พี่สาวนางร้าย ปักธงตายตั้งเเต่ตอนเเรก !? - ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ
เกือบกลายเป็นปุ๋ยไปซ่ะแล้ว
ถ้าเมื่อกี้ร่ายเวทย์แช่แข็งชั้นสูงไม่ทัน เมืองทั้งเมืองคงเหลือแต่ฝุ่นไปแล้วแน่ๆ
อันตราย เมื่อกี้สัมผัสได้เลยว่าอันตรายมากๆ
ถ้าพลาดไปแม้เพียงเสี้ยววิ ตัวฉันคงได้กลายเป็นฝุ่นเหมือนอาคารกว่าครึ่งหลังที่เราร่ายเวทย์แช่แข็งแทรกแทรงเวทย์เสื่อมสลายของไอรินไม่ทัน
โชคดีที่เป้าหมายตกอยู่ที่อาคารโดยรอบก่อน ไม่อย่างงั้นฉันคงแช่แข็งเวทมนต์ของไอรินไม่ได้
ถ้าเมื่อกี้จุดเริ่มต้นของการเสื่อมสลายอยู่ที่ตัวฉัน ป่านนี้ฉันคงแช่แข็งเวทย์เสื่อมสลายไม่ทันเพราะตัวเองกลายเป็นฝุ่นไปซ่ะก่อน
นี่มันยิ่งกว่าอาวุธชีวภาพอีกนะเนี่ย สาวน้อยอารมณ์ร้ายที่ทำให้เมืองทั้งเมืองล่มสลายด้วยเวลาไม่ถึง 5 วินาที
แทบจะเรียกได้ว่าภัยพิบัติเดินได้เลยทีเดียว เพราะถูกไอ้พวกนักวิจัยนั่นยัดแก่นมนตราเข้ามา น้องสาวของฉันเลยกลายเป็นแบบนี้ไปซ่ะแล้ว
เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ ไม่มีใครเป็นอันตราย นอกจากคุณหมอโยฮันที่ดูท่าจะติดใจการเป็นม้าให้ไอรินพอสมควร
เด็กคนนั้นดันไปเปิดประตูแปลกๆของคุณหมอโยฮันเข้าจนได้ เครียดจนจะเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้วเนี่ย บ้าชะมัด !
ตอนแรกก็แค่จะพาไอรินมาหาหมอเพราะไข้ไม่ลง แล้วก็ถือซ่ะว่าเป็นโอกาสในการไปหาซื้อเสื้อผ้าและอาหารมาตุน ส่วนในเรื่องความปลอดภัย ฉันก็ร่ายเวทย์น้ำแข็งสายตรวจจับการเคลื่อนไหวเอาไว้โดยรอบแล้วด้วย ทั้งๆที่คิดว่าจะได้ออกไปเลือกของใช้แล้วกลับมาหาไอรินเร็วๆแท้ๆเชียว
แต่ไหง มันถึงได้มีสัญญาณแจ้งเตือนดังกลับมาจากเวทย์น้ำแข็งสายตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ติดตั้งเอาไว้กันเล่า !
แถมต้นเหตุยังมาจากเด็กคนนี้ที่มโนอะไรไม่รู้เป็นตุเป็นตะ
“สรุปว่า…น้องฟังที่คุณหมอพูดไม่จบก็เลยคิดว่าพี่แก่ตายไปแล้วเนี่ยนะ ?”
“ขอ..ขอโทษค่ะ”
‘เพราะพี่สาวของท่านนำตัวท่านมาส่งแล้วยังไม่ตื่นซักที ทำให้รอนานเกินจนทนไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยไม่อยู่ที่นี้แล้ว เห็นบอกว่าจะไปซื้อของ พวกเสื้อผ้า และ อาหาร ก่อนที่ท่านจะตื่น’
อุตส่าห์ใช้เวทย์ควบคุมจิตใจออกคำสั่ง แต่ดันฟังไม่จบประโยค มันก็เลยกลายเป็นสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณหมอจนได้
ซ้ำร้ายยังเข้าใจคาดเคลื่อนไปหลายอย่าง
ทั้งเรื่องที่คุณหมอคือคุณหมอจริงๆไม่ใช่นักวิจัย รวมไปถึง ทฤษฏีเรื่องการเป็นหวัดทำให้คนเราสามารถข้ามเวลาได้ !
