[นิยายแปล]พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อม"หัวใจ"สู่ หัวใจ - ตอนที่ 7
บทที่1ตอนจบ・พาร์ทแรก
ไม่กี่วันก็ได้มาเผชิญหน้ากับการต่อสู้จำลองกับมาร์อีกครั้ง
วันนี้อาจารย์ก็เรียกข้าให้ไปหาที่กระท่อมด้วยเมื่อเลิกเรียน ดังนั้นข้าเลยรีบกลับหอพักหลังเลิกเรียน จากนั้นก็รีบไปหาอาจารย์
แล้วก็การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนวันสอบ
การสอบของสถาบันโซลมินาตินั้นยากมาก ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องทำการสอบปลายภาคมันยากเสียยากยิ่งกว่ายาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวข้าที่ต้องพึ่งข้อสอบข้อเขียนอย่างมาก พูดตามตรงต้องตั้งใจเป็นอย่างมาก
โดยปกติพอใกล้ช่วงสอบจะงดการฝึกทันทีและตั้งสมาธิไปกับการสอบ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจารย์กลับเรียกตัวข้าไปพบ
「เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ปกติอาจารย์ไม่เคยทำแบบนี้เลยนี่」
เธอพูดด้วยท่าทีจริงจังต่างจากปกติ「ไม่เป็นไรใช่ไหม เจ้ามาได้สินะ!」ข้ากังวลเล็กน้อยกับอาจารย์ในตอนนี้
เมื่อมาถึงกระท่อมข้าก็พบกับอาจารย์ที่นั่งดื่มชาตามปกติ
「โฮะ โฮะ เจ้ามาถึงแล้วงั้นเหรอโนโซมุ」
เธอทำท่าทางผ่อนคลายราวกับเป็นเรื่องปกติ
「อาจารย์ครับวันนี้มีอะไรงั้นเหรอครับ? ข้าเองการสอบก็จะใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ ข้าต้องขอตัวนะครับ」
ถ้ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงข้าก็ยินดีจะรับฟัง เธอเองก็ฝึกข้ามาหลายอย่างและตอนนี้ข้าก็ใช้เทคนิคต่างๆได้บ้างแล้วจากแต่ก่อนที่ใช้ไม่ค่อยได้ แต่ว่าการต่อสู้ก็ยังยากลำบากอยู่ดี
「น่าาาาาา วันนี้เจ้าต้องไปกับข้า หากเจ้าไม่ตอบรับคำเชิญของสาวสวยอย่างข้า เจ้าก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ~。」
…………นี่ยายบ้านี่กำลังพูดอะไรเนี่ย…………
「…………อาจารย์ นี่เมาตั้งแต่หัววันเลยเหรอครับ?」
「ใช่ที่ไหนกันละเจ้าศิษย์โง่!นี่แกหัดเคารพข้าบ้างสิ」
「ข้าก็เคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว เว้นแต่อาจารย์จะพูดอะไรที่มันแปลกๆนั่นแหละครับเหมือนพวกลวงโลก」
「ว่าใครลวงโลกกัน!ข้าเคยพูดแบบนั้นตอนไหนหะ!!!」
อาจารย์กำลังพูดด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว
「ถ้าข้าพูดว่าสาวสวยในตอนนี้ก็คงโกหกจริงๆ!ข้าน่ะ อดีต สาวสวย!!」
「…………กำลังพูดบ้าอะไรกันเนี่ย」
อาจารย์หยิบดาบด้วยแววตาอาฆาต นกป่าที่อยู่รอบๆกระท่อมต่างโผบินออกไปด้วยสัญชาติญาณ
……น่ากลัววุ้ย…………ผมของอาจารย์ตั้งขึ้น และความโกรธนั่น…หากมองจากมุมมองทางบ้านเกิดของเธอแล้วคงถูกเรียกว่ายักษ์มาร
แต่ว่าข้าจะมาแพ้ตรงนี้ไม่ได้ แม้จะสับสนนิดหน่อยก็เหอะแต่ตัวข้าที่เป็นนักตบมุกก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
เธอสามารถที่จะฆ่าหรือไม่ฆ่าก็ได้สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้(ข้าคิดแบบนั้น)
ข้าจะต้องสอนคนๆนี้ให้รู้กับการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมซะบ้าง ใช่ว่าจะใช้อารมณ์
…………มิฉะนั้นสภาพตรงหน้าข้าไม่สามารถรอดไปได้แน่!!!
