ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ
— พี่ริซ….ช่วยหนูด้วย..
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว นับตั้งแต่ถูกจับแยกจากพี่ริซ
หนึ่งเดือน ? สองเดือน ? หนึ่งปี ? หรือว่า สองปี ?
ความรู้สึกด้านเวลา มันบิดเบี้ยวไปหมด เพราะนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ในห้องขังมืดๆ หนูก็ไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวันเลยซักครั้ง แสงสว่างที่มีอยู่ มีเพียงแค่เชิงเทียนขนาดเล็กที่ติดอยู่บนกำแพง
ในวันแรกที่หนูแยกจากพี่ริซ หนูก็เจอกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคน
ชายหนึ่ง หญิงสอง พวกเขาโดนจับย้ายมาอยู่ที่ห้องนี้เหมือนกัน ทุกคนต่างหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเหมือนกับหนูไม่มีผิด
ทว่า ในกลุ่มเด็กๆพวกนั้น เด็กผู้ชายท่าทางร่าเริงคนหนึ่ง…รู้สึกว่าจะชื่อ วิล ล่ะมั้ง ?
วิลคนนั้นให้กำลังใจพวกเราที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมกับปลอบว่า ‘ไม่เป็นไร พวกเราที่ทนมาได้ถึงขนาดนี้ กะอีแค่โดนผ่าตัดเพิ่มนิดๆหน่อยๆจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน’
แถมเขายังบอกกับหนูอีกด้วยว่า ศูนย์วิจัยแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อสร้าง ‘วีรชนเทียม’ อาวุธสงครามรูปแบบมนุษย์ที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาๆเป็นร้อยเท่า
หากเรารอดจากการทดลองของพวกมันไปได้ พวกเราก็จะกลายมาเป็นอาวุธลับของรัฐบาลในการต่อกรกับจักวรรดิเซลเทีย พวกเขาจะมอบชื่อใหม่ให้กับพวกเราและมอบตำแหน่งทางกองทัพให้ อีกทั้งยังได้รับการโปรโมทคล้ายๆกับว่าพวกเราคือฮีโร่ของสงคราม กลายเป็นคนดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน โดยแลกกับการที่เบื้องหลังนั้นพวกเราจะต้องทำตามคำสั่งของรัฐบาลทุกประการ
ถ้าหนูและพี่ริซรอดจากการทดลองนี้ไปได้ พวกเราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข โดยมีฐานะที่ดีขึ้นกว่าในอดีต แต่ถ้าเราตาย ทุกๆอย่างก็จบลงแค่ในห้องแคบๆห้องนี้
ด้วยการให้กำลังใจของวิล หนูและเด็กผู้หญิงอีกสองคนก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน เราทั้งสี่ก็ถูกพาไปที่ห้องผ่าตัดซึ่งมีนักวิจัยอยู่เต็มไปหมด
การเผชิญหน้ากับห้องๆนั้นอีกครั้ง มันทำให้หนูกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ข้างๆพวกเราที่ถูกมัดอยู่บนเตียง มีแร่ซึ่งเปล่งแสงสว่างๆวางอยู่ข้างๆคนล่ะชิ้น ทว่า ตรงข้ามกับคนอื่นๆ ชิ้นที่วางอยู่ข้างหนูกลับมีสีดำสนิทราวกับจะดูดกลืนแสงสว่างทั้งหมดเข้าไป
ในตอนนั้น หนูก็เคยเข้าห้องนี้มาพร้อมกับพี่ริซ
ของพี่ริซเป็นแร่สีขาวที่ดูโปร่งใส ส่วนของหนูเป็นแร่สีม่วงดูลึกลับ
แม้จะต้องทนต่อความรู้สึกแสบร้อนไปทั่วร่าง หลังจากที่พวกชายชุดขาวฉีดยาแปลกๆเข้ามา แต่ในตอนนั้นพี่ริซก็มองมาที่หนูและกุมมือของหนูเอาไว้ราวกับจะให้กำลังใจ มันทำให้หนูรู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย แม้ข้างในจะยังหวาดกลัวและเจ็บปวดมากก็ตาม
พอรู้ตัวอีกที หนูก็สลบไป จากนั้นก็ตื่นขึ้นมาในห้องขังและพบว่าตัวเองได้ผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายนั่นมาได้พร้อมๆกับพี่ริซ ความยินดีตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ มันทำให้หนูคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่ต้องการอะไรเพิ่มอีกแล้ว
ทว่า ในการผ่าตัดครั้งนี้ หนูไม่มีพี่ริซอยู่ข้างๆ
แถมหนูก็ไม่รู้ว่าพี่ริซเป็นตายร้ายดียังไง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหนูจะรอดไปจากที่นี่ได้รึเปล่า ?
