[นิยายแปล]พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อม"หัวใจ"สู่ หัวใจ - ตอนที่ 64
บทที่5ตอนที่11
โนโซมุกำลังออกจากร้านของซอนเน่และเดินไปในย่านการค้าอีกครั้ง
「…………」
โนโซมุยังจำคำพูดของตาแก่ซอนเน่ได้ขึ้นใจ
โนโซมุที่ปกปิดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เปิดเผยอะไรให้ใครรู้เลยแม้แต่น้อย ความมืดมิดที่ผุดขึ้นมายามเห็นลิซ่ากับเคนก่อนที่จะเข้าป่า ไอริสและเพื่อนๆต่างกังวลเกี่ยวกับเขา แต่สุดท้ายโนโซมุก็ไม่เคยพูดอะไรให้พวกเขาฟัง
(แต่ถ้าพูดแล้ว……)
ถึงกระนั้นความวิตกกังวลของโนโซมุก็มิได้หายไป ยังเป็นเปลวไฟที่ร้อนรุ่มอยู่ภายในอกของเขา
「คุณโนโซมุ? เป็นอะไรไปเหรอคะ?」
「เอ๊ะ? ไม่มีอะไรหรอกครับ」
โซเมียที่เดินอยู่กับผมกำลังมองมาด้วยความเป็นห่วง ผมเองก็ตอบไปประมาณว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก
「โซเมียจังแล้วจะไปทำอะไรกันต่อเหรอ? พวกเรายังพอมีเวลาเหลืออยู่นะครับ」
โนโซมุพูดเช่นนั้นแล้วมองดวงอาทิตย์ที่ยังไม่ตกดินจำนวนคนที่เดินบนถนนยังคงหนาแน่น อาจเป็นเพราะวันหยุดฤดูใบไม้ผลิระยะเวลามันเลยดูยาวนานขึ้น
「อืมมม~。ควรจะทำอะไรต่อไปดี…งั้นเหรอคะ? กลิ่นหอมหวานนี่มัน……」
「อาเระ? กลิ่นนี้มัน……」
กลิ่นหอมหวานลอยโชยมาแตะจมูกของพวกเราทั้งคู่ เมื่อหันไปมองก็ผมแผงขายของริมถนนเล็กๆที่เด็กๆมารวมตัวกัน
「เน่ ลุง! ผมขอไอนั่นด้วยครับ!」
「อ่า ไอ้เจ้าเล่ห์นี่เอง! ฉันมาก่อนนะ!!」
「น่าน่าอย่าทะเลาะกันเลยนะเดี๋ยวจะทำให้ทั้งทุกคนนั่นละ」
ร้านนี้เป็นร้านที่ผมเคยไปกับไอริสและโนโซมุก็เห็นว่าเหล่าเด็กๆกำลังเรียกร้องอย่างเช่นเคย ผมสงสัยว่าถ้าเจ้าของร้านมีลูก ลูกของเขาจะมีความสุขไหมนะที่มีร้านขนมเป็นของตัวเองเช่นนี้ เขาทำขนมด้วยความคล่องแคล่วเหมือนเช่นเคย
「เอ้า ได้แล้ว」
「อุหวาาาาา~! ขอบคุณน้า!!」
เด็กๆที่ได้รับขนมแล้วต่างก็ขอบคุณเจ้าของร้านด้วยท่าทางมีความสุข และวิ่งไปพร้อมกับขนมที่อยู่ในมืออย่างสนุกสนาน
โนโซมุเองก็ทักเจ้าของร้านที่กำลังยิ้มอยู่
「สวัสดีครับ」
「เอ๊ะ? อาาา พ่อหนุ่มนี่เอง!คนที่มาช่วยข้าก่อนหน้านี้สินะ วันนี้มีธุระอะไรงั้นเหรอ?」
เจ้าของร้านที่สังเกตเห็นโนโซมุก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าเขาก็ยังคงทำขนมต่อไปเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้
「พอดีว่ากำลังเดินทัวร์ระหว่างกลับบ้านครับ ก็เลยแวะมาที่นี่หน่อย ว่าแต่ลูกกวาดวันนั้นอร่อยมากเลยนะครับ」
「 อาาา งั้นเหรอ ขอบใจนะ แล้วแม่หนูคนนั้นคือ……」
โนโซมุยังคงประทับใจกับฝีมือเจ้าของร้านเช่นเคย แต่เขาสังเกตเห็นโซเมียก็ถามออกมา
「ว้าวววววววว~~!」
เมื่อโนโซมุหันไปหาโซเมียก็พบว่าเธอกำลังมองเหล่าลูกกวาดด้วยดวงตาเปล่งประกาย
(ยังไงก็ตามไอริสบอกไว้ว่าโซเมียชอบของหวานมาก……)
โนโซมุจำได้ตอนที่ไปกับไอริสเธอกังวลว่าหากพาน้องสาวมาด้วยกลัวเธอจะกินเยอะเกินไปจนฟันผุ เพราะเธอเป็นพวกที่กินของหวานได้ไม่อั้นล่ะ
「ก็นั่นละนะ แล้วทำไมไม่ลองมาทำขนมอีกรอบละพ่อหนุ่ม?」
「……เอ๊ะ?」
โนโซมุเอียงคอให้กับคำพูดของเจ้าของร้าน
「แล้วแม่หนูนั่นละ? ดูท่าจะไม่คุ้นเคยกับลูกกวาดเลยนะ? มาลองทำดูไหม?」
「เอ๊ะ? ไม่เป็นไรงั้นเหรอคะ จะให้หนูลองทำน่ะ!?」
「แน่นอน ยังพอมีวัตถุดิบเหลืออยู่ เหลือพอสำหรับสองคนเลยล่ะ แน่นอนว่าคิดเงินนะ」
เจ้าของร้านเสนอไอเดียให้โซเมียลองทำลูกกวาดดูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าโซเมียก็สนใจเช่นกัน
「คุณโนโซมุ มาลองทำกันเถอะคะ!」
「……นั่นสินะ คราวที่แล้วผมทำออกมาได้ห่วยมากเลยด้วย ครั้งนี้จะขอแก้มือละกัน」
「ฮ่าๆ ช่วยไม่ได้นะ งั้นมาทางนี้เลย」
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินคำตอบของโนโซมุก็เชิญชวนเข้าไปด้านใน
「มาเริ่มกันเลยไหม พ่อหนุ่มเจ้าเองก็พอจะรู้วิธีการทำมาบ้างแล้วใช่ไหมละ?」
「อ่าครับ ก็ประมาณหนึ่ง……」
โนโซมุตั้งหม้อน้ำเชื่อมเป็นอันดับแรกและเพิ่มส่วนผสมเช่นน้ำตาลในขณะที่ต้มลงไป และคอยควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป
ขณะที่กวนหม้อ ให้เช็คสีและความเหนียวและพอคิดว่าได้ที่แล้ว โนโซมุก็เอาแป้งออกจากหม้อแบ่งเป็นสองส่วนแล้วให้โซเมียครึ่งหนึ่ง และเราจะเริ่มทำรูปร่างของลูกกวาดกัน……。
「หวาาาาาา!วะว้าววววว!!」
「เอะ! อ๊ะ!!」
ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นตามที่หวังโซเมียพยายามจะใส่ลูกกวาดลงบนไม้ในขณะที่โนโซมุพยายามทำให้มันเป็นรูปร่าง
ลูกกวาดเกาะติดไม้เหนียวแน่น และไม่เป็นรูปตามที่โนโซมุต้องการ
