พี่สาวนางร้าย ปักธงตายตั้งเเต่ตอนเเรก !? - ตอนที่ 30
สองวันถัดมาหลังจากที่รับภารกิจมาจากนอแมน ฉันและไอรินก็กลับมาเจอกับนอแมนอีกครั้งที่ร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งที่ค่อนข้างจะเก่าซอมซ่อและมีลูกค้าอยู่เพียงแค่พวกเราสามคน
“เอาละ เดี๋ยวฉันจะขออธิบายเกี่ยวกับแผนการในครั้งนี้ให้ฟัง”
นอแมนที่วันนี้ดูเป็นผู้เป็นคนหยิบแผนที่แผ่นหนึ่งขึ้นมากาง
“นี่คือแผนที่ซึ่งได้มาจากวิศวกรที่รับเหมาสร้างคฤหาสน์ของบาเรน”
ภาพที่เห็นคือแบบแปลนที่ดินซึ่งมีพื้นที่กว้างขนาดเทียบเท่าสวนสนุก มีน้ำพุขนาดใหญ่และสวนดอกไม้อยู่ตรงกลาง มีคฤหาสน์หลังยักษ์อยู่ห้าหลังซึ่งแต่ล่ะหลังก็สูงอย่างน้อยสามชั้น โดยรวมแล้วคฤหาสน์ทั้งหมดมีห้องรวมกันเกือบ 200 ห้อง
“พวกเราจะแสร้งทำเป็นไปถึงคฤหาสน์ตอนกลางคืนทำให้ทางนั้นต้องต้อนรับพวกเราเข้าไปและจัดการหาที่พักให้หนึ่งคืน เนื่องจากเป็นธรรมเนียมในการต้อนรับแขกของพวกชนชั้นสูง เพราะงั้นถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจะให้พวกเรานอนพักที่นั่นตามมารยาท แล้ววันต่อมาค่อยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจให้พวกเราฟัง ดังนั้นช่วงเวลาที่ฉันจะสามารถค้นหาเขี้ยวแวมไพร์เทียมได้จึงมีแค่ช่วงเวลาหนึ่งคืนเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเธอก็แค่เล่นละครเป็นนักผจญภัยที่ตื่นเต้นกับการได้นอนในคฤหาสน์เศรษฐีก็พอ ส่วนหน้าที่ค้นหา ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
พอได้ยินแผนการของเขา ฉันก็พบข้อบกพร่องเต็มไปหมด
“แบบนั้นทางนั้นจะไม่สงสัยหรอว่า ทำไมพวกเราถึงเลือกมาตอนดึก แทนที่จะมารับเควสในวันรุ่งขึ้น เผลอๆอาจจะโดนไล่กลับไปหาที่พักเองแล้วกลับมาหาใหม่ในวันรุ่งขึ้นก็ได้ แถมจำนวนห้องทั้งหมด 200 กว่าห้อง มันเป็นไปไม่ได้เลยนะที่จะหาของเจอด้วยเวลาแค่คืนเดียว นอกจากนี้คุณรู้แล้วหรอว่าทางฝั่งนั้นมีการวางกำลังเอาไว้ยังไงบ้าง ”
แถมบอกว่าจะจัดการตัวคนเดียวแบบนี้ ใครมันจะไปเชื่อลงกันละ ?