อะไรกันนิ !? ไอ้ความเข้าใจผิดแรกยังพอเข้าใจ เพราะ หมู่บ้านของพวกเรายากจนแล้งแค้นไม่มีหมอ ไอรินเลยยังไม่เคยเจอหมอตัวเป็นๆ แต่ไอ้ความเข้าใจคิดที่สอง มันเริ่มแปลกๆแล้วนะ คิดได้ไงกันเนี่ย ?
ความล้มเหลวทางการศึกษา ? เอ่อ นั่นก็คงเป็นส่วนหนึ่ง เพราะ ปัญหาความยากจนทำให้ในทวีปนี้มีเด็กๆจำนวนราวๆ 10-20% ที่ไม่ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งเราทั้งคู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เฮ้อ…แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม ต้องมโนขนาดไหนกันถึงเข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น ?
แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ต้องจ่ายจากความเข้าใจผิดของไอรินค่อนข้างจะสูงพอตัวเลย
เงินจำนวนหนึ่งแสนโกลที่ฉกมาได้จากคนชั้นสูงคนนั้น ไม่พอซ่อมอาคารกว่าครึ่งหลังอย่างแน่นอน
ถึงจะโชคดีที่ไม่มีผู้ป่วยคนอื่นอยู่ก็เลยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สร้างความตื่นตระหนกมากพอสมควร
แม้คุณหมอจะช่วยโกหกไปให้ว่า เวทมนต์หลุดการควบคุม แต่มองจากอาคารกว่าครึ่งหลังที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและลามไปถึงสวนหลังบ้าน ใครมันจะไปเชื่อว่าเวทย์หลุดการควบคุมธรรมดาๆกันเล่า ? ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่จนชาวเมืองเขาซุบซิบนินทากันไปเรียบร้อย
กะจะพาเข้ามาซ่อนในเมืองแล้วพักอย่างสงบซักคืนสองคืนแท้ๆ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แผนเที่ยวเล่นพักผ่อนหลังการเดินทางยาวนานติดต่อกันกว่าหนึ่งเดือนก็เป็นอันล้มเหลว
เฮ้อ…ไม่ได้โกรธหรอกนะ ฉันไม่ได้โกรธเลยซักนิด ….เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันต้องอดเที่ยวเล่นพักผ่อนกับไอริน
ทั้งๆที่ไปถามหาสถานที่ยอดฮิต พวกสวนดอกไม้ กังหันลมยักษ์ ร้านขนมหวานชื่อดัง หรือ พวกโรงละคร เอาไว้แล้วแท้ๆ…ทั้งๆที่อุตส่าห์เตรียมวางแผนเอาไว้หลังไอรินหายเอาไว้แล้วเชียว
อึก ! ไม่ได้รู้สึกเจ็บใจเลยซักนิด
ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษค่ะ…พี่ริซ”
“อืม……….”
ไอรินน้อยของฉันช้อนตามองแล้วดึงชายเสื้อของฉันด้วยใบหน้าที่ดูกล้าๆกลัวๆ
“ไม่เป็นไร..พี่เข้าใจว่า มันเป็นอุบัติเหตุ….พี่…ยกโทษให้ก็ได้”
“จริงหรอคะ…ขอบคุณค่ะ !”
เห็นไอรินกลับมายิ้มแย้มแบบนี้ได้ ฉันก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“ช่างเถอะ..ก็แค่อุบัติเหตุเล็กน้อยนั่นแหล่ะ”
“ค่ะ ! ก็แค่อาคารพังไปหลังเดียวเอง ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหนเลย !”
