พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 258 ปากหวาน
ตอนที่ 258
ปากหวาน
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของหลัวฉิงคง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่อวี้เฉิง
เขารู้สึกว่าหลัวฉิงคงมีความกล้าที่จะพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา และเป็นคนเฉลียวฉลาดที่หาได้ยาก
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่ามู่กรุ๊ปจะตอบตกลงความร่วมมือในครั้งนี้?” มู่อวี้เฉิงถามต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
เขาต้องการทดสอบหลัวฉิงคง ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโครงการเท่านั้น
หลัวฉิงคงตอบกลับอย่างมั่นใจ “ฉันรู้ว่ามู่กรุ๊ปมีโครงการในลักษณะนี้เหมือนกัน แต่โครงการของหลัวกรุ๊ปไม่ได้จะนำผลกำไรมาให้มู่กรุ๊ปแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น ยังส่งผลดีต่อชื่อเสียงของ มู่กรุ๊ปในระยะยาวด้วย เพราะฉะนั้นคุณมู่คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธหรอกใช่มั้ยคะ?”
มู่อวี้เฉิงไม่ตอบคำถามของหลัวฉิงคง เช่นเดียวกับที่เธอบอก เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธผลประโยชน์ที่ส่งตรงมาถึงหน้าบ้าน
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นมาพูดถึงการร่วมมือกันดีกว่าครับ มู่กรุ๊ปจะลงทุน…”
ในตอนแรกคำขอของมู่อวี้เฉิงนั้นมากเกินไป
ถึงแม้ว่าหลัวฉิงคงจะมีความประทับใจที่ดีต่อมู่อวี้เฉิง แต่ถ้าหากพูดถึงความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย หลัวกรุ๊ปก็จะไม่มีความยอมแพ้ผลประโยชน์ของตนเองโดยเด็ดขาด
ทั้งสองต่อรองกันอยู่หลายครั้งและในที่สุดก็บรรลุความร่วมมือ
หลัวฉิงคงยังคงแสดงรอยยิ้มอันสง่างาม “คุณมู่ ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้นะคะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอาเอกสารสัญญาความร่วมมือมาให้”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับ”
ขณะที่เขายื่นมือออกมาหาหลัวฉิงคง หลัวฉิงคงมองดูมือของเขาและยื่นมือออกไปจับโดยไม่ลังเล
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณค่ะ” หลัวฉิงคงพูด
ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังสองมือที่กำลังสัมผัสกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะเรื่องงาน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสแนบชิดกับมู่อวี้เฉิง
ความอบอุ่นที่ส่งต่อมาจากมือใหญ่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
เมื่อคิดว่าชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้กำลังจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของเธอ หลัวฉิงคงก็ถึงกับควบคุมตัวเองไม่อยู่
มู่อวี้เฉิงจับมือเธอและผละออกในทันที
ความอบอุ่นจางหายไปทันทีที่ฝ่ามือของหลัวฉิงคงว่างเปล่า เธอมองดูมู่อวี้เฉิงและพยายามรวบรวมความกล้า “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ฉันขอเลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นการเฉลิมฉลองที่เราบรรลุการร่วมมือกันได้มั้ยคะ”
ถึงแม้ว่าหลัวฉิงคงจะมีความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่คำพูดกลับค่อนข้างสมเหตุสมผลแม้แต่คนที่จู้จี้จุกจิกที่สุดก็ไม่อาจต้านทานได้
มู่อวี้เฉิงลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาไม่ค่อยออกไปรับประทานอาหารกับผู้หญิง แม้แต่เวลาต้องเข้าสังคม เขาก็จะส่งลู่หมิงไปเป็นตัวแทน
แต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและยอมรับข้อเสนอของ หลัวฉิงคง
ท้ายที่สุดทั้งสองบริษัทเพิ่งบรรลุข้อตกลงกัน ดังนั้นการออกไปรับประทานอาหารด้วยกันจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติและเป็นโอกาสทางสังคม
หลัวฉิงคงมีความสุขมากเมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้า
เธอรีบพูดขึ้น “เห็นว่าช่วงนี้มีร้านอาหารมาเปิดใหม่แถวนี้ด้วยค่ะ ว่ากันว่าใช้ได้เลย ไปที่นี่กันมั้ยคะ?”
