ตอนที่ 26
เมืองก่อนหน้านี้ที่พบกับคุณหมอคือ ฟรองก้า ส่วนเมืองที่กำลังเดินทางไปมีชื่อว่า ฟาเลสโซ่
เมืองฟาเลสโซ่ นั้นเป็นสถานที่ซึ่งเป็นตำแหน่งของภารกิจตามหาโครงกระดูกของมหาเศรษฐี
ระยะทางห่างจากเมืองฟรองก้าไปประมาณสามเมือง พวกเราเลือกเดินทางโดยติดรถไปกับพ่อค้าซึ่งกำลังนำสินค้าไปแลกเปลี่ยนที่เมืองแห่งนั้น ราคาค่าโดยสารสองคนประมาณ 500 โกล เวลาเดินทางโดยรวมถ้าไม่ติดอุปสรรคก็ประมาณหนึ่งวันครึ่ง
ในรถม้าโดยสารค่อนข้างคับแคบจนรู้สึกเมื่อยก้น การได้แวะข้างทางตอนกลางคืนก็ทำให้ไอรินบ่นเรื่องเก้าอี้น้อยลง ยิ่งพ่อค้าที่เดินทางมาด้วยทำอาหารเก่ง ไอรินที่โดนตกด้วยอาหารอีกแล้วก็ไม่ค่อยบ่นหรือแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับพ่อค้าคนนั้นซักเท่าไหร่
นับเป็นการเดินทางที่ไม่เลว หลังจากนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะนั่งรถม้าอีก ปวดก้นมากๆเลยอะ
“ขอบคุณที่พามาส่งนะคะ”
“โฮะๆๆ ไว้ครั้งหน้าก็ติดรถมาได้อีกนะ เอ้านี่”
“เอ๋ ? ให้เราหรอ ?”
“คุกกี้นี่ถึงราคาะจะไม่แพงมาก แต่ก็หวังว่าคุณหนูจะชอบนะ”
“อื้ม ! ขอบใจมาก ”
ก็นะ ไอรินโดนล่อซื้อด้วยอาหารตลอด พออีกฝ่ายยื่นขนมให้ก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายอย่างที่คิด
หลังจากที่บอกลากับคนขับรถม้าเสร็จ เราทั้งคู่ก็ถามทางจากคนข้างทางและตรงไปยังกิลนักผจญภัย
ตอนนี้ปลอมตัวโดยเปลี่ยนสีผมเป็นสีชมพูและสวมเสื้อคลุมของจอมเวทย์ ไอรินเป็นสีเลือดหมู ส่วนของฉันเป็นสีคราม พวกเราจึงไม่จำเป็นต้องใสหน้ากากหรือต้องกังวลว่าจะความแตก
ในบัตรนักผจญภัยที่ถูกทำขึ้น ไอริน ได้ใช้ชื่อปลอมว่า ริน ส่วนฉันใช่ชื่อปลอมว่า ริซ
ตั้งแต่นี้ไปก็จะเรียกชื่อกันตามนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าจริงๆแล้วไอรินจะชอบเรียกฉันว่าพี่ริซอยู่แล้วก็ตาม
“ถึงแล้ว….”
