ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !?
แย่จัง รู้สึกหน่วงๆหัวยังไงก็ไม่รู้
รู้งี้ไม่น่าเล่นมากเกินจนตกน้ำไปตั้งหลายรอบ ถ้าเชื่อพี่ริซตั้งแต่แรกก็คงดี
เพราะเป็นหวัดก็เลยกลายมาเป็นตัวถ่วงพี่ริซอีกจนได้
มีบางช่วงที่เห็นพี่ริซมีหลายคน แถมภาพก็เอียงซ้ายเอียงขวาไปมา แล้วก็มีบางช่วงที่มึนๆหัวจนพูดอะไรออกมาก็ไม่รู้
จำได้แค่ว่าตอนนั้นรู้สึกอบอุ่นสุดๆ มีความสุขมากๆ อยากจะอยู่ต่อไปแบบนั้นนานอีกซักหน่อย เพราะอะไรซักอย่าง ?
เป็นภาพที่เหมือนกับความฝัน แต่ก็ไม่ใช่ความฝัน คุ้นๆเหมือนกับว่าตอนนั้นได้ดูดาวกับพี่ริซ โดยที่คืนนั้นมีดวงดาวเต็มท้องฟ้า ทว่า คนที่พูดกับพี่ริซ กลับดูเหมือนไม่ใช่เรา ราวกับว่าเรากำลังมองพี่ริซคุยกับใครบางคนอยู่ห่างๆ พวกเขาพูดอะไรบางอย่างที่เราไม่เข้าใจจนจับใจความไม่ได้ ทว่า ในตอนนั้น มันกลับมีทั้งความรู้สึกเศร้าและมีความสุขปนเปกันไป เป็นอะไรที่อธิบายลำบาก แต่ท้องฟ้าในคืนนั้น มันก็งดงามจริงๆนั่นแหล่ะ ถึงจะไม่เท่าพี่ริซก็ตาม
เฮ้อ…แต่นั่นต้องเป็นความฝันตอนที่เรากำลังเป็นหวัดไม่ผิดแน่ๆ
เรานี่มันไม่ไหวเลยจริงๆ
สงสัยคงต้องฝึกให้เก่งกว่านี้
ต้องลื่นปรื๊ดๆบ่อยๆอย่างระมัดระวัง
ไว้คราวหน้าถ้าคล่องแล้ว เราจะเร่งความเร็วให้พี่ริซตามไม่ทันและควบคุมทิศทางให้ดีจนไม่ตกน้ำอีก
จะไม่ยอมตกน้ำแล้วเป็นหวัดอีกเด็ดขาด
การแก้ปัญหาโดยการเลิกลื่นปรื๊ดๆ มันเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ
การหันหน้าหนีเพราะทำไม่ได้คือทางออกของคนขี้ขลาด
ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนก็คือการฝึกลื่นปรื๊ดๆบนน้ำแข็งของพี่ริซบ่อยๆจนชำนาญ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตกน้ำอีกต่อไป
ฮุๆ เรานี่ฉลาดจริงๆเลย
ว่าแล้วก็รีบตื่นขึ้นมาแล้วภาวนาให้วันนี้ได้เดินผ่านแม่น้ำอีกดีกว่า !
“ฮึบ !”
เรากระเด้งตัวขึ้นมาราวกับติดสปริง
บิดตัวเล็กน้อย พร้อมกับลืมตาโพล่งขึ้นมา
“โอ้ว ตื่นแล้วหรอ ?”
พี่ริซทักทายเราด้วยเสียงเนิบนาบ
หืม ? จะว่าไปเรายังมีไข้อยู่รึเปล่า ทำไมเสียงของพี่ริซในวันนี้ถึงได้ฟังดูทุ้มต้ำและยานคางซ่ะขนาดนั้น
เรามองไปตามต้นเสียง ก็พบกับพี่ริซที่นั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างๆ
พี่ริซที่มีดวงตาสีดำและมีหนวดเคราสีขาวๆ ใบหน้าดูใจดียิ้มแย้ม แล้วก็สวมเสื้อกาวและห้อยหูฟังเอาไว้ที่คอ
เหมือนกับนักวิจัยเลย แล้วก็เป็นนักวิจัยผู้ชายที่เป็นคุณลุงอายุเยอะๆท่าทางใจดีอีกด้วย
เผลอนอนไปคืนเดียว พี่ริซก็กลายเป็นคุณลุงไปซ่ะแล้ว ?
