พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 72 สงสัยอีกครั้ง
บทที่ 72สงสัยอีกครั้ง
ฟางหลงเทียนขมวดคิ้วอย่างแรง การปกครองของเมืองจินไห่ในวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วสินะ ทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนไปจากเดินไปแล้ว
ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกันแน่ ต่อให้ฟางหลงเทียนนึกจนหัวระเบิดก็นึกไม่ออกอยู่ดี
แต่คนที่บงการอยู่เบื้องหลังตอนนี้กำลังนั่งกินผลไม้อยู่บนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบเลยล่ะ
เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เย่หรูเสว่ถึงได้กลับบ้านดึกขนาดนี้ เธอลากสังขารที่เหนื่อยล้าของเธอกลับมาจนถึงบ้าน พอมาถึงจมูกของเธอก็ได้กลิ่นกับข้าวที่หอมยวนใจ แล้วเธอก็ดูสดชื่นขึ้นมาทันที
“หอมจังเลย ใครอยู่ในครัวเอ่ย?”
“ผมเองครับ พี่หก!”
เนี่ยเฟิงยื่นหัวออกมาจากครัวพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ทำไมวันนี้พี่เลิกงานดึกจังเลยครับ?”
“ที่แท้ก็เสี่ยวเฟิงนี่เอง พี่ต่างหากที่ควรถาม ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังไม่นอน มาทำอะไรในห้องครัวห๊ะ?”
“พอดีผมนอนไม่หลับ แล้วท้องมันก็หิว ผมเลยลุกขึ้นมาต้มบะหมี่กินครับ พี่หกสนใจจะรับสักชามไหมครับ?”
เย่หรูเสว่พยักหน้า “พี่ขอชามหนึ่งจ๊ะ หิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว”
เนี่ยเฟิงออกไปพร้อมกับบะหมี่เนื้อ “พี่งานยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวเลย”
“อย่าให้พูดเลย ตอนแรกพี่ก็จะเลิกงานอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็มีรายงานที่ไม่ระบุชื่อถูกส่งมา พอฉันเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละ ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าในเมืองจินไห่นี้จะมีเรื่องที่ชั่วช้าแบบนี้เกิดขึ้นด้วย”
เย่หรูเสว่ซดน้ำซุปไปคำหนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “ฝีมือใช้ได้เลยนี่!”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมคิดแค่50ก็พอครับ!”
เย่หรูเสว่ทำตาโตขึ้นมาทันที “นี่ไอ้หนู แกอยากโดนใช่ไหม! เนื้ออันนี้ฉันเป็นคนซื้อมานะ แล้วแกยังกล้ามาคิดเงินฉันอีก?”
เนี่ยเฟิงหดหัวเข้าไป จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “แล้วที่ว่าชั่วช้านี้มันเรื่องอะไรเหรอครับ? มันถึงทำให้พี่หกต้องโกรธขนาดนี้?”
พอพุดถึงตรงนี้เย่หรูเสว่ก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้มีอิทธิพลทั้งสี่นั้นไม่ได้เป็นคนดีกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เกินคาดก็คือ คนที่เป็นถึงคณบดีของโรงพยาบาลเฟิร์สอย่างจูเย่าเหวินจะทำเรื่องที่โหดร้ายโดยการทดลองกับคนเป็นๆ เพื่อต้องการทดลองยาพิษตัวใหม่! แถมเขายังเอาอวัยวะของเหยื่อไปขายอย่างผิดกฎหมายด้วย!”
เนี่ยเฟิงทำเป็นตกใจ “โอ้วแม่เจ้า เขาเป็นหมอนะ! แต่ก็ยังทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ!”
“ก็ใช่นะสิ! หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ผู้คนต่างพากันไม่สบายใจ ผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลเฟิร์สต่างพากันหนีออกมาหมดเลย เพราะพวกเขากลัวว่าคนต่อไปที่ถูกเอาไตไปขายอาจจะเป็นตัวเองนะสิ”
เย่หรูเสว่ส่ายหน้า “บางที่ฉันก็คิดนะว่าความคิดของคนมันน่ากลัวกว่าผีซะอีก คนอย่างพวกเขานั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
“บัดซบจริงๆ! พวกคนไข้คงเดือดร้อนกันน่าดูเลยนะครับ! ดึกดื่นแบบนี้พวกเขาจะหนีไปไหนได้!”