ดีมาก น้องรัก
ยิ้มแย้มและพูดจาปากดีได้ขนาดนี้ พี่สาวค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“แต่ว่า—”
แบบนี้ จะได้ขยี้ให้เละโดยไม่ต้องเกรงใจได้ยังไงล่ะ !
“มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้นิเนอะ !”
“ค่ะ !”
“เงินทั้งหมดที่ได้มาก็ต้องเอามาจ่ายค่าซ่อมอาคาร กลายเป็นว่าได้หนี้มาเฉยเลย แต่มันเป็นอุบัติเหตุก็เลยช่วยไม่ได้”
“ค…ค่ะ…”
“ร้านขนมหวานชื่อดังที่คิวเยอะจนต้องจองคิวล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ เงินที่อุตส่าห์เอาไปยัดเพื่อให้สามารถลงชื่อจองได้เร็วขึ้นก็เลยสูญเปล่าไป…นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
“เอ่อ..พี่ริซคะ ?”
“กังหันลมยักษ์ที่ใหญ่สุดเป็นอันดับสามของประเทศที่กะว่าจะพาไปดูก็คงไม่ได้ไปกันแล้ว สวนดอกไม้ที่ว่ากันว่ากำลังผลิบานเป็นสีชมพู พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ไป….โรงละครที่อุตส่าห์ซื้อตั๋วเผื่อไว้ก่อนเพราะเห็นอยู่ในช่วงลดราคา ดูท่าคงจะไม่ได้ใช่แล้ว พี่มันโง่เองที่มองการณ์ไกลเกินไปจนคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น..ทุกอย่างที่พี่วางแผนเอาไว้ มันสูญเปล่าหมดเลย….นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน”
“อึก !”
ฉันเว้นหายใจเล็กน้อย พอมองหน้าเธอ ไอรินก็สะดุ้งเฮือกแล้วหลบตา
เธอคงจะกลัวฉันน่าดู ฉันเลยทำได้เพียงหันหลังให้กับเธอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ถึงแม้จะพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นลง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แม้จะไม่เกี่ยวกับอารมณ์ของฉันเอง แต่ฉันก็ไม่สามารถปล่อยเอาไว้แบบนี้ได้จริงๆ
ต้องสอนให้เด็กคนนี้รู้ถึงความสำคัญของพลังที่อยู่ในมือ แล้วก็ทำให้เธอรู้จักควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้
ถึงจะอึดอัดที่ต้องต่อว่าเด็กคนนี้ก็ตามเถอะ…..
“พี่ริซ…โกรธหรอคะ ?”
ฉันไม่ตอบว่าโกรธหรือไม่โกรธ แต่ฉันทำเพียงบอกความจริงให้เธอรู้
“ถ้าเมื่อกี้เวทย์ของน้องโดนตัวพี่ พี่คงไม่ได้มายืนคุยอยู่กับน้องอยู่ตรงนี้….เรื่องนั้นน่ะน้องคงรู้ดีใช่ไหม ?”
“อึก !”
“ทำเรื่องไปตั้งขนาดนั้น ยังอุตส่าห์คาดหวังให้พี่ยกโทษให้อีกนะ ใจกล้าดีเหมือนกันนิ”
ติ๋ง…..
พอมองไปก็พบไอรินที่กำชายกระโปรงของตนแล้วก้มหน้าลง ตรงเท้าของเธอปรากฎหยดน้ำใสๆหยดติ๋งลงไปที่พื้น
แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่ไอรินที่ตอบกลับฉันด้วยเสียงสั่นเครือก็เดาได้ไม่อยากว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
“หนู…ผิดไปแล้วค่ะ”
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี..แต่ว่าคำว่า ‘ขอโทษ’ ไม่ว่าใครก็พูดได้ ถ้าคิดจะให้พี่ยกโทษให้ก็จงพิสูจน์ด้วยการกระทำซ่ะ”
“พิสูจน์ ? ด้วยการกระทำ ?”