เดินไปไม่นานก็พบกับอาคารไม้สูงสองชั้น พอเปิดประตูที่มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเข้าไปก็พบผู้คนมากหน้าหลายตาที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ตามทาง
แม้จะมองมาที่เราทั้งคู่ในตอนแรกที่ก้าวเข้าไป แต่พอเห็นว่าเป็นนักผจญภัยเหมือนกัน พวกเขาก็กลับไปจับกลุ่มคุยกันต่อ ไม่มีใครดูถูกว่าพวกเราเป็นเด็ก หรือ มีการรับน้องอะไรทำนองนั้น ดีแล้วที่ไม่เหมือนนิยายแนวต่างโลกแนวอื่นๆ ฉันไม่ค่อยอยากโชว์เทพตบใครซักเท่าไหร่
“ขอโทษนะคะ….พอดีฉันมารับคำชี้แจงเกี่ยวกับภารกิจอันนี้ที่ระบุให้มาติดต่อที่กิลก่อนค่ะ”
ภารกิจ ‘ตามหาโครงกระดูกของบาเรน’
นั่นคือชื่อภารกิจที่เขียนเอาไว้ ภายใต้การว่าจ้างของบาเรน มหาเศรษฐีชื่อดังที่อายุราวๆ 108 ปี และมีข่าวลือเสียๆหายๆว่าเขาเป็นพวกชอบเล่นของขลังมนต์ดำ
การรับภารกิจข้ามเขตของกิลนักผจญภัยแต่ล่ะที่จำเป็นต้องมาติดต่อที่กิลประจำแต่ล่ะเมืองพอเป็นพิธีทุกครั้ง
ส่วนหนึ่งเพื่อยืนยันว่าไม่มีการรับทำภารกิจซ้ำ รวมถึงอัปเดตสถานการณ์ความคืบหน้าผ่านทางเครือข่ายของกิลที่กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป
นอกจากนี้ก็มีบางครั้งที่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่กิลนักผจญภัยในเมืองที่เป็นเป้าหมายของภารกิจ เนื่องจากบางครั้งการส่งข้อมูลก็อาจจะมีความล่าช้าจนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน
“อ๊ะ ! คือว่าเกี่ยวกับภารกิจนี่”
พนักงานหญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันทำหน้าลำบากใจ
“พอดีว่าภารกิจที่คุณริซรับไว้ ถูกเบื้องบนสั่งให้หยุดการรับภารกิจไว้ชั่วคราวค่ะ”
“ทำไมละคะ ?”
จากที่ได้รับข้อมูลมาจากเมืองฟรองก้า ภารกิจ‘ตามหาโครงกระดูกของบาเรน’ คือภารกิจที่ระบุให้เราเข้าไปในป่าช้าทางด้านซ้ายของเมืองซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อเกือบร้อยปีก่อนเคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างทหารของฝ่ายจักวรรดิและสาธารณรัฐ ซึ่งบริเวณดังกล่าวได้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และ ศพที่ไม่ได้รับการเผาทิ้งจำนวนมากก็ได้กลายมาเป็นซอมบี้จากการดูดซับพลังเวทย์ในชั้นบรรยากาศเข้าไป
หน้าที่ของฉันและไอรินคือให้ไปติดต่อกับเจ้าของภารกิจหรือก็คือ เศรษฐีบาเรนแล้วจดจำข้อมูลของโครงกระดูกที่เขาต้องการหา จากนั้นก็เดินทางเข้าไปในป่า บุกฝ่าฝูงซอมบี้และหาโครงกระดูกที่เขาต้องการให้เจอ
เท่าที่รู้มีเพียงแค่นั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าภารกิจของเราจะถูกระงับเฉยเลย
“พอดีเป็นเรื่องกระทันหันที่พึ่งได้รับแจ้งเมื่อเช้านี้ค่ะ”
“หือ ? ทำไมเป็นนั้นละ ?”
ไอรินกอดอกทำหน้าไม่พอใจ เธอคงรู้สึกเหมือนกับว่าการทนปวดก้นมาหนึ่งวันครึ่ง มันเป็นการอดทนที่สูญเปล่า
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น คือว่า—-”
พนักงานกิลสาวหันไปปรึกษากับเพื่อนร่วมงาน ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันทำนองว่า ‘นักผจญภัยระดับ C เองนะ’ ‘จะไหวหรอ ?’ ‘แต่เกณฑ์คิดว่าตรงกับที่ต้องการเลยนะ’
ใช้เวลาซักพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันกลับมาคุยกับพวกเราต่อ
“คือว่า….ในตอนที่ภารกิจนี้ถูกยกเลิก มันก็มีภารกิจลับอันหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับภารกิจที่ถูกยกเลิกไปขึ้นมาแทนที่ค่ะ….ไม่ทราบว่าสนใจจะรับฟังไหมคะ พอดีว่าในตอนนี้ผู้ว่าจ้างยังวนเวียนอยู่ที่กิลพอดี”
“………………….”