“พี่สี่คงเหนื่อยแย่แล้วมั้ง เพราะคนไข้พวกนั้นต่างพากันย้ายไปที่โรงพยาบาลคังหมิงหมดเลย”
เย่หรูเสว่ถอนหายใจออกมา “แกยังไม่ได้ดูข่าวที่ถูกแชร์อยู่ในเน็ตสินะ? พวกที่มาก่อความวุ่นวายที่โรงพยาบาลเมื่อเช้าได้เข้าไปมอบตัวแล้ว พวกเขาสารภาพว่าถูกจูเย่าเหวินบงการให้ไปก่อความวุ่นวายที่โรงพยาบาลคังหมิง คนๆนี้ช่างชั่วช้าจริงๆ เรื่องที่ทำก็โหดร้ายเกินคน เขาคงถูกตัดสินโทษประหารแน่”
“เอาร่างกายคนอื่นมาซื้อขายเหมือนผักปลา คนแบบนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก ผมว่าโทษประหารมันยังดูน้อยไปด้วยซ้ำครับ”
เย่หรูเสว่พยักหน้าเบาๆ ด้วยความรู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่เนี่ยเฟิงพูดเป็นอย่างมาก “แต่มันก็ถือว่าเป็นการทดแทนให้ผู้คนที่ตายไปแล้วละนะ ยังไงกฎหมายก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปหรอก”
เนี่ยเฟิงที่กำลังกินบะหมี่อยู่ แววตาก็เผยรอยยิ้มอ่อนๆออกมา
ไม่เป็นไรหรอก เพราะก่อนที่จะถูกประหาร ยังมีความหวาดกลัวอันไม่มีที่สิ้นสุดรอคอยจูเย่าเหวินอยู่
ขอแค่เขาหลับตานอน เขาก็จะถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ ความฝันที่น่าสะพรึงกลัวไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
ยาที่เนี่ยเฟิงคนนี้ทำออกมาจะให้มันมีดีแค่นี้ได้ยังไง?
วันต่อมา เนี่ยเฟิงได้ไปที่โรงพยาบาลคังหมิง เขาไม่นึกเลยว่าส่วนกลางที่ปกติเงียบเหงาก็ยังอัดแน่ไปด้วยผู้คน
ทุกคนต่างรอรับการรักษากันตาละห้อย
ในเมืองจินไห่ยังมีคลินิกของโรงพยาบาลน้อยใหญ่อีกมากมาย แต่ทุกคนก็ยังเลือกที่จะแห่กันมาที่โรงพยาบาลคังหมิงอยู่ดี
ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลคังหมิงก็เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนอยู่แล้ว แถมสวัสดิการยังดีอีกด้วย ที่สำคัญคือการรักษาของที่นี่ถือว่าดีที่สุดแล้ว
“ทำไมคนถึงได้เยอะอย่างนี้เนี่ย?”
กว่าเนี่ยเฟิงจะหาหมิงอี๋หานเจอนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หมิงอี๋หานนั้นยุ่งจนไม่ได้กายใจหายคอเลยทีเดียว
“เสี่ยวเฟิง แกมาพอดีเลย รีบมาช่วยงานเร็ว!”
หมิงอี๋หานที่ทำงานคนเดียวไม่ทันแล้ว พอเห็นหน้าเนี่ยเฟิงเธอก็รีบกวักมือเรียกเขาทันที
เนี่ยเฟิงที่เป็นห่วงหมิงอี๋หานก็รีบเข้าไปช่วยงานทันที
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างยุ่งกันมากๆ พวกเขายุ่งจนเกือบจะไม่มีเวลาพักกินข้าว
ทั้งคู่นั่งกินอาหารที่สั่งมาอยู่ในห้องทำงาน “ตอนบ่ายยังมีนัดกับตัวแทนจากประเทศรัสเซีย ประเทศมองโกเลียและประเทศอื่นๆ อีก ฉันว่าก็คงต้องยุ่งมากแน่ๆ”
“เห็นบอกว่าประเทศรัสเซียจะไม่ยอมร่วมมือกับเราไม่ใช่เหรอครับ?”
เนี่ยเฟิงซดน้ำซุป
“หลังจากเรื่องของจูเย่าเหวินถูกเปิดโปง พวกเขาก็รีบติดต่อฉันมาทันทีเลยล่ะ”
“แล้วพี่สี่ได้ถือโอกาสนี้อัพราคาขึ้นรึเปล่าครับ?”
