หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หลังการเดินเท้าเปล่า รู้สึกเหนื่อยสุดๆ
ก็นะ ถึงจะมีพลังเวทย์ แต่ก็เป็นเวทย์ควบคุมจิตใจไม่ก็เวทย์สลายสสาร
มันเป็นเวทย์ที่ไม่ได้ช่วยในการเดินทาง ยิ่งพี่ริซพยายามเลือกเส้นทางที่หลีกเลี่ยงผู้คน มันก็ทำให้เวทย์ทั้งสองชนิดแทบจะไร้ประโยชน์
แถมเรายังมีอายุแค่ 8 ขวบ สองปีที่ผ่านมาก็อยู่แต่ในห้องขังและห้องทดลอง เรี่ยวแรงก็เลยมีไม่มาก
เราเลยกลายเป็นตัวถ่วงพี่ริซเฉยเลย เจ็บใจชะมัด
พอเห็นเราทำท่าจะล้มทีไร พี่ริซก็ชอบอุ้มตัวเราขึ้นมาตลอด
ยังเป็นพี่สาวที่พึ่งพาได้ไม่เปลี่ยน
อ้อมกอดอุ่นๆของพี่ริซ…น่าคิดถึงจัง
อยากจะอยู่แบบนี้ต่อไปจังเลย….แต่ว่า ไม่ได้หรอก ขืนให้อุ้มนานๆ พี่ริซจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
ถึงจะบอกว่าสบายมาก แต่ไม่อยากให้พี่ริซต้องลำบาก พี่ริซต้องพูดโกหกเพราะไม่อยากให้เรารู้สึกอึดอัดแน่ๆ
แต่ถึงอย่างงั้นก็ดันเผลอหลับไปหลายครั้งตอนที่โดนพี่ริซอุ้ม…อุก น่าอายจังค่ะ
ถึงอยากจะปฏิเสธ แต่ความอบอุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ข้างเรามาโดยตลอด พอได้กลับมาอีกครั้ง เราก็ไม่อยากปล่อยไปไหน
ต้องการความอบอุ่นของพี่ริซตลอดไป
ห้ามทิ้งหนูไปไหน ในเมื่อกลับมาหาหนูแล้ว พี่ริซก็ต้องเป็นของหนูตลอดไป
ไม่สิ ! ไม่ๆๆ มีบางอย่างแปลกๆล่ะ กำลังจะวิวัฒนาการเป็นยันดาเระซ่ะแล้ว เราไม่ได้มีคาแรกเตอร์แบบนั้นซักหน่อย ! แต่ถึงอย่างงั้นก็ปฏิเสธลำบากว่าลึกๆแล้วเราเป็นซิสค่อนอยู่นิดๆ
แย่ล่ะ จะให้พี่ริซรู้ไม่ได้ แล้วก็ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะเห็นอย่างงี้ คนเราก็ควรมีศีลธรรมนะ
แล้วอีกอย่างความรักที่เราที่ให้พี่ริซของเรา มันคือความรักแบบพี่น้องต่างหาก ไม่ได้มีความหมายในเชิงชู้สาวแม้แต่น้อย ! ถึงจะชอบสกินซิพกับพี่ริซ ชอบตอนที่เอาตัวไปนัวเนีย หรือ ชอบอาบน้ำถูหลังให้กัน แต่เราก็ไม่ได้มีความต้องการลึกซึ้ง ถึงขนาดอยากเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของพี่ริซเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าตอนอาบน้ำจะเผลอมองร่างกายที่สวยและอุดมสมบูรณ์ของพี่ริซเพลินบ่อยๆก็ตามเถอะ
เอาเป็นว่าเราไม่ใช่ซิสค่อน แต่เป็นน้องสาวที่รักพี่สาวของตัวเองมากๆต่างหาก !
ใช่…เรารักพี่ริซ…รักที่สุดในโลกเลยล่ะ
แต่จะให้พูดออกมาง่ายๆแบบที่พี่ริซทำ เราทำไม่ได้หรอก ต้องทำยังไงกันนะ ถึงจะกล้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างพี่ริซได้
เฮ้อ…หนูรักพี่ริซเหมือนกันค่ะ อยากพูดจัง…แต่อายอ่ะ
เอาเป็นว่ายกยอดไปวันอื่นดีกว่า
อืออออ ยุ่งยากจัง
แล้วก็การเดินทางกับพี่ริซ มันก็ใช่ว่าจะราบรื่นซ่ะด้วย
“ถ้าเธอฆ่าคนด้วยเหตุผลเพียงแค่นั้น เธอก็ไม่ต่างจากมนุษย์ที่เธอเกลียดไม่ใช่หรอ ?”
