ตอนที่ 38
เข้าห้องน้ำไปแป๊ปเดียว รู้ตัวอีกทีนอแมนก็กลายเป็นเด็กทารกไปซ่ะแล้ว
มารอบนี้ฉันและไอรินไม่รู้จะตบมุขอะไรได้อีก
“โอ๋ๆๆ”
ฉันค่อยๆอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา
ร่างเล็กๆถูกห่อหุ้มอยู่ในผ้าขาว นิ้วมือขาวๆถูกรวบรัดเข้ากลางลำตัว
พวงแก้มขาวๆแลดูนิ่มย้วยน่าจิ้มเล่น
เส้นผมบางๆสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ค่อนหัว
ตัวเล็กๆน่ารักๆ ทำเอานึกถึงไอรินที่แสนจะน่ารักเมื่อครั้งยังร้องอ้อแอ้ๆ
น้ำหนักที่เบาหวิวปานขนนกก็ทำเอาทางนี้ตื่นเต้นเล็กน้อยตอนไกวทารกในอกไปมา
“อ้ะเฮะๆๆๆๆ”
ทารกในอ้อมแขนส่งเสียงหัวเราะน่าขันตอนที่ฉันอุ้มเด็กคนนี้และเซตัวซ้ายขวาไปมาราวกับไกวเปล
“สมแล้วที่เป็นพี่ริซ ทั้งๆที่เจอกันครั้งแรกก็ทำให้เด็กคนนี้ติดแจได้เลย แต่ว่า—”
“นี่เราน่ะ จะอิจฉาเด็กทารกตัวแค่นี้ไม่ได้นะ”
“ฮึ ! เปล่าซักหน่อย”
แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ฟังจากน้ำเสียงและท่าทางหันหน้าหนีแบบนี้ มองยังไงก็ไม่ใช่นะ
เพราะงั้นก็เลยยัดเด็กคนนี้ให้ไอรินอุ้มซ่ะเลย
“อ๊ะ !”
พออยู่ๆโดนฉันจับทารกตัวน้อยยัดใส่มือ ไอรินก็ร้องเสียงหลง
“หะ หะ เหวอออ ทำอะไรของพี่ริซกันคะ !? เดี๋ยวหนูก็ทำหลุดมือพอดี !!!”
“มือข้างหนึ่งประคองหลังคอ ส่วนอีกข้างประคองหลัง นั่นแหล่ะๆแบบนี้แหล่ะ ถูกแล้ว เก่งมากจ้ะ”
แม้ตอนแรกจะกล้าๆกลัวๆ แต่ไม่นานไอรินที่ท่าทางแก้ๆกังๆก็ทำตามท่าที่ฉันแสดงให้ดูจนท่าอุ้มเริ่มดูมั่นคงขึ้นมา
“เบาจัง ?”
“ใช่ไหมละ ? ทำเอานึกถึงไอรินเมื่อสมัยก่อนเลย”
“อึก ! มาพูดระลึกความหลังตอนที่หนูจำความไม่ได้ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”
แม้จะบ่นอุบอิบและเบือนหน้าหนีด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไอรินก็ก้มหน้ามองทารกน้อยในอกไม่วางตาและลองแกว่งไปแกว่งมาเบาๆตามที่ฉันเคยทำให้ดู
“อะเฮอะๆๆๆ”
“เป็นเสียงหัวเราะที่ประหลาดซ่ะจริง ”
“ไอรินก็เคยผ่านช่วงเวลาที่หัวเราะแบบนี้มาก่อนเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
“พะ พะ พูดมากน่าพี่ริซ ! ถ้ายังแซวหนูต่อ หนูจะไม่พูดด้วยแล้วนะ !”
“โอ๋ๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้”
ฉันลูบหัวไอรินที่ทำแก้มป่อง แต่ถึงอย่างงั้นสายตาที่เธอมองเด็กทารกในอ้อมแขนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“กำลังคิดอะไรอยู่หรอ ?”
พอฉันถามออกไป ไอรินก็ตอบกลับมาทันทีอย่างไม่ลังเล
“หนูแค่กำลังคิดว่าเด็กคนนี้ไม่น่าโตเลย ถ้าเป็นทารกแบบนี้ตลอดไปก็ดีสิ ถ้าซักวันต้องเติบโตกลายเป็นพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจพวกนั้น สู้เป็นทารกไปตลอดชีวิตแบบนี้ยังจะดีซ่ะกว่า”
“นั่นสิ….พอไอรินพูดแบบนั้นแล้วก็ทำเอานึกถึงไอรินในสมัยที่ตามเกาะแล้วร้องหาพี่จ๋าๆตลอดเวลาเลยแฮะ”
“อึก ! ก็บอกว่าเลิกย้อนความเรื่องที่หนูจำไม่ได้ยังไงเล่า !”
“ฮุๆไม่แซวหรอกน่า พี่ก็แค่จะว่าไงดีล่ะ— ”
มองไปที่อ้อมแขนอันว่างเปล่าของตัวเองในตอนนี้ ก่อนจะมองไอรินที่ทำแก้มป่อง หากแต่แขนสองข้างของเธอก็กำลังโอบอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งเอาไว้เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งตัวฉันก็เคยอุ้มเธอแบบนั้นมาก่อน
“ยะ ยะ ยิ้มอะไรของพี่ริซกันเนี่ย ? น่าหยะแหยงที่สุดเลยอ่ะ ”
“เอ๋ ? ไหงงั้นล่ะ พี่ก็แค่รู้สึกมีความสุขนิดๆหน่อยเองนะ”
“ไม่เลย ! ไม่จริงซักนิด ! ยิ้มแบบนั้นต้องกำลังล้ออะไรหนูอยู่ในใจอีกแน่ๆเลย ฮึ !”
โธ่ๆ อะไรกันเด็กคนนี้ ขี้ระแวงจังน้า~
แต่ว่า พอนึกถึงตัวฉันตอนเป็นเด็กๆที่ถูกผู้ใหญ่มองด้วยสายตาแบบนี้บ้าง บางทีตอนนั้นฉันเองก็คงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวทำอะไรไม่ถูกเหมือนไอรินในตอนนี้ที่ไม่ยอมมองหน้าฉันและพยายามห้ามไม่ให้ฉันพูดถึงตัวเธอในอดีตก็เป็นได้
“มนุษย์นี่ดีจังนะ….”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย”
ฉันมองไอรินที่แม้จะเถียงออกมาแบบนั้น แต่เธอก็ยังคงประคองทารกในอ้อมแขนอย่างเบามือ
ในใจของฉันในตอนนี้รู้สึกว่ามันพองขึ้นมาอย่างน่าประหลาดจนชวนให้ดวงตารื้นน้ำขึ้นมานิดหน่อย
“อึก ! อะไรของพี่ริซกันเนี่ย อยู่ๆก็ร้องไห้เฉยเลย !?”