“เธอทำได้….”
ทว่า วิลที่พูดและยิ้มเช่นนั้นก็ช่วยมอบความกล้าให้กับหนู
แม้ว่าหลังจากนั้นจะเจ็บปวดจนสลบไปจากฤทธิ์ของยา แต่ก่อนที่จะหลับลึก หนูก็สัมผัสได้ถึงความหวังรางๆที่จะได้พบกับพี่ริซอีกครั้ง
รอหนูก่อนนะพี่ริซ จะกลับไปให้ได้…พวกเราจะต้องกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้งให้ได้ !
ด้วยการตั้งมั่นเช่นนั้น หนูก็รอดจากการผ่าตัดมามาได้อย่างปาฏิหาริย์ แม้หลังจากนั้นจะปวดไปทั่วตัวและรู้สึกร้อนราวกับกำลังถูกเผาทั้งเป็นไปราวๆหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนก็จำไม่ค่อยได้
แต่ หนูยังจำได้ดีเลยถึงความรู้สึกยินดีตอนที่รอดชีวิตออกมาจากห้องผ่าตัดได้
“วิล…ขอบคุณ — !?”
ทว่า หลังจากการผ่าตัดในครั้งนั้น หนูก็ไม่เห็นวิลอีกเลย
ถึงจะถามผู้คุมว่าวิลอยู่ไหน พวกเขาก็ไม่บอก ไม่พูดอะไรซักคำ แทบจะไม่เคยมองหน้าพวกเราเลยซักครั้ง
หนูได้แต่พยายามคิดในแง่บวกว่า วิลคงจะถูกพาไปขังที่ห้องอื่น..ไม่อย่างงั้น หนูคงทนรับมันไม่ไหวแน่ๆ
“มะ ไม่เป็นไร วิลคนนั้นจะต้องไม่เป็นอะไร”
“พวกเราทั้งสามคนมาพยายามให้เต็มที่กันเถอะ”
“อื้ม ! ”
หนูและเด็กผู้หญิงอีกสามคนที่อายุไล่เลี่ยกัน …เอมิลี่ และ ไนเจล พวกเราต่างให้คำสัญญาว่าหากรอดไปได้ พวกเราจะไปหาอะไรอร่อยๆข้างนอกทานด้วยกัน
การตั้งเป้าหมายทำให้พวกเรากลับมามีความหวังได้อีกครั้ง
แม้ว่า ทุกๆวัน พวกเราจะได้รับสารเคมีประหลาดๆที่ทำให้ทุกข์ทรมานจนนอนหลับไม่ลง แต่เอมิลี่ที่ทำหน้าที่ราวกับเป็นตัวแทนกลุ่มก็จะพยายามพูดปลุกใจ จากนั้นพวกเราทั้งสามคนก็จะนอนชิดกันเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นให้อีกฝ่าย
ท่ามกลางช่วงเวลาโหดร้าย มันก็คงมีการพบพานของพวกเราทั้งสามคนล่ะมั้ง ที่หนูคิดว่า มันช่างเป็นความโชคดีของหนูซ่ะเหลือเกิน
ในตอนที่อยู่กับพี่ริซ เพราะเอาแต่เกาะติดอยู่กับพี่ หนูเลยไม่ได้ทำความรู้จักกับเด็กๆคนอื่นซักเท่าไหร่ แถมถึงจะรู้จักกัน แต่สุดท้ายคนอื่นๆก็ตายไปในเวลาไม่นานอยู่ดี
ทว่า สำหรับพวกเราทั้งสามคน ช่วงเวลาที่ผ่านทุกข์ผ่านโศกมาด้วยกัน มันก็ช่างแสนสั้นซ่ะเหลือเกิน
พวกเราต่างมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง
ถ้ารอดไปได้ พวกเราทั้งสามคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
จะกลับไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก ในฐานะคนดังที่มีชื่อเสียง เอาให้พวกคนที่ทอดทิ้งพวกเราต้องรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนี้กับพวกเราซ่ะเลย
ความหวังก่อตัวขึ้น
มิตรภาพค่อยๆเบ่งบานขึ้นอย่างช้าๆ
จะต้องออกไปผจญภัยโลกภายนอกด้วยกัน กับ ทั้งสองคนและพี่ริซให้ได้ !