ทว่า นอเมนกลับตอบอย่างมั่นใจ
“ช่วงนี้กำลังอยู่ในหน้าฝนที่มีฝนตกหนักทุกวัน ดังนั้นก็เลยมีโอกาสสูงที่ทางนั้นจะต้อนรับพวกเราเข้าไปตามมารยาท แถมจากข้อมูลที่ได้รับมา นักผจญภัยทุกคนที่มารับเควสในตอนกลางคืนก็จะได้รับการต้อนรับเป็นที่พักและอาหารให้หนึ่งคืน จากนั้นวันต่อมาก็ค่อยออกเดินทางเข้าไปในป่าแห่งความตายแล้วก็ไม่เคยมีใครกลับออกมาอีกเลย”
“ใช้สภาพอากาศเป็นตัวช่วย ? ฟังดูไม่แน่ไม่นอนเลยนะคะ”
“เอาน่า ยังไงตามหลักมารยาทแล้วพวกเศรษฐีไม่ปล่อยให้แขกไปนอนนอกบ้านหรอก ถึงไม่มีสภาพอากาศเป็นตัวช่วย ฉันก็มั่นใจว่าเขารับพวกเราเข้าไปแน่”
“แล้วเรื่องการค้นหาในพื้นที่ที่กว้างขนาดนั้นละ ? ”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้มีอุปกรณ์พิเศษที่ทางกระทรวงเวทมนต์ให้มาใช้ในการช่วยตรวจจับหาเขี้ยวแวมไพร์เทียมอยู่ …..นี่ไงล่ะ !”
ว่าแล้ว เขาก็หยิบห่อกระดาษห่อหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็เปิดให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
“กระดาษทิซซู่ ?”
“ลองสังเกตุดูดีๆสิ”
“มีลวดลายอยู่ด้วย ?”
พอลองดูดีๆก็พบว่าภายในห่อกระดาษที่มีทิซซู่อยู่ประมาณยี่สิบกว่าแผ่น ช่วงก้นๆถุงจะมีทิซซู่อยู่ประมาณหกแผ่นที่ด้านหนึ่งเป็นสีขาวและอีกด้านมีวงเวทย์วาดเอาไว้
“เวทย์ที่ถูกสลักลงไปในกระดาษคือเวทย์ติดตามที่มีความจำเพาะกับพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาจากเขี้ยวแวมไพร์เทียม หากทำการติดตั้งมันลงบนพื้นและใส่พลังเวทย์ลงไป มันก็จะช่วยระบุตำแหน่งของเขี้ยวแวมไพร์เทียมในระยะหนึ่งกิโลเมตร”
นอแมนยืดอกพลางกล่าวเสริม
“เป็นไง ? เป็นเวทมนต์ที่สุดยอดเลยใช่ไหมละ คงไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะสิ ? ฉันจะเอามันไปติดตั้งที่สวนและคฤหาสน์ทั้งห้าหลัง พอเป็นแบบนี้ระยะการตรวจสอบด้วยเวทย์ติดตามก็จะครอบคลุมที่ดินของบาเรนทั้งหมด”
“อย่างงี้นี่เอง เป็นวิธีที่น่าสนใจจริงๆด้วย”
“ใช่ไหมละๆ แถมพอทำเป็นกระดาษทิซซู่แล้วก็เนียนมาก คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะตกแต่งอุปกรณ์ช่วยหาอุปกรณ์เวทมนต์ให้เหมือนของใช้ในชีวิตประจำวันมากขนาดนี้”
ว่าแล้ว เขาก็พูดเสริมต่อ
“ส่วนพวกการวางกำลังป้องกัน ทางนี้ก็ตรวจสอบมาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
นอแมนชูนิ้วโป้งและขยิบตาให้
“เพราะงั้นพวกเธอก็แค่แกล้งแสดงละครเป็นรุ่นน้องที่น่ารักของฉันก็พอ งานง่ายๆแค่นี้ ยังไงพวกเธอก็คงทำได้อยู่แล้วใช่ไหมละ ?”
ได้ยินดังนั้น ไอรินก็พยักหน้า
“พูดง่ายๆก็คือ หน้าที่ของพวกเรามีแค่เข้าไปนอนฟรี กินฟรี แล้วก็ได้เงินค่าจ้างกลับมา ? ”
“แม่นแล้ว เห็นไหมๆ เป็นงานที่สบายใช่ไหมละ ? แต่ว่าอย่างน้อยพวกเธอก็ต้องแสดงเป็นนักผจญภัยรุ่นน้องที่ติดตามตัวฉันซึ่งเป็นรุ่นพี่ เพราะงั้นหลังจากนี้ก็ช่วยเรียกฉันว่า ‘รุ่นพี่’ กันด้วย—”
“ว้าว ! สุดยอดไปเลยค่ะ พี่ริซ ได้กินฟรีด้วยล่ะ !!!”