“มะ มะไม่ได้ร้องซักหน่อย นี่น่ะคือสสารไอรินเนี่ยมที่เอ่อล้นออกมาทางดวงตาต่างหาก !”
“โกหกชัดๆ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องโดยเอาชื่อหนูไปใช้ตั้งชื่อแปลกๆเลยนะ !!!”
เรามองหน้ากันซักพักหนึ่ง บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบเล็กน้อย จนกระทั่งอยู่ๆเราทั้งคู่ก็ขำออกมาพร้อมๆกัน
“ฮ่าๆๆ อะไรของพี่ริซกันคะ เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้”
“ฮุๆ จะว่าไงดีล่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน แต่บางทีซักวันไอรินก็อาจจะเข้าใจพี่ก็ได้นะ—”
ว่าแล้ว ฉันก็สวมกอดน้องสาวของฉันที่กำลังอุ้มทารกน้อยคนนั้นอีกที จากนั้นก็วางแก้มลงบนไหล่ของเธอเบาๆ
“— การเติบโตของมนุษย์เรา มันคือสิ่งที่งดงามที่สุดในชีวิต ในสายตาของใครบางคนเลยล่ะ ไอริน……”
ได้ยินดังนั้น ไอรินก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวพิงอกของฉันและประคองทารกน้อยในอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น
“ฮึ ! ไม่เห็นจะเข้าใจเลย พี่ริซชอบพูดเรื่องเข้าใจยากตลอด ”
“ก็คงงั้นแหล่ะ แต่ก็รักไอรินที่สุดเลยนะ”
“ฮึ !”
ไอรินส่งเสียงฮึดขึ้นจมูก แต่กระนั้นใบหูของเธอที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็พูดแทนปากของเธอที่ไม่ยอมซื่อตรงกับใจตัวเองเฉกเช่นทุกครั้ง
อ่อ จะว่าไปแล้ว เกือบลืมเล่าไปซ่ะสนิท
เกี่ยวกับเด็กคนนี้ ความจริงแล้วก่อนที่เราทั้งคู่จะผลัดกันอุ้ม พวกเราลองเช็คสภาพร่างกายของเด็กคนนี้ดูนิดหน่อย
อื้ม….ดูเหมือนเด็กคนนี้จะเป็นเด็กผู้หญิงละ
ฉันและไอรินมั่นใจแน่นอนว่าตอนที่เห็นนอแมนถูกพวกกุ้ยจับแก้ผ้าและทิ้งไว้กลางทาง นอกจากตูดแห่งนอแมนแล้ว เราทั้งคู่ก็ดันเหลือบไปเห็นหนอนน้อยของนอแมนด้วย
แน่นอนว่าตอนนั้นเสียสายตาซ่ะจนอยากจะเข้าโบสถ์ไปล้างตาให้ลืมๆไปให้หมด แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้พวกเรารู้ว่า นอแมนเป็นผู้ชาย 100 %
เพราะงั้นเด็กคนนี้ไม่มีทางเป็นนอแมนที่ถูกย้อนอายุหรืออะไรเทือกๆนั้นแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่า นอแมน หายไปไหน พวกเราก็ไม่รู้หรอกนะ
เด็กคนนี้มาได้ไง ? นอแมนหายไปไหน ?
บางทีคำตอบของคำถามพวกนั้น คงอยู่ในแผนบ้าๆของนอแมนที่เสนอขึ้นมา ก่อนหนีไปห้องน้ำแน่ๆ
“เอาล่ะ…ทีนี้จะทำไงดีนะ”
อยู่ๆดี นอแมนก็ถูกแทนที่ด้วยทารกจากที่ไหนก็ไม่รู้ แถมนอแมนก็ไม่ได้ฝากข้อความหรือทิ้งอะไรไว้ให้ แล้วอีหรอบนี้ ฉันจะบอกคุณพ่อบ้านยังไงดีเนี่ย ?
“เฮ้อ….ช่างเป็นคนที่สร้างปัญหาเก่งจริงๆ เจ้าหมอนี่”
ฉันได้แต่บ่นอยู่ในใจ
แต่ก่อนที่จะหาทางแก้ต่างได้ แขกที่ไม่คาดคิดก็โผล่ขึ้นมาเสียก่อน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ซอมบี้ ?”
“อะแฮ่มๆ กรุณาอย่าเสียมารยาทกับท่านเจ้าบ้านด้วยครับ”
วินาทีที่ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ไอรินก็ตั้งท่าเตรียมบวกโดยไม่รอช้า
ทว่า พ่อบ้านเอลวินก็ออกมาขวางและกระแอมไอเพื่อเตือนไอรินให้เรียกชื่ออีกฝ่ายให้ถูกต้อง
“นี่คือท่านบาเรน ลอร์ด คลอธแลนด์…นายท่านของกระผม ผู้เป็นคนว่าจ้างพวกเธอให้มาทำภารกิจในครั้งนี้ ”
เขาคือชายแก่ท่าทางเงียบขรึมดูไม่มีอัธยาศัย หัวที่เกือบจะล้านมีผมหงอกเส้นบางๆอยู่เป็นหย่อมๆ
ในขณะที่ใบหน้าและผิวกายโดยรอบก็แห้งผากและเหี่ยวย่น
ใบหน้าดูซูบผอมไม่มีน้ำมีนวลหรือเค้าโครงของชั้นไขมันซักเท่าไหร่ รูปร่างก็ค่อนข้างผอมแห้งราวกับใบไม้ จะมองแขนที่เลยผ่านชายเสื้อว่าเป็นกิ่งไม้ก็คงไม่แปลก
แถมดวงตาที่ลึกโปนนั่นก็ดูมืดมนจนเดาใจไม่ถูก ทว่า บรรยากาศที่แผ่ออกมาก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นชายแก่ใจร้ายท่าทางเรื่องมาก
สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเป็นมหาเศรษฐี มันก็คงมีแต่เสื้อคลุมสีมรกตดูดีมีราคาที่สวมทับอยู่เท่านั้นแหล่ะ
“ไปคุยกันทีอื่นเถอะ—”
เศรษฐีที่ชื่อบาเรนคนนั้นฃกวาดสายตามองดูพวกเราและทารกในอ้อมแขนด้วยสายตาที่เย็นชาไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดจาห้วนๆแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ
“เดี๋ยวกลับไปที่ห้องรับแขกกันก่อนล่ะกันครับ ว่าแต่พี่ชายของท่านทั้งสองหายไปไหนงั้นหรือครับ?”
พอฉันชี้ไปที่ทารกในอ้อมแขนของไอริน คุณพ่อบ้านก็ถึงกับเอียงหัวแล้วถามซ้ำอีกรอบ
.
.
.
.
.
.
.
