พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 5 ทำไมถึงต่อต้านเขา
ตอนที่ 5
ทำไมถึงต่อต้านเขา
หลังจากคืนนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังพักอยู่ในโรงแรมอีกสองวัน
และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากมู่อวี้เฉิงเลยสักสาย
เธอไม่ได้สนใจอะไร และใช้ประโยชน์จากเวลาว่างตรงนี้ไปตามหาโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเป่า
คุณครูจะต้องยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองเป่ย และอุปกรณ์ของทางโรงเรียนจะต้องมีความทันสมัย
สองวันต่อมา บริษัทเอเจนซีโทรมาบอกว่าพบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของเธอแล้ว
บ้านหลังนี้เป็นคอนโดมิเนียมสามห้องนอน มีห้องรับแขกหนึ่งห้อง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ย่านธุรกิจและอยู่ใกล้กับสตีเฟนกรุ๊ป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าไปดูและรู้สึกพอใจมาก
เสี่ยวเป่าก็ชอบที่นี่มากเช่นกัน
พวกเขาตอบตกลงทันที ก่อนที่แม่กับลูกชายจะย้ายกระเป๋าเข้ามาอยู่
“หม่ามี้ เดี๋ยวผมช่วยเอาของออกจากกระเป๋าเองฮะ”
เสี่ยวเป่ายื่นมือเล็ก ๆ ออกไปช่วยถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาของออกจากกระเป๋า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อมองเห็นร่างเล็ก ๆ วิ่งวนไปทั่วห้อง
เธอยิ้มเบา ๆ ขณะมองดูแสงแดดสว่างไสวด้านนอกหน้าต่าง
หลังจากนี้พวกเขาแม่ลูกจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ไปอีกนานแสนนาน
…
หลังจากเดินทางกลับมาถึงประเทศจีนได้สี่วัน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปส่งเสี่ยวเป่าที่โรงเรียนและเดินทางไปรายงานผลที่บริษัท
อาคารสำนักงานบริษัทตั้งอยู่บนถนนเทียนจื้อหมายเลขสองที่ย่านธุรกิจใจกลางเมือง
เธอเดินเชิดหน้าเข้าไปในบริษัท
รูปลักษณ์ที่โดดเด่นตลอดจนความสามารถและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดของหญิงสาวมืออาชีพแผ่ซ่านออกจากร่างกายเธอจนดูดดึงความสนใจของผู้คน
เสียงกระซิบดังก้องไปทั่ว
“ผู้หญิงคนนี้คือใคร?”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นพนักงานใหม่หรือเปล่า?”
“ไม่เห็นได้ยินว่าทางบริษัทรับพนักงานใหม่นะ”
“ไม่ใช่ผู้จัดการทั่วไปที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งตัวมาเหรอ?”
ใครบางคนคาดเดาถูกต้อง แต่หลายคนกลับไม่เชื่อ
“ผู้จัดการจะอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไง!”
“ใช่ เธออายุแค่เท่าไหร่เอง”
“จะว่าไปไม่ต้องพูดก็พอจะรู้กันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าบอกนะ มีความเป็นไปได้สูงมาก เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวแบบนั้นออกมาไม่ใช่เหรอ?”
หลายคนที่ไม่มองถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรือผู้จัดการที่อยู่เหนือความคาดหมายคนใหม่ในแง่ดีนัก
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ที่ยังสาวของเธอทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่าตำแหน่งของเธอไม่ยุติธรรม
พนักงานในบริษัทเอกชนหลายคนรวมหัวกันพูดคุยและต่างกระซิบกระซาบกันไม่น้อย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยินเสียงนินทาทันทีเมื่อเธอเดินออกมาจากลิฟต์
เธอเหลือบมองกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเธอด้วยสีหน้าเฉยเมยและไม่สนใจไยดีพวกเขา
สีหน้าของเธอทำให้พนักงานร้องอุทาน สะดุ้งกันเป็นแถบ
พวกเขาเอามือตบหน้าอกด้วยความรู้สึกสะพรึงกลัว “พระเจ้า รู้สึกเหมือนเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนอย่างไรอย่างนั้น”
ทว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไม่รู้อะไรเลย
เธอเดินตรงไปที่ห้องทำงานของรองผู้จัดการ
ก๊อก ๆ
“เข้ามา”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวผลักประตูและเดินเข้าไปข้างใน
ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสูทกูตูร์สีดำกำลังนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงาน
ผู้ชายคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลา สวมใส่แว่นตากรอบทอง ดูสุภาพงดงามราวกับผู้มีปัญญาที่ไม่มีภัย
แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้ดีว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาของผู้ชายคนนี้เท่านั้น
“คุณเซ่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เธอเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานและเหลือบมองป้ายชื่อ
รองผู้จัดการทั่วไป เซ่าหมิงเวย
เซ่าหมิงเวยยิ้มเบา ๆ และลุกขึ้นยืน “คุณถง ไม่ได้เจอนานเลยครับ เชิญนั่งลงก่อนสิครับ”
เขาชี้นิ้วไปที่โซฟาและเดินออกไป
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักถงเหมี่ยวเหมี่ยวมากนัก แต่เขาต้องคอยติดต่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอนที่อยู่สำนักงานใหญ่ถึงสองสามครั้ง จนทำให้เขารู้ถึงความสามารถของอีกฝ่ายและประทับใจในตัวเธออย่างมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า นั่งลงและเริ่มพูดคุยเรื่องงาน
รอจนกระทั่งถึงเวลาประชุม เซ่าหมิงเวยเดินพา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปยังห้องประชุม
ห้องประชุมค่อนข้างกว้างขวางและสว่างไสว ประกอบไปด้วยทีมหัวหน้าบริหารระดับสูงในบริษัท