มนุษย์นี่โตเร็วจัง คืนเดียวผ่านไปนี่จำหน้าไม่ได้เลย
นอกจากจะหน้าแก่ขึ้นแบบก้าวกระโดดจนถึงขั้นหน้ากลมขึ้นคล้ายกับมันฝรั่ง พี่ริซก็ยังสามารถแปลงเพศได้อีกด้วย
สมแล้วจริงๆที่เป็นพี่ริซ ทำได้ทุกอย่างเลยแฮะ
เสียงเปลี่ยนจากเสียงใสๆกลายเป็นเสียงตาลุงแก่ๆ พอลองแตะๆมือของพี่ริซที่วางอยู่ข้างเตียง ก็พบว่า ถึงนิ้วมือจะเหี่ยวย่นแต่ก็ยังคงความอบอุ่นเอาไว้อยู่
จะว่าไปเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ ?
มองไปรอบข้างก็พบกับพี่ริซ(คุณลุง)ที่ยิ้มแย้ม และห้องสีขาวที่ค่อนข้างโล่งสะอาด
หน้าต่างที่เปิดออกก็มีแสงสว่างส่องกระทบเข้ามาจนทำให้ผนังสีขาวดูสว่างสบายตา ข้างเตียงนุ่มๆที่เรานอนอยู่ก็มีโต๊ะไม้ซึ่งวางแจกันใส่ดอกไม้เอาไว้อยู่
พอมองออกไปข้างนอกอีกรอบแล้วสังเกตุดูดีๆก็พบสวนดอกไม้ขนาดเล็กและกำแพงไม้กั้นระหว่างสวนดอกไม้และถนนซึ่งมีผู้คนเดินกันอยู่ขวักไขว่
อย่าบอกนะว่าเราย้ายมาอยู่ในเมืองกันแล้ว ?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? จำได้ว่าเมื่อวานยังอยู่ในป่าอยู่เลยนี่นา ?
หรือว่า เวลามันผ่านไปมากกว่าหนึ่งวัน !?
เคยได้ยินนิทานที่เล่าๆกันอยู่ ทำนองว่าตัวเอกออกเดินทางไปในอวกาศแล้วกลับมาอีกทีเวลาบนโลกก็ผ่านไปเป็นสิบปีทั้งๆที่เวลาในอวกาศผ่านไปแค่ปีเดียว
อย่าบอกนะว่า เป็นเพราะไข้ในตอนนั้น ตัวเราก็เลยหลับไปเป็นสิบๆปีจนทำให้พี่ริซแก่จนกลายเป็นตาลุงไปซ่ะแล้ว !?
เราจ้องไปยังพี่ริซที่เอียงคอด้วยความงุนงง ก่อนจะหรี่ตาลงอีกรอบเพราะรู้สึกตงิดใจแปลกๆ
ห้องที่เราอยู่มีกลิ่นคล้ายแอลกอฮอล์ เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องทดลองของศูนย์วิจัยไม่มีผิด บางทีที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลไม่ก็ศูนย์วิจัยซักแห่ง ..อืม ถึงตัวเราจะไม่เคยเข้าโรงพยาบาลมาก่อน แต่ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลล่ะมั้ง
เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นเถอะ รู้สึกผิดจังเลยค่ะ
ดันนอนหลับไปตั้งนาน จนรู้ตัวอีกทีพี่ริซก็แก่กลายเป็นตาลุงไปซ่ะแล้ว
“ขอโทษค่ะ…พี่ริซ เพราะหนูนอนหลับไปตั้งนาน…พี่เลยรอหนูตื่นจนแก่เป็นตาลุงไปจนได้ แต่ไม่เป็นไรนะคะ! ถึงจะกลายเป็นตาลุงแต่พี่ก็ยังเป็นพี่ริซของหนูอยู่ดี”
“ครับ ?”
เอ๋ ? ทำไมพี่ริซทำหน้างงอย่างงั้นล่ะ ?
“คือ…ก็ไม่แน่ใจว่าคุณหนูกำลังจำคนสลับกันอยู่หรือเปล่า ไม่ก็มีปัญหาทางสายตากันแน่”
พี่ริซเกาแก้มด้วยท่าทางลำบากใจ
“หมอชื่อ โยฮัน…เป็นหมอประจำตัวของคุณหนูต่างหาก”
“คะ ?”
พี่ริซพูดอะไรงงๆ
พี่ริซเป็นหมอ แต่พี่ริซไม่ใช่พี่ริซ
เดี๋ยวนะ ?
จะว่าไป ไอ้เจ้านี่มันไม่ใช่ พี่ริซ นี่หวา !?
ไม่ใช่ๆๆๆๆๆ พี่ริซที่แสนใจดีและสุดแสนจะน่ารักของเรา ไม่มีทางวิวัฒนาการกลายเป็นตาลุงกลิ่นเหม็นหึ่งคนนี้แน่ๆ ถึงจะได้กลิ่นแชมพูหอมๆโชยมา แต่ยังไงตาลุงก็ต้องมีกลิ่นตัวเหม็นชัวร์ๆ
มนุษย์ทุกตัวมันมีกลิ่นเหม็นเหมือนกันหมดนั่นแหล่ะ !