ในที่สุดความร้อนของลูกกวาดก็หายไป และมันเริ่มแข็งตัว ทั้งสองก็ทำอะไรมันต่อไม่ได้แล้ว
「เอ๋ ไม่ได้อีกแล้ว」
「นั่นสินะคะ หนูเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ว่าแต่คุณโนโซมุทำอะไรลงไปเหรอคะ?」
「อาเระ? ก็ว่าจะปั้นเป็นรูปม้า」
โนโซมุพยายามปั้นเป็นรูปม้า แต่เมื่อสร้างขาขึ้นมามันก็ห้อยลง กลายเป็นม้าขายาวยืด
「หนูพยายามทำรูปแมวค่ะ แต่ว่ามันก็……」
ในทางกลับกันโซเมียพยายามทำเป็นรูปแมว อย่างไรก็ตามหูมันยาวมากและรูปร่างและใบหน้าก็บิดเบี้ยวไปหมด
「อะฮ่าฮ่า อย่างที่คิดยังไงก็ไม่ได้ผล」
「ฮ่าฮ่า! อืมกะว่าจะมาล้างแค้นเสียหน่อย แต่นึกไม่ถึงจะได้ม้าขายาวยืดเลยนะครับ」
โซเมียยิ้มขณะที่มองไปที่แมวของเธอเอง และโนโซมุก็หัวเราะออกมา
「ฟุฟุ ยังพอมีส่วนผสมอยู่นะ จะเอายังไงละ? อยากจะลองอีกครั้งรึเปล่า?」
เจ้าของร้านถาม
「「ขอร้องอีกรอบครับ/ค่ะ!」」
ทั้งสองคนตอบรับคำเสนอแนะของเจ้าของร้าน หลังจากนั้นก็พยายามอยู่หลายครั้งแต่ว่ามันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า จนเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง
ทั้งโซเมียและโนโซมุต่างหัวเราะให้กับผลงานตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังคงสนุกกับการทำมัน
◇◆◇
ขณะที่โนโซมุและโซเมียกำลังเพลิดเพลินกับการทำขนม พี่สาวของโซเมียและเหล่าครึ่งสัตว์ผู้จับตาดูอยู่ห่างๆ กำลังจ้องมองโนโซมุและโซเมียในเงามืด
「…………」
「เน่ ไอ จะกังวลมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย」
「……แต่ว่าเมื่อกี้โซเมียกำลังจะโดนตาแก่นั่นลวนลามนะ」
ไอริสพูดถึงตาแก่ซอนเน่
ไอริสพบว่าโซเมียมุ่งเป้าไปร้านดูดวงและกำลังจ้องมองทั้งสองจากทางด้านหลัง เพราะห่วงน้องสาวมากๆ
และตอนที่ตาแก่ซอนเน่โผล่มา ทิม่าและมาร์เองก็รู้สึกไม่ดีมากๆ ก็อย่างที่คิดตาแก่นั่นพยายามสัมผัสโซเมีย
「แต่ว่าโนโซมุคุงก็จัดการเขาได้นะคะ……」
「แต่ว่าเกือบจะโดนสัมผัสตัวแล้วนะ……」
เมื่อซอนเน่พยายามสัมผัสโซเมียเพื่อทำนายดวง ทิม่าพยายามหยุดทั้งสามที่กำลังหัวร้อน
มาร์และทิม่าหยุดนิ่งเฝ้าดูโนโซมุที่กำลังจะหยุดซอนเน่ แต่ว่าไอริสก็จ้องตาแก่นั่นไม่ปล่อยเลย
หลังจากซอนเน่เริ่มทำนายดวงอย่างจริงจัง โซเมียก็นั่งฟังเรื่องราวพร้อมกับโนโซมุ แต่ไอริสและคนอื่นๆไม่ได้ยินว่าพูดอะไรบ้าง
ไอริสมีท่าทีร้อนรนอีกครั้งเพราะเธอไม่รู้ว่าตาแก่นั่นพูดอะไรกันแน่ แต่โซเมียเองก็ดูมีท่าทางร่าเริง เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ไอริสที่เห็นรอยยิ้มของน้องสาวก็ผ่อนคลายลง
「แต่ว่ามันจะไม่แย่เอาเหรอ?ดูเหมือนโนโซมุจะรู้แล้วนะว่าพวกเราตามมา ถ้าโซเมียรู้เรื่องเธอไม่โกรธหนักกว่าเดิมเหรอ?」
「ใช่แล้วล่ะ ไอ ถ้าเธอยังตามไปอีกละก็แล้วโดนโซเมียจับได้เมื่อไรเกมส์เลยนะคะ?」
「เอ๋!?」
คำพูดของทิม่า “โดนจับได้เกมส์เลยนะคะ” ฝังแน่นเข้าไปในอกของไอริส คำพูดนั้นก็ทำให้หัวใจของไอริสเจ็บปวดมากๆ การที่โดนน้องสาวตัวเองเกลียดไม่ใช่เรื่องตลกเลย
「ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นห่วงโซเมียจัง แต่โนโซมุคุงก็อยู่กับเธอไม่เป็นไรหรอกนะ」
「……ดูเหมือนว่าตาแก่นั่นจะจับโซเมียไม่ได้เพราะโนโซมุ หากตาแก่นั่นทำเรื่องไม่ดี ก็โดนโนโซมุอัดไปแล้ว ถ้าไม่มีพิษภัยจะปล่อยไปก็ได้……」
「……อูวววววววววววววววว~~」
ตอนนี้มาร์พยายามพูดกล่อมไอริสด้วยอีกคน ไอริสยอมแพ้และยังคร่ำครวญกับทั้งสอง ไม่ว่าเธอจะกังวลกับโซเมียมากแค่ไหน แต่การกระทำของเธอในตอนนี้มันเหมือนเด็กมากเกินไป
เมื่อทิม่ามองไปทางโนโซมุ ก็พบว่าโนโซมุและโซเมียจังกำลังทำลูกกวาดกันอยู่
โนโซมุพยายามทำลูกกวาดด้วยไม้สองแท่งก่อนที่มันจะแข็งตัว แต่ว่าเขาก็ทำไม่สำเร็จ และโซเมียเองก็กำลังทำด้วยความลำบาก ฉันที่เห็นเช่นนั้นก็เผลอยิ้มออกมา
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันจนไม่ได้ยินการสนทนา แต่ทั้งสองที่ทำลูกกวาดกำลังสนุกอยู่
ไอริสมองทั้งสองด้วยท่าทางเหงาๆ เหมือนกับว่าไม่พอใจที่ไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย
(……ไอเป็นห่วงโซเมีย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะห่วงโนโซมุที่กำลังเดทกับโซเมียด้วย……)
เมื่อทิม่าถอนหายใจออกมา และมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งมีท่าทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สำหรับไอริสที่เป็นเพื่อนคนแรกและเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
(สงสัยจังเลยนะไอห่วงพวกเขาสองคนแค่ไหนกันเนี่ย?)
