พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 654 เซอร์ไพรส์เขา
ตอนที่ 654
เซอร์ไพรส์เขา
“แม่สามีเหรอคะ?” กู้ชิงเบะปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอกำลังยืนอยู่หน้า ถงเหมี่ยวเหมี่ยว เธอจึงสงบสีหน้าลงและพูดเบา ๆ ว่า “แม่สามีฉันเป็นคนเห็นแก่เงินมาก ขี้เหนียวเป็นพิเศษ เรียกร้องจะเอาผลประโยชน์จากคนอื่นทั้งหมด งกจนสุดจะบรรยายได้ค่ะ แต่ฉันกับสามีเก่าหย่ากันไปแล้ว ฉันทนใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ ฉันแต่งงานเข้าไปได้สองปี แม่สามีไม่เคยออกเงินสักหยวน แต่มาบอกให้ฉันมีลูกอยู่บ้าน ไม่ต้องทำงาน ให้สืบทอดสายตระกูลต่อไป เวลามันสั้นมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ส่วนสามีฉันก็ไม่เอาถ่าน มีค่าจ้างตายตัวทุกวัน เลี้ยงดูครอบครัวตัวเองไม่ไหว ปัญหาทางการเงินเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่ทำให้คู่รักทะเลาะกัน ฉันออกไปหาเงินไม่ได้ ต้องขลุกตัวอยู่ในบ้าน นี่ขนาดยังไม่มีลูกยังขนาดนี้ ต่อไปในอนาคตจะย่ำแย่ขนาดไหน คุณคง จะจินตนาการได้ใช่มั้ยคะ?” กู้ชิงถอนหายใจเบา ๆ
เมื่อหวนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา เธอมักจะรู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งตื่นจากฝันร้าย
ใคร ๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่าเหตุการณ์นี้นำตราบาปมาให้เธอมากเพียงใด
“ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนดีเด่นที่จบมาจากโรงเรียนชั้นนำใช่มั้ย?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถาม
“ค่ะคุณถง” กู้ชิงพยักหน้า
“กักขังนักเรียนดีเด่นไว้ให้คลอดลูกเนี่ยนะ ผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่เครื่องมือในการคลอดลูกสักหน่อย น่ารังเกียจจริง ๆ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกสั่นสะท้านทุกครั้งที่นึกถึงประสบการณ์ของ กู้ชิง
เธอไม่สามารถอยู่ในครอบครัวแบบนั้นได้แม้แต่สักนาทีเดียว แต่กู้ชิงกลับอดทนมาถึงสองปี
หลังจากได้ยินประสบการณ์ของกู้ชิงแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
การมีลูกไม่ใช่ทางออกเดียวสักหน่อย
หากเธอต้องการตอบแทนพวกลิ่นอวี๋เหยียนจริง ๆ เธอก็สามารถหาวิธีอื่นได้
เธอแค่ต้องยอมรับความจริง และต่อให้ลิ่นอวี๋เหยียนโกรธ เธอก็ทำอะไรไม่ได้
ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกกับคำพูดของคนอื่น
ตอนนี้เธอไม่ต้องพึ่งพาตระกูลมู่แล้ว เธอสามารถยืนหยัดด้วยตัวเธอเอง
เธอกับลิ่นอวี๋เหยียนเคารพซึ่งกันและกัน
ดังนั้นเธอก็หวังว่าลิ่นอวี๋เหยียนจะเข้าใจเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณถง มันเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ” กู้ชิงส่ายหัว
“ไม่มีพวกเขาแล้ว ต่อจากนี้เธอจะมีอนาคตที่สดใสขึ้น” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตบไหล่กู้ชิงเพื่อปลอบโยน
“ค่ะคุณถง ตอนนี้ฉันสบายดีแล้ว โชคดีที่ฉันได้เจอคุณ” กู้ชิงรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำงานเคียงข้างถงเหมี่ยวเหมี่ยว
คนอื่นไม่รู้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวแสนดีแค่ไหน
แต่ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของถงเหมี่ยวเหมี่ยว เธอย่อมรู้เรื่องนี้ดี
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ที่เธอมีทุกอย่างวันนี้เป็นเพราะความพยายามของเธอเอง สู้ ๆ นะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรับรู้ถึงความสามารถของกู้ชิง
ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่ากู้ชิงไร้ความกังวลและสามารถทำทุกอย่างได้ดี
เธอมองคนไม่ผิด
ช่วงบ่าย ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปรับเปลี่ยนความคิดของเธอและพากู้ชิงไปตรวจสอบ
เธอพอใจกับผลลัพธ์มาก
เธอไม่เห็นงานแบบนักศึกษาฝึกงานไก่เขี่ยอีกต่อไป
แม้ว่าจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ มาหาเงินเติมเข้าบัญชี แต่บริษัทก็ยังต้องจ่ายเงินคุณอยู่ดี
เมื่อคำนวณดูแล้วมันก็ยังเป็นรายจ่ายจำนวนไม่น้อย
แทนที่จะเสียเงินไปกับส่วนที่ไม่สำคัญ สู้เอาเงินไปเสริมคุณค่าทางด้านอื่นดีกว่า
ผู้จัดการพวกเขาเก็บเอาคำพูดของเธอไปคิดพิจารณา ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบเร่งทำงานเสร็จเร็วขนาดนี้
คำพูดอ่อนโยนใช้ไม่ได้อีกต่อไป ใช้คำพูดคุกคามสิ่งที่พวกเขาสนใจน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ทุกคนใส่ใจผลประโยชน์ของตัวเอง ตราบใดที่มีคนมาคุกคามผลประโยชน์ พวกเขาก็จะขจัดภัยคุกคามนั้นออกไปโดยไม่ลังเล
พนักงานที่มีประสบการณ์การทำงานในบริษัทมายาวนานจะละทิ้งผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อรักษานักศึกษาฝึกงานเหล่านั้นได้อย่างไร?