แล้วก็ ไอ้นี่มันคือมนุษย์ล่ะ ! เป็นมนุษย์ ! มันคือมนุษย์ชัดๆเลย !?
ฆ่ามันๆๆๆ ฆ่าไอ้ตาลุงนี่เลย มันเป็นมนุษย์เพราะงั้นต้องฆ่าให้ตาย !
แล้วก็ใส่เสื้อกาวเเบบนี้ มันต้องเป็นพวกนักวิจัยแน่ๆ หมอที่ไหนมันจะใส่ชุดกาวสีขาวเหมือนไอ้พวกนักวิจัยสารเลวพวกนั้นกัน ไม่มีทาง !
เสื้อกาวน่ะ มันคือสัญลักษณ์ของพวกนักวิจัย เพราะงั้นหมอที่ใส่ชุดกาวไม่มีอยู่จริงหรอก !
ถึงไม่เคยเจอหมอมาก่อน เพราะหมู่บ้านที่เราเคยอยู่ยากจนจนไม่มีปัญญาไปหาหมอ แต่พวกนักบวชที่ร่ายเวทย์รักษาให้ยังใส่ชุดนักบวช ถ้าหมอคือผู้รักษา เพราะงั้นหมอต้องแต่งชุดนักบวชไม่ผิดแน่ๆ !
สมแล้วที่เป็นมนุษย์ ช่างโกหกได้หน้าด้านจริงๆ แถมยังเป็นนักวิจัยต่ำช้าที่หลอกว่าตัวเองเป็นหมอ
เลวได้ใจจริงๆ ! แบบนี้ต้องฆ่าให้ตาย !
ต้องจับมันไปทำอาหารสไลม์ !
ใช่แล้ว ฆ่ามันๆๆๆๆๆๆ ฆ่ามันเลยค่า !
‘เวทนากับความไม่รู้’
แต่แล้วอยู่ๆเสียงในหัวก็ร้องเตือนตัวเราที่กำลังคิดว่าจะจัดการตาลุงคนนี้ยังไงดี
‘นึกดูให้ดีๆสิ เจ้าน่าจะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น’
ทว่า พอเสียงนั่นบอกกับเราอีกครั้ง เจ้าพวกลูกบ้านทั้งหลายก็ทำให้เรารู้ถึงความจริงบางอย่าง
“แก ! พี่ริซอยู่ที่ไหน !!!”
“เหวออออ”
เราออกคำสั่งบังคับให้ไอ้ตาลุงนี่ทำตามคำสั่งของเรา
ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงจากการโดนเวทย์ของเราควบคุมไปเรียบร้อย
“เพราะพี่สาวของท่านนำตัวท่านมาส่งแล้วยังไม่ตื่นซักที ทำให้รอนานเกินจนทนไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยไม่อยู่ที่นี้แล้ว—”
“ว่ายังไงนะ ! แก ! ไอ้สารเลว !แกกำลังโกหกอยู่สินะ !!!”
ไม่ต้องพูดให้จบ เราก็อัดกำปั้นใส่หน้าไอ้ชั่วนี้ซ่ะเลย !!!
“แอ๊ก !”
ตาลุงล้มกลิ้งที่พื้นพลางโอดครวญ เรารีบลุกจากเตียงแล้ววางเท้าเปลือยเปล่าลงไปบนพื้นที่เย็นเฉียบ
“ไม่จริงใช่ไหม ?”
ทว่า สิ่งที่เย็นกว่าพื้นเย็นๆ มันก็คือหัวใจของเราที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง
เรารู้ดีว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดไม่มีทางเป็นเรื่องโกหก เพราะเขาอยู่ใต้เวทย์ควบคุมจิตใจของเรา
ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้จึงมีเพียงแค่อย่างเดียว
“เป็นไปไม่ได้…นี่เราหลับนานเกินไปอย่างงั้นหรอเนี่ย..”
เพราะนี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เป็นหวัด เราเลยรู้ว่าความรู้สึกด้านเวลาในตอนที่เป็นหวัดจะเดินต่างไปจากคนทั่วๆไป
คนเราสามารถวาร์ปข้ามเวลาได้ หากเป็นหวัด !
เราจำได้ว่าตอนเป็นหวัดครั้งแรกตอนอายุ 5 ขวบ เราสามารถข้ามเวลาจากวันที่ 1 ของเดือนไปวันที่ 3 ของเดือนได้ด้วยการนอนเพียงครั้งเดียว
เพราะงั้นในครั้งนี้ การที่เราเป็นไข้และหลับไป มันก็เลยทำให้เราข้ามเวลาผ่านไปนานหลายปี
ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานมากๆ พี่ริซ….พี่ริซของหนู
“ฮึก !”