ทิม่ารู้ว่าไอริสเป็นห่วงโนโซมุมาก ไม่รู้หรอกว่าโนโซมุรับรู้ความรู้สึกของเธอไหม แต่ว่าเวลาที่ไอริสอยู่กับโนโซมุเธอดูมีความสุขมากๆ
「เอ๊ะ ทำไม่ได้อีกแล้ว?อย่างน้อยก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ」
ทิม่ากำลังหมกมุ่นกับเพื่อนของเธอ แต่เสียงของมาร์ก็เล็ดลอดเข้ามาในหู
ไอริสกำลังครุ่นคิดกับคำพูดของมาร์ และก็ถามเขา
「……มาร์จะคิดยังไงถ้าอิน่าไปเดินกับผู้ชายที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตา?」
「เอ๊ะ? บ้าอะไรกันเนี่ย「แล้วนายคิดยังไง?」มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วปะ……」
มาร์บอกว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ใบหน้าของเขากลับเบือนหนีกับคำพูดเหล่านั้น
「……ฉันกังวลถ้าโซเมียกับโนโซมุ……」
ไอริสหันมาพร้อมกับหน้าแดงทันทีและเริ่มพึมพำอะไรบางอย่างที่มันดูแปลกๆออกมา ไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดอะไรแต่ตอนที่เธอจ้องไปที่โนโซมุ เธอก็ก้มหน้าลงทันที พอเงยหน้ามาก็กุมขมับ
「……เธอกำลังอะไรเนี่ย ท่าทางดูสับสนไปหมดแล้วนะ」
「ทำไงดีละ……」
พูดตามตรงเพื่อนตรงหน้าฉันกำลังจะบ้าไปแล้วละ แม้ต่ฉันที่สนิทกับเธอที่สุดไม่เข้าใจเลยทำไมเธอเป็นแบบนี้ไปได้
ในเวลานั้นไอริสก็สังเกตเห็นร้านค้าแห่งหนึ่ง
「นั่นไง ตรงนั้นแหละ……」
「เดี๋ยวก่อนสิไอ!คิดจะทำอะไร!」
ไอริสรีบเข้าไปในร้านโดยไม่รอช้า ทิม่ารีบตามเธอไปอย่างรวดเร็วและก็ตกใจกับภาพตรงหน้า
「นี่มันอะไรกันเนี่ย?ที่นี่มัน?」
「ก็นะแบบว่าไอ เธอชอบที่แบบนี้ยังงั้นเหรอ……」
ไอริสเข้าไปในร้านเสื้อผ้า ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน แต่ยังขายชุดทำงานหนาๆและเสื้อผ้าที่ทนทานสำหรับการเดินทางด้วย
ไอริสออกมาจากร้านเธอสวมเสื้อคลุมมีฮู้ดคลุมทั้งตัวและใส่ฮู้ดซะจนแบบมองไม่เห็นหน้า หากมองจากแวบแรกไม่รู้แน่ๆว่าเป็นเธอ อย่างไรก็ตามกลายเป็นคนน่าสงสัยสุดๆ
เธอสวมเสื้อคลุมแบบนั้นแล้วเดินไปที่ร้านขนมหวานที่โนโซมุกับโซเมียจังอยู่
「……ไม่มีทาง คิดจะเข้าหาทั้งๆแบบนั้นเลยเนี่ยนะ?」
「…………」
เมื่อมาร์ถามเช่นนั้น ฉันเองก็พูดอะไรไม่ออกกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสาวแสนรัก โนโซมุที่เห็นก็จ้องตาเขม็งเลยอะ
ไอริสเข้าหาโนโซมุโดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพตัวเองแม้แต่น้อยและพูดคุยกับโนโซมุเหมือนกับเป็นแขกพิเศษยังไงยังงั้น ไอริสเองก็ทำท่าทางสับสน การเคลื่อนไหวของกระโปรงเองก็เริ่มรุนแรงขึ้น และโซเมียที่กำลังสงสัยก็เดินมาข้างๆ
จากนั้นไอริสก็คิดว่าท่าจะไม่ดีแล้วเลยคว้าถุงขนมของโนโซมุ แล้วกลับมาราวกับชำเลืองมองเพื่อบอกอะไรบางอย่าง
「……ยังไงแบบนี้ท่าไม่ดีแหงๆ」
「……เห็นด้วย」
มาร์และทิม่าต่างถอนหายใจ
◇◆◇
พวกเราที่กำลังสนุกกับการทำลูกกวาดอยู่นั้นก็ขอบคุณเจ้าของร้านและยื่นเงินให้ และครั้งนี้เรากำลังเดินไปที่สวนสาธารณะใจกลางเมือง ดวงอาทิตย์เองก็ค่อยๆตกดินแล้ว พื้นที่รอบๆถูกย้อมเป็นสีแดง
「อาาาา! สนุกจังเลยนะคะ!」
「อืม บอกตามตรงทำมากขนาดนั้นจะเป็นอะไรไหมเนี่ยฮะฮะ」
ผมพยักหน้ารับคำพูดของโซเมียจังขณะมองกระเป๋าที่ถืออยู่ในมือ
พวกเราทำมันออกมาเยอะมาก
หากทำขนมเยอะขนาดนี้และเก็บมันไว้จนอุ่น รูปร่างของมันจะเปลี่ยนไปและเสียรสชาติ ดังนั้นจึงทำใหม่ไม่ได้ นอกจากขาย
รูปร่างอาจไม่ได้สวยงามนักแต่รสชาติก็ไม่เปลี่ยนแปลงและโซเมียจังก็เริ่มจะพูดเรียกลูกค้า
เมื่อเห็นโซเมียจังทำแบบนั้นผมก็เอาด้วย
เหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาเริ่มเข้ามา เธอกำลังคุยกับผู้คนมากหน้าหลายตา
ตอนแรกก็ดูน่าสงสัยเพราะจู่ๆก็ถูกเรียก แต่เมื่อโซเมียโชว์ขนมทำเองให้ดูพวกเขาก็เริ่มจะยิ้มออกมา
「ผลลัพธ์ก็คือขายจนหมดไม่เหลือเลยสินะ」
「นั่นสินะคะ แต่ว่าผลลัพธ์น่ะคุณโนโซมุก็ได้ให้พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปไงค่ะ」
โซเมียพูดด้วยใบหน้ามืดมนเล็กน้อย
แน่นอนว่าลูกกวาดหมดแล้ว แต่รูปร่างมันไม่ค่อยดีก็เลยขายไปในราคาถูกๆ ก็เลยพอชดเชยส่วนที่ขาดมาได้
「อืมเอาล่ะ ช่วงนี้ต้องไปหารายได้เสริมแล้วสินะครับ เลยมีเงินน้อยมากช่วงนี้ และสำหรับหมอนั่น จะบอกให้เลยว่านี่แหละคือลูกผู้ชายตัวจริง」
ผมไม่ค่อยพอใจมากนักที่พูดถึงตาแก่นั่น แต่ว่าพยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด
「……เออออออออ๋! สุดท้ายแล้วคุณโนโซมุก็เป็นคนที่ใจดีมากๆเลยนะคะเนี่ย」
อย่างไรก็ตามโซเมียก็แลบลิ้นและยิ้มให้ผม
「……โซเมียจังนี่ เจ้าเล่ห์จังเลยนะ?」
「แบร่~!」
「ฮะฮะ……」
ผมยกมือจำนนต่อโซเมียที่สดใสร่าเริงเอามากๆ เธอยิ้มพร้อมกับยืนยันคำพูดของผม เห็นได้ชัดเลยว่าเธอนี่มันตัวแสบจริงๆ
ถ้าเป็นผมคนนี้ตายแหงๆ แต่จริงๆแล้วก็กลัวโซเมียจะโดนตาแก่นั่นลวนลามด้วยนะ
โซเมียมีผมสีดำมันวาวและตาสีดำสนิทเหมือนกับไอริส แม้ว่าจะยังเด็กแต่เธอก็ค่อนข้างน่ารักอย่างมาก หากเธอโตขึ้นแล้วก็อย่างที่ตาแก่ซอนเน่บอกเธอจะต้องเป็นคนที่สวยไม่แพ้ไอริสแน่ๆ
(ดูเหมือนว่าโซเมียกับไอริสจะมีปัญหากันสินะ)
ไอริสสวมหมวกสวมเสื้อโค้ทหนาๆมาอยู่ตรงหน้าโนโซมุ ผมตกใจมากเพราะเธอสั่งขนมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผมถามไอริสว่ากำลังอะไรเนี่ย เธอก็ทำท่าทีปฏิเสธบอกว่า 「ฉันไม่ใช่ไอริสน้า」
เมื่อผมพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมโกรธมากและเธอยังบอกปัดอีก โซเมียก็ถามว่า 「เกิดอะไรขึ้น」
เรารีบพูดพร้อมกันว่า “ไม่มีอะไร”แล้วผมก็รีบห่อขนมใส่ถุงให้ไอริสทันที ในขณะที่กำลังกำมือแน่น ก็มีแสงสว่างส่องมาจากใต้กระโปรงของเธอ
ในเวลานั้นเธอไม่พูดอะไร
「อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆเชียวนะ!!」
……นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอไงเนี่ย? โซเมียพึ่งอายุ 11 ปี ยังเป็นโลลิอยู่เลยเห้ย และพวกเรามาเดทกันเนี่ยมันเหมือนคนรักจริงๆงั้นเหรอ ดูยังไงก็เหมือนพี่น้องมาเดินเล่นด้วยกันมากกว่าปะ