มูลค่าที่ผลิตออกไปสมส่วนด้วยซ้ำ
ในที่สุดวันนี้ก็มีเรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขสักที
หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานและบังเอิญเจออินอวี่โหรวระหว่างทางเดิน
แม้ว่าอินอวี่โหรวจะสวมหน้ากากอนามัย แต่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ยังจำเธอได้ในทันที
แต่ทำไมอินอวี่โหรวถึงสวมหน้ากากตอนกลางวันแสก ๆ?
เสื้อผ้ายังดูแตกต่างจากปกติอีกด้วย
หรือว่าเธอจะป่วย?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้าไปสะกิดไหล่อินอวี่โหรว
อินอวี่โหรวตกใจมาก ก่อนจะหันกลับมาเห็น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เหมี่ยวเหมี่ยว เธอเองเหรอ?”
ห้องทำงานของลู่ซีจวี๋กับถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ที่ชั้นบนสุด
นอกจากห้องทำงานของเลขานุการแล้วก็มีแค่ห้องทำงานของพวกเขาสองคน
ทางเดินจึงเงียบมากและไม่มีคนเดินขวักไขว่
“เกิดอะไรขึ้น? ป่วยเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูแล้วรู้สึกบอกไม่ถูก
เธอรู้สึกว่าอินอวี่โหรวกำลังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ
นี่เป็นบริษัทของลู่ซีจวี๋ จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับด้วยเหรอ?
จู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากเซอร์ไพรส์ลู่ซีจวี๋หรือเปล่า?
“เปล่า ไปที่ห้องทำงานเธอก่อน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” อินอวี่โหรวผลักถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าไปในห้องทำงานของเธอ
เมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว อินอวี่โหรวก็เล่าเรื่องความเข้าใจผิดของผู้เฒ่าอินกับคุณปู่ลู่
“แต่ฉันยังไม่อยากบอกพวกคุณปู่ตอนนี้ ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปก่อน” ในเมื่อการแสดงจัดเต็มมาก อินอวี่โหรวจึงสวมเสื้อผ้าที่แตกต่างออกไป
ลู่ซีจวี๋มอบบัตรแตะลิฟต์สำหรับผู้บริหารบริษัทให้เธอ เธอสวมหน้ากากและก้มหน้าลงตลอดเวลา และเมื่อพนักงานต้อนรับกับพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นว่าเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ของผู้บริหาร พวกเขาก็ทำได้แค่เหลือบมองดูเฉย ๆ และไม่กล้ามองสอดส่อง
ดังนั้นนอกจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับลู่ซีจวี๋แล้วจึงไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนึกไม่ถึงว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจะเกิดเรื่องราวแบบนี้
เธอตกใจมาก
“แต่พวกเธอโกหกผู้ใหญ่กันแบบนี้มันจะดีเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสงบลงอย่างรวดเร็ว
“ฉันลองคิดดูแล้ว ตอนนี้ถ้าบอกความจริงไปมันน่าจะแย่กว่าเดิม รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมและค่อยบอกพวกคุณปู่ พวกเขาน่าจะยอมรับได้มากกว่าตอนนี้” อินอวี่โหรวห่วงใยผู้เฒ่าอิน เธอจึงตระหนักคิดถึงเรื่องนี้
“เธอคิดถูกแล้ว เธอกับรุ่นพี่เก่งมาก ทำทั้งบริษัทงมโข่งกันเลย” เธอเคยได้ยินข่าวลือมามากมาย
เธอนึกว่าคนในบริษัทเพียงสร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้น
เพราะว่าก่อนหน้านี้นานแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เห็นแค่อินอวี่โหรวเข้าไปในห้องทำงานของลู่ซีจวี๋
ส่วนคนอื่น ๆ เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ถ้าอย่างนั้นที่ได้ยินมาก็เป็นเรื่องตลกสินะ
นึกไม่ถึงว่าลู่ซีจวี๋จะมีเด็กจริง ๆ และเด็กเก็บคนนั้นก็คืออินอวี่โหรว
“ฉันก็ไม่อยากทำหรอก แต่ฉันพูดออกไปแล้วก็เลยต้องหาทางปกปิด” เพราะให้ตีบทตัวละครชู้สาวแตก อินอวี่โหรวจึงจงใจแต่งตัวเปิดเผยมากกว่าปกติ
มันดูดีก็จริง แต่อินอวี่โหรวไม่ค่อยสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้มากนัก เธอรู้สึกอึดอัดและรู้สึกแปลก ๆ อยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทุบหน้าอกและให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่น
เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับ ลู่ซีจวี๋แล้ว ถ้าถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า ทุกคนก็จะเชื่อ
“ขอบใจล่วงหน้านะ” อินอวี่โหรวยิ้ม
“เกรงใจอะไรล่ะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว
“แต่วันนี้ฉันแอบมาหาซีจวี๋ เขายังไม่รู้หรอก ฉันจะไปดูสิว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” อินอวี่โหรวไม่ได้เจอลู่ซีจวี๋มาหลายวันแล้ว
เธอเขินอายเกินจะบอกว่าเธอคิดถึงลู่ซีจวี๋มากเหมือนกัน