ทำไมกันล่ะ
“แงๆๆๆๆ พี่ริซหนูขอโทษ ! ฮืออออ ขอโทษค่ะๆๆๆ เป็นเพราะหนูแท้ๆ พี่ริซก็เลย…ฮึก ! พี่ริซก็เลย”
ตายซ่ะแล้ว….
เพราะเรานอนหลับนานเกินไป พี่ริซที่รอเราตื่นไม่ไหวก็เลยชิงตายไปซ่ะก่อน เพราะร่างกายทนต่อพลังของแก่นมนตราไม่ไหว คำพูดของตาลุงนี่คือหลักฐานที่อธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
เพราะพี่สาวของท่านนำตัวท่านมาส่งแล้วยังไม่ตื่นซักที = หลับไปนานมากๆ
รอนานเกินจนทนไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยไม่อยู่ที่นี้แล้ว = พี่ริซตายไปแล้ว
คำพูดของไอ้เจ้ามนุษย์นี่ตอกย้ำความจริงที่ว่าพี่ริซรอเราไม่ไหวจนตายไปซ่ะก่อน
ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้รู้สึกจุกเสียดที่กลางอกจนเกิดอาการหายใจติดขัด
ภาพตรงหน้าพร่ามัว สัมผัสได้ถึงใบหน้าที่เปียกแฉะ และ ร่างกายที่หนาวสั่นไปทั้งตัว
“ฮือๆๆๆๆ ทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วว่าจะไปโรงเรียนด้วยกันแท้ๆ ….อุตส่าห์คิดว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันแท้ๆเชียว ทำไม !? เพราะอะไรกันล่ะ !”
ผิดพลาด ! โลกใบนี้มันจะบิดเบี้ยวและโหดร้ายเกินไปแล้ว
“อึก ! หนูน้อย..ใจเย็นๆก่อน อย่าร้องไห้”
“ใช่ ! เป็นความผิดของพวกมนุษย์ ! มันเป็นความผิดของพวกแก”
“ห…ห่ะ ? ความผิดของหมอ ?”
ไอ้เจ้ามนุษย์ที่กองอยู่ที่พื้นทำหน้างงตอนที่เราชี้หน้ามัน มันแกล้งทำเป็นใสซื่อด้วยการชี้นิ้วป้อมๆมาที่ตัวเองแล้วถามเรากลับ
ช่างโอหัง !
เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ อย่ามาตั้งคำถามกับเรา !
อย่างแกน่ะ เก็บปากไว้ให้ออร์คจูบซ่ะเถอะ !
“ตาย ! พวกแกทุกคนต้องตายสถานเดียว”
“เอ๋ ???????”
ไอ้เจ้านี่ยังทำหน้างงอีกอย่างงั้นเรอะ !
ถ้างั้นก็ตายๆไปทั้งๆแบบนี้นี่แหล่ะ !!!
‘เอิ่ม…’
อะไร ? พวกลูกบ้านมีอะไรจะพูดเรอะ !?
‘จะดีหรอ ?’
หาาาาาา !?
เจอมนุษย์ก็ต้องฆ่าทิ้งไม่ใช่รึไง ?
พวกนายบ้ารึเปล่า ?
‘โดนหาว่าบ้าเฉยเลย’
‘เลี้ยงดูเด็กคนนี้ผิดตรงไหนกันนะ’
‘ก็ใช่…ก็อยากให้ทำลายพวกมนุษย์ทั้งหมดอยู่หรอก’
‘แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ…’
‘เป็นครั้งแรกเลยที่ไม่อยากให้เด็กคนนี้ฆ่าคน’
‘อย่าทำน่ะเฟ้ย !!!’
หา ? ไอ้พวกลูกบ้านทั้งหลายกล้านินทาเรางั้นหรอ ?
อะไรของพวกนายกัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นคนสนับสนุนเราเองแท้ๆ ไหงตอนนี้ถึงได้มาห้ามเรากันละ ?
นี่นอนหลับกันไปนาน จนสมองเลอะเลือนไปแล้วอย่างงั้นหรอ ?
‘เธอตั้งหาก !’
‘รู้ตัวซ่ะทีสิ’
‘วางกาวลงก๊อน ! ’
‘ยัยโง่เอ้ย !!!’
หนวกหูๆๆๆๆๆๆๆ หนวกหู !
หนอยแน่ ! คิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่กันห่ะ !? น้อยๆหน่อย
พอเห็นเราไม่ว่าอะไรก็ได้ใจกันใหญ่เลยนะ
น่ารำคาญจริงๆเจ้าพวกนี้
เราไม่ปล่อยให้พวกนายมาขัดขวางการล้างแค้นของเราหรอก !
“ฮึ !”
เราเมินเสียงของเจ้าพวกนั้น ก่อนจะมองไปยังตาลุงที่อยู่ข้างเท้าของเราด้วยสายตาเคียดแค้น
จะฆ่ามันยังไงดี ?