“ไม่มีกับดักอันไหนที่สามารถเปลี่ยนอายุขัยให้ย้อนกลับไปเป็นเด็กได้ทั้งนั้นแหล่ะ”
“งั้นหรอคะ….”
เพราะไม่รู้จะแถยังไงอีกดี ฉันเลยลองแกล้งถามไปว่านอแมนไปโดนกับดักตัวไหนในคฤหาสน์ที่มีคำสาปทำให้กลายเป็นเด็กทารกไปรึเปล่า
บางทีคำถามของฉันคงดูแฟนตาซีไปหน่อย เพราะแม้แต่ไอรินยังทำหน้าแหยงทำนองว่า ‘เพ้ออะไรของพี่ริซอีกแล้วเนี่ย’ ใส่เลยด้วย อึก ! เหมือนโดนดาเมจทางจิตใจนิดหน่อย แต่ความรู้สึกเจ็บปวดตอนโดนไอรินจ้องด้วยสายตาแบบนั้น มันก็ชวนให้เสียวซ่านดีเหมือนกัน…..ว่าไปนั่น ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจไอรินที่มองฉันด้วยสายตาแบบนั้นแน่นอน
กลับมาจริงจังกันดีกว่า
พอรู้ว่า นอแมน หายตัวไป เศรษฐีบาเรนก็ส่ายหัว
“วุ่นวายเสียจริง….แต่ถ้าหายตัวไปแบบนี้ ข้าก็คงไม่มีอะไรต้องพูดอีก”
สายตาที่เย็นชาไร้อารมณ์เหลือบมองเด็กทารกที่ฉันอุ้มอยู่ ก่อนจะมองมาที่ฉันและไอริน
“ในเมื่อไม่สามารถทำภารกิจที่ข้าจ้างวานได้ งั้นพรุ่งนี้เช้าพวกแกทั้งสามคนก็เก็บข้าวเก็บของออกไปจากคฤหาสน์ของข้าให้เรียบร้อย”
“เอ๋ ? ”
คำสั่งอันกระทันหันของเขาทำเอาฉันไปไม่ถูก
“แต่ว่า นอแมน ?”
“ไม่ใช่เรื่องของข้า ยังไงการหายตัวไปของมันก็ไม่ได้มีต้นเหตุมาจากข้าอยู่แล้ว การที่ผู้ชายคนนั้นหายไปที่ไหน มันคือปัญหาของพวกแกเอง ไม่ใช่รึ ?”
“บางทีอาจเป็นเพราะกับดัก—”
“ไร้สาระ กับดักพรรคนั้นไม่มีติดตั้งในคฤหาสน์อย่างแน่นอน เลิกทำให้ข้าเสียเวลาเปล่าได้แล้ว ข้าไม่มีธุระกับคนที่ไม่คิดจะรับภารกิจของข้า เพราะงั้นขอตัวเพียงเท่านี้ — เอลวิน”
“ครับ ?”
“จัดการเรื่องเงินให้พวกนางซ่ะ”
“ครับ !”
ได้ยินดังนั้น พ่อบ้านเอลวินก็หยิบเงินถุงหนึ่งยื่นให้พวกเราที่อยู่อีกฟากของโต๊ะ
“นี่คือ ?”
“เงินชดเชยค่าเสียเวลาครับ”
“คะ ?”
นี่มัน ? หมายความว่าพวกเราทั้งคู่ถูกปฏิเสธไม่ให้รับทำภารกิจนี้อย่างงั้นหรอ ?
“ถ้าขาดผู้ชายคนนั้นไป ยังไงพวกแกก็คงไม่มีปัญญาทำอะไรได้อยู่แล้ว เพราะงั้นรับเงินนี่ไปแล้วก็รีบๆไสหัวไปซ่ะ การที่ข้าให้พวกแกนอนค้างและให้เงินไปฟรีๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย นี่ก็ถือว่าใจดีมากเกินพอแล้ว ไม่อนุญาติให้โต้แย้ง ข้าไม่มีธุระอะไรกับพวกแกอีก”
หลังจากที่พูดฉอดๆใส่ ชายชราก็ยืนขึ้นและทำท่าจะเดินจากไป
ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดพอสมควรที่แวะมาเสียเที่ยว
ช่างน่าแปลกที่เขาไม่สงสัยเลยว่านอแมนหายไปไหน แล้วก็ไม่ถามอะไรเพิ่มเติมจากพวกเรา นอกเสียจากพอคิดว่าพวกเราไม่น่าจะมีประโยชน์สำหรับเขา เศรษฐีคนนี้ก็พร้อมจะขับไล่ไสส่งไปแบบไม่ใยดี
ไม่เข้าใจความคิดของเขาเลย
ผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ ?
ไม่แสดงท่าทีประหลาดใจเลยว่านอแมนหายไปไหน ไม่กลัวอย่างงั้นหรอว่าระหว่างที่คุยกันนี่หมอนี่จะเป็นผู้บุกรุกที่แอบไปขโมยของในคฤหาสน์
แถมเรื่องเกี่ยวกับวงเวทย์ติดตาม พ่อบ้านเอลวินก็ไม่ได้เล่าให้ฟังงั้นหรอ หรือว่า เขารู้แต่ไม่คิดจะพูดกันแน่ ?
ทำไมผู้ชายคนนี้กลับไม่สนใจเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วปล่อยผ่านไปง่ายๆเช่นนี้ละ ?
ราวกับว่าถ้าสิ่งใดไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเขา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องสนใจอะไรอย่างงั้นเลย
ทว่า ก่อนที่ฉันจะได้แย้งอะไรออกไป ไอรินกลับพูดตัดหน้าเสียก่อน
“หืม ? นี่ตัวเราผู้นี้กำลังโดนดูถูกอยู่อย่างงั้นหรอ ?”
เสียงเย็นชาที่ดังขึ้นทำเอาพ่อบ้านเอลวินสะดุ้งเล็กน้อย ทว่า ชายชราผู้ถูกจับจ้องด้วยดวงตาสีไพรินที่เริ่มจะเปล่งแสงสีแดงออกมาเล็กน้อยก็หาได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด
“จะบอกว่าเราทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีขยะแมนอยู่เนี่ยนะ ? จะดูถูกกันเกินไปรึเปล่า ?”
“ดะ ดะ เดี๋ยวเถอะไอริน !”
ไอรินที่พูดเช่นนั้นยืนขึ้นและชี้หน้าบาเรน ก่อนที่ฉันจะทันได้ห้ามเธอ
“หรือว่าไม่จริง ?”
“มันก็ต้องไม่อยู่แล้ว ! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ !!! ไอ้มนุษย์น่ารังเกียจหนังเหี่ยวเหม็นเปรี้ยวเยี่ยวไม่ราดที่สุดแสนจะน่าสมเพชเหมือนซอมบี้ตากแห้งที่เลียนแบบภาษาคน !!!”