「ช่าย สำหรับเจ้าข้าคงดูเหมือนคนไม่มีเหตุผลละซิ「(หึ!)ทำบ้าอะไรของยัยแก่ฟะ」สำหรับเจ้าๆคงมองข้าเป็นแบบนั้นตลอดเลยสินะー」
……ข้าหยุดไม่อยู่แล้ว
……อาจารย์อย่าฆ่าข้าเคยอย่างน้อยทำให้ข้าสลบก็พอเถอะ กราบละ……。
◇◆◇
จากนั้นเองอาจารย์ก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องราวของตัวเองว่าทำไมถึงจากบ้านเกิดมาและมาอยู่ที่นี่
เธอเองก็อยากฟังเรื่องราวของข้าก็เลยเรียกข้ามาเพื่อให้เล่าให้ฟัง ข้าก็เล่าทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด
แม้ว่าเธอจะรู้ทั้งหมดแล้วแต่เธอก็ยังอยากฟังเรื่องราวมากกว่านี้
เธอพยักหน้าหลายครั้งพร้อมกับสีหน้าที่มีความสุข
…………ราวกับว่าเธอกำลังพยายามสลักเรื่องราวเหล่านี้ลงในจิตใจไม่ให้ลืมเลือน
ขณะที่ข้ากำลังพูดอยู่นั้นเองสภาพรอบๆก็เริ่มกลายเป็นสีแดง ดูเหมือนตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว
อาจารย์มองท้องฟ้าก่อนจะบ่นออกมา
「ถ้างั้น มาเริ่มการฝึกครั้งสุดท้ายกันเถอะ」
◇◆◇
หลังจากได้พูดคุยกับโนโซมุแล้ว ก็เป็นเรื่องราวทั่วไป เกิดที่ไหน ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง เจ้านั่นชอบอะไร
เป็นการพูดคุยกันตามปกติ จนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยคุยกับเขามากขนาดนี้มาก่อน ตลอดมานั้นข้าใช้ดาบเป็นตัวแทนเสมอ
ดาบ ดาบ และก็ดาบ
ข้าพยายามสอนทุกสิ่งทุกอย่างถ่ายทอดทุกอย่างจนถึงท้ายที่สุดเท่าที่ทำได้
ตอนนี้เขาเองก็กลับมาพูดคุยได้ตามปกติแล้วและดูสดใสขึ้นเยอะ ทำให้ข้าดีใจที่เขาค้นพบตัวเอง
ไม่คิดเลยว่าจะต้องมานั่งคุยกับเจ้าศิษย์ตัวน้อยคนนี้
…………ไม่หรอก ตามจริงข้าก็แค่อยากจะหลีกหนีความจริงเหมือนกับโนโซมุที่ “ลังเลใจเพราะคนรัก” ข้าเองก็หนีความจริงที่ว่าข้า “ถูกคนในครอบครัวทรยศ”ก็เลยเลี่ยงผู้คนมาตลอด
…………ข้านะเป็นแค่คนเขลา
ด้วยเหตุนี้เองข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดศิษย์คนนี้เช่นกัน……。
ชายผู้นี้ที่โหยหาอาจารย์ที่ตกต่ำเช่นข้า อย่างน้อยข้าก็รู้สึกที่เขาไว้ใจข้าถึงขนาดนี้
ถ้าข้าเกิดมาในช่วงเดียวกันกับเขาคนนี้………….ข้าเองก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าหนุ่มนี่
ยังไงก็ตามสายสัมพันธ์ของพวกเราไม่ใช่คนรักแต่ผูกมัดกันด้วยอาจารย์และลูกศิษย์ ถึงแม้จะแอบเสียใจเล็กน้อย แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ข้าจำได้ในช่วงสุดท้ายนี้
สำหรับข้าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ต่อไปก็เป็นตาของเจ้า………………ข้าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เจ้าก้าวเดินต่อไปได้