บังอาจมากที่มาโกหกเราว่าตัวเองเป็นหมอ เพราะงั้นต้องทำให้มันตายอย่างทรมานที่สุด
ว่าแต่พูดถึง ‘ตายอย่างทรมาน’ งั้นหรอ ? เราควรจะทรมานไอ้เจ้านี่ยังไงดี ?
จับโยนเข้าไปให้สไลม์รุมขย้ำอย่างงั้นหรอ ?
หรือว่า เอาขนมปังยัดๆเข้าปากไปเยอะๆ เอาให้สำลักขนมปังตายไปเลย ?
ไม่สิ ! ต้องจักกะจี้สิ ! มาจักกะจี้เอวเยอะๆ เอาให้ไอ้สารเลวนี่ขำกลิ้งจนตายไปเลยดีกว่า !!!
ทว่า นั่นมันก็เป็นแค่การทรมานร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำแค่นี้ไม่หายแค้นหรอกค่ะ
คิดไปคิดมา มาทำให้มันทรมานจิตใจไปด้วยเลยดีกว่า !
ใช่แล้ว ! จับไอ้เจ้ามนุษย์ขี้ตอแหลนี่แก้ผ้าแล้วเอาไปจักกะจี้โชว์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากกันเถอะ !
นอกจากจะทำให้มันทรมานด้วยความอับอายจนตาย มันก็ยังเป็นการประกาศสงครามกับมนุษยชาติของเราได้อีกด้วย
“ฮ่าๆๆๆๆ ใช่แล้ว ! มันต้องแบบนี้สิ ! พวกมนุษย์น่ะตายๆไปให้หมดเลย”
“เอ๋ ??? คุณหนู ? เป็นอะไรรึเปล่า—”
“หุบปาก !”
“อึก !”
เพียงแค่เราออกคำสั่ง ไอ้มนุษย์มันก็ยืนแข็งเป็นหินอย่างว่าง่าย
แค่เห็นหน้าก็คลื่นไส้จะแย่อยู่แล้ว ขืนมันยังอ้าปากแล้วปล่อยกลิ่นปากเหม็นๆออกมาอีก เราคงได้อ้วกออกมาแน่ๆเลย
เพราะงั้นหุบปากแล้วตายๆไปทั้งแบบนั้นนั่นแหล่ะ
“ใช่แล้ว…ตายไปให้หมด…พวกมนุษย์ต้องหายไปให้หมด”
ไม่มีพี่ริซของหนูอีกแล้ว…พี่ริซของหนูไม่อยู่อีกแล้ว
“ฮึก ! เจ็บใจ….บ้าเอ้ย ทำไมกันเล่า ?”
พี่ริซหนูขอโทษ….เป็นความผิดของหนู….ที่เราต้องจากกัน…ทุกอย่างเป็นความผิดของหนู
แต่อย่างน้อยก็มอบโอกาสให้หนูได้ขอโทษด้วยเถอะนะคะ
หนูจะทำให้โลกใบนี้ที่ริซรักกลับมาขาวสะอาดปราศจากพวกมนุษย์เองค่ะ !
แล้วซักวันหนึ่ง….เมื่อวันนั้นมาถึง
“ถึงตอนนั้นก็ได้โปรด……อยู่กับหนูตลอดไปด้วยเถอะนะคะ”
ใช่..อยู่ด้วยกันตลอดไปในโลกที่ปราศจากซึ่งพวกมนุษย์
โลกใบนี้ที่ไม่มีพี่ริซ มันก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น
เพราะงั้นตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลต้องมานั่งคิดให้เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
“เอ้า จงแก้ผ้าซ่ะ !!! ”
“ค…ครับ….”
พอเราพูดจบ มนุษย์ลุงก็ถอดเสื้อผ้าทุกอย่างทิ้งจนอยู่ในสภาพล่อนจ้อน
เรายืนกอดอกมองร่างเปลือยเปล่าของมันด้วยความรู้สึกขยะแขยง
น่ารังเกียจริงๆ ทั้งพุงพุ้ยๆและอวัยวะย้อยๆดูทุเรศตา
มนุษย์ลุงก็เป็นความผิดพลาดของโลกใบนี้เหมือนกัน
เพราะงั้นมนุษย์ลุงทุกคนต้องหายไปให้หมด โลกใบนี้จะได้ไม่มีอะไรน่าเกลียดๆแบบนี้มาทำให้แปดเปื้อนอีก
“เอาล่ะ….ทีนี้ก็จงคุกเข่าแล้วกลายมาเป็นม้าให้เราซ่ะ”
“ครับ…..”