ในตอนนั้นหนูคิดเช่นนั้น
เวลาค่อยๆดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ
จนกระทั่ง—
“เฮ้อ สนุกดีจริงๆ ถึงจะเนื้อตัวมอมแมมไปหน่อย แต่ก็ไม่เลว”
ในคืนวันหนึ่ง ทั้งๆที่ปกติผู้คุมจะพาพวกเราแยกย้ายกันไปตามห้องทดลองแค่ตอนกลางวัน แต่ทว่า วันนี้เขากลับพาไนเจลออกไปคนเดียวตอนกลางคืนโดยไม่บอกว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน
หลังจากนั้นน่าจะประมาณสองสามชั่วโมง หนูและเอมิลี่ ก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังใกล้เข้ามา
“ฮ่า…ขอบใจมาก ไว้พรุ่งนี้ข้าจะแวะมาเยี่ยมอีก”
ประตูห้องขังเปิดออก ผู้คุมที่กำลังขยับเข็มขัดของตัวเองให้เข้าที่ก็โยนไนเจลเข้ามาในห้อง
“ฮึก….”
หลังจากที่ผู้คุมเดินจากไปด้วยท่าทางร่าเริง ไนเจลที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็กอดเข่าตัวเองแล้วร้องไห้อยู่ที่มุมห้อง
แม้จะถามว่า เกิดอะไรขึ้น แต่ไนเจล กลับบอกว่าไม่มีอะไร
เสื้อผ้าของเธอหลุดลุ่ย เผ้าผมดูยุ่งเหยิง แถมยังมีเลือดเปื้อนชุดของเธอและก็มีเลือดสายหนึ่งไหลไปตามขาของเธอ
เอมิลี่ที่ทำหน้าโมโหก็พยายามพูดปลอบไนเจล
แม้หนูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอเดาได้ว่าผู้คุมคนนั้นต้องทำอะไรที่เลวร้ายมากๆแน่ เพราะในคืนนั้นไนเจลนอนละเมอด้วยความทุกข์ทรมานพร้อมหลุดเสียงทรมานออกมาว่า ‘อย่าทำนะ’ ไม่ก็ ‘แปดเปื้อนแล้ว’
ในวันถัดมา ผู้คุมคนนั้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเพื่อนอีกคน
“ทำฉันแทนสิ !”
ทว่า ในวันนั้นเอมิลี่กลับยืนขึ้นแล้วเสนอตัวให้กับผู้คุมทั้งสองคนแทน แน่นอนว่า ผู้คุมทั้งสองคนต่างก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ก็ได้ น่าสนใจดีนิ”
“ไม่นะ ! เอมิลี่ !!!”
แม้ไนเกลจะพยายามร้องห้าม แต่เอมิลี่กลับยิ้มบางๆ ก่อนจะโดนผู้คุมทั้งสองพาตัวออกไป
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หนูจำไม่ได้
ทว่า ในตอนที่เอมิลี่กลับมา สภาพของเธอก็ดูเลวร้ายมากๆ
เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เลือดเปรอะเปื้อนไปตามเสื้อและมีเลือดไหลออกมาสองสามสายที่บริเวณขา
มีรอยฝ่ามือสีแดงที่แก้ม และมีรอยม่วงๆที่บริเวณลำคอ แถมยังมีรอยฟันอยู่บนหัวไหล่เนียลขาวของเธอประมาณสามสี่จุดได้
แม้จะบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วยิ้มแย้ม แต่หลังจากที่ฉันและไนเกลแกล้งนอนหลับไป เอมิลี่ที่ตาแดงก็สะอื้นอยู่คนเดียวตลอดทั้งคืน
วันต่อมา ผู้คุมก็กลับมาอีกครั้ง…และพาทั้งไนเกลและเอมิลี่ออกไป
วันถัดๆมา พวกเขาก็ยังทำเหมือนๆเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทั้งสองคนกลับมาในสภาพที่ดูโทรมและทุลักทุเลแทบทุกครั้ง พอรู้ตัวอีกที เอมิลี่ก็ไม่สามารฝืนยิ้มได้อีก และ ไนเกลที่ผมเผ้ารกรุงรังก็เริ่มจะมีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ไม่เอา ! ไม่ไหวแล้ว ! ถ้ามากกว่านี้ฉันต้องทนไม่ไหวแน่ๆ เกลียด ! เกลียดพวกผู้ชายที่สุด ! ฆ่าฉันที ! ช่วยฆ่าฉันที !”
แม้เอมิลี่จะพยายามปลอบแต่ก็ไม่เป็นผล เธอหลับไปด้วยความอ่อนล้า ในขณะที่ไนเกลก็ดึงผมตัวเองซ้ำๆแล้วพูดอยู่คนเดียวว่า ‘ทนไม่ไหวแล้ว’ ตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง เหตุการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุด—
“นะ นะ ไนเกล ?”
“ไม่จริงใช่ไหม ?”
ร่างเย็นๆของไนเกลถูกเชือกมัดคอแล้วแขวนอยู่กับลูกกรง
ดวงตาเบิกกว้าง น้ำลายฟูมปาก ใบหน้ากลายเป็นสีม่วง
ไนเกลตายแล้ว….ไม่ได้ตายจากการทดลอง แต่เธอฆ่าตัวตายด้วยมือของเธอเอง
ในวันนั้นพวกชายชุดขาววิ่งวุ่นกันยกใหญ่และถามพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้น
พอเอมิลี่เล่าให้พวกเขาฟังว่าโดนผู้คุมหลายคนรุมย่ำยีพวกเธอมานานกว่าหนึ่งเดือน พวกชายชุดขาวก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไร สิ่งที่รู้มีแค่ หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่เคยเห็นผู้คุมหน้าเก่าอีกเลย
หลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น เอมิลี่ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่บ่อยครั้งเธอก็แอบร้องไห้อยู่คนเดียวทุกๆคืน
หนูทำได้เพียงนอนข้างๆเธอแล้วปล่อยให้เธอกอด อย่างน้อยก็หวังว่าจะทำให้เธออุ่นใจขึ้นซักเล็กน้อยก็ยังดี
“ไม่เป็นไรนะ ไอริน พวกเราจะต้องรอดไปด้วยกันให้ได้”
“เอมิลี่….”
“ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราคือเพื่อนกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะปกป้องเธอเอง”
“อื้ม ! เค้าก็จะช่วยปกป้องเอมิลี่เหมือนกัน !”
พวกเราให้คำมั่นสัญญาแก่กันเช่นนั้นและผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาด้วยกันเพียงสองคน
ค่ำคืนที่หนาวเหน็บก็ผ่านมาด้วยการโอบกอดและมอบความอบอุ่นให้อีกฝ่าย
วันคืนที่ต้องทนทรมานจากยาที่พวกมันฉีด เราทั้งคู่สู้ก็กับมันได้ด้วยคำพูดปลุกใจที่สองเรามอบให้แก่กัน
แต่แล้ว ในวันหนึ่ง คำสัญญาที่พวกเรามอบให้ในวันนั้นก็ถูกทดสอบด้วยโชคชะตาอันโหดร้าย
พวกชายชุดขาวที่เลวทรามได้พาเราทั้งคู่ไปที่สนามประลองแล้วออกคำสั่งด้วยเสียงอันเย็นชาไร้อารมณ์ว่า
— ภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าแกฆ่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้ พวกแกทั้งคู่จะต้องตาย
พวกมันโยนดาบให้พวกเราคนล่ะเล่ม และบอกให้เราสองคนฆ่ากันเอง
“……….”
เอมิลี่ก้มหน้าลงแล้วพูดว่าใครมันจะไปทำได้กันเล่าด้วยสีหน้าใกล้จะร้องไห้
รอบข้างคือผนังซึ่งทำจากโลหะชนิดพิเศษซึ่งต้านทานต่อการโจมตีด้วยเวทมนต์และโดยรอบก็ลงวงเวทย์คลื่นเสียงความถี่สูงที่มีพลังทำลายสมองเอาไว้ มันทำให้พวกนักวิจัยสามารถฆ่าพวกเราเมื่อไหร่ก็ได้ที่พวกมันต้องการ
“ไม่เป็นไรนะ…พวกเราทำเต็มที่แล้ว”
ในตอนนี้หนูไม่หวังอะไรอีกแล้ว
ถ้าต้องฆ่าเอมิลี่เพื่ออยู่รอด หนูขอตายไปยังจะดีซ่ะกว่า
“ขอบคุณนะ เอมิลี่”
“ไอริน….”
“เอมิลี่น่ะพยายามมามากพอแล้ว เพราะงั้นพักเถอะนะ”
เคร้ง !
เอมิลี่โยนดาบในมือทิ้งแล้วพุ่งกอดหนู เธอร้องไห้โฮออกมาเป็นครั้งแรกพลางพูดขอบคุณซ้ำๆ ทั้งๆที่หนูไม่เคยช่วยอะไรเอมิลี่เลยซักอย่าง
“เพราะมีพวกเธออยู่ ฉันถึงทนมาได้ถึงขนาดนี้ ขอบคุณนะ ”
“เค้าก็เหมือนกัน !”
“มิตรภาพของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป การได้พบเจอกับพวกเธอคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน”
“ขอบคุณนะเอมิลี่ เป็นเพราะเอมิลี่เหมือนกัน เค้าถึงยังมีชีวิตได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณนะ !”
พวกเรากล่าวขอบคุณให้กันและกัน จากนั้นเอมิลี่ก็หยิบดาบขึ้นมา
“นี่ไอริน..พวกเรามาฆ่าตัวตายด้วยกันดีกว่าไหม ? ถึงจะเจ็บ แต่ก็น่าจะดีกว่าโดนคนพวกนั้นฆ่า”
“แต่ว่า…จะทำได้หรอ ?”
ในตอนนั้นหนูรู้สึกลังเล
“ทำได้สิ…ง่ายนิดเดียว”
เอมิลี่ฉวยโอกาสที่หนูสับสน เธอหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วยัดใส่มือของหนู
“จับแน่นๆ แบบนี้ ยกขึ้นมาแล้วก็—-”
ฉึก !
สิ้นเสียงแหลมๆและเลือดอุ่นๆที่กระเซ็นใส่ใบหน้าของหนู
หนูมองสลับระหว่างดาบในมือของตัวเองที่แทงทะลุอกของเอมิลี่ ก่อนจะมองเอมิลี่ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนแรง
“อะ..อะ…เอมิลี่ ทำไม ?”
“ขอโทษนะ…ไอริน”
“ทำไม ? ทำไม ? ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆ เอมิลี่ ! มันต้องไม่ใช่แบบนี้ เอมี่ลี่ !!!!!!!”
หนูได้แต่กอดเอมิลี่ที่ร่างกายกำลังเย็นลง เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาไม่หยุดจนเปื้อนตัวเราทั้งสองคน
“ขอร้องล่ะ ! ใครก็ได้ ! ช่วยเอมิลี่ด้วย !!! ใครก็ได้ ! ให้หนูทำอะไรก็ยอม ! ฮืออออ ขอร้องล่ะ ! ช่วยเอมิลี่ ! ฮึก ! ช่วยเพื่อนของหนูที !!!”
