พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 340 ยืมคน
สนามประลองใต้ดิน พอเห็นชื่อก็น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าถูกสร้างอยู่ที่ใต้ดิน
ใช้เงินจ่ายก็สามารถซื้อบัตรผ่านเข้ามาได้แล้ว เมื่อเข้าไปแล้วก็จะพบผู้คนมากมาย ค่ำคืนในวันนี้นักสู้ต้องต่อสู้กับใคร
บางคนอาจจะคิดว่านี่คือความรุนแรงและการนองเลือด แต่นี่เป็นเรื่องของความเต็มใจที่จะต่อสู้และทนเจ็บ
นอกจากนี้ ที่นี่เป็นพื้นที่ของพวกเขา เพราะฉะนั้นจึงไม่มีคนกล้ายุ่งกับพวกเขา และสนามประลองใต้ดินเมืองหนานหูแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในจัตุรัสย่านที่แพงที่สุดในเมืองศูนย์การค้าของเมืองหนานหู
บนหัวของพวกเขาคือไนต์คลับริมถนนที่คึกคักมาก แต่ข้างใต้นี้ยังมีสนามประลองที่น่าตื่นเต้นมากอีกด้วย
เถ้าแก่สนามประลองใต้ดินกำลังสูบซิการ์อยู่ เขายืนดูเฉากวงหมิงที่อยู่ด้านหน้าของตัวเอง แล้วอดที่จะพูดพลางหัวเราะขึ้นมาไม่ได้“เถ้าแก่เฉาไม่ชอบสถานที่ของผมไม่ใช่หรือครับ?คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ?”
“ผมไม่เคยพูดมาก่อนนะครับว่าไม่ชอบที่นี่ของคุณ เป็นเพียงสิ่งที่คุณคิดไปเองเท่านั้น ที่ผมมาในวันนี้เพื่อมาขอยืมคนของคุณหนึ่งคน”
ผู้คนต่างขนานนามเถ้าแก่สนามประลองคนนี้ว่าท่านเทพ เป็นเพราะเขารูปร่างอ้วนท้วม เวลายิ้มจนตาหยีแล้วเหมือนกับพระสังกัจจายน์
ท่านเทพที่ได้ยินเฉากวงหมิงพูดมาแบบนั้น จึงเกิดสนใจขึ้นมาทันที“ช่างหายากจริงๆ เมื่อก่อนเราทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนั้น ตอนนี้คุณกลับมาหาผมเพื่อจะยืมคนเนี่ยนะ?”
“คราวนี้ไม่เหมือนกัน คุณอยากเสนอราคาเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีปัญหา แต่คุณจะต้องยืมคนให้กับผม”
ท่านเทพพึ่งเคยเห็นสีหน้าท่าทางร้อนใจของเฉากวงหมิงเป็นครั้งแรก เขากำลังคิดในใจว่าเฉากวงหมิงจะต้องเจอจดยากอย่างแน่นอน ถึงได้หมดหนทางจนต้องมาขอยืมคนจากเขา
“ในโลกใบนี้ไม่มีสหาย และศัตรูตลอดไป ในเมื่อคุณบอกว่าเสนอราคาเท่าไหร่ก็ได้ งั้นผมจะให้คุณยืมคนก็ได้ ไหนคุณบอกมาสิว่าจะยืมใคร?”
“ผมจะเอาราชาอะไหล คนที่แข่งที่นี่มาสามสิบแปดสังเวียน ขุนศึกผู้ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว!”
“อยากยืมอะไหลของพวกเรางั้นเหรอ?เหลือเชื่อจริงๆ แต่คุณเองก็พูดแล้วนะ ว่าราชาอะไหลของเราเป็นขุนศึกผู้ไม่เคยแพ้ ถ้าคุณอยากเจอเขาก็ต้องจ่ายในราคาที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เรื่องราคาคุณจะจ่ายไหวเหรอ?”
“ท่านเทพ ดูคุณพูดเข้าสิ ถึงจะต้องจ่ายในราคาที่ไม่ธรรมดาผมก็มีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว คุณอย่าดูถูกผมไปหน่อยเลย หลายปีมานี้ผมทำธุรกิจอย่างประสบความสำเร็จ คุณเองก็รู้ดีว่าต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ เสนอราคามาดีกว่า”
อันที่จริงแล้วที่ท่านเทพพูดเช่นนี้ ความจริงแล้วเพื่ออยากจะลองใจเฉากวงหมิงเท่านั้น ดูว่าเฉากวงหมิงจะยืมคนไปทำอะไรกันแน่ แต่พอเห็นท่าทางของเฉากวงหมิงแบบนั้นท่าเทพจึงกลอกตา“งั้นผมจะขอเสนอราคาแล้วนะ หนึ่งร้อยล้าน”
“ได้!”