พอเราออกคำสั่ง ตาลุงก็คลานสี่ขาราวกับหมาแล้วปล่อยให้เราขี่หลัง
หลังจากนี้ต้องเดินเข้าไปในเมืองซึ่งค่อนข้างจะเปลืองแรง เพราะงั้นการขี่ไอ้เจ้านี่เข้าไปก็คงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด
นอกจากจะประหยัดแรงได้แล้ว ยังสามารถแสดงถึงความน่ายำเกรงของเราได้อีก
ฮ่าๆๆๆๆๆ ทีนี้พวกมนุษย์จะได้รู้สึกสิ้นหวังเหมือนกับที่พวกเราเคยรู้สึก เรียกได้ว่ายิงธนูดอกเดียวได้ไวเวิร์นสองตัว !
ว่าแล้วเราก็ขึ้นขี่หลังของมันพลางออกคำสั่งให้มันคลานสี่ขาไปข้างหน้า
แต่ทว่า—
เอี๊ยดดด
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดเข้ามา
“ใครกัน ?”
เราเตรียมร่ายเวทย์สลายสสาร แทนที่จะใช้เวทย์ควบคุมจิตใจ เพราะการใช้เวทย์ควบคุมจิตใจจะต้องแบ่งประสาทสัมผัสออกไป ทำให้เวลาออกสั่งที่ไม่เหมือนกันกับคนสองคนขึ้นไปค่อนข้างจะกินเนื้อที่ในสมองจนบางครั้งทำให้รู้สึกหน่วงๆหัวพอสมควร
“ไอริน ?”
ทันใดนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
ผู้ที่โผล่เข้ามาคือหญิงสาวผู้มีเรือนสีทองและนัยน์ตาสีฟ้า
“ไม่จริง…พี่ริซ ?”
“อะ อะ เอ๋ ? ทำไมถึง ? ทำไมไอรินกับคุณหมอถึงได้อยู่ในสภาพนี้กันเนี่ย ? เกิดอะไรขึ้น ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? คุณหมอทำไมถึงทำแบบนี้กันคะ ? มะ มะ มะ ไม่ใช่สิ ! นี่มัน…พลังเวทย์ของไอริน ? นี่มันฝีมือของน้องอย่างงั้นหรอ ? อะเร๊ะ !? นี่น้องสาวของฉันมีรสนิยมแปลกๆแบบนี้อย่างงั้นหรอ ? มะ มะ ไม่จริงน่า ถึงในฐานะพี่สาวแล้วฉันอยากจะเคารพการตัดสินใจของเด็กคนนี้ แต่ตัวเล็กแค่นี้ก็เล่นอะไรแผลงแบบนี้ซ่ะแล้ว มะ มะ ไม่ไหวหรอกมั้ง SM เลยหรอ ? ใครสอนกัน ? เด็กคนนี้ไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหน ? ทั้งๆที่ยังไม่เคยสอนเกี่ยวกับเพศศึกษาเลยแท้ๆ จะบอกว่าเรียนรู้ได้เองตามธรรมชาติตั้งแต่ 8 ขวบ ? ไม่เอาน่า เด็กคนนี้คือเจ้าแม่สาย S ตั้งแต่เกิดเลยเนี่ยนะ !? ไม่ๆๆ นี่มันต้องเป็นความฝัน….ความฝัน…อ่า…เราคงฝันไปแน่ๆ ไอรินที่ใสซื่อและน่ารักของฉันไม่มีทางทำอะไรผิดศีลธรรมแบบนี้หรอก…ไม่จริงๆ…ไม่จริงหรอกน่า…อ่า…มีเตียงอยู่ตรงนี้ ถ้าฉันหลับไปก็จะตื่นกลับมาสู่โลกความจริงสินะ…ใช่ๆๆ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ พอฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไอรินที่น่ารักของฉันจะต้องนอนกอดพี่สาวคนนี้อยู่เหมือนทุกครั้งแน่ๆ อ่า…ต้องรีบตื่นแล้ว ไอ้ความฝันที่ต้องมาเห็นไอรินที่แสนน่ารักมาขี่หลังตาลุงโป๋ที่กำลังคลานเป็นหมาอยู่ที่พื้น…อึก ! มันจะสยองเกินไปแล้ว…”
พี่ริซมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าซีดเผือดและพึมพำอะไรบางอย่างที่เร็วมากๆจนฉันฟังตามไม่ทัน
ทว่า มันไม่สำคัญเลยซักนิด พี่ริซยังมีชีวิตอยู่ ! พี่ริซยังมีชีวิตอยู่ด้วยล่ะ !!!
หืม ?
แต่ทำไมเมื่อกี้…ไอ้เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำนี่ถึงบอกกับเราว่า—
‘เพราะพี่สาวของท่านนำตัวท่านมาส่งแล้วยังไม่ตื่นซักที ทำให้รอนานเกินจนทนไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยไม่อยู่ที่นี้แล้ว—’
แน่นอนว่าด้วยเวทย์ควบคุมจิตใจ คำพูดที่มันพูดจึงไม่มีทางเป็นเรื่องโกหก
เรื่องที่พี่ริซตายไปแล้วต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน
ถ้างั้นพี่ริซที่อยู่ตรงหน้าตัวเราในตอนนี้คืออะไร ? จะบอกว่าพี่ริซคืนชีพกลับมาจากความตายอย่างงั้นหรอ ?
ไม่หรอก..ไม่มีทาง การที่เราได้เห็นคนที่หน้าเหมือนพี่ริซอยู่ตรงหน้าแบบนี้ มันก็มีได้แค่สาเหตุเดียวไม่ใช่หรอ ?
“สารเลว…..”
“เอ๋ ?”
เรารู้ดีว่าภายใต้ท่าทางที่แกล้งทำเป็นงุนงงด้วยใบหน้าของพี่ริซนั้น จริงๆแล้ว มันคือใบหน้าของไอ้พวกมนุษย์ชั้นต่ำที่บังอาจปลอมตัวเป็นพี่สาวของเราต่างหาก !
“เลวๆๆๆ เลวที่สุด !!! พวกแก ! ไอ้พวกมนุษย์ มันเลวที่สุด !”
ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ต้องทำถึงขนาดนี้เลยสินะ
นอกจากจะแยกเราไปจากพี่ริซแล้วยังขยี้ไม่พอใจ คราวนี้พวกมันถึงกับให้คนปลอมตัวมาหลอกเราเลยสินะ คิดว่าเราโง่งั้นหรอ ? คิดว่าเราไม่รู้งั้นหรือไง ?
“ยกโทษให้ไม่ได้ ! ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด”
“ไอริน ?”
“อย่ามาทำเป็นพูดด้วยเสียงและใบหน้าของพี่ริซนะ ! เลวที่สุด ! เราไม่มีวันยกโทษให้พวกแกเด็ดขาด ! ตายซ่ะ ! ตายๆๆๆๆ จงตายไปให้หมด !!!!!!!!”
เวทย์สลายสสารทำงาน !
เป้าหมายคือทุกอย่างที่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นของเรา
หายไปให้หมด ! ทุกๆอย่างเลย !
จงหายไปให้หมดทุกๆอย่างๆ ! ไอ้โลกพรรคนี้ที่ล้อเล่นกับหัวใจของเราน่ะ หายๆๆไปซ่ะให้หมดก็ดี !!!
ความมืดที่ก่อตัวขึ้นมาจากภายในถาโถมเข้าใส่รอบข้างแล้วกัดกร่อนทุกอย่างที่อยู่ภายใต้การมองเห็นของดวงตาคู่นี้
จะอาคารหลังนี้ ไอ้เจ้ามนุษย์ลุง หรือแม้กระทั่งพี่ริซตัวปลอม
ผนังแหลกเป็นชิ้นๆ กระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกสรรพสิ่งค่อยๆสลายตัวกลายเป็นฝุ่นทราย
โลกรอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำแล้วค่อยๆแตกสลายออกเป็นชิ้นๆก่อนจะป่นปี้กลายเป็นฝุ่นผง
แสงสว่างถูกกลืนกิน เบื้องหน้าของเราและพวกมันเหลือแต่เพียงความมืดอันว่างเปล่า
นี่แหล่ะบทลงโทษที่พวกแกบังอาจหลอกเรา จงรับไปซ่ะ ความแค้นของตัวเราผู้นี้ !
“ไอ-ริน”
แต่แล้ว ทันใดนั้นเอง เราก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นเฉียบลงอย่างกะทันหัน
“เอ๋ ?”
เพล้ง !
ได้ยินเสียงบางอย่างแตกกระจาย ภาพโลกเบื้องหน้าของเราที่เห็นทุกอย่างกำลังกลายเป็นฝุ่นผงเกิดรอยร้าวขึ้นมาราวกับสิ่งที่อยู่หน้าของเราคือกระจก
อีกฟากของกระจกคือภาพของพี่ริซตัวปลอมที่เหลือแต่ฝุ่นทราย และบนกระจกที่ขวางกั้นตัวเราจากโลกฟากนั้นก็เกิดรอยร้าวลามออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง—
เพล้ง !
