พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 305 แต่งงานกับผมนะ
ตอนที่ 305
แต่งงานกับผมนะ
หลังจากแขนขาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวอ่อนระทวย เธอก็เอนกายพิงอ้อมกอดของมู่อวี้เฉิงและนอนหอบเงียบ ๆ
ร่องรอยสีแดงระเรื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสละสลวย ดวงตาที่พร่ามัวดูบริสุทธิ์และน่าหลงใหล ทำให้คนที่โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนอยากจะกลั่นแกล้งเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
มู่อวี้เฉิงเริ่มขยับตัวอีกครั้งในทันที
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่แนบกายชิดกับเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสบริเวณสะโพก
เธอรีบลุกขึ้นพรวดพราดและผลักมู่อวี้เฉิงออกไป
มู่อวี้เฉิงไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเผลอปล่อยให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกัดริมฝีปากแน่น ท่าทางเขินอายของเธอทำให้ดวงตาของมู่อวี้เฉิงดูอ่อนโยนขึ้น
ทว่าเขากลับไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแต่ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ของตนเองลง
“เหมี่ยวเหมี่ยว วันนี้ผมมีความสุขมาก” การที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอารมณ์เสียนั้นพิสูจน์ได้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ในหัวใจของเธอ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้หญิงคนอื่น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็คงจะอิจฉาเช่นกัน
ดีกว่าทัศนคติเดิมที่มักจะปฏิเสธผู้คนออกไปหลายพันไมล์กว่าหลายเท่า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงรู้สึกหนักใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอสับสนและไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เธอจึงไม่ได้ตอบอะไรกลับ
“คุณใส่ใจผม ผมมีความสุขมาก สัญญากับผมนะว่าคุณจะแต่งงานกับผม” มู่อวี้เฉิงเดินเข้าไปหาเธอและโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง
ร่างกายของเธอจึงถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่ม หัวใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่นสะท้านเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของเขาระหว่างที่เขาพูด
ถึงอย่างนั้นอาจเป็นเพราะมู่อวี้เฉิงเคยเมินเฉยต่อเธอเมื่อหลายปีก่อน เธอจึงรู้สึกหวั่นไหวทั้ง ๆ ที่ในใจคิดต่อต้าน
แม้ว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงการกระทำของมู่อวี้เฉิงในช่วงเวลานี้ แต่เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจได้
อาจเป็นเพราะวันเวลาเหล่านั้นยากลำบากเกินไปสำหรับเธอ กว่าเธอจะผ่านมันมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอก็กลัวว่าเธอจะเจ็บปวด
ทว่าความเป็นเผด็จการของชายที่อยู่เบื้องหลังทำให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้ว่าหากเขาไม่ได้รับคำตอบจากเธอ เขาจะไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสับสนมากจึงพูดหาข้ออ้างว่า “เอาไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังเด็กอยู่ มันจะไม่ดีต่อเขา”
มู่อวี้เฉิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดแก้ตัวอยู่ เขาจึงผละตัวออกจากถงเหมี่ยวเหมี่ยว เอนกายลงบนโซฟาและพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “คุณนี่มันปากแข็งจริง ๆ”
แต่ตอนนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ใต้จมูกของเขาแล้ว และเขาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้เวลากับเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันหน้ากลับมาแล้วเห็นว่ามู่อวี้เฉิงกำลังขมวดคิ้วอยู่ เขายกนิ้วขึ้นมานวดคลึงระหว่างหัวคิ้ว ดูเหนื่อยล้ามากจนไม่สามารถปกปิดได้