ว่าแล้วฉันก็วางมือลงบนเส้นผมของเธอจากนั้นก็ใส่พลังเวทย์ลงไป
“เอ๊ะ ?”
เมื่อฉันยื่นกระจกให้ไอรินดู ไอรินก็มองภาพของตัวเองที่อยู่ในกระจกด้วยความประหลาดใจ
“สีชมพู ?”
ฉันได้ใช้เวทย์น้ำแข็งเคลือบเส้นผมของไอรินเอาไว้บางๆแล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสีชมพู มันเลยกลายเป็นว่าไอรินได้ปลอบตัวกลายเป็นเด็กสาวที่มีผมสีชมพูและตาสีฟ้าไปแล้วเรียบร้อย
“……….”
ว่าแล้ว ฉันก็เปลี่ยนสีผมของฉันให้กลายเป็นสีชมพูบ้าง
“พี่ริซ ?”
“เจอกันอีกทีตอนเย็น….ไว้พี่กลับมาแล้ว จะรอดูว่าพี่ควรยกโทษให้น้องดีไหม ?”
พูดจบฉันก็หันหลังให้โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง ทิ้งให้น้องสาวของฉันอยู่ตัวคนเดียวภายในห้องเล็กๆที่มีรูโหว่ขนาดใหญ่อยู่บนเพดาน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
‘ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี..แต่ว่าคำว่า ‘ขอโทษ’ ไม่ว่าใครก็พูดได้ ถ้าคิดจะให้พี่ยกโทษให้ก็จงพิสูจน์ด้วยการกระทำซ่ะ’
เพราะหนูทำเรื่องร้ายแรงลงไป พี่ริซเลยบอกให้หนูขอโทษพี่ริซผ่านการกระทำ
“………….”
ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวอะไรได้
เมื่อกี้เกือบจะฆ่าพี่ริซไปจริงๆ….ฆ่าพี่ริซด้วยมือคู่นี้
“อึก !”
นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
ถึงจะไม่เข้าใจกลไกเวทมนต์ของพี่ริซ แต่ถ้าเมื่อกี้พี่ริซยกเลิกเวทมนต์ของหนูไม่ทัน เวทย์เสื่อมสลายของหนูคงทำลายโครงสร้างร่ายกายของพี่ริซทำให้พี่ริซสลายหายกลายเป็นฝุ่นไปแล้วแน่ๆ
“เรา…เรา…”
มองมือของตัวเองที่กำลังสั่นเทา ภาพที่เห็นเริ่มพร่ามัวขึ้นมา สัมผัสได้ถึงดวงตาที่ชุ่มฉ่ำและร้อนผ่าว
“ฮึก ! ขอโทษค่ะ…หนูขอโทษ….”
ตึ้ง !
ได้แต่ทุบกำแพงพลางกุมหน้าอกที่รู้สึกบีบรัดจนแทบจะบ้าตาย
รู้สึกแน่นอกเหมือนมีอะไรมากด แล้วก็รู้สึกหายใจติดขัดราวกับมีอะไรมารัดคอ
ทรมาน….เจ็บปวด แล้วก็รู้สึกผิด
ไม่มีอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าการใช้มือคู่นี้ฆ่าพี่ริซอีกแล้ว
เมื่อกี้สิ่งที่หนูทำ มันเลวร้ายมากๆ เลวร้ายที่สุด
ไม่สมควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นน้องสาวของพี่ริซอีกแล้ว
“ฮือออออออ”
หนูขอโทษ….เป็นความผิดของหนูเอง
ขอโทษค่ะ…ขอโทษค่ะ….
ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ…ขอโทษจริงๆค่ะ
หนูได้แต่นั่งกุมเข่าอยู่ที่มุมห้อง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี
ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะขจัดความคิดขุ่นมัวที่อยู่ข้างในใจให้ออกไปได้
ไม่กล้าสู้หน้าพี่ริซอีกแล้ว
แย่มากๆ หนูมันแย่ที่สุด
จะทำยังไงดี ?
หนูควรทำยังไงดี ?
ขอโทษงั้นหรอ ?