พี่ริซมองว่าการฆ่ามนุษย์เป็นเรื่องที่ผิด ต่างจากเราที่มองว่าเป็นเรื่องปกติ
พี่ริซที่ยังเป็นคนปกติก็อาจจะคิดแบบนั้นได้ แต่ตัวเราและพวกลูกบ้านที่เห็นด้านมืดของมนุษย์มามากกว่าย่อมรู้ดีว่า พวกมนุษย์ มันไม่สมควรเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
ทั้งๆที่พี่ริซควรจะคิดเหมือนเรา แต่กลับปฏิเสธที่จะฆ่ามนุษย์ พี่ริซคงกลัวมือตัวเองจะเปื้อนเลือด เรียกง่ายๆก็—
“พี่เนี่ยขี้ขลาดจังนะ ทั้งๆที่โดนมาตั้งขนาดนั้น แต่ก็ยังพูดจาโลกสวยออกมาได้”
แม้ใจหนึ่งจะคิดว่าถ้ามองในมุมมองของมนุษย์คงมีเหตุผล แต่ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็เป็นฝ่ายผิดน่ะสิ ไม่แฟร์เลยอ่ะ ! รู้ตัวอีกทีก็เผลอว่าพี่ริซไปจนได้ ทำไมเราดันพูดออกไปแรงๆแบบนี้กันเล่า !?
“แต่ถ้าความขี้ขลาดนั่นทำให้พี่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับไอรินอย่างสงบสุขล่ะก็ พี่ก็ขอเป็นคนที่ขี้ขลาดที่สุดในโลกเลยล่ะกัน”
ฮืออออออออ ขี้โกงๆๆๆๆๆ พี่ริซคนขี้โกง !
เล่นยิ้มแบบนางงามซ่ะขนาดนั้น แถมความรู้สึกยังพูดจากใจจริง ….เป็นคำพูดที่บอกกับหนูว่า รักหนูมากๆๆๆๆ !!!
ไม่ไหว สู้ไม่ได้เลย
ทำได้แค่กลบเกลื่อนด้วยท่าทางโมโห และ ดื้อรั้นต่อ ไม่รู้แล้วว่าจะตอบสนองต่อความรู้สึกของพี่ริซยังไงดี !
อยากฆ่าพวกมนุษย์ก็อยาก อยากอยู่กับพี่ริซก็อยากเหมือนกัน
อ๊าาาาา เจ็บใจๆๆๆ ทำไมถึงพูดออกไปไม่ได้กันเล่า !
กะอีแค่คำว่า ‘หนูรักพี่ริซที่สุดในโลก’ เนี่ย ??
เจ็บใจๆๆๆๆๆ เจ็บใจที่สุดเลยค่ะ !!!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ระหว่างเดินทาง ดันมีไอ้พวกชั่วจะมาแตะต้องพี่ริซของหนู
หนูก็เลยสั่งให้พวกมันไปตายซ่ะ แต่พี่ริซดันมาห้ามซ่ะได้ !!!
“ขี้ขลาด ! พี่ริซคนขี้ขลาด ! คนขี้ขลาดๆๆๆๆ เลิกหัวแข็งแล้วเชื่อที่หนูพูดซ่ะที ! ถ้าเมื่อกี้หนูไม่ทำอะไรเลยพี่ริซคงโดนมันแตะตัวไปนานแล้ว ถ้ามองในมุมกลับแล้วเปลี่ยนจากพี่ริซ เป็นหนู พี่ก็ทำเหมือนหนูนั่นแหล่ะ !!!”
ทำไมกัน !?
ทำไมถึงไม่ยอมรับซ่ะทีว่าที่หนูพูดคือความจริง !?
พี่ไม่เชื่อที่หนูพูดเลย เอาแต่ใช้ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมาห้ามหนู
ทั้งๆที่หนูอุตส่าห์ปกป้องพี่แท้ๆ แต่ทำไมพี่ริซถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้นละ ?
หนูเก่งใช่ไหมละ ?
หนูก็ปกป้องพี่ได้นะ !
หนูไม่ได้อ่อนแอเป็นฝ่ายถูกปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ !?
ลูบหัวหนูสิ ! ชมหนูสิ ! พี่ริซต้องทำแบบนั้นไม่ใช่หรอ !?
“เอาเป็นว่ายังไงก็ไม่ได้นะ ห้ามฆ่าเด็ดขาด การฆ่ากันน่ะต้องเป็นตัวเลือกสุดท้ายเท่านั้น”
“ฮึ ! คนขี้ขลาด ไม่รู้ด้วยแล้ว !!!”
