พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 52 แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับแก
ตอนที่ 52
แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับแก
ยิ่งเธอเงียบมากเท่าไหร่ ความเย่อหยิ่งของถงกัวฮุยก็ยิ่งทวีคูณมากเท่านั้น
“ตระกูลถงเลี้ยงดูแกมา แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง? ถ้ารู้ว่าโตมาแกจะเนรคุณแบบนี้ ฉันคงจะเอาเชือกรัดคอแกตายไปซะตั้งแต่เกิดมา!”
คำพูดของชายคนนี้เลวร้ายมากจนกู้ชิงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถหยุดยั้งชายคนนี้เอาไว้ได้
“ฉันขอประกาศเลยนะว่ายังไงวันนี้แกก็ต้องเจียดเงินมาให้ตระกูลถง ตอนนี้ตระกูลถงกำลังตกอยู่ในชั้นวิกฤตที่ใคร ๆ ก็พากันต่อต้าน แกที่เป็นลูกสาวจะไม่ช่วยเหลืออะไรหน่อยเหรอ จะเอาแต่นั่งเล่นนอนเล่นรับโชคไปวัน ๆ อยู่ที่นี่หรือไง? ทำแบบนี้มันสมเหตุสมผลแล้วเหรอ?”
เสียงของถงกัวฮุยดังก้องไปทั่วห้องทำงาน
“ฉันบอกแล้วไงว่าตราบใดที่แกยังใช้นามสกุลถงอยู่แกก็ต้องเชื่อฟังฉัน! ฉันจัดงานหมั้นให้แกแล้วและจะเริ่มขึ้นภายในอีกสองวัน ถึงตอนนั้นแกจะต้องมากับฉัน!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อวานตอนที่เธอถูกถงกัวฮุยจับตัวไป เขาพูดแบบนี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้จริง ๆ!
เธอยังจำบทเรียนเมื่อห้าปีที่แล้วได้แม่นยำ และตอนนี้ถงกัวฮุยกำลังจะผลักเธอลงกองไฟอีกครั้ง
“ฉันไม่ไป” มือทั้งสองข้างของถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ขนาบข้างอยู่กำเข้าหากันแน่นพยายามระงับความโกรธเคืองอย่างหนัก
เสี่ยวเป่าที่อยู่ด้านหลังสังเกตเห็นอารมณ์ของเธอจึงยกมือขึ้นไปจับมือเธอและโผล่หน้าออกไปมองถงกัวฮุยด้วย ความขุ่นเคือง
“แกมันไอ้ชั่ว ออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะเรียกคุณลุงสุดหล่อมา!”
เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หวาดกลัวมู่อวี้เฉิงมาก
เดิมทีถงกัวฮุยรู้สึกหงุดหงิดที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปฏิเสธ แต่หลังจากเขาได้ยินเสียงคำขู่ของเด็กน้อยเขาก็ตะคอกเสียงดังขึ้นมาทันที “แบบนี้มันกบฏไปหรือเปล่า! และที่วันนี้ฉันมาก็เพื่อที่จะมาบอกแก! แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นเขาเถียงหน้าดำหน้าแดงแล้วเกียจคร้านเกินกว่าจะตอบโต้กลับ จึงบอกกู้ชิงให้ไปแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัย
แต่กลับนึกถึงว่าถงกัวฮุยจะบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
“ถ้าคิดว่าลากฉันออกไปได้ก็เชิญ! ถ้าครั้งนี้ฉันเข้ามาได้ครั้งหน้าฉันก็เข้ามาได้อีกอยู่ดี!”
เสียงตะคอกดังลอดออกมาจากนอกห้องทันทีที่กู้ชิงเปิดประตูออกไป ทำให้พนักงานทั้งหลายพาตัวมาร่วมกลุ่มกันที่หน้าประตูห้องทำงาน
“คนนี้ใคร เหมือนคนบ้าเลย…”
“เขาน่าจะป่วยหรือเปล่า มาตะโกนใส่ผู้จัดการทำไม…”
“…”
บทสนทนาจากหน้าประตูดังลอดเข้ามาเป็นระยะ ๆ
จู่ ๆ ถงกัวฮุยก็หันกลับมาชี้หน้าด่ากราด “มองอะไรวะ? ออกไปซะ!”