อีกฝ่ายไม่ให้เหตุผล นอกจากเชิญให้ไปรับฟังภารกิจอีกอันที่เกี่ยวข้องกันแทน
ค่อนข้างน่าสงสัย
แต่ถ้าปฏิเสธก็คงต้องกลับไปมือเปล่า ถ้างั้นก็รับๆฟังดูซักหน่อยก็คงไม่เสียหาย
ฉันเลยตอบตกลงและให้พนักงานกิลนำทางฉันไปยังห้องรับแขกเพื่อพบกับผู้ว่าจ้างอีกคน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคน ฉัน— นอแมน เอเดนทรอย เป็นนักสืบเอกชนที่ทำงานร่วมกับแผนกสืบสวนมนต์ดำและศาสตร์มืดซึ่งอยู่ภายใต้การประสานงานร่วมกันของกระทรวงเวทมนต์และกระทรวงกลาโหม”
เพราะในโลกนี้มีเวทมนต์เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนแทนวิทยาศาสตร์ จึงมีสิ่งที่เรียกว่ากระทรวงเวทย์มนต์ขึ้นมาแทนกระทรวงวิทยาศาสตร์
ในขณะที่แผนกสืบสวนมนต์ดำและศาสตร์มืด เป็นหน่วยงานที่รับทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเวทมนต์ที่อาจจะเป็นภัยต่อส่วนรวม ภายใต้เป้าหมายหลัก คือ การเข้าควบคุมและจับกุม ในกรณีที่พบผู้กระทำการผิดหรือมีแนวโน้มจะใช้เวทมนต์ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม
ชายผู้อ้างตนว่าเป็นนักสืบเอกชนซึ่งได้รับการจ้างวานจากภาครัฐแนะนำตัวกับพวกเรา ก่อนจะเล่าถึงสาเหตุที่ภารกิจตามหาโครงกระดูกถูกระงับไปให้ฟัง
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาภารกิจของบาเรนได้จ้างวานนักผจญภัยไปแล้วหลายสิบรายซึ่งทุกคนที่เข้าไปในป่าแห่งนั้น ไม่เคยมีใครกลับออกมาได้แม้แต่คนเดียว”
เป็นที่รู้กันดีว่าในป่าแห่งนั้นเต็มไปด้วยซอมบี้และสเกเลตันมากมาย(มอนสเตอร์โครงกระดูก) ถึงขั้นได้รับฉายาว่าป่าแห่งความตาย แม้จะมีเงินรางวัลตอบแทนมหาศาลหรือมีให้เงินชดเชยในกรณีที่ผู้รับภารกิจเสียชีวิต แต่กระนั้นภารกิจดังกล่าวเอาเข้าจริงๆแล้ว โอกาสสำเร็จแทบจะใกล้เคียง 0
“เรียกได้ว่าเป็นภารกิจที่แทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จ เป็นภารกิจที่ตายเปล่าชัดๆ”
“ถ้างั้นทำไมถึงไม่ยกเลิกภารกิจนี้ไปตั้งแต่แรกละ ?”
ได้ยินดังนั้น นักสืบนอแมนก็ยักไหล่
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา เศรษฐีบาเรนได้พยายามยัดเงินให้ทางกิลเพื่อยื้อให้ยังเปิดรับภารกิจนั้นอยู่ แต่ไม่นานมานี้พนักงานที่รับเงินนั่นมาก็ถูกจับได้พร้อมกับคดีฉ้อโกงหลายอย่างทำให้เบื้องบนรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็เลยลังเลอยู่ว่าจะยกเลิกไปเลยดีไหม ?”
“ในเมื่อรู้ความจริงขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ยกเลิกกันละคะ ?”
“นั่นก็เพราะว่า ทางกระทรวงเวทมนต์ได้ตรวจพบว่าเศรษฐีบาเรนน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญบางอย่างน่ะ”
“คดีที่สำคัญ ?”