「คุณโนโซมุ อยากจะพักสักหน่อยไหมคะ?」
「อืม นั่นสินะ พักสักหน่อยก็ดีนะ」
เธอชี้ไปทางม้านั่งของสวนสาธารณะ ทั้งสองนั่งลงและเอาขนมออกมาจากถุงและเริ่มทานกัน
กลิ่นหอมหวนและรสชาติแสนหวานกระจายไปทั่วทั้งปากและดูเหมือนจะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมา ดูเหมือนโซเมียที่ท่านเข้าไปเองก็ลิ้มรสมันด้วยความอร่อย
บางทีผมอาจจะเหนื่อยมากกว่าที่คิดเพราะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
「……คุณโนโซมุขอบคุณนะคะที่มาด้วยกันวันนี้」
「ไม่หรอกครับ วันนี้ผมเองก็สนุกเหมือนกัน ได้ลองทำลูกกวาดอีกครั้ง ผลลัพธ์ก็นะ…อย่างที่เห็น」
พบกับโซเมียสบตากันและยิ้มให้กันแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่ผมก็รู้สึกสนุกมาก
「นี่ คุณโนโซมุ พอจะฟังเรื่องเล่าของหนูหน่อยได้ไหมคะ?」
「เอ๊ะ? อะไรยังงั้นเหรอ?」
โซเมียถามผมออกมา
「คือว่าเรื่องของคุณปู่คนนั้นที่ทำนายดวงให้หนูในวันนี้น่ะ……」
「……มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?」
โซเมียพยักหน้าเล็กน้อยสำหรับคำถามของผม บางทีเธอคงจะมีปัญหาอยากปรึกษา
「ถ้ามีอะไรจะถามก็ถามมาได้เลยนะ? ผมเองก็คิดว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับโซเมียและไอริสอยู่ด้วย」
「พี่สาวหนูช่วงนี้เธออารมณ์แปรปรวนค่ะ…คือว่าหนูเป็นห่วงพี่สาวมากๆเลยคะ……」
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็นห่วงไอริส ผมพยักหน้าและโซเมียก็พูดความในใจออกมา
「คุณโนโซมุก็รู้ใช่ไหมละคะว่าหนูนะอยากจะเป็นเหมือนกับพี่สาว……」
「อืม」
เป้าหมายของโซเมียก็คือการเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนไอริส ผมได้ยินตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับเธอ
「พี่สาวของหนูก็เก่ง ฉลาด และสวยอยู่แล้วนี่น่า พี่สาวหนูทำได้แทบจะทุกอย่างเลยนะ……」
ผมพยักหน้ารับคำพูดของโซเมีย เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก และมีคนจำนวนมากสารภาพรักกับเธอก็ไม่น้อยเลยด้วยจำนวนนี่เรียกได้ว่ามากกว่าเลขสองหลักเลยก็ว่าได้ และที่บ้านของเธอเองก็เป็นบุคคลสำคัญในฟอร์ซิน่าและเธอก็กำลังจะเป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไป
(โซเมียดูต่างไปจากปกตินะ……)
ผมมองไปอีกด้านหนึ่งของสวนเพื่อไม่ให้โซเมียสังเกตเห็นตรงนั้นมีพี่สาวของเธออยู่ตรงนั้นพวกเธอกำลังจ้องมองมาทางนี้อยู่
「หนูรักพี่สาวที่เป็นแบบนั้นและหนูก็ภูมิใจในตัวพี่สาวมากๆด้วย แต่…บางครั้งหนูก็คิดถึงสิ่งที่ไม่ชอบเหมือนกับพี่ เรื่องที่หนูอิจฉาพี่บ้าง แน่นอนหนูเข้าใจว่าพี่สาวน่ะทำงานอย่างหนักและทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ยังไง…หนูก็คิดแบบนั้นนะ」
「……บางทีเพราะว่ากังวลเรื่องนั้นงั้นเหรอ?」
โซเมียพยักหน้ารับคำพูดของผม ไอริสเป็นคนสำคัญของเธอและแม้ว่าเป้าหมายเธอจะเหมือนเดิมแต่บางครั้งก็อิจฉาพี่สาวที่ทำได้ทุกอย่าง ผมเองรู้เรื่องนี้มากกว่าใครๆว่าไอริสน่ะพยายามหนักมากแค่ไหน ดังนั้นก็เลยอาจจะเกิดการเกลียดตัวเองขึ้น
「……แต่คิดว่าคงช่วยไม่ได้ละ? ผมคิดว่าทุกๆคนก็ต้องมีเรื่องที่อิจฉาเป็นธรรมดาครับ แม้แต่ตอนนี้เองพี่สาวของโซเมียก็น่าจะอิจฉาโซเมียในบางเรื่องนะครับ?」
「…………」
คำตอบจากปากผมที่พูดออกไปจากใจจริง ผมไม่รู้หรอกนะว่าโซเมียเจอเรื่องอะไร ลำบากมากแค่ไหน ผมจึงให้คำตอบที่คลุมเครือออกไป และสีหน้าเธอยังคงยิ้มเจื่อนๆเท่านั้นเอง
「…………」
「…………」
เวลาเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง มีบรรยากาศอึดอัดเล็กน้อยระหว่างพวกเรา แต่โซเมียก็เป็นทำลายบรรยากาศนั่น
「หนูน่ะเคยเกลียดพี่ด้วยคะ」
「……เอ๊ะ?」
คำพูดนั่นทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะโซเมียที่ดูจะเป็นคนรักพี่สาวมากๆจะเกลียดกันได้ลงคอเหรอ
「หนูน่ะไม่เคยเห็นหน้าแม่ของตัวเองเลยคะ หนูไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดท่านแม่ถึงได้เสียไป ท่านแม่เสียชีวิตหลังจากคลอดหนูมาได้ไม่นานค่ะ ที่บ้านเองก็มีแต่รูปของท่านพ่อ……」
「…………」
โซเมียจังเริ่มพูดถึงอดีตของตัวเอง ผมเองก็นั่งฟังอยู่เงียบๆ
「หนูน่ะไม่เคยได้กอดท่านแม่ ได้ฟังเพลงกล่อม หรือนอนกับท่านแม่เลย มีเพียงพี่สาวที่คอยถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้หนูฟัง ท่านแม่เป็นคนที่มีผมสีดำเหมือนกับพวกเราและเป็นคนที่ใจดีมากๆด้วยค่ะ……」
ดูเหมือนว่าความเหงาและความเศร้าจะเข้าปกคลุมจิตใจของเธอ
「เมื่อหนูนึถึงมันในตอนนี้ หนูคิดว่าพี่สาวพยายามทำให้หนูรู้จักท่านแม่มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ แต่ในตอนนั้น หนูคิดว่าหนูนี่มันโง่เองรึเปล่านะ ที่ไม่รู้จักแม่ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย หรือบางทีหนูก็มีความแค้นกับบางสิ่งบางอย่างที่พรากชีวิตของท่านแม่ไปค่ะ……」
「…………」
「หนูเลยไม่ค่อยได้คุยกับพี่สาวและท่านพ่อเลยในช่วงนั้น ราวกับว่าเกลียดพวกเขา พวกเขาก็จะเกลียดหนูกลับ หนูคิดแค่นั้นค่ะ」
เสียงถุงขนมของโซเมียดังขึ้น
「ไม่มีใครสนใจหนู อยู่บ้านมันทรมานเพราะคิดแบบนั้นก็เลยออกมาจากที่บ้านค่ะ」
「เอ๋!?」
บ้านของเธอที่มีชื่อเสียงแต่เธอกลับออกมาจากตระกูลตั้งแต่อายุเลขหลักเดียวด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะมีการรักษาแน่นหนาขนาดไหนแต่สำหรับเด็กตัวน้อยๆก็สามารถเล็ดลอดออกมาได้
「แต่จนถึงตอนนี้ หนูเองก็อยู่คฤหาสน์มาตลอดเวลา ดังนั้นแน่นอนว่าหนูไม่มีโอกาสได้ออกมาข้างนอก ในตอนที่หนีออกมามันรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแอบเข้าไปในมุมหนึ่งของเมือง มันหนาวมากๆเลยล่ะ ถึงยังงั้นหนูก็ยังคิดที่จะกลับบ้านไม่ได้……。」
「…………」
ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับโซเมียจัง ที่ไม่พยายามกลับบ้านแม้จะเกิดอะไรขึ้น เธอโดดเดี่ยวมากแค่ไหน ความเหงาที่ถูกผลักดันเข้าไปในร่างเล็กๆนั่น?