“ไอริน….”
ทว่า เอมิลี่ที่ดวงตาเริ่มจะปิดลงอย่างช้าๆ กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วลูบแก้มของหนูเบาๆ
“มีชีวิตต่อไปแทนพวกเราทีนะ….”
“ฮืออออออออ”
“เธอต้องทำได้….กลับไปพบกับพี่สาว….อีกครั้ง”
“ไม่ๆๆๆ พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน พวกเราสัญญาว่าจะรอดไปด้วยกันไม่ใช่หรอ ?”
“ฝาก…มีชีวิต….ต่อไป….แทน…พวกเรา……เพื่อนรัก…คนสำคัญ…ของฉัน”
หลังจากนั้นเอมิลี่ก็ไม่พูดอะไรอีก
เอมิลี่ตายแล้ว…เธอตายคามือของหนู
หนูเป็นคน..ฆ่าเธอ..ฆ่าเธอด้วยมือคู่นี้เอง
“อ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา !!!!”
ได้แต่กรีดร้องและร้องไห้ราวกับคนบ้า แม้จะพยายามยื้อยุดร่างของเอมิลี่ไม่ให้ถูกพวกชายชุดขาวแย่งชิงไป แต่สุดท้ายก็โดนฟาดที่หัวอย่างแรงจนสลบ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกขังอยู่ในห้องขังแค่คนเดียว
หนูได้แต่คิดซ้ำๆอยู่ภายในห้องมืดๆว่าทำไมพวกเราต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ?
ทำไมเพื่อนๆทุกคนที่หนูรู้จักถึงต้องตาย ?
ทำไมพวกเขาต้องทำเรื่องเลวร้ายกับพวกเราถึงขนาดนี้ ?
พวกเราทำอะไรผิดอย่างงั้นหรอ ?
พวกเราทำอะไรให้พวกเขาโกรธแค้นด้วยรึไง !?
ถ้าไม่ ! แล้วทำไม ????
“ทำไมพวกเอมิลี่ถึงต้องตายด้วยล่ะ !!!”
ได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่ตัวคนเดียวในห้องมืดๆ มันช่างเหงาและเปล่าเปลี่ยวเสียเหลือเกิน
พอนึกถึงวันคืนที่เคยมีคนอยู่ข้างๆ มันก็ทำให้ข้างในอกรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากยิ่งกว่าโดนยาแปลกๆของพวกนักวิจัยเสียอีก
กลัว…กลัวเหลือเกิน
พี่ริซช่วยหนูด้วย !
ไม่เอาแล้ว ไม่อยากอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว !!!
ทว่า พอรู้สึกตัวอีกที วันคืนที่ผ่านไปอย่างโดดเดี่ยวก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นานหลังจากการตายของเอมิลี่ หนูก็ได้พบกับไนเกลอีกครั้ง
“การผ่าตัดเพิ่มแก่นผลึกแห่งความว่างเปล่า เริ่มได้ !”
แก่นผลึกแห่งความว่างเปล่า…แร่สีขาวซึ่งหนูเคยเห็นไนเกลได้รับการผ่าตัดเข้าไป..นั่นคือสิ่งที่เคยอยู่ในตัวของไนเกลไม่ผิดแน่ๆ
หนูได้รับแก่นมนตราของไนเกลเพิ่มมาอีกชิ้นรวมเป็นสาม
ความทรมานที่ได้รับหลังการผ่าตัดเพิ่มเป็นทวีคูณ
ทัศนวิสัยกลายเป็นสีแดง รู้สึกเหมือนกับร่างกายของตัวเองจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
ไม่มีใครที่อยู่ข้างหนูแล้วคอยให้กำลังใจอีกต่อไปแล้ว
ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงร่างกายอันทุกข์ทรมานอยู่เพียงคนเดียว
ทว่า พอนึกขึ้นได้ว่า ข้างในอกของหนูมีส่วนหนึ่งของไนเกลอยู่ หนูก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย
จะต้องผ่านไปให้ได้ ก็ไนเกลอยู่ข้างๆหนูแล้วนี่นา
หนูคิดเช่นนั้น และ ในท้ายที่สุด หนูก็ผ่านมันมาได้จริงๆ
ขอบคุณนะไนเกล….