กรี๊ดดดด ไอรินนนนนนนนนนนนน ใครสอนน้องให้พูดจาหยาบคายแบบนี้กันเนี่ย ? พี่ไม่ได้สอนนะ !!! ไม่ได้สอนให้น้องพูดจาแบบนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“เอ่อ…นั่นท่านเจ้าบ้าน”
เอลวินก็คงไม่ทันคิดเหมือนกันว่าอยู่ๆเจ้านายของตัวเองจะโดนด่ารัวๆแบบนี้
เขาเลยทำท่าจะเข้ามาห้ามไอริน แม้ขาจะสั่งหงึกๆ
ทว่า บาเรนกลับยกมือขึ้นห้ามพ่อบ้านของตนโดยไม่หวั่นเกรงไอรินที่เลือดขึ้นหน้าแต่อย่างใด
“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม ? ถ้าเกลียดข้านักล่ะก็ พวกแกจะไสหัวไปคืนนี้เลยก็ได้ ต่อให้ไม่มีพวกแก ข้าก็จ้างนักผจญภัยคนอื่นมาแทนได้ไม่มีปัญหา”
“หา ??? ก็ช่างเรื่องนั้นมันสิ ! ใครจะไปสน !? แต่ที่แน่ๆ แกถอนคำพูดที่ดูถูกพวกเราว่าเหมือนขยะแมนเดี๋ยวนี้เลยนะ !!!”
“เหตุใดข้าต้องถอนคำพูดให้กับเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกด้วย”
“พูดงี้จะหาเรื่องเราจริงๆสินะ ไอ้แก่หัวล้านหน้าซอมบี้”
ไม่นะ ไอริน ! กลับไปแบบนี้ล่ะดีแล้ว ! จะได้เอาเด็กคนนี้ไปหาพ่อแม่ให้เรียบร้อยก่อน แถมเราจะได้เงินมาฟรีๆอีก แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ !?
กะอีแค่โดนดูถูกว่าเหมือนนอแมน มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร….ไม่สิ ก็เลวร้ายแหล่ะ แต่ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้อยู่
“ทะ ทะ ทั้งสองท่านช่วยกรุณาใจเย็นลงก่อน ไหงถึงได้ตีกันเช่นนี้ละ”
“ไอริน ใจเย็นก่อน พี่ว่าเรารับข้อเสนอนี้—”
คงมีแค่จุดนี้นั่นแหล่ะ ที่อยู่ๆทั้งสองคนที่เตรียมจะบวกกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็สามัคคีกันเป็นครั้งแรก
“หุบปากไปซ่ะ เอลวิน ข้าไม่มีเหตุผลต้องถอนคำพูดที่ข้าพูดกับพวกมัน”
“หา !!! พี่ริซ ? พี่กลายเป็นคนห่วยแตกพรรคนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
คะ ? เอ๋ ?
โดนไอรินว่าแบบงงๆอ่ะ
“โดนดูถูกตรงๆแบบนี้แล้วยอมปล่อยไปเพราะอีกฝ่ายเอาเงินยัดปากเนี่ยนะ ? หนูจำไม่ได้เลยนะว่ามีพี่สาวที่เห็นแก่เงินแบบนี้ ! ”
“กะ กะ ก็ไม่ได้โดนดูถูกขนาดนั้นซักหน่อย”
“หา ???? โดนดูถูกเป็นขยะแมนเลยนะ นี่มันแย่มากๆเลยต่างหาก !!!”
ไอรินจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาไม่พอใจอย่างแรง
“แล้วอีกอย่างพี่ริซยังจะมีหน้ามาภาคภูมิใจอย่างงั้นเรอะกับเศษเงินที่ไอ้พวกหมูโสโครกพวกนี้มันยัดมาให้ เพื่อเป็นค่าปิดปากไม่ให้โต้เถียงตอนที่โดนพวกมันดูถูกเหยียดหยาม !”
“เอ่อ เรื่องนั้น….”
“ถ้ากะอีแค่เรื่องแค่นี้ ยังเอาเงินปิดปากได้ งั้นในอนาคตถ้าเรื่องใหญ่กว่านี้ก็คงโดนเอาเงินปิดปากได้เหมือนกันนั่นแหล่ะ !!! เงินที่ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มันมีอะไรน่าภูมิใจตรงไหนกัน ! ถ้ารับเงินและหนีหางจุดตูดไปตอนนี้ แล้วแบบนี้พี่ริซจะโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันคะ !?”
เอ๋ ? ดะ ดะ โดนไอรินสั่งสอนใส่แบบงงๆเฉยเลย
“เพราะงั้นต่อให้เอาเงินเป็นพันล้านมากอง เราก็ไม่รับ ! ไอ้พวกตาแก่เฮงซวยที่แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยเงิน เราน่ะเกลียดที่สุดเลย …. ฮึ ! แถมเงินที่พวกแกเอามาให้พวกเรา มันก็คงเป็นเงินที่พวกแกไปขูดรีดมาจากประชาชนตาดำๆอีกทีอยู่ดี ! ใช่ ! เพราะเป็นแบบนี้ไงล่ะ เราถึงได้เกลียดพวกมนุษย์”
“เอ่อ..ไอรินใจเย็นก่อน”
“ไม่ค่ะ ! มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่หนูไม่มีทางยอมรับอีกเป็นครั้งที่สอง ”
“ครั้งที่สอง ?”
“เราจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นพี่ริซอีกแล้ว ! แม้ว่ามันคนนั้นจะเป็นพระเจ้าก็ตาม”
ฟังไปฟังมา ถึงจะดูร้อนแรง แต่น้องสาวของเราดุจูนิเบียวหน่อยๆแฮะ
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ !”
“ขอปฏิเสธ —”
“นายท่านนนน อย่าทำตัวเป็นเด็กๆจะได้ไหมครับ ?”
คุณเอลวินก็ยังคงช่วยปราม ? ….เอ่อ เหมือนรอบนี้เขาจะหลุดใจจริงออกมาด้วยแฮะ
“ฮึ่ย ! น่ารำคาญซ่ะจริง ! ก็ได้ !!! ถ้าในเมื่อไม่ยอมฟัง งั้นเราจะพิสูจน์ให้เองว่าที่แกพูดมันผิด”
“พิสูจน์ ? คิดจะรับภารกิจนั่นอย่างงั้นเรอะ ? ทั้งๆที่ไม่มีนอแมนอยู่ด้วย แต่แกยังคิดว่าพวกแกสองคนจะไปกันรอด”
“ใช่ ! ถ้าเรากับพี่ริซจับคู่กัน ความแข็งแกร่งของพวกเราจะต้องทะลุทะลวงไปถึงสวรรค์อย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ เพราะอย่างงั้นเราจะรับภารกิจของแกเอง ! และถ้าทำสำเร็จก็จงถอนคำพูดเมื่อกี้ซ่ะ !!!”