หมิงอี๋หานยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “มันแน่นอนอยู่แล้ว อย่างที่เขาว่ากันแหละ เมื่อโอกาสมาถึงก็อย่างปล่อยให้หลุดมือไป ตอนนั้นพวกเขาจากเราไปอย่างไม่ไว้หน้า เราเองก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกเขาเหมือนกัน”
“เยี่ยมไปเลยครับ!”
“แกไม่ต้องมาทำเป็นไขสือใส่ฉันเลยนะ เรื่องของจูเย่าเหวินเป็นฝีมือแกใช่ไหม? หือ?”
จู่ๆ หมิงอี๋หานก็เปลี่ยนเรื่องแล้วหันมาถามเนี่ยเฟิง
“ห๊ะ? ผมเพิ่งได้รู้เรื่องของจูเย่าเหวินเมื่อคืนตอนที่พี่สี่กลับมานะครับ ตอนกลับไปที่บ้านผมยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เลยไม่รู้ว่าพี่สี่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากในครั้งนี้ยังไง ผมคิดว่าถ้าตัวเองพอช่วยอะไรเธอได้ก็คงจะดี ว่าแล้วผมก็ได้ขอพรกับพระเจ้า! อาจจะเป็นเพราะเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ยินคำอธิษฐานของผมเข้า ท่านจึงลงโทษจูเย่าเหวินแทนเราก็ได้นะครับ!”
เนี่ยเฟิงพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เหลวไหล โลกนี้ไม่มีเง็กเซียนฮ่องเต้สักหน่อย ฉันรู้สึกว่าจูเย่าเหวินที่อยู่ในคลิปดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ โดยเฉพาะสายตาที่ดูหมดอะไรตายอยากคู่นั้น ถ้าจะหลอกคนอื่นยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าคิดจะมาหลอกฉัน……มันยังไม่แยบยลพอ เมื่อวานหลังจากที่แกออกจากโรงพยาบาลไป แกไปที่โรงพยาบาลเฟิร์สใช่มั้ย?”
หมิงอี๋หานวางตะเกียบลงแล้วเดินไปตรงหน้าเนี่ยเฟิง ตาตี่ๆ ที่สวยงามคู่นั้นกำลังกดดันมาที่เนี่ยเฟิง
“ก่อนหน้านี้ฉันก็รู้สึกว่าแกมีอะไรบางอย่างปิดบังฉันอยู่ ยิ่งเรื่องมาเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งน่าสงสัย ทำไมจู่ๆ คนพวกนั้นถึงเดินไปมอบตัวได้? ทั้งๆ ที่เพื่อเงินแล้วพวกเขาก็ทำได้ทุกอย่าง!”
เนี่ยเฟิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วกะพริบตาปริบๆ “เป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าจูเย่าเหวินจบสิ้นแล้วรึเปล่า แล้วกลัวว่าทางการจะสาวมาถึงตัวเองได้ จึงตัดสินใจไม่มอบตัวก่อนเผื่อโทษที่ได้รับจะเบาลงบ้าง”
“แล้วจูเย่าเหวินล่ะ? คลิปที่จูเย่าเหวินอัดไว้ล่ะจะอธิบายยังไง?”
“อาจเป็นเพราะเขาทำเรื่องชั่วๆ มากเกินไปจนถูกผีเข้าสิงรึเปล่าครับ?” เนี่ยเฟิงพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา
“เสี่ยวเฟิง มันไม่ใช่ฝีมือของแกจริงๆ เหรอ?”
เนี่ยเฟิงไตร่ตรอง และตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับหมิงอี๋หานไปเลยดีกว่า แต่ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น
หมิงอี๋หานขมวดคิ้วอย่างแรง เธอเหลียวมองเนี่ยเฟิง แล้วเดินไปรับโทรศัพท์ที่โต๊ะ
“พี่สี่คะ! นี่ฉันเองน้องเจ็ดนะ! ตอนนี้ฉันอยู่ข้างล่าง พี่บอกให้เสี่ยวเฟิงลงมาที ฉันมีที่ๆ อยากพาเขาไป!”
“ไปไหนเหรอ? ทำไมต้องรีบขนาดนี้?”
“โอ้ย! งานที่นี่มันเยอะเกินไปแล้ว พี่คิดจะใช้งานเสี่ยวเฟิงจนตายรึไงคะ? ฉันจะพาเสี่ยวเฟิงไปเที่ยวค่ะ!”