“ ‘คดีเขี้ยวแวมไพร์เทียม’ นั่นคือชื่อของคดีที่ทางกระทรวงได้ตามสืบสวนมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ”
นักสืบเล่าให้พวกเราฟังว่า คดีเขี้ยวแวมไพร์เทียม เป็นเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อน โดยสาเหตุเริ่มมาจากการที่ทางภาครัฐได้ทำการยึดไอเทมเวทมนต์ที่มีความสามารถสาปผู้ถือครองให้กลายเป็นแวมไพร์หรือที่เรียกกันว่าผีดูดเลือดมาจากศูนย์วิจัยรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดนและสาธารณรัฐ
เนื่องจากช่วงนั้นทั้งสองประเทศพยายามหาทางยกระดับกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย
ไม่ว่าจะโฮมุนครุสเอย มนุษย์กลายพันธุ์เอย หรือ แม้กระทั่งการเอามนุษย์มาใช้เป็นหนูทดลองคำสาปใหม่ๆ
นั่นทำให้ในช่วง 30 ปีก่อนได้เกิดอาวุธสงครามชนิดใหม่ๆขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้ต้องมาตามกำจัดทิ้งกันในภายหลัง
โดย เขี้ยวแวมไพร์เทียม คือไอเทมต้องสาปที่ทำให้ผู้ที่ถูกฝังเขี้ยวลงไปถูกสาปให้กลายเป็นแวมไพร์….เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดที่ว่ากันว่าย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในทวีปปีศาจจนไม่หลงเหลืออยู่ในทวีปนี้มานานกว่า 200 ปีแล้ว
พวกเขาเชื่อกันว่า ผู้ที่กลายเป็นแวมไพร์จะมีพลังกายที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์เป็นร้อยเท่า รวมถึงมีความสามารถในการควบคุมเลือด และ แปลงร่างเป็นค้างคาวได้ โดยแลกกับความกระหายเลือดอันรุนแรง
พลังของเขี้ยวแวมไพร์เทียมจะช่วยสร้างกำลังทหารที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยความกระหายเลือดอันรุนแรง ทหารแวมไพร์ที่ถูกส่งเข้าไปในสนามรบกลับดูดเลือดของฝ่ายเดียวกันเองอย่างบ้าคลั่ง จนในท้ายที่สุดเป็นเหตุให้พ่ายแพ้สงครามเพราะมัวแต่ฆ่าฝ่ายเดียวกันเอง
ทางรัฐที่สืบสวนจนรู้รายละเอียดและผลของการทดลองจึงสั่งให้ทำการยุบศูนย์วิจัยและทำลายข้อมูลทั้งหมดทิ้ง ทว่า ระหว่างการเคลื่อนย้าย เขี้ยวแวมไพร์เทียม ชิ้นหนึ่งกลับหายไป
“จากการตามรอยของโรงประมูลที่คาดว่าจะรับซื้อของโจรอย่างเขี้ยวแวมไพร์เทียมไป ทางเราพบรายชื่อของเศรษฐีบาเรนว่าเป็นผู้ประมูลไอเทมอันตรายชิ้นนั้นไป”
ส่วนสาเหตุที่ยังคงเปิดรับภารกิจอยู่นั้น—
“เป็นที่รู้กันดีว่าคฤหาสน์ของเศรษฐีมีการวางรูปแบบการป้องกันที่เข้มงวดจนยากต่อการแอบเข้าไปสืบหาหลักฐาน ในตอนนี้ช่องทางที่น่าจะเข้าไปได้ง่ายโดยไม่เอะตาที่สุดคือการปลอมเป็น นักผจญภัยที่รับภารกิจ‘ตามหาโครงกระดูกของบาเรน’ เพราะนอกจากคนที่ทำภารกิจนั่น เศรษฐีคนนั้นก็แทบจะไม่รับคนนอกเข้ามาในคฤหาสน์เลย”
พูดง่ายๆเลยก็คือ—
“ในตอนนี้ผมต้องการลูกทีมที่จะปลอมตัวไปเป็นนักผจญภัยซึ่งรับทำภารกิจนั่น โดยระหว่างนั้นก็ให้ผมแฝงตัวเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยเพื่ออาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายคลายการป้องกัน แล้วจะได้สืบหาหลักฐานของคดีเขี้ยวแวมไพร์เทียมให้พบได้มากที่สุด”
“แล้วทำไมถึงไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนจัดการละคะ ? ทำไมถึงเลือกที่จะจ้างนักผจญภัยอย่างพวกเรา”
“นั่นก็เพราะว่าบาเรนคนนั้นยังคงมีเส้นสายกับเบื้องบนของภาครัฐบางคนอยู่ทำให้การเคลื่อนไหวโดยเจ้าหน้าที่รัฐถูกตรวจจับได้โดยง่าย การว่าจ้างในครั้งนี้ว่าจ้างโดยนักการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับนักการเมืองที่เป็นพรรคพวกกับบาเรน ซึ่งคนๆนั้นก็เลือกว่าจ้างตัวผมซึ่งเป็นนักสืบเอกชนซึ่งฝั่งนั้นสามารถจับตาดูได้ยากที่สุด การที่ผมเลือกว่าจ้างพวกเธอที่เป็นนักผจญภัย นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลเช่นเดียวกัน ”
“………..”
“พูดง่ายๆก็คือภารกิจลับในครั้งนี้มีปัญหาเกี่ยวกับขั้วอำนาจทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยนั่นเอง”
พอพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
“เอาเรื่องที่สำคัญขนาดนี้มาเล่าให้พวกเราฟัง มันจะไม่เป็นอะไรหรอคะ ?”
ใช่ เราทั้งคู่ยังไม่ได้ตกปากรับคำว่าจะรับภารกิจนี้แม้แต่คำเดียว นอแมนคนนี้อยู่ๆก็เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนข้อมูลบางอย่างก็สำคัญมากซ่ะจนไม่ควรเล่าให้คนทั่วไปฟัง
ถ้าเราเอาเรื่องที่ได้ยินในห้องนี้ไปเล่าล่ะก็ รับรองได้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
“หมายถึง ?”
“ก็ถ้าฉันเผลอผลุดปากเล่าเรื่องนี้ออกไปหรือไม่รับภารกิจนี้คุณจะไม่ลำบากหรอคะ”
“อ๊ะ !”
พอฉันพูดออกไปแบบนั้น นอแมนก็สะดุ้งตกใจ
“เอ่อ….จะว่าไปก็จริงแฮะ”
เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอหลุดปากเล่าเรื่องที่ไม่ควรเล่าออกมาจนได้
“ซวยแล้วสิ ดันเผลอเล่าไปจนได้ ฮ่าๆๆ พวกเธอคงจะไม่เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังสินะ”
“………………”
“เดี๋ยว ! อย่าเงียบแบบนั้นสิ ! ไม่จริงใช่ไหม !? พวกเธอทั้งคู่คงจะรับภารกิจนี้ใช่ไหม !!!”
นอแมนพุ่งข้ามโต๊ะหมายจะคว้าไหล่ของฉันด้วยความร้อนรน ทว่า ฉันก็เอี้ยวตัวหลบแล้วทำหน้าลำบากใจ
“เรื่องนั้น…….”
“ไม่จริงน่า ไม่จริงใช่ไหม ! นะ นะ นี่มันงานแรกของผมเลยนะ !!! ช่วยบอกทีว่านี่มันเรื่องโกหก พวกเธอจะต้องรับงานนี้แน่ๆ ใช่มะๆๆๆ เป็นงานที่ดีได้เงินเยอะเลย พวกเธอไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว …..ไม่เอาน่า ถ้าเกิดพวกเธอทำแบบนั้นล่ะก็ ผมก็ซวยน่ะสิ”
นอแมนที่ดวงตารื้นน้ำมองมาที่ฉันด้วยสายตาราวกับจะอ้อนวอน
“ได้โปรดเถอะ ! ผมยังไม่อยากตกงานหรือถูกเก็บตอนนี้ ช่วยรับภารกิจนี้ทีเถอะ”
ชายวัยยี่สิบกว่าๆก้มกราบเท้าเด็กสาววัยสิบต้นๆ
นั่นเป็นภาพที่ชั่วชีวิตนี้ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็น แถมไม่คิดว่ามันจะมาเกิดกับตัวฉันเองอีกด้วย
“พวกฉันคิดว่าตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะทำภารกิจนี้นะคะ”
“ยิ่งเด็กนั่นแหล่ะยิ่งดี ! อีกฝั่งจะได้ตายใจ เด็กๆอย่างพวกเธอคงไม่คิดหรอกว่าจะเป็นสายลับปลอมตัวมา”
จะว่าไปคุ้นๆเหมือนกับได้ยินพวกพนักงานกิลซุบซิบกันว่า ‘แต่เกณฑ์คิดว่าตรงกับที่ต้องการเลยนะ’ ด้วย
“อย่าบอกนะว่าคุณจงใจเลือกคนรับภารกิจเป็นคนอายุน้อยๆไม่ก็เด็กๆอย่างพวกเราตั้งแต่แรก ?”
