ พวกเขาย่อมคาดหวังว่าเนี่ยเฟิงจะมา
“ผมไม่มีที่ไปจริงๆ แต่ผมคิดว่าผมจะอยู่กับหรงหรงคืนนี้”
เนี่ยเฟิงพูดพลางชี้ไปที่ฝูยานหรง
เมื่อครู่ฝูยานหรงยังสงสัยว่าตนเองกำลังสวมแว่นหลากสีมองเขาอยู่หรือเปล่า พอได้ยินว่าเนี่ยเฟิงจะอยู่กับตน ฝูยานหรงก็โมโหขึ้นในทันใด “ใครจะไปอยากอยู่กับคุณล่ะ คุณมันหน้าไม่อาย!”
“อ้อ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมจะไม่บังคับพี่เฟิงแล้ว! ฝูยานหรง! คุณก็เหมือนกัน อย่าทำตัวเป็นเด็ก รู้ไหมว่ามีผู้หญิงกี่คนที่อยากอยู่กับพี่เฟิงแต่ก็ทำไม่ได้! นี่คือของขวัญของคุณ!”
เหลยจ้านพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ของขวัญบ้าอะไรของคุณ! ฉันว่าเพื่อนของคุณคนนี้ถูกตามใจจนเคยตัว คอยดูฉันจะคิดบัญชีกับคุณ!”
ฝูยานหรงทั้งเขินทั้งหงุดหงิด ในใจคิดว่าตนเองนั้นไม่สามารถอยู่กับเนี่ยเฟิงได้ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของเธอคงป่นปี้แน่!
“พวกคุณสองคนเลิกเอะอะเสียทีเถอะ ปู่ฝูมอบหมายให้ผมดูแลความปลอดภัยของหรงหรงในช่วงนี้ ดังนั้นผมจึงต้องติดตามอยู่ข้างกายหรงหรง”
เนี่ยเฟิงมองไปยังทั้งสองคนที่รายล้อมตนทั้งทุบตีทั้งเอะอะโวยวาย รู้สึกจนปัญญา สองคนนี้ทำไมทำนิสัยเหมือนเด็ก แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งว่าทั้งสองนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่เคยมีประสบการณ์ทางสังคมใดๆ ดังนั้นจึงไม่รู้ถึงความเลวร้ายของสังคม
“ฉันไม่ต้องการการปกป้องจากคุณ ฉันดูแลตัวเองได้!”
ฝูยานหรงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้ววิ่งหนีไปไกลในพริบตา เหลยจ้านเองก็ตามไปด้วย เนี่ยเฟิงถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
แม้ว่าฝูยานหรงจะไม่เต็มใจให้เนี่ยเฟิงตามเธอกลับบ้าน แต่เนี่ยเฟิงก็ยังเดินตามเธอข้างหลังตลอดเวลา ฝูยานหรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เนี่ยเฟิงกลับบ้านไปพร้อมกับตน
ระหว่างทางเหลยจ้านถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “มีแค่คนคนเดียวที่ปกป้องคุณ คุณไม่คิดว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเหรอ? เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะตามไปด้วย มีคนสองคนคอยปกป้องคุณ! เฮ้อ มันช่างน่าปวดหัวจริงๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณมาที่สถานฝึกยุทธของพวกเรา อยู่ที่สถานฝึกยุทธของพวกเรานั่นสักสองสามวัน ไม่มีใครกล้ามาก่อความวุ่นวายที่สถานฝึกยุทธ!”
ฝูยานหรงจ้องเขม็งไปที่เหลยจ้าน “อย่าพูดจาเหลวไหลที่นั่น ถ้าคุณยังจาพูดเหลวไหลอีก ฉันจะกระชากลิ้นของคุณออก!”
เหลยจ้านตกใจไม่กล้าพูดอะไรอีก จะกล้าพูดจาเหลวไหลได้อย่างไร เขารีบเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังเนี่ยเฟิง ในที่สุดก็กลับมาที่สมาคมการต่อสู้อย่างหงอยเหงาคนเดียว
จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เนี่ยเฟิงมาที่บ้านของฝูยานหรง
บ้านของครอบครัวฝูยานหรงไม่ถือว่าหรูหรามากนัก พวกเขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
“บ้านของฉัน อาจจะไม่ได้ดีเท่าบ้านที่คุณเคยอยู่ พวกเราพออยู่อาศัยไปได้ นี่คือที่ที่พ่อแม่และปู่ของฉันอาศัยอยู่ด้วยกัน ฉันรู้สึกว่าบ้านหลังเล็กๆ หน่อยถึงจะดี”
มันเป็นเพียงบ้านที่มีสี่ห้องธรรมดา
ภายในมีห้องนอนของพ่อแม่ของฝูยานหรง แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังคงรักษาสภาพเดิมของห้องไว้อยู่
อีกห้องหนึ่งเป็นห้องของคุณปู่ อีกห้องหนึ่งเป็นห้องอ่านหนังสือให้พวกเขาทำงาน และห้องสุดท้ายเป็นห้องของฝูยานหรง
แม้ว่าบ้านจะไม่ใหญ่ แต่ก็ค่อนข้างอบอุ่น จะเห็นได้ว่า คนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่น่าจะมีความสุข
เมื่อก่อนเนี่ยเฟิงไม่ชอบบ้านหลังใหญ่เหมือนกัน พ่อแม่ของเขาเก่งเรื่องธุรกิจมาก ดังนั้นจึงมีรายได้เป็นจำนวนมาก เนี่ยเฟิงมีบ้านอยู่เกือบทั่วประเทศ
ขอเพียงเนี่ยเฟิงแสดงออกว่าชอบ เนี่ยเจิ้งจะซื้อมัน
คุณตาของเขามักจะหัวเราะเยาะเนี่ยเฟิง บอกว่าเขาโตมาไม่เสียคนก็นับว่าสุดยอดแล้ว ถึงอย่างไรการมีพ่อแม่ตามใจขนาดนั้น เขายังโตมาอย่างสุขสบาย นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก
“ผมไม่ได้รู้สึกคับข้องใจเลย ผมคิดว่าบ้านของคุณดีมาก”
“คืนนี้คุณสามารถพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวได้ อันที่จริง ฉันไม่ต้องการการปกป้องจากคุณ ฉันไม่เหมือนคุณปู่ คุณปู่แก่แล้วและไม่มีศิลปะการต่อสู้ใดๆ ปกป้องตัวเอง แต่ฉันยังมีความสามารถในการปกป้องดูแลตัวเองได้”
แม้ว่าฝูยานหรงจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็รู้ว่าเนี่ยเฟิงจะไม่ทอดทิ้งและจากไปด้วยเหตุนี้ ดังนั้นเธอจึงพาเขากลับมาด้วย
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ผมแค่กังวลว่าถ้าอีกฝ่ายมีกำลังมากกว่า ฉวยโอกาสลอบโจมตีคุณ มันจะเป็นเรื่องใหญ่”