วันนี้มู่อวี้เฉิงเหนื่อยมาก หนำซ้ำกลับมาบ้านแล้วยังต้องมาเล่นกับเธออีก มู่อวี้เฉิงก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่สามารถเหนื่อยล้าได้เช่นกัน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงรู้สึกผิดในใจ
“รอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปทำซุปแก้เมาค้างมาให้ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ตื่นมาจะปวดหัวอีก” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขึ้นมาดื้อ ๆ และเดินเข้าไปในห้องครัว
มู่อวี้เฉิงปฏิเสธต่อเธออย่างแข็งกระด้าง ดังนั้นเธอจึงแข็งแกร่งคงกระพันขึ้นมาก เธอไม่เคยเห็นมู่อวี้เฉิงในด้านที่อ่อนโยนแบบนี้มาก่อน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงไม่สามารถต้านทานมู่อวี้เฉิงได้
เมื่อมองดูเธอที่รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับกระต่าย ร่องรอยความอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาสีนิลของมู่อวี้เฉิง จนกระทั่งดวงตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้น เปล่งประกายราวกับมีดวงดาวนับพันอยู่ในนั้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบเข้าไปเตรียมซุปแก้เมาค้างอย่างรวดเร็ว เธอเอาซุปแก้เมาค้างออกมาจากตู้เย็นและเอาไปอุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสม ก่อนจะนำเอาไปให้มู่อวี้เฉิงในห้องนั่งเล่น
มู่อวี้เฉิงไม่พูดไม่จาและดื่มซุปแก้เมาค้างจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือสักหยดเดียว
“ไม่มีอะไรแล้วฉันไปนอนก่อนนะคะ คุณก็รีบเข้านอนล่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหาวและเดินขึ้นไปที่ชั้นบน
แต่ทันใดนั้นเงาใหญ่ก็ปกคลุมอยู่ตรงหน้าเธอ และตามมาด้วยสัมผัสที่อบอุ่นบนหน้าผาก
จากนั้นเสียงอันแผ่วเบาและร้อนแรงก็ดังขึ้น “ราตรีสวัสดิ์”
…
ลู่หมิงถูกเรียกเข้าไปในสำนักงานทันทีที่มู่อวี้เฉิงเดินทางเข้ามาถึงบริษัทในช่วงเช้า
กองเอกสารวางกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้ามู่อวี้เฉิง ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะลงบนเอกสารอย่างเป็นจังหวะ
“ท่านประธานเรียกหาผมเหรอครับ?” ลู่หมิงยืนอยู่ข้างหน้ามู่อวี้เฉิงด้วยท่าทางเคารพ
มู่อวี้เฉิงโยนเอกสารลงตรงหน้าลู่หมิง “ความร่วมมือระหว่างเรากับหลัวกรุ๊ปสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ต้องทำอะไรต่อ”
ลู่หมิงงุนงง “แต่ท่านประธาน การร่วมมือกับหลัวกรุ๊ปเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเองนะครับ ถ้าเราหยุดมันกะทันหันมันอาจจะส่งผลกระทบต่อฝั่งคณะกรรมการก็ได้นะครับ”
มู่อวี้เฉิงตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่ถ้าไม่หยุด ฉันจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้ อีกอย่างถึงโครงการของหลัวกรุ๊ปจะดีมาก แต่ใช่ว่าจะหาบริษัทอื่นมาแทนไม่ได้สักหน่อย”
เขาดึงเอกสารอีกฉบับออกมาและโยนลงข้างหน้าลู่หมิง “โครงการนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทต่างชาติสติลเวลล์เป็นคนคิดค้นขึ้นมา ถึงแนวคิดการออกแบบของพวกเขาจะยังไม่ค่อยดีนัก แต่จากมุมมองทางด้านเทคนิคก็ยังดีกว่าของหลัวกรุ๊ปเป็นร้อยเท่า เพราะงั้นฉันถึงได้พึ่งใบบุญของพวกเขา ฉันส่งคนไปเจรจาจนบรรลุข้อตกลงความร่วมมือขั้นพื้นฐานมาแล้วและคนของพวกเขาจะมาถึงภายในอีกสองวัน”
ลู่หมิงพยักหน้า เขาประหลาดใจมาก มู่อวี้เฉิงเตรียมการเรื่องทั้งหมดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้านายของเขาไม่น่ายกเลิกความร่วมมือกับหลัวกรุ๊ปโดยไม่มีเหตุผล ลู่หมิงคาดเดาว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นแน่ เพียงแค่คืนเดียวมู่อวี้เฉิงค้นพบคู่ค้ารายใหม่แล้ว ความสามารถของมู่อวี้เฉิงนั้นเกินกว่าจะคาดเดาได้จริง ๆ
ลู่หมิงคาดเดาเรื่องของหลัวกรุ๊ปเงียบ ๆ ในใจ พวกเขาไม่ควรรุกรานใครทั้งนั้น กล้าดียังไงถึงมารุกรานเจ้านายของเขา?