แสดงความสำนึกผิดงั้นหรอ ?
ขอโทษอย่างงั้นหรอ ?
มันมีด้วยหรอวิธีที่จะทำเหมือนกับว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น
หนูเกือบฆ่าพี่ริซไปแล้วนะ
หนูเกือบฆ่าพี่ริซของหนูไปจริงๆแล้วนะ !!!
วิธีแก้ไขน่ะ มันไม่มีอยู่หรอก
ไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวหรือแสดงความจริงใจอะไรออกไป
ความเสียหายที่หนูสร้างและเจตนาฆ่าของหนู สิ่งเลวร้ายต่างๆที่ทำลงไปกับพี่ริซ มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้แต่อย่างเดียว
“อย่างงี้นี่เอง…เป็นแบบนี้เองสินะ”
พลังของหนูมีแค่การควบคุมและการทำลาย
ด้วยพลังที่มีอยู่ไม่สามารถสร้างสิ่งใดได้นอกเสียจากสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้อื่น
มันต่างกับน้ำแข็งของพี่ริซที่สรรค์สร้างสิ่งต่างๆที่น่าอัศจรรย์ได้มากมาย
ทั้งมงกุฎเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะ และกิ๊ปติดผมน่ารักที่หนูกำลังติดอยู่
พี่ริซได้มอบหลายสิ่งหลายอย่างให้กับหนู ทว่า หนูกลับทำได้แค่ทำลายทุกอย่างที่พี่ริซสร้างขึ้นมา
ไม่ไหวอย่างงั้นสินะ ความเป็นจริงคือแบบนี้เองสินะ
พวกเราต่างกันมากเกินไป
หนูกับพี่ริซไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้หรอก
เหตุการณ์ในครั้งนี้แหล่ะคือข้อพิสูจน์
เมื่อมีครั้งนี้เป็นครั้งแรก มันก็มีครั้งที่สองเกิดตามขึ้นมาได้
อ่า…เจ็บใจจัง หนู..ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข แต่มันคงไม่มีทางทำได้
“ฮึก ! ไม่ได้จริงๆอย่างงั้นสินะ”
ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
น้ำตามันไหลออกมาเองจนภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
ทั้งๆที่คิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป…ทั้งๆที่หนูก็อยากจะให้เป็นแบบนี้เหมือนกับพี่ริซแท้ๆ
ขอโทษค่ะ..พี่ค่ะ
หนูขอโทษ……
ทางเดียวที่หนูจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นได้
วิธีเดียวที่จะทำให้พี่ริซยกโทษให้ในความผิดที่หนูก่อ
มันก็คงเหลือแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น—
“นี่มัน ?”
เมื่อมองไปที่หน้าต่างก็พบผีเสื้อตัวเล็กๆที่โปร่งใสตัวหนึ่ง
มันมีรูปร่างที่โปร่งใสจนมองทะลุได้ทำให้รู้ว่า มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
พอสังเกตดูดีๆและจับๆดูก็พบว่าร่างของมันทำจากน้ำแข็งเย็นๆ
ผีเสื้อน้ำแข็งตัวนี้คงเป็นสิ่งที่พี่ริซสร้างขึ้นเพื่อใช้สังเกตุการณ์ตัวหนูไม่ผิดแน่ๆ
“ถึงหนูจะทำตัวแย่ขนาดนี้..พี่ริซก็ยัง….”
รู้สึกผิดมากๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กที่แย่และเลวร้ายจนไม่รู้ว่าจะเลวกว่านี้ได้อีกหรอ ?
แต่ขนาดทำตัวแย่ๆไปตั้งขนาดนั้น พี่ริซก็ยังเป็นห่วงถึงขนาดทิ้งสิ่งนี้เอาไว้เพื่อคอยเฝ้าดูน้องสาวนิสัยเสียคนนี้
จะมีพี่สาวที่นิสัยดีเท่านี้บนโลกอยู่อีกหรอ ?