แม้จะยังทรมานจากยาที่ได้ทุกๆคืน แต่พอเวลาผ่านไป หนูก็เริ่มชินกับความเจ็บปวดอีกครั้งและทนต่อความโดดเดี่ยวได้มากขึ้น ระหว่างนั้นก็พยายามคิดหาคำตอบว่าทำไมพวกเราต้องเจอเรื่องพวกนี้ด้วย ? ทำไมพวกเขาถึงต้องทำเรื่องโหดร้ายกับพวกเรามากขนาดนี้ ?
“คราวนี้ ให้คนที่ครอบครองแก่นมนตราแค่สองชิ้นมาเจอกับสามชิ้นเป็นไง ?”
หลังจากนั้น พวกมันก็บังคับให้หนูสู้กับเด็กๆคนอื่นๆ
“ไม่นะ…ผม..ยังไม่อยากตาย”
“ขอโทษนะ….”
เพื่อที่จะมีชีวิตรอด หนูเลยต้องฆ่าพวกเขา…มิตรสหายที่เคยเผชิญเรื่องแย่ๆมาด้วยกันเหมือนกับหนู
หลังจากนั้นทุกครั้งที่ฆ่าใครซักคนไป หนูก็ทำได้แค่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียวตลอดทั้งคืน
“คราวนี้ลองโดนรุมหน่อยเป็นไง ?”
จากหนึ่งศพกลายเป็นสามศพ
“เยี่ยมมาก ! แข็งแกร่ง ! ถ้าเป็นแบบนี้ เด็กคนนี้จะต้องกลายมาเป็นไพ่ตายของพวกเราได้แน่ !”!”
ทีล่ะศพสองศพ มือคู่นี้ได้พรากชีวิตของเด็กๆที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวของหนูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งหนูก็ลืมไปแล้วว่าหนูได้ลงมือฆ่าไปกี่คนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด
แม้ตอนแรกจะเศร้าโศกเสียใจ แต่พอเวลาผ่านไป มันก็ค่อยๆชินชาอย่างช้าๆ
ความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจที่เกิดขึ้น มันทำให้หนูรู้สึกกลัวตัวเองมากๆ
‘ปกติน่า’
เสียงแปลกๆเริ่มดังขึ้นมาในหัวตอนที่อยู่ตัวคนเดียว
‘ไม่เป็นอะไร เธอทำได้ดีแล้ว’
มีเสียงให้กำลังใจดังก้องขึ้นมาในหัวของหนู
‘เธอและเด็กพวกนั้นไม่ผิด…ที่ผิดคือพวกมันต่างหาก’
พวกมัน…อย่างงั้นหรอ ?
ในตอนที่เสียงในหัวบอกกับหนู หนูก็นึกถึงคำพูดของพวกนักวิจัยที่อยู่ในห้องทดลองขึ้นมาได้
“ฮ่าๆๆๆ เยี่ยมยอด ! นี่คือการค้นพบครั้งสำคัญของมวลมนุษยชาติ”
“ด้วยเทคโนโลยีนี่ อารยธรรมของพวกเราจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปอีกเป็นร้อยๆปี !”
“จะจักวรรดิ เผ่าเอลฟ์ เผ่าปีศาจ หรือ พวกมังกร ! ด้วยพลังของเด็กพวกนี้ มันก็จะไม่มีอะไรที่จะทำลายประเทศนี้ได้อีกแล้ว !”
“พวกเราจะครองโลกนี้ใบไปด้วยกัน ฮ่าๆๆๆๆ เยี่ยมไปเลย ! ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติจะต้องจารึกเอาไว้ถึงความสำเร็จของพวกเรา”
“แด่โคงการวีรชนเทียม”
“““““ แด่โครงการวีรชนเทียม !”””””
มนุษยชาติอย่างงั้นหรอ ?
ครองโลกอย่างงั้นหรอ ?