“อื้ม ! นั่นสิ นานๆที่เปลี่ยนบรรยากาศไปนอนที่หรูๆบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาวตัวน้อยที่กำลังดี๊ด๊าร่าเริง
“ใช่ไหมละๆ งานที่ดีแบบนี้ ฉันอุตส่าห์เลือกพวกเธอเลยนะ แล้วก็อย่าลืมเรียกฉันว่า ‘รุ่นพี่’ —”
“ฮึม ~ ♪ อาหารของพวกเศรษฐีจะหน้าตาเป็นยังไงบ้างนะ ?”
“อีกแล้วนะเรา คิดถึงแต่เรื่องกินตลอดเลยนะเด็กคนนี้”
ฉันขยี้หัวไอรินจนไอรินหรี่ตาลงแล้วหัวเราะ
“ก็มันอร่อยนี่นา”
“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
“หนูน่ะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ไม่เหมือนพี่ริซหรอกน่า”
“หนอย ! ว่าไงนะ นี่แนะๆๆ”
ฉันรัวนิ้วใส่เอวของยัยน้องสาวที่ไร้ความละเอียดอ่อนรัวๆ
“คิ้กๆๆ ขี้โกงอย่า ฮ่าๆๆๆ จักอะจี้จิ !”
ไอรินที่ดิ้นพล่านจนเกือบจะตกเก้าอี้ถูกฉันอุ้มขึ้นมานั่งตักของฉัน จากนั้นฉันก็ทรมานยัยน้องสาวแสนซนในอ้อมกอดของฉันต่อ
“นี่แน่ะๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆ ขอโต้ดๆๆ ขอแก้ใหม่ ยังไงพี่ริซก็ไม่อ้วนอยู่แย้ว”
“ฮึ ! มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว”
“เพราะอาหารที่กินไปมันไปลงที่หน้าอกและขาหมดแล้วนี่นา—คิ้ก ฮ่าๆๆๆๆ”
พูดมากจัง
นี่แน่ะๆ
บังอาจมาจี้จุดเรื่องที่ฉันกังวลจนได้
ไม่อ้วนหรอกน่า
ขนาดไอรินกินไปตั้งสิบชามยังไม่อ้วนเลย เพราะงั้นตัวฉันที่กินไปได้แค่ครึ่งหนึ่งของเธอก็จะต้องไม่อ้วนอย่างแน่นอน
ถึงมันจะท้องอืดบ้างก็ตามเถอะ
แต่มันก็ต้องไม่อ้วน ไม่มีทางอ้วน ขอฟันธงเลย
ใช่ ! ไม่กี่วันที่ผ่านมาน้ำหนักของฉันไม่ขึ้นเลยซักกะตี๊ดเดียว !
“อะแฮ่มๆ สนิทกันก็ดีแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าบทบาทของพวกเธอหลังจากที่เข้าไปในคฤหาสน์คือนักผจญภัยรุ่นน้องที่มากับรุ่นพี่ พวกเธอต้องเรียกฉันว่า ‘รุ่นพี่’ นะ อย่าลืมล่ะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“นี่แนะๆๆๆ”
“……………”
อะแฮ่ม !
นอแมนกระแอมไอ แล้วถามพวกเราอีกรอบ
“ตามนั้นแหล่ะ ยังฟังฉันอยู่รึเปล่า ?”
“ฮ่าๆๆ หืม ? เมื่อกี้ว่าไงนะขยะแมน ?”
“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่ะคุณนอแมน ฉันจะเรียกคุณว่า ‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ ให้เองค่ะ”
“เรียกใครว่าขยะแมนกันหะ !? แล้วก็ส่วนเธอ นี่กำลังจงใจกวนโมโหกันใช่ไหมเนี่ย ?”