ทำไมประโยคของไอรินถึงได้ดูเหมือนลอกมาจากหนังหรือการ์ตูนซักเรื่องเลยล่ะนั่น ?
น้องของเราของขึ้นกับเรื่องไม่เป็นเรื่องและแสดงความจูนิเบียวออกมาอีกแล้วหรอเนี่ย ?
อื้มๆ แต่ท่าทางที่แนวแน่ตอนลุกขึ้นมาชี้หน้าบาเรนนี่ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย
อะแฮ่มๆ ไม่ๆพอก่อน ถ้ามองไอรินมากไปกว่านี้ เดี๋ยวคงได้ร้องบทเพลิงสรรเสริญไอรินในใจต่อ จนเนื้อเรื่องไม่ขยับไปไหนเลยแน่ๆ
ว่าแล้วก็จ้องไปยังมหาเศรษฐีบาเรนซึ่งมองไอรินกลับด้วยสายตาที่เย็นชา
ระหว่างดวงตาของทั้งคู่ที่มองแรงใส่กัน มันมองเห็นราวกับว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นมายังไงอย่างงั้น
“ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ—”
“นายท่าน ?”
เป็นไปตามที่คาดไว้เลย บาเรนยอมรับข้อตกลงนั่นจริงๆด้วย
แต่ฟังไปฟังมา บทละครของทั้งสองคนก็ทำเอารู้สึกแข็งๆไม่เป็นธรรมชาติ บางทีนั่นคงเป็นเพราะสิ่งที่ทั้งสองคนทำ มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซ่ะเลย
“ถ้าพวกแกทำได้ ข้าจะคิดดูอีกที”
“ตกลง ! แกพูดแล้วนะ ถ้าโกหกล่ะก็ เราไม่ให้อภัยแน่ๆ”
“ฮึ ! ไม่จำเป็นต้องโกหกอยู่แล้ว เพราะยังไงสุดท้ายพวกแกก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก”
“จะเห่าก็ได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ ตาแก่หนังยานเอ้ย”
“พูดมากเสียจริง นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เปรี๊ยะๆๆๆ
ระหว่างที่เกิดประกายไฟระหว่างทั้งสอง ฉันก็เขยิบไปหาพ่อบ้านเอลวินแล้วถามเขาดู
“ปกติแล้ว คุณบาเรนนี่เป็นคนแบบนี้หรอคะ ?”
“เอ่อ..ก็ใช่ครับ แต่ปกติแล้วไม่ได้แสดงท่าทางรุนแรงให้เห็นขนาดนี้หรอกครับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นายท่านโต้เถียงกับเด็กๆเช่นนี้”
“อืม….ไม่เข้าใจเลยจริงๆค่ะ”
“กระผมก็…เฮ้อ…รู้สึกสับสนเช่นเดียวกันครับ”
พวกเราทั้งคู่มาอยู่ตนงโซนคนงง ส่วนไอรินและบาเรนก็ไปอยู่ตรงโซนคนเตรียมบวกกัน
บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจเลยซักนิดว่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยและไร้เหตุผลมากถึงขนาดนี้กัน ?
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘เฮ้อ ไอ้แก่หนังเหี่ยว กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวเหมือนเยี่ยวไม่ราด แถมยังหน้าตาดูน่าสมเพชจนเหมือนซอมบี้ตากแห้งที่โดนแดดมา 7 วัน แล้วก็ยังพูดภาษาคนได้ทั้งๆที่หน้าตาเหมือนซอมบี้ด้วยนะนั่น เมื่อไหร่แมร่งจะหยุดจ้องไอรินซักทีวะ’
‘นั่นสิ แค่เห็นหน้ามันก็รู้สึกไม่ถูกชะตาแล้ว’
‘แถมเงินที่เอามาให้ก็คงเป็นพวกเงินทุจริตคอรัปชั่นแน่ๆ’
‘ใช่ๆ เป็นเงินสกปรกละ’
‘ทุเรศซ่ะจริง’
ในระหว่างที่โดนไอ้ตาแก่หน้าซอมบี้พูดจาดูถูกจนรู้สึกเลือดขึ้นหน้า พวกลูกบ้านที่กำลังบ่นกันดังระงมภายในหัวของเราก็คงหงุดหงิดไม่แพ้กัน
แม้จะรำคาญเสียงในหัวที่พูดตีกันไปหมด แต่นั่นก็ทำให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา
“มันก็ต้องไม่อยู่แล้ว ! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ !!! ไอ้มนุษย์น่ารังเกียจหนังเหี่ยวเหม็นเปรี้ยวเยี่ยวไม่ราดที่สุดแสนจะน่าสมเพชเหมือนซอมบี้ตากแห้งที่เลียนแบบภาษาคน !!!”
พอเราพูดออกไปแบบนั้น ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด ไอ้เจ้าตาแก่หน้าซอมบี้ทำหน้าอึ้งออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก ส่วนพี่ริซนั้น….ไม่กล้าหันไปมองเลยแฮะ แต่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวล่ะกันที่จะขอฟาดยับใส่ตาแก่น่ารังเกียจนี่
บางทีพี่ริซก็คงสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ชอบหน้ามันขนาดนี้
ถ้าถามเหตุผลล่ะก็ เราก็คงตอบไม่ได้
นั่นเพราะว่าความเป็นศัตรูที่มีให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ มันมาจากความรู้สึกและสัญชาติญาณล้วนๆ
สายตามองราวกับประเมินค่าสิ่งของที่จ้องตัวเราและพี่ริซ มันช่างคล้ายกับสายตาของนักวิจัยพวกนั้นจนชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียน ยิ่งพอตัวมันจ้องพี่ริซของเราแล้ว มันก็ทำให้เรายิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
ทั้งบรรยากาศไม่เป็นมิตร คำพูดคำจาถากถางดูถูก แถมยังวิธีการเอาเงินฟาดหัวที่เรานั้นเกลียดแสนเกลียด
แม้ลึกๆแล้วจะสัมผัสถึงบางอย่างที่คล้ายคลึงกันระหว่างตัวเรากับมัน แต่แค่เจอหน้าชายคนนี้ครั้งแรกเราก็รู้สึกเกลียดขี้หน้ามัน อยากจะขยี้ทิ้งไปให้จบๆ แค่หายใจสูดอากาศเดียวกับมันก็รู้สึกหยะแหยงจะแย่แล้ว
ใช่…ความรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วย มันคล้ายกับตอนที่เราเจอหน้าขยะแมนครั้งแรกไม่มีผิด
จะว่าไงดี ให้พูดง่ายๆมันก็คงเป็นสัญชาตญาณนั่นแหล่ะ
สิ่งนั้นบอกให้เรารู้ว่า ทั้งตัวเรา ตาแก่นี่ แล้วก็ขยะแมน พวกเราสามคนไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างแน่นอน
แต่ถึงอธิบายออกไปแบบนั้น มันก็คงไม่มีใครเข้าใจหรอก เพราะนี่คือความรู้สึกล้วนๆ
‘ว้ากกก B2 แก้ทำอะไรล้งป้ายยยย ไอรินเรียนรู้คำศัพท์แย่ๆแบบนั้นไปจากแกอีกแล้วเนี่ย !!!’