「เอาล่ะ มาเริ่มการฝึกครั้งสุดท้ายกันเถอะ」
◇◆◇
อาจารย์พูดเหมือนว่าเธอจะจากไปที่ยังไกลแสนไกล
「อาจารย์ ครั้งสุดท้ายงั้นเหรอ…………」
「ใช่นี่เป็นครั้งสุดท้าย ที่ข้าจะสอนเจ้า ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามี」
ท่าทางของอาจารย์ยังไม่เปลี่ยนไป แม้คำพูดของเธอจะดูเรียบๆ แต่คำพูดต่อไปของอาจารย์ก็พูดด้วยบรรยากาศ…………
「ถ้างั้นละก็! สิ่งสุดท้ายที่ข้าจะสอน「กฏข้อสุดท้าย………….ระหว่างแกกับข้าจะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง」
「……………………เอะ」
ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูด
ฆ่ากัน?ข้า?กับอาจารย์?
「พูดอะไรกันครับ ! หมายความว่ายังไงกันแน่!!」
อาจารย์ไม่พูดอะไร พร้อมกับอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้เต็มที่
「อาจารย์ครับ!! ตอบผมด้วยครับ「ข้าไม่มีอะไรจะต้องพูดกับเจ้า เจ้าต้องไม่ถามข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงพวกเราก็ต้องฆ่ากันอยู่แล้ว?」อาจารย์!!!!」
แววตาของอาจารย์เปลี่ยนไปแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความกดดันอันหนักหน่วย เห็นได้ชัดว่าเธอเอาจริงเป็นอย่างมาก
ข้ายังคงถามคำถามต่อไป
「ทำไมกันละครับ! แล้วไอ้ที่ว่าครั้งสุดท้ายนี่หมายความว่ายังไง!! ต้องมาฆ่ากันเองแบบนี้………….ท่านคิดอะไรอยู่กันแน่!!!」
「………………………………」
เธอไม่พูดอะไร เธอแสดงออกด้วยการกระทำแทน
ตอนที่ร่างของอาจารย์สั่นไปชั่วครู่ จิตสังหารอันแรงกล้าก็ถูกปลดปล่อยออกมา
วินาทีต่อมาเธอก้าวมาอยู่ตรงหน้าข้า ดาบที่ใส่ไว้ในฝักนั่นถูกดึงออกมาจ่อที่คอข้า
ข้ารีบกลิ้งไปบนพื้นทันที ดาบนั่นลอยอยู่เหนือตัวข้า อาจารย์เตะข้าที่กำลังกลิ้งอยู่
ข้ารับการเตะด้วยแขนขวา แต่ว่าแรงเตะนั้นแรงกว่าที่ข้าคิดมันส่งข้ากระเด็นจนชนกับต้นไม้
「อรั่กกกกกกก……」
แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่ข้าก็ต้องลุกขึ้น ข้าต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างนี่และกลับมาตั้งท่าอีกครั้ง ตอนนั้นเองข้าก็ดึงดาบคาตานะออกมาเพื่อรับการโจมตีครั้งถัดไป
「อาจารย์! เกิดอะไรขึ้นกับท่านกันแน่เนี่ย!」
อาจารย์ไม่พูดแต่ยังคงฟันดาบมาที่ข้า
ดวงตานั่นบ่งบอกชัดเจน “ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องบอกเจ้า”
…………อาจารย์ก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ยอมให้มีคำถามระหว่างการฝึกและมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการฝึก หากยังพูดมากจะได้รับบทเรียนเป็นสองเท่า