พวกเขาต่างมองดูด้วยความคลางแคลงใจเมื่อเห็น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินตามเซ่าหมิงเวยเข้ามา
มีหลายคนที่ได้ยินข่าวซุบซิบนินทาเมื่อเช้าและมองดูเธอด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสังเกตเห็น แต่ยังคงทำทีเมินเฉย
เธอเดินตามเซ่าหมิงเวยขึ้นมาด้านบน
เซ่าหมิงเวยยิ้มและพูดแนะนำว่า “นี่คือคุณ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ผู้จัดการทั่วไปที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งตัวมา คุณถง ยินดีต้อนรับนะครับ”
“สวัสดีครับคุณถง”
ตามมาด้วยเสียงปรบมือ
ถึงแม้ว่าพนักงานในฝ่ายบริหารจะไม่ได้มอง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวในแง่ดีนัก แต่ตำแหน่งที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่นั้นล้วนเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความสามารถ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูรอบ ๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า
ถึงแม้ว่าคนตรงหน้ากำลังท่าทางต้อนรับเธอ แต่สายตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน
เธอโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลง
ทำให้ทุกคนตกตะลึงมาก และห้องประชุมก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
“ก่อนอื่นเลย ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับดิฉันนะคะ ฉันมาใหม่ และในอนาคตอาจจะต้องขอแนะนำจากพวกคุณ แต่…”
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจริงจังขึ้น แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันและความกล้าหาญที่ผู้จัดการควรมี
เธอเปลี่ยนเรื่องและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพเนื้องานเป็นหลัก ก่อนที่ฉันจะย้ายมาที่นี่ ฉันได้อ่านความคืบหน้าของโครงการตลอดช่วงหกเดือนที่ผ่านมาแล้ว ความคืบหน้าไม่เป็นที่พอใจและล่าช้าเกินไป ดังนั้นฉันหวังว่าอีกหกเดือนข้างหน้าทุกแผนกจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก หวังว่างานที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จตรงเวลาที่กำหนด ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะได้รับการจัดการตามข้อบังคับของบริษัท”
ก่อนจะเดินทางกลับมายังประเทศจีน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเรียนรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบริษัท
ถึงแม้ว่าจะไม่ดีนักที่คนเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่จะแสดงความสามารถของตน แต่นี่เป็นรูปแบบการทำงานของเธอ
ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง ห้ามรีรอชักช้า
การประชุมช่วงเช้าสิ้นสุดลงพร้อมกับท่าทางเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
หลังจากการประชุมจบลง ข่าวลือเรื่องการเข้มงวดของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็แพร่กระจายไปอีกครั้ง
เพียงแค่ครึ่งวันเช้าทั้งบริษัทก็รู้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นคนเข้มงวด
โดยเฉพาะแผนกทั้งหลายที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขานชื่อเมื่อเช้าถึงกับตั้งชื่อเล่นให้เธอว่านังแม่มด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยินเรื่องราวทุกอย่าง แต่เธอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
เพราะเธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
การกลับมาเยือนประเทศจีนในครั้งนี้ นอกจากจะมาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการแล้ว เธอยังแบกรับงานใหญ่หลวงในการออกสิทธิบัตรใบอนุญาตเทคโนโลยีดังกล่าวอีกด้วย
หลังจากประชุมจบ เธอขอให้เซ่าหมิงเวยคัดกรองรายชื่อบริษัททั้งหลายในประเทศที่สนใจแย่งชิงสิทธิบัตรเทคโนโลยี
ครึ่งวันหลังเซ่าหมิงเวยเดินแบกกองเอกสารเข้ามาที่ห้องทำงานของผู้จัดการ
เขาเคาะประตูและเดินเข้าไป “คุณถง นี่คือรายชื่อบริษัทที่สนใจครับ”
เขาวางกองเอกสารลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยุดงานที่ทำอยู่ หยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดูรายชื่อ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอขมวดคิ้วและวางเอกสารลง
ในบรรดาบริษัทเหล่านี้ นอกจากมู่กรุ๊ปแล้วยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่มีแรงกำลังแข่งขัน แต่กลับเสนอราคาต่ำเตี้ยเรี่ยราด
เธอเม้มปากครุ่นคิด
เซ่าหมิงเวยแสดงความคิดเห็น “ในรายชื่อนี้มู่กรุ๊ปเสนอราคาสูงสุดเลยครับ และโดยส่วนตัวผมคิดว่าเราเสนอใบอนุญาตให้มู่กรุ๊ปน่าจะเป็นการดีที่สุด”
“งั้นมาลองดูกัน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกะพริบตาและวางเอกสารลง
เซ่าหมิงเวยขมวดคิ้ว “ในรายชื่อนี้ไม่น่าจะมีใครเสนอราคาสูงกว่ามู่กรุ๊ปแล้วนะครับ”
เขาคิดว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องการรอดูว่าจะมีใครเสนอราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามองเขา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉันมีข้อพิจารณาสำหรับเรื่องนี้อยู่ คุณไม่ต้องกังวลไปค่ะ”
“…”
เซ่าหมิงเวยทำอะไรไม่ถูก
เขามองดูถงเหมี่ยวเหมียวที่ก้มหน้าทำงานต่อและไม่พูดอะไร
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงยืนกรานจะต่อต้าน มู่กรุ๊ป
มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก