พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 299 โรงบ่มไวน์
พวกเขาไม่นานก็มาถึงห้องพิเศษแล้ว
“ผมสั่งอาหารให้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่พวกเรานั่งลงสักพัก อาหารก็จะส่งเข้ามา อาหารของเชฟที่นี่ทำอร่อยมาก”
เนี่ยเฟิงไม่เกรงใจสักนิดนั่งอยู่ข้างกายชิวมู่เฉิง ฝานหลินมองเห็นเนี่ยเฟิงหน้าด้านนั่งอยู่ข้างกายชิวมู่เฉิง ทันใดนั้นตาทั้งคู่ไฟลุกโชน ไอ้คนนี้มีสิทธิ์อะไรโอหังขนาดนั้นล่ะ? ต้องรู้ว่าร้านนี้ไม่ได้เป็นเขาจองมานะ!
ฝานหลินไม่สุขใจมากเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที จากนั้นหันหน้ากลับไป ยิ้มอยู่ถามว่า “จะดื่มเหล้าสักหน่อยไหม? เหล้าที่นี่ก็ไม่เลวนะ”
“เหล้าที่นี่มีเหล้าอะไรบ้างล่ะ?”
ในใจฝานหลินมีความโมโหเล็กน้อย ในใจคิดอยู่ว่าคนที่ตนเองถามคือชิวมู่เฉิงนะ ไอ้คนนี้พูดเหี้ยอะไรล่ะ?
“ฉันก็อยากจะรู้ว่าที่นี่มีเหล้าอะไรดีๆ”
ชิวมู่เฉิงเห็นฝานหลินโมโหจนไม่อยากพูด ดังนั้นเพียงแต่เอ่ยปากเอง ถึงยังไงก็เป็นน้องชายเธออยากรู้ ดังนั้นไม่ว่าเป็นยังไงเธอล้วนต้องได้รับคำตอบ
“ที่นี่ล้วนเป็นเหล้าแดงมากกว่า เพราะว่าเมนูที่นี่ล้วนเป็นเมนูต่างประเทศ ดังนั้นคู่กับเหล้าแดงดีที่สุดแล้ว ถ้าหากว่าคุณอยากดื่ม งั้นตอนนี้ผมก็ให้พวกเขาเปิดเหล้าขวดหนึ่งที่ดีที่สุด”
“Romani Contiเหรอ?” ทันทีที่คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงพูดออกไป ทันใดนั้นใบหน้าฝานหลินคล้ำไปหมด ไอ้คนนี้ชอบหาเรื่อง เหมือนอย่างที่คิด ถึงขนาดให้เขาเปิดเหล้าที่แพงขนาดนั้น ต้องรู้ว่าRomani Contiนี้ไม่ถูกนะ!
“ถ้าหากว่าเป็นRomani Contiล่ะก็งั้นก็ไม่ต้องแล้ว ก่อนหน้านั้นมีคนพนันกับผมว่าจะดื่มRomani Contiกับผมสามร้อยขวด เพียงแค่ว่าผมให้คนส่งเหล้าเข้ามา เขาก็ดื่มไม่ลงแล้ว”
เนี่ยเฟิงอดไม่ไหวที่จะถอนหายใจหนึ่งที จากนั้นยิ้มพูดว่า “มู่เฉิง ถ้าคุณอยากจะดื่มเหล้าล่ะก็ วันหลังผมพาคุณไปเดินดูที่โรงบ่มไวน์ของผมสักหน่อย ผมตั้งโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมืองจินไห่ ที่นั่นเหล้าแบบไหนล้วนมี แต่ผมรู้สึกว่าผู้หญิงยังคงดื่มเหล้าน้อยหน่อยดีกว่า ถึงแม้พูดว่าดื่มเหล้าแดงดีต่อผิวของผู้หญิงแต่ดื่มมากก็ไม่ได้เช่นกัน ”
ฝานหลินได้ยินถึงตรงนี้มุมปากชักแล้วชักอีก “ที่แท้ยามปกติคุณก็หลอกมู่เฉิงอย่างนี้เหรอ? ผู้หญิงชอบฟังคำพูดไพเราะจริงๆ แต่ไม่ใช่คำพูดอะไรล้วนสามารถฟังได้ มู่เฉิงผมรู้ว่าคุณชอบเนี่ยเฟิง แต่ผมไม่อนุญาตให้มีคนหลอกลวงคุณอย่างนี้”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “เขาไม่ได้หลอกลวงฉัน”
“นี่ยังไม่ได้เรียกว่าหลอกลวงเหรอ? เนี่ยเฟิงเมื่อกี้เพิ่งคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายว่าตนเองมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งอยู่นอกเมือง จะตั้งโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งจะไม่เป็นเรื่องที่ง่ายๆเรื่องหนึ่งนะ!”
ฝานหลินดูเหมือนจับจุดอ่อนของเนี่ยเฟิงไว้ได้ เขาพูดน้ำไหลไฟดับต่อว่า “เขาพูดอย่างนี้ยังไม่ใช่หลอกลวงคุณเหรอ? ถึงแม้ว่าคุณชอบเขาขนาดไหนก็เข้าข้างเขาอย่างนี้ไม่ได้ เขาคนนี้ไม่ซื่อสัตย์ วันหลังถึงแม้ว่าพวกคุณทั้งสองแต่งงานแล้ว งั้นเขาก็จะไม่ดีกับคุณเช่นกัน”
“ฝานหลิน คุณมีสิทธิ์อะไรว่าผมหลอกลวงมู่เฉิงอยู่ล่ะ? คุณมีหลักฐานอะไรเหรอ?”
เนี่ยเฟิงรู้สึกน่าขำในทันที
“ผมทำไมจะไม่มีหลักฐานล่ะ? คำพูดเหล่านั้นที่เมื่อกี้คุณพูดจะไม่ใช่เป็นคำโกหกเหรอ? คุณถึงขนาดพูดว่าตนเองมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งอยู่นอกเมืองข้างในล้วนยังเป็นเหล้าที่ดีอย่างRomani Contiคุณรู้ไหมว่าอะไรเรียกว่าRomani Contiเหรอ?”
ฝานหลินไม่เชื่อว่าในบนโลกนี้จะมีคนสามารถเอาRomani Contiออกมาสามร้อยขวดได้อย่างรวดเร็ว!
ดังนั้นฝานหลินคิดว่า เนี่ยเฟิงก็คือกำลังหลอกลวงคนอยู่!
“สำหรับเหล้าผมไม่ได้ค้นคว้าวิจัยอะไร เพราะว่าไม่ว่าเป็นเหล้าอะไรถึงในปากของผม ผมล้วนรู้สึกว่าเป็นรสชาติอันเดียวกัน ผมดื่มเหล้ามามากเกินไปแล้ว ความสามารถในการดื่มเหล้าของผมดีมาก แต่ว่าผมไม่ได้พูดโกหกนะ ผมมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งอยู่นอกเมืองจริงๆ อีกทั้งเห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นเวลายาวนานแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อล่ะก็ พวกเราสามารถไปดูในตอนนี้เลย”
ฝานหลินเห็นลักษณะท่าทีที่มั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมของเนี่ยเฟิง ในใจคิดว่าไอ้คนนี้ย่อมเคาะภูเขาเขย่าเสือ คิดจะตบตาผ่านไปได้อยู่อย่างแน่นอน สิ่งที่ใช้อาจจะเป็นอุบายเมืองร้างก็ไม่แน่!
“ไปก็ไป ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่ง!”
ฝานหลิน “พรึ่บ” เสียงหนึ่งลุกขึ้นมาเลย “งั้นพวกเราก็ไม่ต้องกินข้าวแล้ว ตอนนี้รีบไปดูที่นั่นจะมีโรงบ่มไวน์จริงๆใช่หรือไม่! ผมจะให้คนส่งอาหารไปที่สถานที่ที่คุณพูดนั้น!”
คำพูดที่เนี่ยเฟิงพูดเมื่อกี้นั้น เห็นได้ชัดคือกระตุ้นใจที่จะเอาชนะของฝานหลินขึ้นมาแล้ว เขาโกรธจนตัวสั่นลงไปขับรถ เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงก็ลงจากตึกเช่นกัน
“เสี่ยวเฟิง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเราล้วนจะถูกส่งไปที่คุณนายใหญ่ที่นั่นถึงเวลานั้นถ้าคุณนายใหญ่บอกว่าคุณไม่ผ่าน ปฏิเสธที่จะเอาทะเบียนบ้านให้ฉัน งั้นจะไม่ใช่…….”
“พี่ใหญ่ คุณวางใจเถอะ คุณดูว่าผมจะเหมือนคนที่ทำการทำงานไม่มีความมั่นใจแบบนั้นเหรอ?”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่ตบหน้าอกของตนเองตบแล้วตบอีก
“งั้นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันล้วนยืนอยู่ข้างนี้ของแก ถึงแม้ว่าสุดท้ายฉันไม่ได้ทะเบียนบ้านของฉันกลับมา งั้นฉันก็ไม่สามารถให้พวกเขาบงการตามใจ อย่างมากก็คือคิดวิธีอื่น ย้ายออกจากทะเบียนบ้านก็พอแล้ว ไปเถอะ ฉันไปดูโรงบ่มไวน์แห่งนั้นที่แกพูด”
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่าชิวมู่เฉิงไม่เชื่อคำพูดที่ตนเองพูด ดังนั้นตามเข้าไปทันที “พี่! ผมมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งจริงๆ ก็อยู่ที่นอกเมือง! คุณจงอย่าไม่เชื่อล่ะ!”
“พวกเราทำการทำงานจะต้องตั้งใจแบบเห็นความต่อเนื่อง รู้ไหม?”
ชิวมู่เฉิงมีความจนใจเล็กน้อยถอนหายใจหนึ่งที ในใจคิดว่าไอ้หนุ่มนี้แสดงละครจนเสียสติแล้ว ล้วนถึงเวลานี้แล้ว ที่นี่มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสองคน เนี่ยเฟิงถึงขนาดยังกล้าพูดว่าตนเองมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่ง
เนี่ยเฟิงรู้ไม่ว่าตนเองจะอธิบายยังไงล้วนไม่มีประโยชน์เพียงได้แต่ถอนหายใจหนึ่งที ในใจคิดอยู่ว่าอีกสักครู่ถึงโรงบ่มไวน์แล้วค่อยอธิบายกับพวกเขาอีก
ฝานหลินเห็นโรงบ่มไวน์ที่อยู่ต่อหน้าทันใดนั้นตื่นตกใจหนึ่งที เขานึกไม่ถึงที่นี่ถึงขนาดมีโรงบ่มไวน์แห่งหนึ่งที่ใหญ่ขนาดนั้น อีกทั้งโรงบ่มไวน์แห่งนี้มีอายุบ้างแล้วจริงๆ!
ฝานหลินกลืนน้ำลายหนึ่งทีอย่างลำบาก นี่จะเป็นของเนี่ยเฟิงจริงๆเหรอ?
เขาตื่นเต้นมากส่งข้อความไปให้กับคุณนายใหญ่ หลังจากคุณนายใหญ่มองเห็นแล้วโมโหจนยั้งสติไม่อยู่! ส่งคนไปสืบทันทีว่าตกลงโรงบ่มไวน์แห่งนั้นเป็นของใครกันแน่!
เธอไม่เชื่อนะเนี่ยเฟิงไอ้คนนี้จะร่ำรวยเทียบเท่าระดับประเทศได้ เขาดูแล้วก็เป็นไอ้ชายธรรมดา ไอ้หน้าขาวคนหนึ่งเท่านั้น
คุณนายใหญ่อยู่ที่นี่ยากลำบากนานขนาดนั้นแล้ว คนแบบไหนจะไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะ?
ถ้าหากว่าเนี่ยเฟิงเป็นคนมีเงินจริงๆ คุณนายใหญ่ก็จะรู้มานานแล้ว แต่ว่าเนี่ยเฟิงอยู่ที่นี่ล้วนไม่อยู่ในลำดับเลยสักนิด เหมือนอย่างเนี่ยเฟิงแบบนี้ย่อมไม่ใช่เป็นคนมีเงินอย่างแน่นอน!
“คุณอย่าใจร้อน คุณย่าจะไปสืบในตอนนี้ โรงบ่มไวน์นี้จะไม่ใช่ของเนี่ยเฟิงอย่างเด็ดขาด!”
ตอนที่เนี่ยเฟิงลงจากรถมองเห็นสีหน้าของฝานหลินดูแย่มาก จากนั้นเรียกจากที่ไกลๆเสียงหนึ่ง “คุณขยับรถมาที่ข้างหน้า มิฉะนั้นอีกสักครู่ยังต้องเดินไกลมากจึงจะขับรถได้อีก! ผมกลัวว่าร่างกายบอบบางสูงส่งของคุณจะเดินไม่ไหว!”
ฝานหลินรู้ว่าเนี่ยเฟิงกำลังหัวเราะเยาะตนเองอยู่ เขาโมโหมากเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที จากนั้นเดินเข้าไปเลย ในเวลานี้คุณนายใหญ่ส่งข้อความมาแล้ว ฝานหลินรู้ว่าตนเองควรทำยังไง
ชิวมู่เฉิงมองเห็นโรงบ่มไวน์แห่งนี้บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าสงสัยงงงวยออกมา เนี่ยเฟิงเอาเงินมาจากไหน ก่อตั้งโรงบ่มไวน์ขนาดนี้แห่งหนึ่งเหล้าอยู่ในนั้นล้วนเป็นของจริงเหรอ?
“ไปเถอะ! พวกเราเข้าไปดู”
เนี่ยเฟิงนำทางอยู่ข้างหน้าเดินเข้าไปก่อน เห็นลักษณะท่าทีเหมือนดั่งที่นี่ก็เป็นของเขา ตามความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เพราะว่าที่นี่ก็เป็นโรงบ่มไวน์ของเนี่ยเฟิงจริงๆ
ส่วนเนี่ยเหล่าสี่คือจัดการอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนเนี่ยเฟิง