‘นี่มันไม่ดีต่อพัฒนาการของเด็กเลยนะ B2’
‘นะ นะหนวกหูน่า B1 ! A23 ! ฉันก็แค่ตัดพ้อเฉยๆเฟ้ย ใครมันจะไปรู้กันฟร่ะว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พอได้ทีนี่ พวกแกเอาใหญ่เลยนะ !’
‘ไม่ดีนะทุกคน อย่าทะเลาะกันต่อหน้าไอรินสิ เดี๋ยวไอรินก็ซึมซับพฤติกรรมแย่ๆของพวกเธอกันพอดี’
‘สรุปนี่พวกแกทุกคนเคยเป็นเจตจำนงในหัวที่ยุให้เด็กนั่นไปทำลายล้างโลกจริงดิ ?’
‘หนวกหูน่า ! ก็ไอรินจังน่ารักนี่หว่า’
‘ในฐานะผู้ปกครอง ถ้าเด็กคนนี้พูดจาหยาบคาย มันก็ต้องห้ามอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ !?’
‘นั่นมันหน้าที่ของไอริซต่างหาก ! นี่พวกแกโดนไอริซล้างสมองกันไปหมด ตอนยืมร่างของไอรินไปนอนหนุนตักไอริซกันหมดแล้วสินะ ! อย่าปล่อยให้นังจิ้งจอกนั่นมาล่อลวงสิเฮ้ย เห็นนมเป็นไม่ได้เลยนะ’
หืม ? เมื่อกี้เหมือนได้ยิน A753 พูดอะไรแปลกๆด้วยละ
‘แก้ !!! ไอ้ A753 เดี๋ยวก็ความแตกกันพอดี’
‘ไม่มีอะไรจ้าไอริน A753 มันก็แค่ละเมอเฉยๆเองเนอะ ใช่ป่าวทุกคน’
‘ใช่ๆๆๆ’
‘แม่นแล้วจ้า’
‘ไม่เคยยืมร่างไอรินจังไปใช้ตามใจชอบเลยเนอะ !’
‘ฮ่าๆๆๆ เมื่อกี้ไอรินน่าจะหูฝาดไปเองรึเปล่า ?’
เอ๋ ? งั้นหรอ
‘ใช่แล้วๆ’
เข้าใจแล้ว
‘เฮ้อ….’
‘รอดแล้ว…….’
เดี๋ยวจบเรื่องนี้แล้ว A753 มาคุยกับเราทีหลังด้วยล่ะ
‘เชี่ย !’
‘ฆ่าปิดปาก A753 เร็วเข้า !!!’
‘ม่ายน้าาาาา ใจเย็นก่อนทุกๆคน พวกเราเป็นสหายร่วมอุดมการณ์เดียวกันไม่ใช่— อั่ก !!!’
ได้ยินเหมือนเสียงคนกระอักเลือดในหัว ทว่า ตัวเราในตอนนี้ไม่มีอารมรณ์ไปสนใจความขัดแย้งของพวกลูกบ้านที่เจี้ยวจ้าวซ่ะจนน่ารำคาญ
นั่นก็เพราะว่า ตอนนี้ ไอ้แก่ตรงหน้าเรา มันช่างหัวรั้นซ่ะจน อยากจะจับบดแล้วแปรรูปให้กลายเป็นปุ๋ยชีวภาพซ่ะเหลือเกิน
“ขอปฏิเสธ —”
“นายท่านนนน อย่าทำตัวเป็นเด็กๆจะได้ไหมครับ ?”
ไอ้แก่นี่ไม่มีท่าทีจะถอนคำพูดเลยแม้แต่น้อย
‘ถ้างั้น ตามพล็อตเรื่องของพวกอนิเมะแนวต่างโลกอะไรทำนองนั้น ไอรินก็ต้องพิสูจน์ตัวเองแล้วล่ะ’
อนิเมะ ? เป็นศัพท์ที่ไม่เข้าใจ แต่ฟังดูน่าเชื่อถือจัง
‘อนิเมะ นั่นคือสิ่งที่ก่อร่างขึ้นจากการบ่มเพราะอารยธรรมของมนุษยชาติยังไงละ’
‘A 137 ! อย่าฉวยโอกาสที่พวกเรากระทืบ A753 ไปเป่าหูไอรินซิเฮ้ย !’
‘ไอริน…เธอคงรู้ดีใช่ไหมว่า เราจะตอกหน้าไอ้พวกที่มาดูถูกพวกเรายังไง ?’
เป็นคำแนะนำที่ดีมาก A 137
ขอบใจสำหรับคำแนะนำ เราจะนำไปปรับใช้อย่างดีเลย
“ฮึ่ย ! น่ารำคาญซ่ะจริง ! ก็ได้ !!! ถ้าในเมื่อไม่ยอมฟัง งั้นเราจะพิสูจน์ให้เองว่าที่แกพูดมันผิด”
“พิสูจน์ ? คิดจะรับภารกิจนั่นอย่างงั้นเรอะ ? ทั้งๆที่ไม่มีนอแมนอยู่ด้วย แต่แกยังคิดว่าพวกแกสองคนจะไปกันรอด”
ใช่…ถ้าในเมื่อคิดว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะขอลบคำสบประมาทนั่นด้วยการทำเรื่องที่แกคิดว่าทำไม่ได้ให้เป็นจริงเอง
‘ทุกคนนนนนน ห้ามไอ้เจ้า A137 เร็วววววว’
‘หืม ? เกิดอะไรขึ้นอ่ะ’
‘โทษทีทางนี้กำลังชำแหล่ะตับไตลำไส้ม้ามของไอ้เจ้า A735 อยู่ ไว้กำจัดศพมันเสร็จแล้วจะตามไปทีหลัง’
‘นี่ทุกคน…ต่อให้ A735 ตาย เดี๋ยวมันก็คืนชีพกลับมาไม่ใช่หรอ ? เราคิดว่าทำแบบนั้นไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดี’
‘ไม่เป็นไร ถ้ามันเกิดขึ้นมาใหม่ เรามีกันตั้งเยอะก็สลับกันฆ่าไอ้เจ้า A735 ก็พอ’
‘โหดร้ายไปป่าว’
‘ไม่อยากนอนหนุนตักไอริซแล้วหรอ ?’
‘—มาฆ่าแม่มต่อกันเถอะ ! ’
‘อ้ากกกก ไอรินนนนน ช่วยเค้าด้วย เค้าจะถูกไอ้พวกเหี้ยมนี้รุมฆ่าอีกแล้ว เค้ายังไม่อยากตายยยยย—อั่ก !’
‘เค ! งั้นมาแบ่งเวรกัน ไล่ตามเลขเลยนะ A 1 2 3 4 5 เอาตามนี้เนอะ’
‘ฆ่ามันๆๆๆๆๆ’
‘โอ้ววววววววววววว’
‘ทุกค๊นนนน นี่มันใช่เวลาไหมยะ !? ไอ้เจ้า A137 มันเบียวแตกอีกแล้วนะ แถมรอบนี้ มันยัง—’
‘ใช่แล้ว !!! ถ้าเป็นพลังของเราทั้งคู่ สิ่งนั้นจะต้องทะลวงไปถึงสวรรค์อย่างแน่นอน !’
‘กรี๊ดดดดด ลิขสิทธิ์ ! อีตา A137 กำลังละเมิดลิขสิทธิ์แล้วก็ปั่นหัวไอรินของพวกเราอีกแล้ว !!! ’
ด้วยคำแนะนำของลูกบ้านที่แสนดี เราจึงสามารถพูดออกไปอย่างมั่นใจด้วยวลีที่เท่บาดใจ จนแม้แต่พี่ริซยังทำหน้าอึ้ง
“แน่นอน ! ถ้าเรากับพี่ริซจับคู่กัน ความแข็งแกร่งของพวกเราจะต้องทะลุทะลวงไปถึงสวรรค์อย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ เพราะอย่างงั้นเราจะรับภารกิจของแกเอง ! และถ้าทำสำเร็จก็จงถอนคำพูดเมื่อกี้ซ่ะ !!!”
ใช่…ด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้อีกฝั่งต้องยอมจำนนในที่สุด
“ถ้าพวกแกทำได้ ข้าจะคิดดูอีกที”
“ตกลง ! แกพูดแล้วนะ ถ้าโกหกล่ะก็ เราไม่ให้อภัยแน่ๆ”
“ฮึ ! ไม่จำเป็นต้องโกหกอยู่แล้ว เพราะยังไงสุดท้ายพวกแกก็ไม่มีปัญญาทำได้หรอก”
“จะเห่าก็ได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ ตาแกหนังยานเอ้ย”
“พูดมากเสียจริง นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เรื่องราวทุกอย่างก็ตามที่ว่ามา ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงตกปากรับคำภารกิจนี้ไปเรียบร้อย
.
.
.
.
.
.
.
“ทำไมไอรินถึงพูดออกไปแบบนั้นละ ?”
แน่นอนว่า หลังจากนั้น พี่ริซก็มาถามหาเหตุผลกับหนูทีหลัง
เพราะงั้นหนูก็เลยตอบไปตามตรง
“เพราะหนูเกลียดตาแก่นั่นค่ะ !”
“แต่ถึงอย่างงั้น ทำไมถึงทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อนเลยละไอริน ?”
“แต่หนูก็ยอมทำตามพี่ริซมาตั้งสามครั้ง ! ยอมเล่นตามแผนของขยะแมนมาตั้งเยอะแล้วนะ ให้หนูตัดสินใจอะไรเองบ้างไม่ได้เลยหรอคะ พี่ริซ ?”
“นั่นมันก็ใช่….แต่อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษาตกลงกันก่อน ไม่ใช่ไปคุยเองเออเองแบบนี้”
“ถ้าคุยกันก่อน พี่ริซก็คงปล่อยผ่านไปแน่ๆ”
“เรื่องแค่นั้น พี่ไม่ถือสาหรอกนะไอริน ส่วนเรื่องเงินอะไรนั่น มันไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัยของเด็กคนนี้ที่นอแมนเอามาจากไหนก็ไม่รู้หรอกนะ”
“อึก ! เรื่องนั้นหนูผิดจริง…ขอโทษด้วยค่ะ”
ที่พี่ริซพูดมา มันก็ถูก
หนูเลยก้มหัวขอโทษให้อย่างว่าง่าย
“ไอริน ?”
“แต่ว่านะพี่ริซค่ะ–”
มีเรื่องๆหนึ่งที่หนูไม่มีวันยอมเด็ดขาด
“ตาแก่นั่นต้องถอนคำพูดที่ดูถูกพวกเรา…ไม่ว่ายังไงหนูก็จะต้องทำให้มันขอโทษให้ได้”
“ไอริน ? พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องถึงต้องยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ด้วย”
“นั่นก็เพราะว่าสำหรับพี่ริซแล้ว มันคือเรื่องเล็กน้อยยังไงละคะ”
ใช่…เพราะคิดว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เลยปล่อยผ่านแล้วไม่ลงมือแก้ไขอะไร
แสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วก็หลงไปกับความคิดที่เข้าข้างตัวเอง
เรื่องเค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก
กะอีแค่โดนดูถูกนิดๆหน่อยๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ?
ความคิดพวกนั้นคือจุดเริ่มต้นของการหันหน้าหนีในครั้งต่อๆไป
“หนูจะไม่ยอมให้พี่ริซโดนดูถูกอีกแล้วค่ะ”
“ไม่ได้โดนดูถูกอะไรขนาดนั้นซักหน่อย เว่อไปแล้วนะเรา”
ไม่…พี่ริซไม่เข้าใจหรอกค่ะ
จนถึงตอนนี้ หนูยังจำได้ไม่มีวันลืมถึงสิ่งที่หนูทำพลาดมาโดยตลอด
พวกผู้ใหญ่สารเลวที่คิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง
เศษกระดาษโง่ๆที่พวกมันคิดว่ามีค่ามากกว่าความสุขของพี่ริซ
คำพูดดูถูกของคนในหมู่บ้านที่มีต่อพี่ริซซึ่งหนูไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอด
ตัวหนูที่ไม่รู้อะไรก็ปล่อยผ่านหู และ ไม่ยอมหาความจริงใดๆเพิ่มเติม
คิดมาโดยตลอดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะพี่ริซไม่พูดอะไรซักคำ ทว่า ไอ้การไม่พูดอะไรเลยนั่นแหล่ะที่ทำให้รู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง !
จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว
จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกแม้เพียงครั้งเดียว
จะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาดูถูกและเหยียดยามพี่สาวที่หนูรัก แม้ว่านั่นจะเป็นตัวหนูเองก็ตาม
‘แต่เมื่อกี้ไอริน พึงว่าไอริซว่าห่วยแตกไปหยกๆเองนะ’
“……………………………”
‘แถมตอกหน้าใส่ด้วยว่า พี่ริซจะโตเป็นผู้ใหญ่แย่ๆอย่างงั้นหรอ’
“………………..”