“ใช่แล้ว ! ถ้าเป็นเด็กๆอย่างพวกเธอ ภารกิจนี้คงแนบเนียนไปได้ง่ายแน่ๆ”
“แล้วถ้าโดนจับได้ล่ะ ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างน้อยบาเรนก็น่าจะมีคุณธรรมพอจะไม่ทำอันตรายเด็กๆอย่างพวกเธอหรอกน่า”
“คนที่คิดจะใช้เด็กๆอย่างพวกเราเป็นเครื่องมือชื่นชมเศรษฐีชั่วร้ายว่ามีคุณธรรม…ฉันควรจะตอบสนองยังไงกับคุณดีนะ”
“พี่ริซค่ะ คนๆนี้มัน…..”
เป็นครั้งแรกที่ไอรินซึ่งเงียบปากมาโดยตลอดเอ่ยปากพูด
เธอมองไปยังชายที่กำลังก้มหัวขอร้องแทบเท้าพวกเธออย่างไร้ศักดิ์ศรีพลางพูดว่า ‘ไม่อยากให้ภารกิจในฐานะนักสืบครั้งแรกต้องล้มเหลว’ ด้วยสายตาเหยียดหยาม
จะว่าไปไหงพูดเหมือนกับว่าตัวเองเป็นนักสืบมือใหม่เลยละ ? ไม่ใช่ว่านี่เป็นภารกิจแทกรซึมที่ยากสุดๆไปเลยหรอกหรอ !? ใครมันจ้างหมอนี่มากันเนี่ย ?
“— ขยะสุดๆ”
คำพูดไอรินแทนใจของฉันไปร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ฉันจะไม่อยากให้เธอพูดหยาบคายแบบนั้น แต่ฉันก็หาจุดผิดในสิ่งที่เธอพูดไม่เจอ
“ได้โปรดๆๆๆ ขอร้องล่ะ ! ฉันไม่อยากพังตั้งแต่งานแรก ไม่เอาแบบนี้ ! น่าๆๆๆๆ มันจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ คิดแง่บวกเข้าไว้สิ เห็นแก่หน้าพี่ชาย ช่วยรับภารกิจนี้ทีเถอะ…เอ้อ ! แล้วก็ห้ามเอาเรื่องที่เราคุยกันวันนี้ไปเล่าให้คนอื่นเด็ดขาดเลยนะ ขอบคุณมากๆที่รับฟัง ถ้าไม่ได้พวกเธอผมคงทำภารกิจนี้สำเร็จไม่ได้แน่ๆ หลังจากนี้ขอฝากตัวด้วยล่ะ”
“เดี๋ยว ! อย่ามาตีเนียน มัดมือชกกันด้านๆแบบนี้สิคะ ไม่เอาค่ะ ขอปฏิเสธ ! หนีกันเถอะไอริน !”
“ค่ะ !”
“เอ๋ !!! ไม่เอาน่า ! แค่เรื่องที่มีเด็กวายุนั่นอยู่ในสังกัดของเจ้านั่นเมื่อสองเดือนก่อนก็เป็นปัญหามากพอแล้ว ถ้าต้องมากังวลเรื่องพวกเธออีกเรื่องล่ะก็ ผมต้องบ้าตายแน่ๆ”
ฉันหลบชายวัยยี่สิบที่พยายามจะพุ่งมากอดขาแล้วร้องไห้อย่างน่าสังเวช
ท่าทางกลิ้งไปกลิ้งมาที่พื้นราวกับแมลงสาบทำเอารู้สึกเวทนาสุดๆ แต่ฉันไม่คิดจะช่วยหรอกนะ
“ปัญหาของตัวเองก็แก้เองสิคะ แล้วก็เรื่องที่พูดกันในวันนี้ฉันขอสัญญาว่าจะไม่เอาไปเล่าให้ใครฟัง เพราะงั้นอย่าตามมานะคะ !!!”
ถ้าต้องร่วมงานกับคนพรรคนี้ พวกเราคงความแตกตั้งแต่วันแรกแน่ๆ
เพราะงั้นไม่เอา ! ขอผ่านค่ะ !