ลู่หมิงเป็นคนทำงานว่องไว เพียงแค่ครึ่งวันบ่าย หลัวกรุ๊ปก็ได้รับข่าวว่ามู่กรุ๊ปยกเลิกสัญญาการร่วมมือแล้ว
ส่งผลให้หลัวกรุ๊ปได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์และคำร้องเรียนต่าง ๆ นานา
พวกเขาทั้งหมดตั้งใจทำงานอย่างหนักและเตรียมการมากมายในช่วงแรกที่ได้รับความร่วมมือจากมู่กรุ๊ป แต่เมื่อมู่กรุ๊ปยกเลิกสัญญา ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาก็สูญเปล่า
หลัวฉิงคงซึ่งเป็นบุคคลที่รับผิดชอบโครงการนี้ได้รับข่าวในทันที
เธอนั่งอยู่ในห้องทำงาน มองดูข่าวตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด
เธอรู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังเตือนเธอจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
แต่เธอคิดว่ามู่อวี้เฉิงแค่พูดเล่น ไม่นึกว่าเขาจะทำแบบนี้จริง ๆ
นอกจากนี้หลัวฉิงคงผู้มีเกียรติยศยังไม่สามารถลดตัวลงไปขอร้องมู่อวี้เฉิงได้หลังจากเธอทำเรื่องพรรค์นั้น
เธอตั้งใจทำโครงการนี้มาก และเธอทนไม่ไหวจริง ๆ ที่ผลงานของเธอจะต้องพังทลายลง
หลังจากต่อสู้กับความคิดของตนเองอยู่นาน หลัวฉิงคงก็หยิบกุญแจรถยนต์แล้วเดินออกไป
หลัวฉิงคงขับรถยนต์มุ่งหน้ามายังมู่กรุ๊ป แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินขึ้นไปยังชั้นบน เธอกลับถูกพนักงานต้อนรับขวางทางเอาไว้ “ขออภัยค่ะคุณผู้หญิง หากไม่มีการนัดหมายจะไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้นะคะ”
หลัวฉิงคงพยายามระงับความตื่นตระหนกด้วยการแสดงสีหน้าเรียบเฉย และพูดกับแผนกต้อนรับว่า “ฉันต้องการถามคุณมู่ถึงโครงการของหลัวกรุ๊ป รบกวนทีนะคะ”
พนักงานต้อนรับเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ มู่อวี้เฉิง เธอจึงไม่กล้าตัดสินใจอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาต และพูดกับหลัวฉิงคงเบา ๆ ว่า “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจะโทรแจ้งให้”
แม้ว่าสายจะเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว แต่หลัวฉิงคงกลับรู้สึกว่าเธอรอคอยมาหนึ่งทศวรรษแล้ว เธออดทนรอจนกระทั่งพนักงานต้อนรับวางสายโทรศัพท์ลง “ว่ายังไงบ้างคะ?”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้หญิง แต่คุณมู่บอกว่าต่อให้หลัวกรุ๊ปจะส่งใครมา เขาก็จะไม่ให้พบค่ะ” พนักงานต้อนรับส่งยิ้มอย่างรู้สึกผิดให้หลัวฉิงคง
สีหน้าของหลัวฉิงคงมืดมนลงในทันที