“เอาตามที่คุณเห็นชอบเลยครับ” มู่อวี้เฉิงตอบรับด้วยเสียงทุ้มอย่างใจเย็น
เขาเป็นคนไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารเมื่อต้องเข้าสังคม
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะค่ะ” หลัวฉิงคงพูดขณะแสดงรอยยิ้มอันสง่างาม
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าและเดินตามเธอออกไป
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านอาหารเปิดใหม่ที่หลัวฉิงคงกล่าวถึง ด้านนอกร้านอาหารมีดอกไม้ การ์ดอวยพรมากมาย และหน้าจอแอลอีดีที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับส่วนลด
เมื่อมองลอดผ่านกระจกใสเข้าไปจะเห็นว่ามีแขกมากมายนั่งอยู่ในร้านอาหาร
หลัวฉิงคงกับมู่อวี้เฉิงเดินผ่านซุ้มดอกไม้ที่ด้านหน้าประตู หลังจากเดินเข้าไปแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาหาพวกเขา
พนักงานแสดงรอยยิ้มอย่างมีใจรักการบริการและถามอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง มากี่ท่านคะ”
หลัวฉิงคงเหยียดนิ้วออกเพื่อชูสองนิ้วให้พนักงาน พนักงานเข้าใจได้ในทันทีและพาพวกเขาไปยังโต๊ะที่นั่ง
อีกด้านหนึ่ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีนัดทานอาหารกลางวันกับลูกค้า
“คุณหลินมาแล้วเหรอคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบยิ้มทักทาย
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อกั๊กยาวสีเทาและกางเกงขายาวที่มีสีเดียวกัน พยักหน้าและส่งยิ้มกลับให้เธอ “เหมี่ยวเหมี่ยว รอนานหรือยัง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้ม “ฉันเพิ่งมาถึงได้สักพักเองค่ะ แต่คุณว่าอะไรนะคะ ฉันว่าต่อให้ต้องรอนานแค่ไหนมันก็คุ้มค่ากับการรอคุณเสมอนั่นแหละค่ะ”
“ปากหวานจริง ๆ” คุณหลินหัวเราะเบา ๆ
คุณหลินมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่แต่งหน้าแต่งตาสวยงาม สวมชุดสูทที่บ่งบอกว่าเป็นแบรนด์ไฮเอนระดับสูงบนห้างสรรพสินค้าแต่ยังคงมีความเป็นผู้หญิงอยู่
ครั้งนี้พวกเขาร่วมมือกับสตีเฟนกรุ๊ปไม่เพียงเพราะสนใจในตัวโครงการเท่านั้น แต่เหตุผลส่วนใหญ่ยังเป็นเพราะว่าเธอชื่นชอบถงเหมี่ยวเหมี่ยว
หลังจากเดินเข้ามา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเรียกหาพนักงานและกระซิบบอกว่า “นำอาหารที่ฉันสั่งก่อนหน้านี้ออกมาเสิร์ฟทีนะคะ”
พนักงานพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในห้องครัว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันไปมองคุณหลินและพูดตอบด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “ร้านอาหารเปิดใหม่ดูมีชีวิตชีวาดีนะคะ คุณน่าจะอยากลองชิมหลายๆ เมนู”
คุณหลินที่ได้ยินเช่นนั้นยิ้มตอบ “ไอหยา ช่วงนี้ฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ค่ะ! เสื้อผ้าที่ใส่มาวันนี้ก็เริ่มแน่นแล้วเนี่ย จะให้กินอะไรเยอะแยะได้ยังไงคะ!”
“คุณหุ่นดีมากเลยนะคะ ขนาดฉันยังอิจฉา! ถ้าคนสวยอย่างคุณต้องลดน้ำหนัก แล้วคุณธรรมดาอย่างฉันจะอยู่ยังไงคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มตอบ
คำพูดเหล่านั้นทำให้คุณหลินยิ้มมีความสุขมาก “วันนี้ฉันว่าคุณปากหวานเกินไปแล้วนะคะ คงจะมีน้ำผึ้งอยู่ข้างในนั้นแน่ ๆ ไหนอ้าปากขอดูหน่อยสิคะ”
“ไม่มีทาง ฉันพูดจริง ๆ นะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูด
คุณหลินมักจะมีช่วงเวลาดี ๆ เสมอเมื่อได้พูดคุยกับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว และเธออารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากถูกเธอพูดยกยอปอปั้น
ข้อตกลงความร่วมมือทั้งสองบริษัทจึงได้ลงนามอย่างลุล่วง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็เตรียมตัวจะออกจากร้านอาหาร
ขณะที่กำลังยืนจ่ายเงิน หางตาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เหลือบเห็นมู่อวี้เฉิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของร้านอาหาร
ตรงข้ามกับเขามีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าตาสละสลวยและมีรูปลักษณ์สง่างามนั่งอยู่
ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาถึงร้านอาหาร เธอไม่เห็นสองคนนี้และคิดว่าพวกเขาคงจะเดินเข้ามาหลังเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่า มู่อวี้เฉิงกำลังกินข้าวอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
แต่หลังจากนั้นพนักงานก็ส่งบัตรเครดิตคืนให้เธอแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง อย่าลืมบัตรกับบิลรายการอาหารนะคะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรับบัตรคืนมาจากพนักงานและหันไปยิ้มให้คุณหลิน “คุณหลิน เราไปกันเถอะค่ะ”
เธอวางแผนจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นสองคนนั้นและเดินออกจากร้านอาหารไป
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าคุณหลินจะพูดว่า “เหมี่ยวเหมี่ยว รอก่อนนะ ฉันเห็นคนรู้จักน่ะ ขอเข้าไปทักทายแป๊บเดียว”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินปีออกทางด้านหนึ่งของร้านอาหาร
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินตามหลังเธอไปและมองไปยังทิศทางตรงหน้า เธอมีลางสังหรณ์ใจแปลก ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้าไปใกล้มู่อวี้เฉิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตามที่คาดการณ์เอาไว้ คุณหลินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่อวี้เฉิง “บังเอิญจังค่ะคุณมู่ มาทานอาหารที่นี่เหมือนกันเลยนะคะ”
มู่อวี้เฉิงหันกลับมามองเมื่อได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อเขา
แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนอยู่ข้างหลังเธอคนนี้ และมันทำให้เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