หงุดหงิดๆๆ เกลียดพี่ริซที่สุดเลย
เลิกเข้าข้างพวกมนุษย์ซ่ะที ทำไมถึงไม่เข้าข้างหนูกัน ทั้งๆที่หนูทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วแท้ๆ
“แต่ก็ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่ ที่ทำไปขนาดนั้นก็เพราะอยากจะปกป้องพี่ใช่ไหมละ ?”
“อย่าเข้าใจผิด ! ต่อให้พี่ไม่อยู่ หนูก็คงฆ่าพวกมันอยู่ดี ….ไม่สิ ถ้าพี่ไม่อยู่ หนูคงฆ่าไอ้พวกสารเลวนี่ไปได้ตั้งนานแล้ว !!!”
ชมช้าไปแล้ว ถึงจะดีใจก็เถอะ แต่ไม่ทันแล้วค่ะ !
ความเห็นของพวกเราไม่ลงรอยกัน แบบนี้คงเดินทางร่วมกันยากแน่ๆ เอาไงดีเนี่ย ? ฮือออ ยากชะมัด ทำไมกัน ? ทั้งๆที่คิดว่าพวกเราจะได้เดินทางร่วมกันอย่างสนุกสนานแท้ๆ ทำไมไอ้พวกสารเลวนี่ต้องโผล่มาทำให้หนูทะเลาะกับพี่ริซด้วยล่ะเนี่ย ?
แถมพี่ริซก็มาลูบหัว ทำเหมือนกับหนูเป็นเด็กๆ แล้วก็ชอบทำตัวเหมือนเข้าใจทุกๆอย่าง ทั้งๆที่อ่อนต่อโลกกว่าหนูแท้ๆ
“ซักวันความโลกสวยของพี่จะต้องย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราทั้งคู่อย่างแน่นอน……”
ก็เลยเผลอว่าออกไปแรงๆ….พูดเกินไป..รึเปล่านะ ?
“การฆ่าคนน่ะเป็นเรื่องยาก แต่การไว้ชีวิตคนที่คิดจะฆ่าเรานั้นยากยิ่งกว่า”
แต่พี่ริซก็ไม่แสดงท่าทางโกรธออกมา นอกจากเดินไปที่รถม้าเงียบๆ มันทำให้หนูรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม
แถมหลังจากนั้นพี่ริซก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง พี่ริซลูบมือของหนูอย่างทะนุถนอม
ภาพของหนูที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพี่ริซเต็มไปด้วยความรักที่มีให้กับหนู
อึก !
แถมหลังจากนั้นก็พูดเหมือนกับว่าเข้าใจหนูดี….ทั้งๆที่ไม่เคยโดนแบบหนูเลยแท้ๆ
ต้องฆ่าเพื่อนของตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด
ปล่อยให้เด็กๆคนอื่นต้องตายโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ความทรมาน…ความโกรธแค้นทั้งต่อตัวเองและโลกใบนี้…
ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แต่ก็ยังพูดเหมือนกับว่าหนูจะช่วยพวกมนุษย์ทุกคนเอาไว้และก็ยังเชื่อมั่นมากๆอีกด้วย
ถึงจะดีใจ แต่ใจหนึ่งก็น่าหงุดหงิด
ทำไมหนูถึงรักคนที่ชอบคิดเองเออเองคนนี้มากขนาดนี้กันนะ ?
หนูไม่ได้วิเศษขนาดนั้นซักหน่อย
มือคู่นี้จะช่วยใครที่ไหนได้? พลังของหนูน่ะทำได้เพียงแค่…ทอดทิ้งสิ่งสำคัญไป…ไม่เคยปกป้องอะไรไว้ได้เลยซักอย่าง…แม้กระทั่งพี่ริซในตอนนี้ หนูก็กลัวว่าจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้…สิ่งเดียวที่มือคู่นี้ถนัด มันก็มีแค่การทำลายล้างและแย่งชิงเพียงเท่านั้นแหล่ะ !
อย่ามาพูดเหมือนเข้าใจความรู้สึกของหนูนะ !!!