“ว่าแกนั่นแหล่ะ”
“มิได้ค่ะ ‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ ตัวฉันที่เป็นเพียงรุ่นน้องมิกล้าปั่นหัว ‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ ที่น่าเคารพ…..ลักหรอกคะ”
“จงใจชัดๆเลย พวกเธอทั้งสองคนยังเห็นฉันเป็นผู้ว่าจ้างอยู่ไหมเนี่ย ?”
““ ไม่/ไม่ค่ะ !!!””
“อึก !”
พอโดนเราสองคนตอบอย่างพร้อมเพียง นอแมนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“เฮ้อ…เด็กสมัยนี่เนี่ยชอบแกล้งผู้ใหญ่ซ่ะจริงๆ เมื่อเทียบกันแล้ว อยากเจอเด็กคนนั้นอีกจังน้า….น่าเสียดายจริงๆ”
“ขยะแมนบ่นอะไรอ่ะ”
“ ‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ ดูสีหน้าไม่ดีเลย มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ ?”
“…………………..”
อ่า …ช่างเถอะ
พอโดนเราสองคนปั่นหัวอีกรอบ นอแมนก็พึมพำ ก่อนจะสะบัดมือแล้วลากพวกเรากลับเข้าสู่แผนการต่อ
“ก็ตามที่ว่ามาทั้งหมด จะรอดูสามคืน ถ้าวันไหนฝนตกก็ให้เริ่มแผนการวันนั้นเลย หลังจากนี้ก็ให้แยกย้ายกันไปเตรียมของแล้วมาเจอกันอีกทีตอนเย็น…..ส่วนในกรณีที่ฝนยังไม่ตกภายในสามวันนี้ก็ให้เริ่มแผนในวันที่ 4 เลย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ฉันไม่มีทางถูกจับง่ายๆอยู่แล้ว ส่วนหน้าที่ของพวกเธอก็แค่ทำตัวให้ดูใสๆเพื่อทำให้ฝั่งนั้นคลายความระแวงลงก็พอ มีตรงไหนสงสัยรึเปล่า ?”
“อ่าๆ เรารู้แล้วน่า พูดจบแล้วจะไสหัวไปไหนก็ไปได้แล้ว เหม็นกลิ่นมนุษย์”
“ ‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ ขอบคุณสำหรับสรุปนะคะ งั้นในเมื่อพวกเราประชุมกันเสร็จแล้ว รบกวน‘รุ่นพี่ นะ อย่าลืมล่ะ’ เปลี่ยนไปนั่งโต๊ะอื่นจะได้ไหมคะ ? พอดีว่าโต๊ะมันค่อนข้างจะแคบอ่ะค่ะ”
“สรุปพวกเธอก็ไล่ตรูทั้งคู่เลยนี่หว่า ! แล้วก็เธอและพี่สาวก็gxHoมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่รึไง ! ส่วนเธอก็อีกคน ถ้าจะเคารพกันซะขนาดนี้ พูดตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อมก็ได้ม้างงง นี่ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอเหม็นขี้หน้ากันเนี่ย !?”
เหมือนนอแมนจะบ่นๆอะไรซักอย่าง แต่ก็ช่างมันเตอะ ~❤
“อ่าว ? พูดแบบนี้หมายความว่าไม่ชอบกลิ่นตัวของพี่อย่างงั้นหรอ ?”
“เปล่าซ่ะหน่อย !”
