พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 254 เพิ่มเพื่อน
ตอนที่ 254
เพิ่มเพื่อน
มู่อวี้เฉิงแปลกใจกับทัศนคติของลิ่นอวี๋เหยียนเล็กน้อย
หลังจากวางสายลงแล้ว เขาก็คิดว่าใครคือแขกคนนั้น?
ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก คว้ากุญแจรถยนต์ออกจากบริษัทไปและมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลมู่
เมื่อมาถึงคฤหาสน์หลังเก่า พ่อบ้านเดินเข้ามาหาเขา โค้งคำนับเล็กน้อย และเอื้อมมือออกรับเสื้อสูท
มู่อวี้เฉิงชำเลืองเห็นรองเท้าสตรีที่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบหน้าทางเข้าประตู จึงถามเบา ๆ ว่า “แขกมาถึงแล้วเหรอ?”
พ่อบ้านพยักหน้า
หลังจากที่ได้รับคำตอบ มู่อวี้เฉิงก็ส่งเสื้อคลุมให้เขาและเดินตรงเข้าในห้องโถง
“แม่ครับ” มู่อวี้เฉิงทักทาย
ลิ่นอวี๋เหยียนกำลังพูดคุยกับสองแม่ลูกตระกูลหลัวอยู่เหลือบเห็นว่าเขากำลังเดินเข้ามา จึงยิ้มทักทาย “อวี้เฉิงมากแล้ว ไหน ๆ ทุกคนก็อยู่ที่นี่กันแล้ว เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”
มู่อวี้เฉิงรู้สึกสับสนมากเมื่อเห็นว่าแขกที่แม่พูดถึงคือสองแม่ลูกคู่นี้
พิจารณาจากคำพูดของแม่ ดูเหมือนว่าจะมีแค่พวกเขาในค่ำคืนนี้
หากเป็นแบบนี้ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องให้เขากลับมากินข้าวเย็นด้วยเลย
มู่อวี้เฉิงจึงไม่เข้าใจว่าลิ่นอวี๋เหยียนหมายความว่าอย่างไร
สองแม่ลูกจากตระกูลหลัวก็ประหลาดใจเช่นกันที่ได้เจอมู่อวี้เฉิง
เมื่อช่วงบ่ายคุณนายหลัวได้รับโทรศัพท์จากลิ่นอวี๋เหยียน โดยบอกว่าเธอต้องการเชิญชวนพวกเธอมารับประทานอาหารเย็นที่บ้าน
เธอจึงรีบโทรตามหลัวฉิงคงให้กลับมาจากที่ทำงาน และแต่งองค์ทรงเครื่องให้เรียบร้อย
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้สึกประหลาดใจกับคำเชิญชวนนี้ แต่พวกเธอก็มีความสุขกันมาก
และคำเชิญชวนของลิ่นอวี๋เหยียนก็พิสูจน์ได้ว่าความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเธอนั้นถูกต้อง
ตระกูลมู่ทรงอิทธิพลมากจนใครหลายคนต้องการมีส่วนร่วมกับพวกเขา
ตอนนี้เป็นโอกาสของตระกูลหลัวแล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงถือของขวัญมากมายมาตามการนัดหมาย
ของขวัญต่าง ๆ ถูกวางกระจัดกระจายอยู่บนโซฟา มู่อวี้เฉิงที่บังเอิญเหลือบเห็นถามออกไปโดยไม่ใส่ใจนัก “นี่คือ…”
“ของขวัญที่พวกคุณนายหลัวเอามาให้น่ะ แม่ลืมเอาไปเก็บ” ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้ม
จากนั้นเธอก็ร้องตะโกนเข้าไปในห้องด้านใน “เสี่ยวหวง มาเก็บของไปที”
“พ่อล่ะครับ?” มู่อวี้เฉิงถาม
ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เห็นมู่หงจวิ้นเลยตั้งแต่กลับมาถึง
ลิ่นอวี๋เหยียนตอบว่า “วันนี้พ่อเขามีนัดไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ ข้างนอกน่ะ ยังไม่กลับมาเลย”
หลังจากพูดจบ เธอก็พาแม่ลูกตระกูลหลัวเข้าไปในห้องอาหาร
แม่ลูกตระกูลหลัวเดินตามหลังลิ่นอวี๋เหยียนไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
นึกไม่ถึงว่าวันนี้พวกเธอจะได้มารับประทานอาหารเย็นกับมู่อวี้เฉิง
หลังจากนั่งลงแล้ว ลิ่นอวี๋เหยียนก็ยิ้มแย้มและพูดแนะนำว่า “นี่คือคุณนายหลัวจากตระกูลหลัว ส่วนนี่หนูหลัวหรือ หลัวฉิงคง”
เธอออกเสียงคำว่า ‘หลัวฉิงคง’ ดังชัดเจน ราวกับว่าต้องการให้มู่อวี้เฉิงจดจำชื่อนี้เอาไว้ให้ดี
มู่อวี้เฉิงตกตะลึงหลังจากได้ยินชื่อนี้ เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่ากิจการของทั้งสองครอบครัวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่เขาก็มักจะได้ยินคำชมเชยเรื่องความสามารถของหลัวฉิงคงจากคนอื่น ๆ อยู่บ่อยครั้ง
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิถีการทำงานของหลัวฉิงคงมาก่อน ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ในด้านธุรกิจมาก
“สวัสดีครับคุณนายหลัว คุณหลัว” มู่อวี้เฉิงดึงสติกลับมาและรับกล่าวทักทาย
ลิ่นอวี๋เหยียนหันไปหาสองแม่ลูกตระกูลหลัวแล้วพูดว่า “นี่คือมู่อวี้เฉิง เป็นลูกขายของฉันค่ะ”
คุณนายหลัวรีบทักทายด้วยรอยยิ้มอันสง่างาม “คุณมู่นี่เอง เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ ค่ะ”
“คุณนายหลัวชมกันเกินไปแล้วครับ” มู่อวี้เฉิงตอบรับอย่างสุภาพ
แต่การได้เจอหน้าหลัวฉิงคงในคืนนี้ ทำให้มู่อวี้เฉิงหวนนึกถึงโครงการที่เขาเคยเห็นมาก่อน
มันเป็นโครงการปัญญาประดิษฐ์ของต่างประเทศที่ทางหลัวกรุ๊ปนำเข้ามา
มู่อวี้เฉิงจึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนว่า “ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณหลัวมานานแล้ว ว่ากันว่าคุณมักจะมีข้อมูลเชิงลึกในด้านธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร”
หลัวฉิงคงแสดงรอยยิ้ม “ฉันคงเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคุณมู่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณมู่คือคนที่วางกลยุทธ์ในห้างสรรพสินค้าเก่งมาก”
มู่อวี้เฉิงถามกลับอย่างสุภาพ “คุณหลัวถ่อมตัวจังนะครับ ผมได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้หลัวกรุ๊ปนำโครงการเอไอจากต่างประเทศเข้ามา ไม่ทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ยครับ?”