เฉากวงหมิงไม่พูดอะไรทั้งนั้นพยักหน้ารับปากทันที ซึ่งมันทำให้ท่านเทพแปลกใจเล็กน้อย ถึงแม้เฉากวงหมิงคนนี้จะมีเงิน แต่เขาเองเป็นพ่อไก่ขนเหล็ก(คนขี้เหนียว คนขี้งก)ที่ขี้งกมากๆ ตกลงเกิดเรื่องกันแน่ที่ทำให้เฉากวงหมิงไม่ต่อราคา แล้วให้เงินอย่างไม่อ้อมค้อม?
“คนน่ะผมให้คุณยืมได้อยู่แล้ว แต่คุณต้องรู้ว่าที่นี่มีกฎกติกา ยืมคนให้คุณได้ไม่มีปัญหา แต่ว่านะ คนของผมจะสู้แค่ในสนามประลองใต้ดินเท่านั้น”
“ผมรู้กติกาของคุณดี เพราะฉะนั้นคืนพรุ่งนี้ผมจะพาคนมาที่นี่ คุณจัดการแข่งขันต่อสู้ถึงเป็นถึงตายก็พอ!ต้องทำให้ราชาอะไหลสังหารไอ้หมอนั่นให้ได้ เพื่อระบายความเกลียดชังที่อยู่ในใจของผม”
ท่านเทพพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที เขาคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเสียอีก ที่แท้ก็มีคนผิดใจกับเฉากวงหมิงนี่เอง เฉากวงหมิงอยากยืมการชกต่อยเพื่อฆ่าฝ่ายตรงข้ามนี่เอง เนื่องจากบนสังเวียนแห่งนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องความเป็นความตาย
แต่ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใครไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของราชาอะไหลได้อย่างแน่นอน อะไหลเป็นคนที่ศึกษาในสำนักที่มีชื่อเสียง ฝีมือโหดเหี้ยมเลือดเย็น หมัดที่ชกออกไปแต่ละหมัดล้วนหมายเอาชีวิตได้เลย นี่ก็เป็นสมบัติลำค้าของร้านในสนามประลองของท่านเทพ
“จ่ายตังค์มาก่อนค่อยยืมคน โอนเงินมา”
เฉากวงหมิงไม่เยิ่นเย้ออืดอาดอะไรอีก แล้วจึงรีบโอนเงินมัดจำไปให้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็พูดกับท่านเทพว่า“เงินที่เหลือรอคนของคุณกระทืบไอ้หมอนั่นให้ตายก่อน ผมค่อยให้คุณ”
“ดูท่าคุณจะไม่เชื่อสินะ แต่วางใจเถอะ ราชาอะไหลจะรีบจัดการไอ้หมอนั่นให้ได้แน่ แต่ผมสงสัยจริงๆนะว่าตกลงใครกันแน่ที่บีบคุณจนถึงขั้นนี้ได้ สามารถทำให้คุณมาขอร้องผมได้”
“นี่เป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
ถึงแม้ท่านเทพจะไม่รู้ว่าคนที่ผิดใจกับเฉากวงหมิงคือใคร แต่สำหรับราชาอะไหลแล้ว มันผู้นั้นมีแต่ความตายสถานเดียว
เนี่ยเฟิงนอนรออยู่ที่โรงแรมหนึ่งคืน วันที่สองเขาจึงรับสายของฝูยานหรง“เดี๋ยวฉันจะไปรับนายที่โรงแรมนะ สมาชิกในคลับของเราจะไปทานข้าวด้วยกันน่ะ!”
ฝูยานหรงเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาอยู่แล้ว เธอบอกว่าจะไปทานข้าวด้วยกัน งั้นก็ต้องไปด้วยกัน ตอนนี้เนี่ยเฟิงไม่มีอะไรทำพอดี เขาวางแผนว่าพรุ่งนี้จะตรงเข้าไปหาเฉากวงหมิง แต่ตอนนี้ไม่รีบร้อนอะไร
“พี่เฟิง!พี่มาแล้ว!”
เหลยจ้านที่ผ่านการต่อสู้จากเมื่อวานมา เขากลายเป็นแฟนคลับตัวยงของเนี่ยเฟิงไปแล้ว พอเห็นเนี่ยเฟิงมาถึงก็รีบรุดพุ่งตัวเข้าไปต้อนรับขับสู้เนี่ยเฟิง
“ดูท่าทางไม่ได้เรื่องของนายสิ!”
ฝูยานหรงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ไปหนึ่งที
“ฉันไม่ได้เรื่องยังไง ฉันเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการยกน้ำชาเลยนะเว่ย ฉันเต็มใจ!พี่เฟิงช่วงนี้พี่ไม่มีธุระอะไรใช่ไหม?ถ้าวันนี้พี่ไม่มีธุระอะไร งั้นเราก็ไปค่ายมวยไทยของครอบครัวผมกันไหม?”
เนี่ยเฟิงไม่สามารถพูดต่อหน้าของพวกเขาได้ ว่าตัวเองจะต้องไปจัดการเก็บกวาดทั้งคนแก่และวัยรุ่น ถ้าบอกว่าไม่ว่าง พวกเขาจะต้องผิดหวังมากแน่ๆ เนี่ยเฟิงมองดูสายตาเว้าวอนของเหลยจ้านที่แทบจะส่องประกายวิ้งๆออกมา จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับปาก
“กลางวันไม่มีอะไรหรอก แต่คืนนี้ฉันยังต้องไปสถานที่แห่งหนึ่ง”
“ห้ะ?คืนนี้พี่จะไปไหนเหรอ?ตอนแรกผมอยากพาพี่ไปดูการแข่งขัน พี่รู้ไหมว่าสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่คืออะไร?มันคือสนามประลองใต้ดินที่มีผู้คนชกต่อยกันอย่างดุเดือด ผมหาตั๋วได้แล้วนะ!คืนนี้เป็นศึกสู้กันระหว่างราชาอะไหลกับมือสมัครเล่น!”
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องสนามประลองใต้ดินจริงๆนั่นแหละ ฟังๆไปแล้วเหมือนมันจะเท่ดีแฮะ แต่คืนนี้ฉันมีธุระที่ต้องจัดการไว้วันหลังฉันค่อยไปดูนะ?”
เหลยจ้านพยักหน้าอย่างเฉื่อยชา“งั้นก็ได้……”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าบ้านของนายคือค่ายมวยไทยงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ค่ายมวยไทยของครอบครัวผมสุดยอดไปเลยนะ!”
หลังจากที่เหลยจ้านพูดจบก็ตบหน้าอกของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ยังไม่ทันที่เขาจะโอ้อวดเสร็จ ฝูยานหรงก็ดื่มชาไปหนึ่งคำ แล้วพูดต่อไปว่า“พ่อของเขาคือประธานสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองหนานหู เป็นมือวางอันดับหนึ่งของมวยไทย มวยไทยของเหลยจ้านก็พ่อของเขาเป็นคนสอนเนี่ยแหละ อีกทั้งไม่เพียงแต่พ่อของเขาเท่านั้น ทั้งครอบครัวของเขาก็ชกมวยกันหมดอีกด้วย”
“งั้นก็เจ๋งไปเลยน่ะสิ ที่แท้นายก็เกิดจากครอบครัวศิลปะการต่อสู้นี่เอง?”
คำชื่นชมของเนี่ยเฟิง ทำให้เหลยจ้านเขินอายเล็กน้อย เหลยจ้านโบกมือไปมา“เทียบอะไรกับพี่เฟิงไม่ได้หรอกครับ ผมมีแค่ฝีมือต่ำต้อย!เมื่อคืนผมกลับไปบอกพ่อของผมแล้วนะ พี่มีฝีมือดีมากในเรื่องการชก พ่อของผมไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะพาพี่กลับไปด้วย”
เนี่ยเฟิงหัวเราะ“ที่แท้ก็อยากพิสูจน์ให้พ่อของนายเห็นนี่เอง?ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไปดูกับนายหน่อยก็ได้!”
“ได้!งั้นตามนี้นะ!พี่เฟิง พี่รีบกินข้าวเถอะ ที่นี่มีของอร่อยเต็มไปหมดเลยนะ!”