พนักงานที่มายืนอออยู่หน้าประตูทำหูทวนรวมและพากันชี้นิ้วพูดซุบซิบเกี่ยวกับเขา
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้า ฝูงชนจึงหลีกทางให้เจ้าหน้าที่เข้าไป
“คุณครับ เชิญออกมากับพวกเราด้วยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามเชิญเขาออกไป
ทว่าถงกัวฮุยกลับเมินเฉยใส่พวกเขาและเดินเข้าไปข้างในแทน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฟังคำอธิบายจากกู้ชิงมาตลอดทาง พวกเขารู้สึกอึดอัดมากจนหันไปมองหน้ากันและกัน ท้ายที่สุดพวกเขาหันไปมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพื่อขอความคิดเห็น
“พาตัวออกไป” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่งการอย่างเย็นชา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลิกเกรงใจและก้าวขาไปข้างหน้า หนึ่งในนั้นจับแขนเขาไว้พยายามลากตัวเขาออกไป
ถงกัวฮุยมีอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้วและไม่สามารถสู้แรงกำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนได้ ดังนั้นเขาจึงถูกลากออกไปครึ่งทางและรู้สึกอับอายยิ่งนัก
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว สั่งให้พวกมันปล่อยกู! นังเนรคุณ จิตใจโหดเหี้ยม มึงจะเฝ้าดูตระกูลถงล้มละลายไปให้ได้เลยหรือไง? คนอย่างมึงกลายมาเป็นผู้บริการได้ยังไง?”
เขาพูดขณะกวาดสายตามองรอบ ๆ ราวกับกำลังบรรยายความชั่วร้ายของถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คนอื่นฟัง
“ทุกคนอย่าให้อีนังนี่มันมาหลอกเอาได้! มันทำให้บริษัทของตระกูลต้องล้มละลายลง จนป่านนี้ยังเฉยอยู่อีก มีหน้ามาจับแม่กับน้องสาวตัวเองส่งตำรวจ มึงมันนี่มันอสูรร้ายที่ไม่มีหัวใจจริง ๆ!”
ทัศนคติของทุกคนเปลี่ยนทิศทางไปชั่วขณะหนึ่ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธมากจนตัวสั่นเมื่อเห็นสายตาแปลกประหลาดที่จ้องมองมาจากทางหน้าประตูห้องทำงาน
ฉินลู่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนฟังคำตำหนิ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจากพนักงานทั้งหลายราวกับเรื่องขบขัน ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุข
ผู้คนเข้ามารวมตัวกันที่นอกด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงแค่สองคนไม่สามารถลากเขาออกไปได้ จึงเป็นเหตุให้ถงกัวฮุยเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไป
“นังเนรคุณ! ดูสิว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง!”
ถงกัวฮุยที่หลุดออกจากพันธนาการเดินตรงเข้าไปในห้องทำงาน
เสี่ยวเป่ามองดูท่าทางบ้าคลั่งของเขาและรีบก้มหัวลงด้วยความกลัว
ขณะที่ถงกัวฮุยกำลังก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ชายหญิงในชุดสีดำก็รีบวิ่งออกมาจากทางด้านหลัง
พนักงานทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเห็นชายชุดดำกดไหล่ถงกัวฮุยลงด้วยมือข้างเดียว ข้อมือของเขาแข็งแกร่งมากจนถงกัวฮุยที่ถูกกดงอตัวลงทันที
เขาคิดจะหันกลับมาด่าทอ แต่ข้อขากลับถูกเตะอย่างแรงจนหน้าคว่ำล้มคะมำกับพื้น
เสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วอาคารราวกับตกตะลึงกับทักษะของชายคนนั้น
“ไอ้สารเลวมัวพล่ามอะไรอยู่? แกนั่นแหละที่แต่งงานแล้วไปมีชู้ หนำซ้ำยังพาเมียน้อยกับลูกติดเข้าบ้าน ไม่เคยทำให้คุณเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่เย็นเป็นสุขเลย บีบบังคับคุณเหมี่ยวเหมี่ยวให้แต่งงานเพราะจะเรียกร้องสินสอดทองหมั้นราคาสูง พอถลุงเงินหมดแล้วก็นึกถึงคุณเหมี่ยวเหมี่ยวขึ้นมา คนอย่างแกมันสมควรเป็นพ่อคนแล้วเหรอ ฉันว่าแกมันเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉานอีก!”
หญิงสาวในชุดดำเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าถงกัวฮุย ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
รองเท้าส้นสูงคู่งามตวัดลูกเตะใส่ถงกัวฮุยไม่ยั้ง ไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้ร้องโหยหวน
ทัศนคติของพนักงานที่อยู่รอบนอกเปลี่ยนแปลงไปตามคำพูดของเธอ ต่างชี้นิ้วไปทางถงกัวฮุยที่อยู่บนพื้น
“หม่ามี้ นั่นมันลุงเยี่ยหวงกับพี่เยี่ยชวงนี่!”
เสี่ยวเป่าที่ได้ยินเสียงหญิงสาวตื่นเต้นมากจึงรีบเงยหน้าออกมามอง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าเล็กน้อยและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอบอกให้ลู่ซีจวี๋ส่งคนมาช่วยปกป้อง แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็เดินทางมาถึง
ลู่ซีจวี๋เป็นคนใจกว้างมากถึงกับส่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขามาให้ถึงที่
ตอนนี้เธอสามารถปล่อยเสี่ยวเป่าให้ไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัยแล้ว
ทว่าตอนนี้ถงกัวฮุยกำลังทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก เขาเอื้อมมือออกไปผลักเท้าของเยี่ยชวงออก
แต่ทันทีที่เอื้อมมือออกไป ใบหน้ากลับเจ็บปวดมากขึ้น
ถงกัวฮุยตัวสั่นเทาและส่งเสียงร้องโหยหวนที่แหบแห้งออกมา
“จะเอาออกเหรอ? เจ็บหรือไง? เมื่อห้าปีที่แล้วแกไล่คุณเหมี่ยวเหมี่ยวออกจากบ้าน ไม่สนใจไยดีเธอ แต่ตอนนี้กลับมาขอเงินเธอ ฉันก็นึกว่าแกด้านหน้าจนไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแล้วซะอีก?” เยี่ยชวงพูดและใช้เท้าบดขยี้ใบหน้าเขาอยู่หลายครั้ง
ถงกัวฮุยเจ็บปวดมากจนส่งเสียงร้องออกไปไม่ไหว
“ก็เห็นแกทำอะไรไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ตอนนี้ยังแบกหน้ามาขอเงินคุณเหมี่ยวเหมี่ยวอีก ฉันว่าแกไม่เหลือหนังหน้าไว้ก็ได้มั้ง” เยี่ยชวงรู้สึกโกรธมากขึ้น
ใบหน้าของถงกัวฮุยบิดเบี้ยวอยู่ใต้เท้าของเธอ อันที่จริงเขายังรู้สึกถึงความชุ่มชื้นเล็กน้อยบนใบหน้า แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อ เพียงแค่รู้สึกชาไปทั้งศีรษะ
“ฉันผิดไปแล้ว… ยกโทษให้ฉันด้วย…”
เขาเค้นน้ำเสียงด้วยความสิ้นหวังร้องขอความเมตตาจากทั้งสอง
เยี่ยชวงเบะปากอย่างไม่พอใจ เงยหน้ามองฝูงชนที่อยู่บริเวณรอบข้างและขยับเท้าออกด้วยความไม่เต็มใจ
ขณะที่ถงกัวฮุยกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ
“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับแก!”
หลังจากเสียงดังกล่าวสิ้นสุดลง เสียงตวัดที่ผ่านทะลุอากาศก็ดังก้องในรูหูของถงกัวฮุย
แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไปมอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่แขน คราวนี้เขาไม่ได้ร้องโหยหวนเหมือนเดิมแต่กลับเป็นลมหมดสติไป