แตกเป็นเสี่ยงๆ
กระจกที่อยู่ตรงหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆราวกับจะบอกว่าภาพที่เห็นเมื่อกี้เป็นแค่ภาพลวงตา
ความมืดที่เคยปกคลุมถูกซัดกระจายออกไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง แสงสว่างหวนคืนกลับมาอีกครั้ง
ราวกับภาพการเสื่อมสลายที่เห็นตรงหน้าเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเราในตอนนี้คือหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองที่ปราศจากซึ่งบาดแผลใดๆและกำลังมองมาที่เราด้วยสายตาเย็นชา
แม้ผนังและเพดานรอบข้างจะหายไปจนเห็นผู้คนตรงถนนซึ่งกำลังมองพวกเราด้วยสายตาตกตะลึง ทั้งจากอาคารที่หายไปเกือบทั้งหลังอย่างกระทันหันและไอเย็นอันหนาวเหน็บซึ่งปกคลุมไปทั่วพื้น
แต่สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าทั้งหมด นั่นก็คือหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองปลิวสยายโดยมีดวงอาทิตย์กลมโตซึ่งส่องแสงสว่างเจิดจ้าเป็นดั่งพื้นหลัง
ไม่ผิดแน่ๆ…คนๆนี้ที่ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าเป็นตัวปลอม ตัวจริงของเธอก็คือ—
“พะ…พะ…พี่ริซ !”
ไม่ผิดแน่ๆ นี่คือพี่ริซของหนูไม่ผิดแน่ๆ !
พี่ริซของหนู !
พี่ริซของไอรินกลับมาแล้ว !
“ฮึก ! พี่ริซค่ะ !”
โดยไม่รอข้า เรารีบกระโดดเข้ากอดพี่สาวของเรา
แต่ว่า—
กึก !
“เอ๊ะ ?”
น้ำแข็ง ? ทำไมถึงมีน้ำแข็งเกาะอยู่ที่เท้าของหนูด้วยล่ะ ?
มีอะไรรึเปล่าคะพี่ริซ ? ทำไมถึงทำหน้าตึงแบบนั้นละ ? ปวดท้องอย่างงั้นหรอคะ ? ทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวก็หมดสสวยกันพอดี ? ดวงตาที่ดูมืดสนิทของพี่ริซที่จ้องหนูเขม็งทำเอาหนูรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ
ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นละคะ พี่ริซ ?
คงไม่ได้โกรธสินะ ? ไม่หรอกมั้ง ? สีหน้าของพี่ริซในตอนนี้ หนูไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้เลยว่าพี่ริซกำลังจะคิดอะไรอยู่กันแน่
ทว่า ในตอนนั้น มือและเท้ามันก็ขยับไปเอง
“ขะ ขอ ขอโทษก้ะ !”
ถึงจะไม่รู้ว่าทำผิดเรื่องอะไร แต่ขอโทษไว้ก่อนดีกว่า
ก้มกราบแล้วร้องขอความเมตตา
บรรยายไม่ถูกเลย
พี่ริซในตอนนี้
พี่ริซของหนูที่กำลังส่งยิ้มให้หนูในตอนนี้น่ะ !
“ฮุๆ…ไอรินจ๊า….คิดว่าขอโทษแล้วมันจะจบหรอจ้ะ ?”
นะ นะ น่ากลัวสุดๆไปเลยค่ะ !
อยากจะวิ่งหนีแล้วอ่า
แต่โดนแช่แข็งเท้าเอาไว้ก็เลยหนีไปไหนไม่ได้
คราวนี้รู้สึกว่าซวยของจริงเลยล่ะ !
ต้องตายแน่ๆ ไม่รอดแน่เลย
ไม่ได้หมายถึงมนุษยชาตินะ แต่หมายถึงตัวหนูเองต่างหาก…
Chapters
Comments
- ตอนที่ 38 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 37 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 36 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 35 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 34 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 33 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 32 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 31 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 30 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 29 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 28 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 27 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 26 พฤษภาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 24 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 23 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 22 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 21 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 18 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 17 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !? เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14: น้องสาวผู้น่ารักของฉันมีมากกว่าหนึ่งคน !? เมษายน 28, 2022
- ตอนที่ 13: น้องสาวผู้น่ารักของฉันฝึกทำอาหาร เมษายน 27, 2022
- ตอนที่ 12: การเดินทางของพวกเขาทั้งหลาย เมษายน 26, 2022
- ตอนที่ 11: พี่สาวของหนูต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป เมษายน 24, 2022
- ตอนที่ 10: พี่สาวของหนูพูดอะไรบางอย่างที่น่าจะสำคัญ เมษายน 23, 2022
- ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ เมษายน 21, 2022
- ตอนที่ 8: น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอมพูดเปิดใจนิดหน่อย เมษายน 20, 2022
- ตอนที่ 7: น้องสาวผู้น่ารักของฉันช่วยปกป้องคุณพี่สาวด้วยล่ะ ! เมษายน 19, 2022
- ตอนที่ 6: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเเสดงความเป็นห่วงด้วยล่ะ ! เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 5: เพื่อจบความขัดเเย้ง การเสียสล่ะคือสิ่งที่จำเป็น เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 4: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเข้าวัยต่อต้าน !? เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 3: ไม้ต่อ เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 2: เเยกจาก เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นภายในห้องขังอันอับชื้น เมษายน 18, 2022
MANGA DISCUSSION