อารยธรรมอย่างงั้นหรอ ?
เพื่อของพรรคนี้ถึงทำให้พวกเราทุกข์ทรมานมากถึงเพียงนี้ ?
บังคับให้พวกเราฆ่ากันเองเพื่อตอบสนองกิเลส แถมยังแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญของพวกเราไป
วันคืนที่ผ่านพ้นไปพร้อมกับการที่ได้รับรู้ความจริงและสันดานอันต่ำช้าของพวกมนุษย์ มันทำให้หนู…ไม่สิ พวกเราสาบานกับตัวเองว่า—
“คอยดูเถอะไอ้พวกมนุษย์ ซักวันหนึ่งเราจะฆ่าล้างพวกแกทุกตัวให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว !!!”
มนุษย์คือความผิดพลาด
มนุษย์คือสิ่งที่ต้องกำจัด
โลกใบนี้คงอยู่ได้โดยไม่มีมนุษย์
เพื่อล้างแค้นให้กับพวกพ้องที่จากไปของเรา และเพื่ออนาคตของโลกใบนี้
โลกที่ไม่มีมนุษย์อยู่จึงกลายมาเป็นเป้าหมายของตัวเราผู้นี้
ให้คำมั่นสัญญากับพวกพ้องที่อยู่ข้างในตัวของเรา จากนั้นก็คอยหาโอกาสเพื่อทำการล้างแค้นเสมอมา
เวลามันสั่งอะไร เราก็ทำตามอย่างว่าง่าย
พวกมันทำให้ตัวเราเก่งขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าพลังที่มอบให้ เราจะใช้มันเพื่อทำลายพวกมันทุกๆตัว
ฮ่าๆๆๆๆๆ
คอยดูเถอะ !
ซักวัน เราจะมองพวกแกจากในห้องกระจก
เราจะคอยเฝ้ามองสีหน้าที่สิ้นหวังของพวกแกในตอนที่รู้ว่าความหวังอันบิดเบี้ยวของพวกแกได้ย้อนกลับมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกแกรักจนไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียว
เหมือนกับที่พวกแกทำกับพวกเรายังไงล่ะ ไอ้พวกมนุษย์ !
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เราทำเพียงแค่สะสมพลัง รอจนกว่าโอกาสหลบหนีจะมาถึง
จากนั้นเราเมื่อเราหนีออกไปได้…ไอริน ผู้นี้จะล้างบางมนุษยชาติให้หมดเอง !!!
Chapters
Comments
- ตอนที่ 38 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 37 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 36 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 35 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 34 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 33 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 32 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 31 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 30 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 29 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 28 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 27 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 26 พฤษภาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 24 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 23 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 22 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 21 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 18 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 17 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !? เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14: น้องสาวผู้น่ารักของฉันมีมากกว่าหนึ่งคน !? เมษายน 28, 2022
- ตอนที่ 13: น้องสาวผู้น่ารักของฉันฝึกทำอาหาร เมษายน 27, 2022
- ตอนที่ 12: การเดินทางของพวกเขาทั้งหลาย เมษายน 26, 2022
- ตอนที่ 11: พี่สาวของหนูต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป เมษายน 24, 2022
- ตอนที่ 10: พี่สาวของหนูพูดอะไรบางอย่างที่น่าจะสำคัญ เมษายน 23, 2022
- ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ เมษายน 21, 2022
- ตอนที่ 8: น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอมพูดเปิดใจนิดหน่อย เมษายน 20, 2022
- ตอนที่ 7: น้องสาวผู้น่ารักของฉันช่วยปกป้องคุณพี่สาวด้วยล่ะ ! เมษายน 19, 2022
- ตอนที่ 6: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเเสดงความเป็นห่วงด้วยล่ะ ! เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 5: เพื่อจบความขัดเเย้ง การเสียสล่ะคือสิ่งที่จำเป็น เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 4: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเข้าวัยต่อต้าน !? เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 3: ไม้ต่อ เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 2: เเยกจาก เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นภายในห้องขังอันอับชื้น เมษายน 18, 2022
MANGA DISCUSSION