ไอรินเลื่อนจมูกเข้ามาใกล้แล้วสูดดมเส้นผมของฉันเฮือกใหญ่
“ซู้ดด หอมค่ะชอบกลิ่นของพี่ริซที่สุดเลย”
“เอ๋ ? งั้นหรอ จะว่าไปกลิ่นของไอรินก็ ฟุดฟิดๆ ส้ม ? อื้ม คิดถูกจริงๆที่เลือกสบู่กลิ่นนี้ ไอรินก็ตัวหอมเหมือนกันนะเนี่ย”
บรรยากาศระหว่างสองสาวปกคลุมไปด้วยสีชมพูจางๆ
น้องสาวผมชมพูนั่งตกพี่สาวผมชมพู จากนั้นทั้งสองก็แลกกันดมเส้นผมของอีกฝ่าย โดยที่พวงแก้มของทั้งสองแต่งแต้มด้วยสีชมพูฝาด แถมดวงตายังประสานหากันแล้วหัวเราะคิกคักราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงแค่สองเรา
ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่มากกว่าพี่น้องแต่ไม่ใช่คนรักทำให้ชายหนุ่มถึงกลับแก้มแดงไปเองโดยไม่รู้ตัว
“อะแฮ่มๆ”
เขากระแอมไอ ก่อนจะวางเหรียญเงินลงมาบนโต๊ะ
“นี่คือค่ารอสำหรับวันนี้ เพราะลากพวกเธอมารอภารกิจที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ก็เลยจะให้เงินจำนวนนี้แทนค่าที่พักแล้วก็อาหารการกินไปวันต่อวัน”
เห็นดังนั้น ไอรินก็ปฏิเสธแทบจะทันที
“ไม่เอา”
“อ่าว !”
“ก็นี่มันเงินที่ได้จากการขอทานมาชัดๆเลยนี่นา”
“ไม่ใช่เฟ้ย ! เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ขอทานน่ะมันคืออาชีพเสริมต่างหาก ก็แค่เป็นแกล้งเป็นขอทานเพื่อช่วยให้รวบรวมข้อมูลง่ายขึ้นก็เท่านั้นเอง อย่าเข้าใจผิดไปสิ !”
“……………….”
สุดท้ายนอแมนก็ถอนหายใจแล้วยกมือยอมแพ้ให้กับไอรินที่มองตัวเขาด้วยสายตาเคลือบแคลง
“จะใจร้ายเกินไปแล้ว เฮ้อ…อย่างน้อยริซก็ช่วยว่ากล่าวตักเตือนน้องสาวของตัวเองหน่อยสิ”
“ไอรินโตไปอย่าเป็นผู้ใหญ่แบบคนพรรคนyhoนะ”
“พูดอะไรของพี่ริซกันคะ ? หนูไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ยังไงลูกนกก็ไม่มีทางโตเป็นไรฝุ่นได้อยู่แล้วค่ะ ”
“อื้ม เปรียบเปรยได้ดีสมแล้วที่เป็นน้องรักของพี่”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย ! นี่แม้แต่เธอก็ขยี้ฉันไปด้วยอีกคนหรอเนี่ย พอๆเลิกๆ พูดมากเกินไปแล้ว รีบๆเอาอะไรยัดปากกันเถอะ”
ว่าแล้ว นอแมนก็ยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ
“ขอสั่ง—-”
“อย่าลืมย้ายโต๊ะด้วยค่ะ”
“……………..”
“………………”
“นะ นะ นึกว่าเธอจะพูดเล่นซ่ะอีก ?”
“เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าร้องไห้ด้วยเรื่องแค่นี้สิคะ”
ฮึก !
สุดท้าย นอแมนก็เช็ดคราบน้ำตาแล้วย้ายก้นไปนั่งโต๊ะข้างๆแทน
“ครับ…ขอสั่งเจ้านี่แล้วก็เจ้านี่ให้โต๊ะข้างๆที”
เอาเถอะ ถึงจะปั่นจนเกือบจะร้องไห้ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์สั่งอาหารเลี้ยงพวกเรา
แกล้งจนพอใจแล้ว ถือซ่ะว่ากลบหนี้แค้นที่เมื่อครั้งก่อนไม่มาจ่ายค่าอาหารตามที่ตกลงเอาไว้ล่ะกัน
“รับทราบครับ น้ำเปล่าสองแก้วนะครับ ”
“อ่า ส่วนโต๊ะของฉันขอ—”
หลังจากสั่งเมนูของตัวเองเสร็จ พนักงานเสิร์ฟก็เดินจากไป
“……………………”
“……………………”
“หืม ? มีอะไรติดหน้าฉันหรอ”
“สรุปที่สั่งให้พวกเรามีแค่น้ำเปล่า ?”
“จะเลี้ยงแค่น้ำเปล่าเนี่ยนะ ?”
— อ้อ ! ลืมไปซ่ะสนิทเลย
นอแมนทุบมือราวกับพึ่งนึกขึ้นได้
เขาเรียกพนักงานเสิร์ฟกลับมาอีกครั้ง
“ค่าน้ำที่สั่งไปส่งโต๊ะนั้น อย่าเผลอมาเก็บจากโต๊ะของฉันนะ นายเอาค่าน้ำไปรวมกับบิลของโต๊ะนั้นเองเลย ”
หาาาาาาาาาา !?
แล้วอีแบบนี้จะสั่งให้พวกฉันทำเพื่ออะไรยะ !?
อีตานักสืบไส้แห้งนี่ ถ้าเป็นแบบนี้ให้พวกฉันสั่งเองก็ได้ย่ะ !!!
ในขณะที่ฉันยิ้มโดยที่ภายในหัวกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง ไอรินก็ถามอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาที่ตายด้าน
“ไม่ได้จะเลี้ยงหรอ ?”
“ทำไมฉันต้องเลี้ยงพวกเธอด้วยละ ?”
“นั่นมันก็จริง…มั้ง ?”
สุดท้ายไอรินก็ยอมแพ้แล้วกลับไปสั่งเหมือนกับทุกครั้ง
“ขอหมดนี่เลย !”
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไอรินสั่งมากินทุกเมนู
ง่ำๆๆๆ
หลังจากที่อาหารควันฉุยถูกเอามาเสิร์ฟ ไอรินก็ตักเข้าไปแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“อื้ม ! หวานจังเยย”
ฉันมองไอรินที่เคี้ยวแก้มตุ่ยด้วยความเอ็นดู พลางตักมันฝรั่งเข้าปาก
อ่าว ? จะว่าไปมีซอสมะเขือเทศติดแก้มของไอรินซ่ะแล้ว
ฉันก็เลยหยิบทิซซู่ที่อยู่ใกล้มือไปเช็ดปากของไอริน
“ออบอุนอ่ะ !”
“อื้ม ค่อยๆเคี้ยวล่ะ”
ฉันมองน้องสาวที่กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
การได้เห็นตัวเธอที่กินอาหารอย่างร่าเริงเช่นนี้ มันทำให้มื้อที่แสนจืดชืดนี่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษเลยทีเดียว
“อ้ามมมม”
เพราะเห็นฉันเอาแต่เหม่อมองเธอ ไอรินก็เลยตักมันฝรั่งในสตูว์แล้วป้อนให้กับฉัน
“โอ๊ะ ! ขอบใจจ้ะ !”
ง่ำ !
เป็นรสชาตที่เรียบง่าย แต่เพราะไอรินเป็นคนป้อนก็เลยอร่อยที่สุดในชีวิต
“เป็นไอรินที่อร่อยมากจ้ะ”
“นั่นมันใช่คำชมหรอคะ ? แต่ก็ช่างเถอะ หนูชินละ พี่ริซอย่าเอาแต่มองหนูแล้วตักไปเพิ่มบ้างสิ เดี๋ยวก็ไม่มีสารอาหารไปเลี้ยงหน้าอกกับต้นขาหรอก”
“จ้าๆ”
ช่างเป็นน้องสาวที่ปากเสียและช่างเอาใจใส่เหลือเกิน ฉันรักเด็กคนนี้จริงๆนั่นแหล่ะ
หลังจากนั้นมื้ออาหารก็ดำเนินต่อไป โดยที่นอแมนทำหน้าแปลกๆแล้วก็มองซ้ายมองขวาราวกับว่าทำอะไรบางอย่างหายไป
พอตกเย็นในวันนั้น สายฝนก็ตกลงมา
นั่นหมายความว่า ภารกิจของพวกเราเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้นั่นเอง