เห็นได้ชัดว่าเธอจะไม่ยอมพูดอะไรหากข้าไม่สู้กลับ
แต่คราวนี้อาจารย์ทำตัวแปลกอย่างเห็นได้ชัด
ตลอดมาเธอไม่เคยพูดคำว่า “ฆ่า” เลยแม้แต่น้อยส่วนมากก็จะพูดแค่ว่า “อาจถึงตาย” ในการฝึกซ้อมเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้แววตาของเธอเต็มไปด้วยจิตสังหารและเป้าหมายหวังที่จะเด็ดหัวข้าจริงๆ
อาจารย์ที่ทำตัวแปลกไป โผล่มาทางด้านข้างและฟันออกมาอย่างรวดเร็ว
ข้าใช้จิตวิญญาณเพื่อเสริมเข้าไปในดาบและร่างกาย ดาบของอาจารย์ยกขึ้นจนเหนือความคาดหมายข้าป้องกันการโจมตีนั่น แต่เธอก็โจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ซ้ายมือ ขวาบน ซ้ายบน การโจมตีอันต่อเนื่องและลื่นไหลเป็นดั่งวายุที่โหมกระหน่ำคู่ต่อสู้
ถ้าพยายามเบี่ยงวิถีดาบและขยับตัวเล็กน้อย
ถึงอย่างงั้นพลังในการฟันก็ยังคงท่วมท้น ถึงแม้จะใช้ดาบสไตล์เดียวกันแต่ว่า ทักษะ ความแข็งแกร่งทางกายและประสบการณ์มันเทียบกันไม่ติด!
ข้าจำเป็นต้องถอยเพราะทนรับการโจมตีไม่ไหว แต่ว่าอาจารย์ก็ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ดาบของพวกเราปะทะกันด้วยความเร็วสูง
ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำแล้วความมืดล้อมรอบไปทั่วบริเวณมีเพียงวิถีของดาบที่ส่องสว่างท่ามกลางแสงจันทร์ที่สะท้อนการคงอยู่ของสองเรา
การเคลื่อนไหวของทั้งสองแตกต่างกันไปแต่ขาของทั้งสองยังคงตั้งมั่นวาดวิถีดาบแลกซึ่งกันและกัน
คิ “ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”
เป็นการผสมผสานระหว่างการใช้คิ “ก้าวพริบตา”ที่จะเสริมการเคลื่อนไหวชั่วขณะเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลในจุดศูนย์กลาง และทำให้สามารถใช้การเคลื่อนไหวซับซ้อนในการใช้ดาบได้
พูดง่ายๆในความเป็นจริงการจะใช้จะต้องมีขาและสะโพกที่แข็งแรงเป็นอย่างมากที่จะสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงระหว่างขาได้อย่างละเอียดอ่อน โดยเคลื่อนไหวให้ขยับตัวได้น้อยที่สุเ
หากไม่มีขาที่แข็งแรงก็จะสูญเสียท่าทางและหากรับแรงกระแทกไม่ได้ด้วยสะโพกก็จะเสียการทรงตัว
เป็นเทคนิคชั้นสูงที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายและความละเอียดอ่อน
ท้ายที่สุดแล้วเพลงดาบของอาจารย์ก็เหนือกว่าข้าอยู่ดี เพราะ”ก้าวพริบตา”นั่นอาศัยความสามารถของผู้ใช้งาน
อาจารย์ที่ฝีมือดาบดีกว่าข้าทำให้ข้าต้องถอยหลังและสุดท้ายอาจารย์ก็หยุดโจมตี
「หนอยยยย!!」
ข้าหยุดการโจมตีของอาจารย์ไปได้อีกครั้งแต่สถานการณ์ตอนนี้วัดกันด้วยพลัง
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ไม่ได้ใช้แค่ “ดาบ”ในการโจมตี