“ไม่ได้หรอก ยิ่งมีเจ้าเด็กวายุนั่นอยู่ด้วย ฉันคนเดียวคงไม่รอดแน่ๆ แต่ถ้าพวกเธอไปเป็นตัวล่อให้ล่ะก็ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง”
ว่าแต่ เด็กวายุที่ว่านั่น คืออะไรนิ พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ
แถมเมื่อกี้นี้หมอนี่หลุดปากมาสินะว่าจะให้เราสองคนไปเป็นเหยื่อล่อของตัวอันตรายอะไรซักอย่าง
นี่มันเป็นความคิดที่น่าเกลียดสุดๆไปเลยนะเนี่ย
“ขอให้โชคดี สู้…..ตาย….นะคะ”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แช่งกันเรอะ !? ไม่ตลกเลยนะ ไม่ไหวหรอก เธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กวายุที่เป็นข้ารับใช้ของบาเรนน่ากลัวแค่ไหน”
นอแมนกอดไหล่แล้วทำท่าทางสั่นหงึกๆราวกับลูกหมา
“ไอ้เจ้าเด็กแว่นเวรนั่นว่ากันว่าเป็นจอมเวทย์ที่โหดเหี้ยมเย็นชาสุดๆ แถมยังสามารถเสกพายุยักษ์ขนาดถล่มทั้งเมืองเป็นหน้ากองโดยไม่ร่ายได้เลยด้วย”
งี้นี่เอง น่ากลัวจังเนอะ
เพราะงั้นทางนี้ขอผ่านละกัน
“หืม ?”
“เด็กวายุที่ว่าชื่ออะไรหรอคะ ?”
“ไม่รอดแน่ๆ แบบนี้ตายแน่ๆ หืม ? ชื่อหรอ ? คุ้นๆว่าจะเป็นข้ารับใช้ที่โผล่มาเมื่อประมาณสองเดือนก่อน”
สองเดือนก่อน นั่นคือช่วงเวลาที่พวกเราเริ่มหนีออกมาจากศูนย์วิจัย
“ส่วนชื่อก็ เล…เล..เลอง….ไม่สิ ? ลี รึเปล่า ? อืม…ลี…ลีเอว….ลีๆๆ….น่าจะ ลีโอล่ะมั้ง”
เอ๋ ??????????
ไม่มั้ง ลีโอ ?
แค่ชื่อและความสามารถเหมือนเฉยๆแน่ๆ
“ทั้งๆที่อายุสิบต้นๆแต่กลับใช้เวทย์ไร้ร่ายได้ สัตว์ประหลาดพรรคนั้นใครมันจะไปสู้ไหว”
อืม…..มาย้อนความกันซักหน่อย ใช่แล้ว ฉันก็มีคนรู้จักที่ชื่อว่าลีโออยู่เหมือนกัน
ลีโอ เด็กหนุ่มท่าทางเคร่งขรึมที่สวมแว่นแล้วชอบวางตัวเป็นผู้ใหญ่
เขาคือเด็กหนุ่มอายุ 12 ที่ช่วยฉันวางแผนหลบหนีออกจากศูนย์วิจัย และเป็นผู้ครอบครอง แก่นกลางแห่งวายุ ซึ่งมีความสามารถช่วยควบคุมสายลม ….ใช่ เขา คือเด็กหนุ่มผู้สามารถเสกทอร์นาโดขึ้นมาจากความว่างเปล่าด้วยการสะบัดมือแค่ครั้งเดียว
อาจจะแค่ชื่อเหมือนเฉยๆ การติดต่อครั้งล่าสุดทำให้รู้ว่าเขาอยู่คนล่ะที่กับเมืองแห่งนี้แน่ๆ
ยิ่งพอมีช่วงเวลามาเกี่ยว มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
แต่ทว่า—
“เพราะงั้นช่วยรับภารกิจนี้ไว้ทีเถอะ !”
มองชายที่กำลังก้มกราบเท้าอย่างน่าสังเวช ระหว่างที่มือสองข้างดึงไหล่ ห้ามไอรินที่ง้างเท้าเตรียมจะเหยียบหัวอีกฝ่าย
หลังจากไตร่ตรองอยู่ซักพักก็พบกับจุดน่าสงสัยหลายๆอย่าง
ราวกับว่า—
“เหมือนกับมีซีสมาวางตรงหน้าเลยแฮะ”
อยู่ๆก็จินตนาการถึงภาพหนูตัวน้อยที่กำลังมองกับดักหนูที่มีซีสวางอยู่ไม่มีผิด
ภารกิจที่เสนอและเวลามันลงตัวกันอย่างน่าประหลาด
“………………………”
นี่มัน ยิ่งกว่าน่าสงสัยอีกไม่ใช่หรอ ?
“เฮ้อ….นั่นสินะ”
ทว่า ฉันรู้สึกว่าถ้าตอนนี้ปฏิเสธไป มันจะเป็นตัวเลือกที่ผิดพลาด เอาล่ะทีนี้จะเชื่อชาติญาณหรือเหตุผลดีนะ
“ขอร้องล่ะ ได้โปรด !!!!”
“พี่ริซค่ะ…ให้หนูจัดการเลยไหมคะ ?”
มองน้องสาวที่ดวงตาเปล่งแสงสีแดงสลับกับนักสืบมือใหม่ผู้น่าสังเวช
ในท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เลยส่ายหัวแล้วตอบออกไป
“เข้าใจแล้ว ตกลง”
“จริงหรอ !”
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะน้ำตาที่เปียกชุ่ม เช่นเดียวกับรอยยิ้มอันปลื้มปิติที่ประดับไว้บนใบหน้า
พลั่ก !
“แอ้ก !”
ทว่า ในวินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาก็ถูกฝ่าเท้าเล็กๆบดขยี้จนจมบุ๋มลงไปในโครงหน้า นักสืบหนุ่มถึงกับหลุดเสียงร้องตลกๆออกมา
“ไอริน ? ทำไมถึงไปเหยียบหน้าของคุณนอแมนแบบนั้นละ !!!”
“ก็พี่ริซบอกให้หนูจัดการไม่ใช่หรอคะ ?”
“………………”
“………………”
“………………”
“สรุปที่บอกว่าตกลงนี่ หมายถึงเรื่องไหนอย่างงั้นหรอ ?”
“ใช่แล้ว !”
มองเห็นคนสองคนถามฉันอย่างพร้อมเพียง ฉันก็ส่ายหัวด้วยความรู้สึกลำบากใจ
“อืม…ฉันผิดเองที่พูดไม่เคลียร์…เอาเป็นว่าทั้งสองเรื่องล่ะกัน”
“เย้ !!!! แอ้ก !”
ฝ่าเท้าของไอรินประทับลงบนแก้มของนักสืบที่กำลังชูมือขึ้นฟ้าด้วยความยินดีอีกรอบ เป็นท่ากระโดดถีบที่สวยงามจนเผยให้เห็นกางเกงในสีขาวบริสุทธิ์ สงสัยฉันคงต้องเตือนให้ระวังซักหน่อยแล้วสิเนี่ย แต่สีขาวก็เหมาะกับไอรินน้อยที่ใสสะอาดของฉันจริงๆนั่นแหล่ะ
เอาเป็นว่าการจับทีมแบบงงๆ ระหว่าง พี่สาว จอมมารน้องสาว และ นักสืบมือใหม่ จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยลูกถีบนั่นเอง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 38 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 37 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 36 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 35 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 34 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 33 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 32 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 31 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 30 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 29 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 28 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 27 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 26 พฤษภาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 24 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 23 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 22 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 21 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 18 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 17 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !? เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14: น้องสาวผู้น่ารักของฉันมีมากกว่าหนึ่งคน !? เมษายน 28, 2022
- ตอนที่ 13: น้องสาวผู้น่ารักของฉันฝึกทำอาหาร เมษายน 27, 2022
- ตอนที่ 12: การเดินทางของพวกเขาทั้งหลาย เมษายน 26, 2022
- ตอนที่ 11: พี่สาวของหนูต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป เมษายน 24, 2022
- ตอนที่ 10: พี่สาวของหนูพูดอะไรบางอย่างที่น่าจะสำคัญ เมษายน 23, 2022
- ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ เมษายน 21, 2022
- ตอนที่ 8: น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอมพูดเปิดใจนิดหน่อย เมษายน 20, 2022
- ตอนที่ 7: น้องสาวผู้น่ารักของฉันช่วยปกป้องคุณพี่สาวด้วยล่ะ ! เมษายน 19, 2022
- ตอนที่ 6: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเเสดงความเป็นห่วงด้วยล่ะ ! เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 5: เพื่อจบความขัดเเย้ง การเสียสล่ะคือสิ่งที่จำเป็น เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 4: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเข้าวัยต่อต้าน !? เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 3: ไม้ต่อ เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 2: เเยกจาก เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นภายในห้องขังอันอับชื้น เมษายน 18, 2022
MANGA DISCUSSION