“ต่อให้ไม่มีพี่หนูก็เลือกเส้นทางของหนูได้เองอยู่แล้ว”
“นั่นสินะ ฮุๆ”
ทว่า ถึงจะว่าออกไปแบบนั้น พี่ริซกลับหัวเราะแห้งๆ
แถมรอยยิ้มเศร้าสร้อยของเธอ มันก็ทำให้หนูเจ็บจี๊ดที่กลางอก ไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นเลย
“นั่นสินะ…ไม่จำเป็นต้องยอมรับก็ได้…แต่ซักวัน…ไอริน..พวกเธอ…จะต้องเข้าใจพี่อย่างแน่นอน”
“ถึงจะทำเป็นเข้าใจหนู แต่สุดท้ายพี่ก็แค่มนุษย์ที่หยิ่งผยองคนหนึ่งนั่นแหล่ะ”
เสียงที่เว้นช่วงของเธอทำให้รู้ว่าถึงพี่ริซจะยิ้มแย้ม แต่ใช่ว่าคำพูดของหนูจะไม่สร้างความเสียหายให้กับจิตใจของเธอ
แต่ว่าหนูก็ไม่อยากยอมแพ้…หนูอยากให้พี่ริซยอมรับในตัวของหนู
หนูอยากชนะ ไม่อยากแพ้อีกแล้ว
ไม่อยากถูกปกป้องเพียงแค่ฝ่ายเดียวแล้วต้องเดินตามหลังพี่ริซต้อยๆอีกต่อไปแล้ว
อยากจะเดินเคียงข้างพี่ริซ ไอ้การถูกปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวน่ะ หนูได้รับมามากพอแล้ว !!!
“ทำเป็นพูดจาอวดดี แต่คนอย่างพี่ก็ไม่มีความฝันเลยไม่ใช่รึไง ?”
กึก…..
ทว่า พอพูดออกไปแบบนั้น พี่ริซก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
นี่มัน ? พูดแรงเกินไปรึเปล่า ?
ทั้งๆที่พี่ริซก็น่าจะเคยมีความฝัน แต่ก็ต้องสูญเสียมันไป เพราะโดนพวกนักวิจัยจับไปทดลอง
หนู….ไม่ควรกัพูดบพี่ริซแบบนั้น
ไม่ได้แล้วต้องขอโทษ….หนูว่าพี่ริซแรงเกินไป…ไม่สิ ไม่ควรทำแบบนี้กับพี่ริซที่รักหนูเลยด้วยซ้ำ
“ฮุๆ….ความฝันอย่างงั้นสินะ—”
เพี๊ยะ !
“อ๊ะ !?”
แต่แล้วอยู่ๆพี่ริซก็ดีดหน้าผากหนูเบาๆ เธอต้องโกรธแน่ๆเลย !
ไม่กล้ามองหน้าพี่ริซตอนนี้เลยค่ะ
ทว่า พี่ริซก็ไม่ได้ตีหรือว่าอะไรต่อ พอหนูเงยหน้าขึ้นมาพลางลูบหน้าผากด้วยความหวาดกลัวว่าจะเห็นพี่ริซร้องไห้หรือทำหน้าโกรธ
สิ่งที่หนูเห็นกลับเป็นพี่ริซที่เอียงคอเล็กน้อย ดวงตาสีไพรินจับจ้องมาที่หนูอย่างอบอุ่น และพี่ริซก็ยิ้มให้ด้วยสีหน้าอ่อนโยนมากกว่าที่แล้วๆมา
“ความฝันของพี่ก็อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่รึไง ?”
ภาพของหนูซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตาของพี่ริซ คือ คำตอบทั้งหมดในคำถามทั้งหมดที่หนูเคยถาม
พี่ริซยิ้มราวกับว่า….มันคือทุกอย่างของพี่…เป็นคำตอบและสีหน้าที่ไร้ซึ่งความลังเล
ราวกับว่าได้สล่ะไปทุกอย่างแล้ว…เพื่อให้มาถึงตรงจุดๆนี้
“ความฝันของพี่น่ะ มันบรรลุไปนานแล้ว”
พี่ริซพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาแล้วเดินจากไป
หนู…มองแผ่นหลังของพี่ริซที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
อะไรกัน ?
ความรู้สึกโหวงเหวงนี่ ?
ความกลัวเหมือนกับตอนที่สูญเสียเอมิลี่และไนเกลไป…ไม่สิ…มันเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีก
“พี่—”
แม้จะยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเอาไว้ แต่แผ่นหลังของพี่ริซก็หายไปเสียแล้ว
ราวกับจะบอกว่า หนูจะต้องสูญเสียพี่ริซไปอีกคน มือคู่นี้ไม่มีวันปกป้องใครได้อีก
“อะ อ่า…..”
ทำไมถึงพูดเหมือนกับว่าปล่อยวางทุกอย่างแล้วแบบนี้แล้วล่ะ พี่ค่ะ…
ไม่เอานะ…ไม่เอาแบบนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ อย่าทิ้งหนูไป อยู่กับหนูตลอดไปเถอะ…ได้โปรด
จะเชื่อฟังพี่ริซก็ได้ จะฟังที่สั่งทุกอย่างเลย หนูจะเป็นฝ่ายแพ้ตลอดไปก็ไม่เป็นไร
ไม่ต้องยอมรับในตัวหนูก็ได้ จะคิดว่าหนูเป็นเด็กแบบนี้ตลอดไปก็ไม่เป็นไร
แต่อย่างน้อยอย่าพูดแบบนั้น…อย่าพูดเหมือนพอใจทุกอย่างแล้วสิคะ
หนูกลัวนะ….โลกที่ไม่มีพี่ริซอยู่ หนูทนอยู่ไม่ได้หรอก
“ฮึก ! ขอโทษค่ะ…หนู…ขอโทษ”
พยายามกลั้นน้ำตา แต่กลั้นไว้ไม่ไหว โชคดีที่พี่ริซขึ้นรถม้าไปก่อนก็เลยไม่เห็นตัวหนูที่กำลังร้องไห้
หลังจากนี้ต้องขอโทษพี่ริซให้ได้ แล้วก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยพี่ริซ
ความแค้นอะไรนั่น ช่างมันก่อน พี่ริซสำคัญที่สุด…สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด
เพราะงั้น หลังจากที่แยกจากพวกคนเลวแล้วไปอาบน้ำด้วยกัน หนูจึงถือโอกาสพูดเปิดใจกับพี่ริซ
ทว่า ถึงแม้ว่าจะดีขึ้น แต่มันก็จบลงไม่ค่อยสวย เพราะพี่ริซดันเอาสบู่มาป้ายหน้าหนู แถมความกังวลถึงจะเบาลง มันก็ยังไม่หายไปซ่ะที
หลังจากที่สระผมให้พี่ริซเสร็จ หนูเลยกอดพี่ริซเอาไว้แล้วอ้อนวอนขอร้องสุดความสามารถ
เป็นครั้งแรกหลังจากที่เจอกัน ที่หนูพูดความปรารถนาจากใจจริงของหนู โดยไม่มีสิ่งใดเจือปน
“พี่ริซจะต้องอยู่กับหนูตลอดไป ห้ามทิ้งหนูไปเด็ดขาดเลยนะคะ”
รู้ว่าเอาแต่ใจ เอาแต่ได้ แต่ขอแค่เรื่องนี้เท่านั้น….ขอแค่ความปราถนานี้เท่านั้น
ได้โปรดเป็นจริงด้วยเถอะนะ
“พี่ไม่มีวันทิ้งไอรินไปไหนอยู่แล้ว ต่อให้ต้องตายก็ตาม”
พี่ริซดึงหนูเข้ามากอด
เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นเหมือนเคย ทว่า ในครั้งนี้มันกลับรัดแน่นมากกว่าที่แล้วๆมาราวกับจะตอบสนองต่อคำขอของหนู
“พี่ขอสาบานเลยจ้ะ”
อยากจะกอดอยู่แบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้เวลาเดินต่อไปข้างหน้าเลย
กลิ่นหอมจากร่างกายของพี่ริซทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ผิวกายที่แนบชิดก็มอบความอบอุ่นให้กับหนู
หัวใจที่เต้นโครมครามจนได้ยินเสียงชัดเต็มสองหู….สิ่งที่ช่วยบ่งบอกว่าพี่ริซยังมีชีวิตอยู่
ไม่อยากจะเสียมันไป อยากจะหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้
ต่อให้ช่วงเวลานี้เป็นเรื่องโกหกก็อยากให้คงอยู่แบบนี้ไปตลอดกาล
ไม่ต้องมีอนาคต และก็ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายก็ได้
จะติดอยู่ในช่วงเวลาอันเป็นนิจรันดร์นี้ต่อไปก็ไม่เป็นไร
นั่นก็เพราะว่า ความฝันของหนูก็อยู่ตรงหน้าหนูแล้วเหมือนกัน
ขอแค่มีพี่ริซอยู่ ในชีวิตนี้หนูก็ไม่ต้องการอะไรเพิ่มอีกแล้ว
— ทว่า ต่อให้เวลาเดินช้าลงแค่ไหน เวลาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าอยู่ดี
นั่นคือความจริง….
สิ่งที่ทำให้หนูรู้ว่า ความฝันนี้คงสิ้นสุดลงในซักวันหนึ่ง และ เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
ทว่า หนูนั้นเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่ดื้อดึงและไม่มีวันยอมรับความจริงที่ไร้เหตุผลนี้
ดังนั้นจะช่วยพี่ริซให้ได้ ไม่ว่าจะแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างของหนู…หรือแม้กระทั่งโลกใบนี้ก็ตาม
MANGA DISCUSSION