「อ่อก!!」
หลังจากการฟันนั่นอาจารย์ก็เหวี่ยงฝักดาบเข้ามาด้วยมืออีกข้าง ฝักที่เสริมพลังด้วยคินั้นสามารถบดขยี้กระดูกของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
การโจมตีของอาจารย์ผสานเป็นดาบคู่ซึ่งใช้ดาบและฝักดาบในการโจมตีเธอโจมตีรวดเร็วกว่าเดิม แต่พลังการโจมตีก็ลดลง ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องทนรับการโจมตีอันแสนดุเดือด
วิธีการต่อสู้ของเธอครอบคลุมไปทุกส่วนของร่างกาย ไม่เพียงแต่ผสมผสานวิชาดาบเข้าด้วยกันแต่ยังใช้ประโยชน์ของร่างกายจนถึงขีดสุดนี่แหละคือวิธีการต่อสู้ดั้งเดิมของพวกเรา
ข้าเองก็ตัดสินใจใช้การโจมตีแบบดาบคู่ด้วยเช่นกันแต่การโจมตีของอาจารย์ก็ยังรุนแรงขึ้นไปอีก
ด้วยความแตกต่างของพลังและความสามารถดั้งเดิมของแต่ละฝ่ายมันส่งผลอย่างชัดเจน ข้ากันการโจมตีไม่ทันจนกระเด็นออกไป
「อึกอ๊ากกก!!」
ฝักดาบของอาจารย์กระทบกับต้นแขนของข้า โชคดีที่กระดูกยังไม่หัก
อาจารย์ไม่สนใจข้าที่กำลังเจ็บปวด ฟันดาบชั่วพริบตามาโดยที่ข้ายังเคลื่อนไหวช้าลงอยู่
ข้าไม่สามารถเอาดาบมากันได้ทันเวลา ดังนั้นจึงเบนร่างกายเพื่อหลบ แต่ก็โดนเตะซ้ำอีกครั้ง
เมื่อตัดสินใจว่าไม่สามารถหลบได้จึงกระโดดถอยหลังเพื่อลบแรงกระแทก
การกระโดดนั่นทำให้ข้าเผยช่องว่างอยากมาก
มันเหมือนกับการโจมตีครั้งก่อน แต่ไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไปข้าเอาดาบใส่กลับเข้าฝัก
ในขณะที่ถูกกระแทกลงบนพื้น ข้าพยายามกดพลังลงไปที่ใบดาบให้มากที่สุด
เทคนิคที่ข้าทำได้แค่ครึ่งๆกลางๆก่อนหน้านี้ ทำให้ข้าใช้มันได้ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจหยิบไพ่ตายสุดท้ายนี่ออกมา!
คิ“คมดาบลวงตา”
ใบมีดที่ถูกบีบอัดคิจะบินออกไปด้วยความเร็วสูง ไม่นานหลังจากชั่วพริบตา เขาพุ่งเข้าหาอาจารย์ มันควรจะเป็นเช่นนั้นแต่มันยิ่งกว่านั้น
「ย๊ากกกกก!!」
ตอนนั้นเองเหมือนว่าเราทั้งคู่จะตัดสินการต่อสู้เสียงระเบิดดังลั่นโดยรอบรอยขีดข่วนมากมายเต็มไปทั่วร่าง
ตอนที่ข้าเห็นอาจารย์ ข้าก็ฟันดาบออกไปในวิถีเดียวกับที่เห็น ข้าที่ฟันไปเช่นนั้นอาจารย์ก็ไม่พลาดช่องโหว่นั่นแน่ๆ
อาจารย์ตะโกนก้อนพร้อมกับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ข้าพยายามรับการโจมตีนั่นอย่างเร่งรีบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเวลา เธอเอาฝักดาบขวางทางดาบของข้า จากนั้นก็เหวี่ยงดาบลงมา
คิ“คมดาบลวงตา―หวนคืน―”
ข้าวาดวิถีดาบตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้และดาบนั่นก็ฉีกร่างของข้า