เนื่องจากได้รับลายเซ็นรับรองจากหัวหน้ากิล อะไรๆหลายอย่างก็เรียบง่ายผ่านฉลุย
ดูเหมือนว่าหัวหน้ากิลกาเซลจะเป็นคนที่น่าเกรงขามเอามากๆ เพราะแม้จะมีพนักงานบางคนเอะใจหรือสงสัยในตัวพวกเราในตอนที่ดูบัตรนักผจญภัย แต่เขาก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรเพิ่มพอรู้ว่าหัวหน้ากิลกาเซลเป็นคนรับรอง
“จากที่ดูในคำแนะนำ ท่านหัวหน้ากิลแนะนำภารกิจประมาณสองอย่างนี้ครับ”
ว่าแล้วพนักงานกิลผู้ชายที่ดูท่าทางสุภาพก็ยื่นกระดาษสองแผ่นให้กับพวกเราซึ่งได้ระบุรายละเอียดภารกิจทุกอย่างเอาไว้
อนึ่ง ระบบกิลนักผจญภัยในโลกใบนี้ก็คล้ายๆกับนิยายแฟนตาซีหลายๆเรื่อง
นักผจญภัยไล่จากระดับล่างไประดับบนคือ F E D C B A และ S ตามลำดับ
และ ระดับความยากของภารกิจแบ่งเป็น F E D C B A และ S ตามลำดับ โดยที่การจะรับเควสได้ ภายปาร์ตี้ต้องมีสมาชิกที่มีระดับแรงค์นักผจญภัยเทียบเท่าระดับความยากของภารกิจนั้นอย่างน้อยหนึ่งคน
โดยทุกคนที่สมัครเป็นนักผจญภัยก็ต้องเข้ารับการตรวจสอบด้วยลูกแก้ววัดพลังเวทย์ จากนั้นก็ต้องไปรับการทดสอบประลองกับนักสู้ที่กิลเตรียมเอาไว้เพื่อประเมินว่ามีระดับพลังกายและพลังเวทย์ควรจะได้รับแรงค์ประมาณไหน ซึ่งหลังจากได้แรงค์เริ่มต้นไปแล้วก็จะสามารถเลื่อนแรงค์ได้ขึ้นอยู่กับผลงานที่ทำ
ฉันและไอริน ถูกปลอมแรงค์ให้เป็นแรงค์ C ทั้งๆที่ถ้าตรวจสอบด้วยลูกแก้ววัดพลังเวทย์ พวกเราทั้งคู่น่าจะมีพลังเวทย์มากจนกลายเป็นนักผจญภัยระดับ S ได้เลย
“อันหนึ่งคือ ภารกิจกวาดล้างรังออร์ค ส่วนอีกอันคือภารกิจตามหาโครงกระดูก”
ฉันมองภารกิจทั้งสองและเทียบราคา
อันหนึ่งคือภารกิจที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งต้องการความช่วยเหลือให้ไปช่วยถล่มรังออร์คซึ่งเกรงว่าจะมาทำอันตรายหมู่บ้านของพวกตน เป็นภารกิจที่แข่งกับเวลา
ส่วนอีกอันคือ ภารกิจตามหาโครงกระดูกของเศรษฐีคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงแย่ๆทำนองว่าชอบเล่นมนต์ดำอะไรทำนองนั้น เห็นระบุว่าให้ช่วยไปตามหาโครงกระดูกที่เขาต้องการในป่าที่ในอดีตเคยเป็นเขตสงคราม
ในด้านของผลตอบแทน ภารกิจของเศรษฐีได้เงินมากกว่าอย่างแรก
“ทั้งสองคนเป็นจอมเวทย์ทั้งคู่สินะครับ ทางนี้ขอแนะนำให้หาสมาชิกแนวหน้าแล้วเริ่มด้วยภารกิจกวาดล้างรังออร์คดีกว่า”
“…………………”
ฉันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษทั้งสองแผ่นขึ้นมา
“งั้นฉันขอรับทั้งสองภารกิจค่ะ”
“หา !?”
คำพูดของฉันทำให้พนักงานชายตกตะลึง
“คือภารกิจทั้งสองใช้เวลานานพอสมควรเลยนะครับ แถมสถานที่ยังอยู่คนล่ะที่อีก แล้วระยะเวลาภารกิจแรกก็จำกัดมากกว่าภารกิจที่สองด้วย ถ้าทำภารกิจอันใดอันหนึ่งไม่ทันเวลาคุณไอริซก็จะต้องเสียค่าปรับนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ เอาตามนี้นะคะ”
“หึ ! เรื่องแค่นี้เราสองพี่น้องจัดการเอง แค่กวาดล้างออร์คเรื่องจิ๊บๆ”
หลังจากไอรินโม้เสร็จ แม้พนักงานชายจะทำท่าทางลำบากใจ แต่พอได้คุณหมอโยฮันช่วยโน้มน้าวอีกที เขาก็ยอมรับในที่สุด ถึงสีหน้าจะดูไม่เต็มใจก็ตาม
“ว่าแต่คิดยังไงถึงรับทั้งสองภารกิจหรอ ?”
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับ ภายหลังจากที่ลงชื่อรับภารกิจเสร็จ คุณหมอก็ถามฉัน
“ก็เจ้าของเควสทั้งสองคนต้องการความช่วยเหลือทั้งคู่เลยนิคะ….ทั้งปริศนาของเขาที่อยากจะตามหาโครงกระดูกในสนามรบ และ พวกเขาที่ต้องการความช่วยเหลือในการกำจัดออร์ค คิดว่าถ้ายื่นมือเข้าไปช่วยได้ก็อยากจะช่วยค่ะ ”
“ ‘เขา’ ? …..”
คุณหมอทวนคำพูดของฉันซ้ำ ก่อนจะมองไปที่ใบรายละเอียดของภารกิจอีกที
“เหมือนเควสตามหาโคงรกระดูกจะให้ไปรับฟังภารกิจอย่างละเอียดอีกทีที่เมืองฟาเลสโซ่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฟรองก้า แห่งนี้ไปอีกสามเมือง เป็นภารกิจที่น่าสงสัยว่า ทำไมถึงไม่บอกรายละเอียดทั้งหมดไว้ในกระดาษแผ่นนี้ แถมชื่อของผู้จ้างวานก็ยังเป็นคนๆนี้….ไม่ได้มีคำนำหน้าแท้ๆ แต่ยังอุตส่าห์รู้ด้วยนะว่าเป็นผู้ชาย”
“เป็นเซนส์นะคะ”
“งั้นเหตุผลที่เลือกทั้งสองภารกิจนี่ก็เพราะเซนส์เหมือนกัน ?”
“คะ ?”
คุณหมอทำท่าทางครุ่นคิด
“เป็นเหตุผลที่ฟังดูประหลาดสินะคะ”
“แน่อยู่แล้ว เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเลย แต่บางทีสิ่งที่เรียกว่าเซนส์ มันก็เป็นข้ออ้างของเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดของมนุษย์”
คุณหมอเว้นหายใจเล็กน้อย
“เพราะบางทีการที่ฉันเสนอให้พวกเธอชดใช้หนี้ด้วยวิธีไร้เหตุผลอย่างการเป็นนักผจญภัยก็คงมีเซนส์ผสมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง”
“แล้วอีกส่วนหนึ่งละคะ ?”
“ก็เธออยากให้เด็กคนนั้นเห็นไม่ใช่หรอ ? โลกใบนี้นะ ?”
เราทั้งคู่มองไปยังไอรินที่แอบหนีไปนั่งกินบาร์บีคิวข้างทางตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เป็นร้านของคุณป้าร้านเดิมที่เคยแถมบาร์บีคิวให้ไอรินเมื่อครั้งที่แล้ว รู้สึกจะชื่อ คุณป้าโดเมนิกล่ะมั้ง ?
อืม…แวะไปกินบ่อยจนจำชื่อเข้าของร้านได้เลยล่ะ
“การเปิดหูเปิดตา ผ่านการผจญภัย เรื่องราวมากมายที่ได้รับต่อจากนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์นะ”
“เป็นความเอาใจใส่ที่ต้องขอขอบคุณจริงๆค่ะ ด้วยบัตรนักผจญภัยที่ใช้แทนบัตรประชาชนได้ พวกเราก็จะสามารถทำธุรกรรมต่างๆและปลอมตัวกลมกลืนไปกับคนทั่วไปได้”
“ฮ่าๆ ตอนแรกนึกว่าเธอจะงงซ่ะอีกว่า ทำไมหมอถึงเสนอให้เป็นนักผจญภัย กำลังคิดว่าคงฟังดูไม่สมเหตุสมผลอยู่เชียว”
“ฮุๆ ตอนแรกก็งงอยู่ แต่ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วค่ะ”
อะแฮ่มๆ
หลังจากหัวเราะกันเล็กน้อย คุณหมอก็กระแอมไอเบาๆ
“บางทีหมอก็อาจจะไม่อยู่ในจุดยืนที่สามารถพูดแบบนี้ได้ แต่หมอก็ขอพูดเอาไว้ก่อนล่ะกัน—”
เขามองไปที่ไอรินก่อนจะมองลงมาที่ฉัน
“ไปดีมาดีล่ะ สถานที่แห่งนี้พร้อมต้อนรับพวกเธอทั้งคู่เสมอ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ”
ในวันรุ่งขึ้น พวกเราทั้งคู่ก็ออกเดินทางโดยที่ไม่ได้บอกลาคุณหมอและเมอลิน เพราะยังไงพวกเราในตอนนั้นก็คิดว่า เราจะเอาเงินที่หามาได้กลับมาจ่ายหนี้ให้ทั้งสองคนในซักวันอยู่ดี
MANGA DISCUSSION