「และในที่สุดฝนก็เริ่มตก หนูสวมกอดตัวเองด้วยเสื้อผ้าที่เปียกโชกและพยายามทนต่อความหนาวเย็น แต่ร่างกายของหนูมันก็สั่นและไม่มีความอบอุ่นเลย ในที่สุดสติสัมปชัญญะก็หมดไป ตอนนั้นเองหนูก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเรียก」
โซเมียจับขาที่ห้อยเอาไว้แน่น สำหรับผมแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนไม่มีที่ไปเลย
「ตอนแรกนึกว่าจะไม่เป็นไรซะอีก เพราะหนูคิดว่าไม่มีใครรักและไม่มีใครคิดจะตามหาหนู」
โซเมียพึมพำด้วยสีหน้ามืดหม่น
「อย่างไรก็ตาม เสียงที่เรียกหนูมันค่อยๆดังขึ้นๆและทันทีที่หนูสังเกตเห็น ก็พบกับพี่สาวที่ตัวเปียกโชกไปทั้งตัวเหมือนกับหนู แม้แต่พี่สาวเองก็ออกจากคฤหาสน์มาตามหาหนู」
ใบหน้าของโซเมียที่เงยขึ้นมาหลังจากพูดเช่นนั้น มีใบหน้าที่แสนซีดที่แสนชัดเจน
「แต่ในตอนนั้นพี่สาวก็พูดแบบว่ามาทำอะไรที่นี่!! หนูก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ทำไมถึงออกมาตามหาหนูทั้งๆที่หนูทำเรื่องแย่ๆลงไปตั้งมากมาย พี่สาวก็พูดว่า “ก็มาตามหาเธอยังไงล่ะ” เธอดึงแขนหนูและพากลับบ้าน แต่หนูก็ไม่ยอม」
โซเมียยิ้มด้วยรอยยิ้มแสนขมขื่น ระลึกถึงความอับอายของตัวเองในตอนนั้น
「หลังจากนั้นก็เกิดการทะเลาะกันระหว่างหนูกับพี่สาวที่พยายามลากหนูกลับบ้านและตัวหนูเองที่ไม่ยอมกลับ หนูไม่ลังเลเลยในตอนนั้นที่จะเถียงพี่สาวสุดหัวใจ」
「…………」
「ในที่สุดท่านพ่อก็มาถึงและพาหนูกลับไปที่คฤหาสน์ หลังจากกลับมาทั้งหนูและพี่สาวต่างก็โดนดุจากท่านพ่อ ตอนนั้นหนูอยากจะถามทุกคน ทำไม เพราะอะไร ท่านแม่ถึงได้จากไป หนูอยากจะมีท่านแม่เหมือนคนอื่นๆเขา! ทุกคนคงจะเกลียดหนูแน่ๆ! ถ้าเกลียดละก็ปล่อยหนูไปเถอะนะ! หนูร้องไห้ออกมาและตะโกน จากนั้นพี่สาวที่อยู่ข้างๆก็เข้ามาตบหน้าหนู。」
โซเมียลูบไปที่แก้มซ้ายของเธอ บางทีเพราะไอริสคงจะตบเธอตรงนั้น
「เมื่อหนูมองไปที่พี่สาวก็โกรธและอยากจะตบเธอกลับ แต่เธอก็ร้องไห้ออกมา พยายามจะกลั้นน้ำตาที่จะไหลไม่หยุด…พี่สาวที่มักจะหัวเราะต่อหน้าหนู แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หนูก็คิดว่าพี่สาวเองก็เศร้าที่ท่านแม่ต้องจากไป แต่เธอไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่มีออกมาได้ และเธอเองก็พยายามจะซ่อนมันไว้ แต่ว่าพี่สาวที่กำลังซ่อนก็เปิดเผยทุกอย่างออกมาต่อหน้าของหนู」
ถ้าลองคิดดูไอริสในตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 10 ขวบ และเป็นเรื่องปกติที่พี่น้องจะต้องห่วงใยกัน
「หลังจากนั้น ทั้งหนูและพี่สาวต่างก็ร้องไห้ออกมาและตะโกนใส่กัน และเมื่อร้องไห้ไปสักพักก็เผลอหลับไป จากนั้นตัวหนูก็เริ่มที่จะชอบพี่สาวขึ้นมาและอยากเป็นเหมือนพี่สาวคนนี้ พี่สาวที่พยายามปิดบังความเศร้าของตัวเองแต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มอันเบิกบานให้กับหนู มันทำให้หนูอยากจะเป็นเหมือนกับพี่สาว」
「…………」
โซเมียหายใจออกมาและยืดร่างกาย
「อืมมมม~สดชื่นจังเลยค่ะ!」
「นี่ โซเมียจัง แล้วทำไมถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเหรอ?」
ผมถามคำถามที่ผมรู้สึกออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดให้คนอื่นฟังได้ง่ายๆเลยนะ
「อืมมมม~ไม่แน่ใจหรอกค่ะ!ก็เพราะว่าแค่อยากจะเล่าให้ฟังแค่นั้นเองค่ะ」
「แค่อยากเล่า?」
「ค่า! หนูอยากให้คุณโนโซมุรู้จักหนูมากกว่านี้ พอคิดได้หนูก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างออกไปแล้วคะ!」
เธอยิ้มขณะที่พูดเช่นนั้น ไม่มีสีหน้าของความหนักใจใดๆหลงเหลืออยู่ และเธอเองก็มีรอยยิ้มที่เหมือนกับดวงตะวันอันเจิดจ้า
อย่างไรก็ตาม เธอคนนี้ก็เป็นลูกสาวของตระกูลฟรานซิสที่มีเลือดของแม่เข้มข้นเหมือนกับไอริส เธอดูร่าเริงและพร้อมจะดูแลใครสักคนที่เธอเป็นห่วง
「……โซเมียจัง ผมเองไม่มีพี่น้องเพราะฉะนั้นผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าโซเมียรู้สึกกับไอริสยังไง」
ผมเองไม่มีพี่น้อง พวกเรามีกันแค่พ่อแม่ลูก
「แต่อย่างน้อยผมก็อิจฉาคนที่มีมันนะ」
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่อิจฉาใครเลย ทุกวันมีคนบอกว่าผมน่ะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้หรอกเพราะความสามารธในการ “พันธนาการ” และแม้ว่าจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ผมต้องการได้
หากไม่มี”พันธนาการ” ถ้าผมแข็งแกร่งกว่านี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้คิดถึงเรื่อง “ถ้า” ที่ไร้ความหมายแบบนั้น
「ถึงจะพูดได้ไม่เก่งและสวยหรู แต่อย่างน้อยโซเมียจังก็คิดว่าไอริสเป็นคนที่ดีใช่ไหมล่ะ?」
「……ค่ะ」
ทุกคนล้วนต่างมีความอิจฉาในตัวของตัวเอง ผมเองก็อิจฉาลิซ่าและคนอื่นๆ หลายๆคนที่ทิ้งผมไว้ด้านหลังและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกเสียใจกับตัวเองที่ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างที่ตั้งใจ ตอนนั้นผมเคยปิดบังเรื่องคำมั่นสัญญากับลิซ่าไว้ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่เมื่อนึกถึงตอนนี้ ตัวผมที่มืดมนคนนี้น่ะ
ในกรณีของโซเมีย เธอเคยทำร้ายจิตใจไอริสด้วยความหึงหวง บางทีผมอาจจะกังวลเกินไป
「ถ้างั้นก็ดีแล้วละนะ? เพราะโซเมียจัง ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังเจ็บปวดก็สามารถเล่าเรื่องเหล่านั้นให้ไอริสฟังได้ใช่ไหมล่ะ? นั่นเป็นเหตุผลที่คำทำนายเหล่านั้นบอกมาไม่ใช่เหรอ」
เธอเป็นน้องสาวของไอริสที่เธอรักมากที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าตัวเธอที่เคยทำร้ายพี่สาวของตัวเอง ด้วยความกลัวและความอิจฉาเหล่านั้นน่ะ
「……ค่ะ ตอนที่ท่านแม่เสียชีวิต หนูยังจำได้ดีเลยพี่สาวเป็นคนที่มอบรอยยิ้มให้กับหนู ตอนนั้นมันน่าหนักใจจริงๆคะไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงยังหัวเราะออกมาได้……ถึงกระนั้นพี่สาวก็ดูแลหนูเป็นอย่างดี พอคิดว่าทำร้ายพี่สาวลงไปแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกจริงๆค่ะ……」
โซเมียมองต่ำลงพร้อมกับพูดแบบนั้น
「ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรหรอกต่อให้โซเมียอิจฉาพี่สาวตัวเองแค่ไหน แต่ว่าความรู้สึกที่เธอรักพี่สาวสุดหัวใจมันฝังรากลึกลงไปในจิตใจของพี่สาวเธอแล้วล่ะ」
「อาาา นั่นสินะคะ……」
โซเมียได้ยินคำพูดของผมก็เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่สั่นเทา
เพราะคงจะเป็นแบบนั้น เธอพูดออกมาว่าเธอไม่อยากจะทำร้ายพี่สาวอีกแล้ว นั่นก็เพราะว่าพี่สาวสำคัญกับเธอมากๆ
「ค่ะ! หนูนะรักพี่สาวมากๆเลยล่ะคะ!」
โซเมียพูดเช่นนั้นด้วยความจริงจัง ใบหน้าเธอเปล่งประกายเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน
◇◆◇
「เอาล่ะ! ใกล้มืดแล้วเพราะงั้นรีบกลับบ้านกันเถอะ」
「อาา! รอก่อนนะคะ! ยังมีอะไรอยากจะพูดอีกค่ะ」
โซเมียที่กำลังนั่งอยู่บอกให้ผมหยุดก่อนเพราะมีเรื่องที่อยากจะพูดต่ออีกนิดหน่อย
「อะไรงั้นเหรอ?」
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับจ้องหน้าผม ราวกับว่าตัดสินใจพูดเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต
「……ตอนที่วิญญาณของหนูจะหลุดออกจากร่างในตอนนั้น คุณโนโซมุที่ช่วยหนู หนูยังไม่ได้ขอบคุณเลยค่ะ」
「เอ๊ะ? ผมไม่ได้ต้องการคำขอบคุณหรอกนะ……」
สิ่งที่เธอพูดคือเรื่องที่รูกาโต้พยายามเอาวิญญาณของโซเมียไป แต่ว่าตอนนั้นเธอก็น่าจะขอบคุณผมพร้อมกับไอริสไปแล้วนี่น่า……。
「ค่า แต่อยากจะขอบคุณเป็นการส่วนตัว」
เมื่อพูดเช่นนั้น โซเมียก็จ้องมาที่ผม ผมไม่ได้ต้องการคำขอบคุณอะไรแบบนั้นเลย แต่การที่โซเมียจ้องมองผมแบบนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอจริงจังมาก
ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น แต่อย่างน้อยผมก็ไม่อยากจะทำร้ายการตัดสินใจของเธอ
「……เข้าใจแล้ว ถ้าโซเมียอยากขอบคุณละก็ ผมก็จะรับเอาไว้」
「อะ……ค่า!」
บางทีเพราะรู้สึกตัวที่รับมันมาแล้ว โซเมียก็ลุกขึ้นยืน
เธออายุ 11 ขวบซึ่งเตี้ยกว่าผมตามธรรมชาติและเมื่อเธอยืนบนเก้าอี้ เธอก็สูงเท่ากับผมแล้ว แล้วนี่คิดจะทำอะไรกันละเนี่ย?