‘พูดเองเป็นเองหมด แบบนั้นจะดีหรอ ?’
“……………..”
‘…………….’
“……………”
‘เอ่อ…ขอโทษที่ขัดครับ….’
.
.
.
.
.
.
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จนถึงตอนนี้ หนูยังจำได้ไม่มีวันลืมถึงสิ่งที่หนูทำพลาดมาโดยตลอด
พวกผู้ใหญ่สารเลวที่คิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง
เศษกระดาษโง่ๆที่พวกมันคิดว่ามีค่ามากกว่าความสุขของพี่ริซ
คำพูดดูถูกของคนในหมู่บ้านที่มีต่อพี่ริซซึ่งหนูไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอด และ ตัวหนูที่ไม่รู้อะไรก็ปล่อยผ่านหูไป โดยไม่ยอมหาความจริงใดๆเพิ่มเติม
คิดมาโดยตลอดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะพี่ริซไม่พูดอะไรซักคำ ทว่า ไอ้การไม่พูดอะไรเลยนั่นแหล่ะที่ทำให้รู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง !
จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว
จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกแม้เพียงครั้งเดียว
จะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาดูถูกและเหยียดยามพี่สาวที่หนูรัก แม้ว่านั่นจะเป็นตัวหนูเองก็ตาม
ศักดิ์ศรีของพี่ริซ ถึงพี่ริซจะไม่เห็นค่ามัน แต่หนูจะเป็นคนปกป้องมันเอาไว้เอง
ความเจ็บปวดที่เมินเฉยต่อเรื่องพรรคนี้ หนูไม่อยากรู้สึกถึงมันอีกแล้ว
ในครั้งนี้นี่แหล่ะ ที่หนูจะเอาคืนพวกผู้ใหญ่สารเลวพวกนี้และไม่ปล่อยให้พี่ริซต้องรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
ถึงในครั้งนี้จะดูเล็กน้อย จนพี่ริซไม่เจ็บไม่คัน
แต่ถ้าเรื่องแค่นี้ยังปกป้องพี่ริซไม่ได้ งั้นเรื่องที่ใหญ่กว่านี้หนูก็ไม่มีวันทำได้หรอก !
เพราะงั้น หนูขอยอมรับผิดในการตัดสินใจที่ดื้อดึงในครั้งนี้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ หนูก็จะทำเหมือนเดิมอยู่ดีค่ะ !
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
สาเหตุที่ไอรินไม่ชอบหน้าของบาเรนจนทำให้เกิดการโต้เถียงในครั้งนี้ มันก็คงมาจากปัจจัยหลายๆอย่าง
ทั้งความรู้สึกเกลียดขี้หน้าตั้งแต่สบตากันครั้งแรก เพราะสายตาของบาเรนที่มองพวกตนคล้ายกับนักวิจัยที่มองพวกเธอด้วยสายตาราวกับกำลังประเมินสิ่งของ
แล้วก็ความรู้สึกอื่นๆที่ไอรินได้คิดเอาไว้ข้างต้น
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การที่อยู่ๆอีกฝั่งก็โยนเงินมาปิดปากไม่ให้พวกตนเถียงอะไร
ความทรงจำฝังใจในวัยเด็กที่พ่อแม่ของเธอเห็นเงินสำคัญกว่าความบริสุทธิ์พี่สาวของเธอ และตัวเธอที่ใสซื่อจนโง่ถึงขนาดทำให้ไม่รู้ถึงความทุกข์ที่พี่สาวของตนต้องเผชิญ
สิ่งนั้นสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับไอรินมาโดยตลอด ทำให้ไอรินยากจะยอมรับเหตุการณ์ตรงหน้า แม้ว่าคนทั่วๆไปเช่น ไอริซต่างก็พากันปล่อยผ่าน และ ไม่มีทางเข้าใจว่าทำไมไอรินถึงทำอะไรโดยพลการแบบนี้
แต่สำหรับตัวไอรินในตอนนี้ สิ่งที่บาเรนทำ มันเหมือนกับตีค่าศักดิ์ศรีพี่สาวของเธอเป็นแค่เงินเหรียญ
สิ่งที่พ่อแม่ของเธอและพวกนักวิจัยทำกับไอริซมาโดยตลอด มันช่างคล้ายกับสิ่งที่บาเรนทำจนยากจะอภัย
เช่นนั้นแล้ว แม้สำหรับใครหลายคนจะมองว่า ไอรินนั้นไร้เหตุผล แต่ตัวไอรินที่เห็นภาพซ้อนทับกับเหตุการณ์ในอดีตจึงหัวรั้นและไม่มีทางย้อมประณีประนอมอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ บาเรน ที่ทำตัวไร้เหตุผลพอๆกัน
ทว่า ในความไร้เหตุผลผิวเผินนั่น คนๆนั้นก็คงมีสาเหตุบางอย่างที่ยากจะพูดออกมาเช่นเดียวกับไอริน ซึ่งเรื่องราวของชายคนนี้ก็คงจะถูกแสดงให้เห็นในเร็วๆนี้
เหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทกันอยู่ในตอนนี้ คงจะมีเพียงแค่ไอริซและกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่า อนาคตทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วภายใต้เจตจำนงค์แห่งดาวหาง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 38 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 37 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 36 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 35 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 34 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 33 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 32 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 31 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 30 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 29 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 28 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 27 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 26 พฤษภาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 24 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 23 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 22 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 21 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 18 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 17 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !? เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14: น้องสาวผู้น่ารักของฉันมีมากกว่าหนึ่งคน !? เมษายน 28, 2022
- ตอนที่ 13: น้องสาวผู้น่ารักของฉันฝึกทำอาหาร เมษายน 27, 2022
- ตอนที่ 12: การเดินทางของพวกเขาทั้งหลาย เมษายน 26, 2022
- ตอนที่ 11: พี่สาวของหนูต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป เมษายน 24, 2022
- ตอนที่ 10: พี่สาวของหนูพูดอะไรบางอย่างที่น่าจะสำคัญ เมษายน 23, 2022
- ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ เมษายน 21, 2022
- ตอนที่ 8: น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอมพูดเปิดใจนิดหน่อย เมษายน 20, 2022
- ตอนที่ 7: น้องสาวผู้น่ารักของฉันช่วยปกป้องคุณพี่สาวด้วยล่ะ ! เมษายน 19, 2022
- ตอนที่ 6: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเเสดงความเป็นห่วงด้วยล่ะ ! เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 5: เพื่อจบความขัดเเย้ง การเสียสล่ะคือสิ่งที่จำเป็น เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 4: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเข้าวัยต่อต้าน !? เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 3: ไม้ต่อ เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 2: เเยกจาก เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นภายในห้องขังอันอับชื้น เมษายน 18, 2022
MANGA DISCUSSION