“คุณมู่นี่รอบรู้จังเลยนะคะ เป็นความจริงค่ะ” หลัวฉิงคงยิ้มและพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าคุณหลัวชนะการประมูลโครงการได้ยังไงครับ? ผมจำได้ว่าคุณหลัวไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นี่ครับ”
หลัวฉิงคงยิ้มและพูดว่า “ต้องบอกตามตรงว่าโครงการนี้ได้รับการพัฒนามาจากเพื่อนร่วมสถาบันวิจัยในต่างประเทศของฉันเองค่ะ ฉันคิดว่าโครงการนี้น่าจะไปได้ไกล จึงแนะนำประเทศของเราให้กับเขาค่ะ”
“คุณหลัวมีแนวคิดที่ไม่เหมือนใครดีนะครับ” มู่อวี้เฉิงค่อย ๆ พูดขึ้น
จากนั้นเธอก็พูดเสริมว่า “ดูคุณมู่จะสนใจโครงการนี้มากนะคะ บังเอิญว่าเรากำลังหาความร่วมมือสำหรับโครงการนี้อยู่ ถ้าคุณมู่ไม่ว่าอะไร ฉันแนะนำโครงการนี้ย่อ ๆ ให้คุณมู่ฟังได้นะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็พร้อมรับฟังครับ” มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจโครงการนี้มาก
ลิ่นอวี๋เหยียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งสองคนพูดคุยกันแบบนี้
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ผลักไสไล่ส่งหลัวฉิงคง แต่ยังมีบทสนทนาที่น่าพึงพอใจอีกด้วย ลิ่นอวี๋เหยียนจึงรู้สึกได้ในทันทีว่าจะต้องทำบางอย่างให้ทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกันให้ได้
คุณนายหลัวมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น
เธอเหลือบมองหลัวฉิงคงเงียบ ๆ เพื่อส่งสัญญาณบอกให้ลูกสาวคว้าโอกาสนี้เอาไว้
ทว่าไม่จำเป็นจะต้องให้คุณนายหลัวเตือน หลัวฉิงคงรู้ดีว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการผูกกระชับมิตรกับมู่อวี้เฉิง
เธอจึงพูดถ่ายทอดรายละเอียดโครงการทั้งหมดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “โครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด เราเอาตัวไอนี้มาคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อหาผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน… ซึ่งจะประกอบไปด้วยลักษณะสำคัญสี่อย่าง ได้แก่ จำนวนข้อมูล ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล ประเภทต่าง ๆ ของข้อมูล และค่าความหนาแน่น…”
มู่อวี้เฉิงตั้งใจฟังและรู้สึกว่าโครงการนี้มีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมาก
หากโครงการนี้ถูกเปิดตัวเมื่อไหร่ โครงการต่าง ๆ ใน มู่กรุ๊ปจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
มู่อวี้เฉิงคอยถามคำถามเป็นครั้งคราว ขณะที่หลัวฉิงคงคอยตอบคำถามอย่างใจกว้าง
เธอรีบพูดบอกในทันที “ฉันบอกได้แค่ข้อมูลคร่าว ๆ เท่านั้นนะคะ ถ้าคุณมู่สนใจจริง ๆ ก็นัดเวลามาได้เลย ฉันยินดีจะเตรียมแผนการและเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังค่ะ”
มู่อวี้เฉิงจ้องมองเธอด้วยสายตาสงบนิ่งและพูดอย่างใจเย็น “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะติดต่อคุณไปนะครับ”
“วันนี้ฉันลืมเอานามบัตรมาด้วยสิ ทำไมเราไม่เพิ่มเพื่อนกันไว้เลยล่ะคะ” หลัวฉิงคงพูดแนะนำ
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ออกมา
ลิ่นอวี๋เหยียนมีความสุขมากเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่ออย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันจบ เธอก็รีบชิงพูดในเวลาที่เหมาะสม “พวกเธอทั้งสองเอาแต่ทำงานจนลืมกินกันหมดแล้ว รีบกินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหารจืดชืดหมด”
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารกัน
โดยปกติแล้วมู่อวี้เฉิงจะนั่งเงียบ ๆ ต่อหน้าคนอื่น เว้นแต่จะต้องเผชิญหน้ากับถงเหมี่ยวเหมี่ยวและเสี่ยวเป่า
อย่างมากที่สุดเขาจะพยักหน้าตอบรับเท่านั้น ดังนั้นหลัวฉิงคงจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาอีกหลังจากที่เขาเริ่มรับประทานอาหาร
ลิ่นอวี๋เหยียนวิตกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น และเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนพัฒนาต่อไปดี