「ถ้างั้น อย่าขยับนะคะ」
「เอ๊ะ? จะทำอะไรเหรอ……「จุ๊บ」 เอ๊ะ!?」
เมื่อผมพยายามถามว่าเธอจะทำอะไร ใบหน้าของเธอก็เข้ามาเต็มมุมมองของผม
หลังจากนั้นก็มีสัมผัสนุ่มๆที่แก้มของผม
เหตุการณ์กระทันหันทำให้หัวของผมขาวโพลน และผมก็รู้สึกดีขึ้น
「เอะเฮะเฮะ จูบไปแล้วละคะ」
「เอ๊ะ เอ๋?」
ความสัมผัสนุ่มนิ่มที่แก้มหายไป สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของโซเมียที่แดงแจ๋
「อย่างน้อยก็ฝากไว้ที่แก้มก่อนนะคะ ขอบคุณนะคะสำหรับจูบแรกของหนู เป็นครั้งแรกเลยที่หนูจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านพ่อ」
โซเมียจังเผยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์หลังจากพูดแบบนั้น ใบหน้าคล้ายกับไอริสที่ไปเดทด้วยกันครั้งก่อนเลย และคิดว่าเป็นตัวพี่สาวจริงๆ
「……ท้ายที่สุดแล้วก็คล้ายกับไอริสไม่มีผิดเลยนะ」
「เอ๊ะ!? อย่างงั้นเหรอคะ! ถ้าพูดแบบนั้นละก็「อาาาาาาาาาาาーーーーーーー!」เอ๊ะ!」
โซเมียยักไหล่ จากนั้นก็มีน้ำเสียงอันดัง เมื่อโนโซมุจ้องมองไปที่เจ้าของเสียงก็พบกับไอริสที่กำลังซ่อนอยู่ในพุ่มหญ้า
「อะเอ่อเอ่อเอ่อเอ่อ……」
ไอริสทนไม่ไหว อาจเป็นเพราะตกใจอย่างมาก ปลายนิ้วเธอสั่นเทาและไม่มีท่าทีสงบเสงี่ยมตามปกติอีกต่อไป
「อาาาาาาาาาาา! โน~โซ~มุ~~!!」
「เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิครับ!!」
เธอพุ่งเข้ามาหาผม ตะโกนเรียกชื่อผม แล้วรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของผมแสดงให้เห็นถึงความเครียดและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แววตาของเธอจ้องมองมาทางนี้ราวกับจะบอกว่า “คนบ้า” มันทำให้ผมกลัวมาก
เธอวิ่งเข้ามาแล้วจับไหล่ผมด้วยมือทั้งสองข้างจากนั้นก็รัดไหล่ของผม
เล็บของเธอจิกไหล่ผม ผมพยายามจะสะบัดออกด้วยความเจ็บปวด แต่ว่าแขนของเธอก็บีบไหล่ของผมด้วยแรงมหาศาลจนไม่อยากจะเชื่อ
「โน~โซ~มุ……ก็บอกแล้วใช่ไหมว่า。“อย่าคิดทำอะไรบ้าๆเชียว”นะ……」
「อะ อั่ก ผมไม่ได้ทำ……」
ร่างกายของผมแข็งทื่อราวกับหินดวงตาของเธอมีแต่ความโกรธพุ่งพล่านออกมา น่ากลัวซะยิ่งกว่าไซคลอปส์นั่นเสียอีก
「ถ้างั้น“ที่”ทำเมื่อกี้หมายความว่ายังไง……」
「เอ่อ คือว่า……มันเจ็บนะครับ! เจ็บโว้ย!! ไอริส! ขอร้องล่ะปล่อยเถอะครับ!!」
อาการปวดที่ไหล่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและแรงบีบมันก็มากขึ้น
「ไม่ได้หรอกนะ ถ้าปล่อยไปก็หนีน่ะสิเพราะฉะนั้นอธิบายมาเลยนะ「คือว่าพี่คะ เขาไม่ได้ทำอะไรหนูนะ」……เอ๊ะ」
ไอริสพยายามไต่ถามผมด้วยกำลัง แต่ในที่สุดโซเมียก็อธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
「พี่คะ หมายความว่ายังไงคะ? พี่แอบตามหนูมางั้นเหรอคะ?」
「อ่า เอ่อ คือ ก็แบบว่า……」
โซเมียจ้องไอริสตาเขม็งกล่าวอีกนับหนึ่งไอริสกลายเป็นน้องสาวโซเมียเสียแล้ว
「นอกจากนี้ยังมีคุณมาร์และคุณทิม่าอีกด้วย พี่นะแอบตามหนูมาจริงๆใช่ไหมคะ?」
「เอ่อ ก็แค่พี่สาวคนนี้ห่วงโซเมีย「โอเค ถ้างั้นไม่มีอะไรต้องคุยแล้วค่ะ ได้เวลาทำโทษ」」
หลังจากนั้นโซเมียก็นั่งเทศน์ไอริส……。
ผมหยิบขนมออกมาจากถุงและเอามันใส่เข้าปาก มองไปทางไอริส ซึ่งกำลังโดนน้องสาวอายุ 11 ขวบกดดันอย่างหนักหน่วง
ไอริสมองมาทางผมด้วยน้ำตา แต่ผมแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น วันนี้ผมตัดสินใจอยู่ข้างโซเมีย
「ไงโนโซมุ」
「สวัสดีตอนเย็นนะ โนโซมุคุง」
「อาาาา」
มาร์และเพื่อนๆที่อยู่ในพุ่มไม้ส่งเสียงทัก ยังไงก็อยู่ด้วยกันแต่แรกอยู่แล้ว
「ดูเหมือนจะเกิดเรื่องยุ่งยากน่าดูเลยนะ」
「อา ข้าพยายามห้ามไอริสแล้วแต่ว่าเธอไม่ฟังเลยสักนิด….ว่าแต่รู้ตัวตั้งนานแล้วสินะ」
ผมพยักหน้าให้กับคำพูดของมาร์
「อาาา แต่โซเมียเหมือนจะไม่รู้ตัวและผมคิดว่าผมไม่อยากให้เธอหมดสนุกในการเดทเลยพยายามปิดบังเธอไว้ แต่ผมก็เข้าใจอยู่หรอกที่ไอริสเป็นห่วงโซเมีย แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้เธอคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆแค่นั้นเอง……」
「อะฮะฮะ……」
ทิม่าหัวเราะแห้งๆออกมา ไม่รู้จะพูดยังไงกับสภาพของเพื่อนสนิทในตอนนี้เลย
แม้ว่าผมจะบอกว่าถูกโซเมียจูบก็จริง แต่ที่ๆเธอจูบก็คือแก้มของผม แต่ไอริสดันคิดเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆไปซะได้
แต่ว่าน้องสาวของฉันสำคัญเหนือสิ่งอืนใด แม้ว่าจะเป็นแค่จูบที่แก้ม แต่ดูเหมือนว่าเธอจะทำใจยอมรับภาพตรงหน้าไม่ได้
「ให้ตายสิ พี่สาวคิดอะไรอยู่กันแน่คะ!」
「อูวววว……」
ไอริสห่อไหล่ต่อหน้าน้องสาวของเธอ รูปลักษณ์แสนสง่างามและท่าทีองอาจมันหายไปไหนหมดละครับ แต่ผมที่เห็นเธอเช่นนั้นก็เผลอยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าปัญหาที่โซเมียมี จะได้รับการแก้ไขและกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
「ใช่แล้วพี่คะ เพราะที่หนูต้องมาทำอะไรแบบนี้ มันก็เพราะเป็นบทลงโทษของพี่สาวที่ปากไม่ตรงกับใจ」
「เอ๊ะ บทลงโทษ!?」
ไอริสที่โดนทำโทษถาม
「ค่ะ อย่างแรกเลยที่หนูเชิญคุณโนโซมุมาเดท เพราะพี่สาวไม่ยอมทำงานสักที หนูเลยต้องทำงานเองไงละคะ และพี่สาวก็มาทำมันพัง เพราะงั้นขอโทษคุณโนโซมุเลยนะคะ」
「แล้วฉันควรจะทำยังไงละ?」
ไอริสประหม่าและรอคำพูดของโซเมีย
「ก็ง่ายๆไม่ใช่เหรอไงคะ คุณโนโซมุได้โปรดตั้งปาร์ตี้วันที่สองกับพี่สาวด้วยนะคะ」
「「……เอ๊ะ?」」