แน่นอนว่า ไม่มี
แล้วจะมีน้องสาวที่นิสัยเสียมากกว่านี้บนโลกอีกรึไง ?
แน่นอนว่า ไม่มี
แล้วน้องสาวที่ดีกว่านี้ละ ?
มีเยอะไปหมดเลย !
“ฮ่าๆ…หนูไม่เหมาะกับพี่ริซจริงๆด้วย…ไอริน…..ไอริน…ไอรินเป็นเด็กนิสัยไม่ดี”
มองผีเสื้อน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้า แม้จะลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจร่ายเวทย์สลายสสารใส่
จ๋อม !
เพียงแค่เสี้ยววิ ผีเสื้อน้ำแข็งก็แปรเปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำเล็กๆกองอยู่ตรงขอบหน้าต่าง
อีกไม่นานพี่ริซก็น่าจะรู้ตัวแล้ว เวลาที่จะแก้ไขทุกอย่างคงเหลืออีกไม่มาก
“อึก !”
รู้สึกเวียนหัวจัง…แล้วก็รู้สึกเพลียหน่อยๆ น่าจะเป็นเพราะยังมีไข้อยู่ล่ะมั้ง ?
แต่ว่าตอนนี้เรื่องร่างกายของหนูเอาไว้ทีหลัง หนูต้องแก้ไขในทุกสิ่งที่หนูทำพลาดลงไป
แล้วก็นี่คงได้เวลาแล้วที่หนูจะทำเพื่อพี่ริซอย่างจริงๆจังๆ
“ตัดสินใจแล้วละ—”
ปีนออกไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของผู้คนที่อยู่ตามท้องถนน
““““ —-!? ””””
สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่หนูด้วยสายตาสับสนงงงวย
ทว่า พวกเขาจะรู้สึกยังไง มันก็ไม่สำคัญ
นั่นก็เพราะว่า—
“หลังจากนี้ไปจงฟังคำสั่งของเราซ่ะ !!!”
ทุกคนที่จ้องตาหนูถูกเวทย์ควบคุมจิตใจสะกดเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
“จงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อกี้ไปเดี๋ยวนี้ !!!”
ยังไงทุกๆคนก็จะลืมเรื่องเมื่อกี้ที่หนูทำไปอยู่แล้ว เพราะงั้นพวกเขาจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญกับหนูเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นหนูก็ออกวิ่งไปตามท้องถนน พยายามสะกดจิตผู้คนให้ได้มากที่สุด
สร้างเรื่องโกหกใหม่ขึ้นมา จากนั้นก็เอามาวางทับกับความทรงจำเดิม
แม้จะไม่สามารถสะกดจิตได้ทุกคน แต่ถ้าเกิดกว่า 90% เชื่อในคำโกหกของหนู อีก 10 % ที่เหลือต่อให้พูดความจริงออกมา พวกเขาก็จะสับสนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อจากเรื่องโกหกที่หนูพูดออกไป
“เอาล่ะ— ทีนี้ก็—”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หนูเริ่มการล้างสมองเมื่อกี้นี้
วิ่งไปตามถนนมุ่งขึ้นทิศเหนือ กระโดดเข้าไปในกิลนักผจญภัย จากนั้นก็ขึ้นรถม้ามาทางตอนใต้และ ตะวันออก กับ ตะวันตกตามลำดับ โดยระหว่างนั่งรกม้าก็ล้างสมองผู้คนไปตามทาง
จำนวนที่ล้างสมองไปได้คงถึงหลักพันไปแล้วเรียบร้อย
แม้จะเหนื่อยหอบหลังจากวิ่งไปทั่วเมืองกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อย
“พี่ค่ะ…..”
ในเมื่อทำในสิ่งที่หนูทำได้ไปหมดแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คงมีแค่เรื่องนี้เพียงเท่านั้น
“ลาก่อนนะคะ…พี่ริซ—”
นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่หนูทำให้ได้สำหรับพี่สาวที่หนูรักยิ่งกว่าใครๆ