「คุณโนโซมุ ได้ไหมคะ? อีกอย่างพี่สาวน่ะไม่มีสิทธิปฏิเสธนะคะ」
「อืม ผมยังไงก็ได้……」
ผมมองไปทางไอริส ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอเบือนหน้าหนีผม
「พี่ค่ะ พี่เองก็คงไม่เป็นไรเนอะ?(กดดัน)」
「อะ อาาา! เข้าใจแล้วละคะ! ก็แบบนั้นละนะ! โนโซมุ ฝากตัวด้วยนะคะ……」
「อ่าา ฝากตัวด้วยนะครับ……」
ผมจับมือกับไอริส แต่ใบหน้าของเธอยังคงแดงแจ๋และมือสั่นไม่หยุดเลย
โซเมียมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ้มออกมา บางทีเธอคงเล็งเหตุการณ์นี้แต่แรกแล้ว วันนี้ผมโดนกับดักของโซเมียเต็มๆเลย
หลังจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนเองก็กำลังกลับบ้าน
นี่เองก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้ใช้เวลาร่วมกับโซเมีย……。
◇◆◇
「……ว่าแต่พวกโนโซมุมาทำอะไรที่สวนสาธารณะกันล่ะ ฉันไม่คิดว่าโนโซมุจะพาเด็กอายุ 11 ขวบอย่างโซมิจจิไปค้างคืนด้วยหรอกนะ และวันนี้คงจะจบแล้วละมั้ง」
「อืม จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้แย่ แต่ว่าอยากเห็นตอนเดทกับไอริสจังเลยนะ」
「…………เหหหหห」
ฟีโอที่กำลังมองพวกไอริสท้ายที่สุดแล้วพวกฟีโอกับมิมุรก็จับตาดูจนจบเหตุการณ์ และทอมก็ถอนหายใจกับการกระทำของพวกเขา
ทอมที่มีจิตสำนึกเพียงคนเดียว คุยกับฟีโอและมิมุรุเพื่อจะหยุดพวกเขา แต่ทั้งสองไม่ยอมฟังเลยและปฏิเสธคำพูดของผม
อย่างไรก็ตาม เมื่อไอริสไปหาโนโซมุ ในชุดปลอมตัวที่เรียกได้ว่าไม่ใช่ชุดปลอมตัวเลยสักนิด ที่ร้าน อาเมะไซคุ คนที่โชคร้ายที่สุดน่าจะเป็นทอม เขาเป็นคนเดียวที่หน้าแดงต่อสถานการณ์ตรงหน้านี้
ตอนนี้พวกโนโซมุและโซเมียกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งและกำลังคุยกันอยู่
「อืมท้ายที่สุดแล้วก็ไกลเกินไป ไม่เข้าใจเนื้อหาเลย」
「นั่นสิ ฟีโอ ทำอะไรกับยันต์นี่ไม่ได้เลยเหรอ?」
「นี่ทั้งสองคน! ไม่ควรจะเอาวิชาแบบนั้นมาใช้เล่นนะ!?」
ทั้งสองคนพยายามดักฟังและแอบมองสถานการณ์แต่ยังใช้วิชาด้วย ซึ่งมันดูบ้ามากๆ
「น่าเสียดายที่เป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้ทำยันต์แบบนั้นมาอะ ถ้ามีอะไรน่าสนใจแบบนี้ คงนอนทำทั้งคืนแล้ว!」
ฟีโอผิดหวังและกำหมัดแน่นเหมือนพวกอาชญากรไม่มีผิด
「อย่างไรก็ตามทางฝั่งเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬนี่ทำเอาขำหนักลย ทิม่าและมาร์เองก็พยายามจะหยุด แต่ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬจะลงทุนถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วเธอก็เป็นสาวน้อยวัยใสเหมือนกันสินะ~」
มิมุรุพยักหน้ากับคำพูดของฟีโอหลายครั้ง ใบหน้านั่นมีรอยยิ้มเต็มหน้า
「อย่างไรก็ตามวันเวลาอันแสนสนุกเช่นนี้กำลังจะจบแล้วงั้นเหรอเนี่ย? อะไรกัน?」
「เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้นฟีโอ?」
เมื่อจ้องมองไปก็พบกับโซเมียที่ยืนบนม้านั่งและจ้องไปทางโนโซมุจากนั้นใบหน้าของโซเมียก็เข้าใกล้โนโซมุ……。
「「เอออออออออออออ๋ーーーーーーーーーーーーーーーーー!!!」」
ทั้งสองส่งเสียงตกใจ กับท่าทางอันแสนเร่าร้อนของโซเมียที่จูบกันเมื่อกี้นี้
「เอาเว้ย! ทำแล้วละเหวย!!」
「ยะฮุ้ววววว!! ดูหน้าโนโซมุดิ!! หน้าแดงแป๊ดเลยวะฮะฮะฮะ!!」
「เอ๊ะ! เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬทนไม่ไหวแล้ว!!」
「เอาละเหวย!? แย่แล้วสิเน้อ!! เอาล่ะ พลาดไม่ได้แม้แต่วิเดียวเลยนะ!!」
ฟีโอและมิมุรุวิ่งพล่านราวกับหินที่กำลังกลิ้งลงภูเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ทำได้แต่มองภาพที่ฉายอยู่ตรงหน้า และไม่ได้ตระหนักถึงชะตากรรมที่มาจากด้านหลังแม้แต่น้อย
「……ดูสนุกมากเลยสินะพวกเธอ ฉันล่ะสงสัยจริงๆนี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองกันเลยใช่ไหม?」
「「……เอ๊ะ?」」
เสียงระฆังดังก้องอย่างงดงาม
ทั้งสองมองย้อนกลับไปทางเสียงที่คุ้นเคยเข้ามาในหู และพบเห็นกับความสิ้นหวัง
「พวกเธอเนี่ยมีงานอดิเรกแบบนี้งั้นเหรอ ชอบแอบดูการเดทของคนอื่นเนี่ย ฉันละอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ」
ผมยาวสีน้ำเงินและหูที่แหลมยาว รูปลักษณ์อันแสนดึงดูดและได้รูปมีรอยยิ้มงามราวกับภาพวาด ในขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยความโกรธมหาศาลออกมา
ซีน่า・จูเรียล ผู้หญิงที่ฟีโอและมิมุรุต่างหวาดกลัวหากกล่าวมาในเส้นทางแห่งนี้
「พะพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยเนี๊ยะ!?」
「รู้สึกไม่ค่อยดี ก็ดูสิทั้งสองคนกำลังเกาหัวให้กันไม่ใช่เหรอดูน่าสนใจดีใช่มะ ก็เลยสงสัยว่าทั้งสองคนกำลังจะเดทกันอยู่รึเปล่า」
ทอมที่ยืนข้างซีน่าบางทีเพราะทนไม่ได้เขาหยุดฟีโอที่กำลังจะหนี
ดวงตาของเธอซึ่งกำลังเบิกกว้าง ปากของเธอกำลังหัวเราะคุคุคุ แต่ดวงตานั่นเต็มไปด้วยความโกรธมากมาย ฟีโอและมิมุรุเริ่มสั่นเทา
「วันนี้เป็นวันที่อุตสาห์มอบให้โซเมียและฉันก็มาคิดดู แต่ว่าหลังจากกลับมาจากห้องสมุดที่สวนสาธารณะ ก็ได้ยินเสียงทอมก็เลยรีบวิ่งมาดู ดังนั้นที่ฉันเห็นเนี่ยคงไม่ใช่เข้าใจผิดไปเองหรอกเนอะ」
จากนั้นเธอก็จ้องไปทางมิมุรุ“ไง!!”แล้วก็เกิดเสียงกรี๊ดดังลั่น
「มิมุรุ ฉันเองก็เพิ่งพูดกับเธอไปเมื่อวาน “เพราะอยากจะทำแบบนั้น” แต่ว่ามาแก้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว……」
「คะค่าาาาาาาาา~~!!」
มิมุรุก้มหัวต่ำคำนับซีน่าด้วยความรู้สึกผิดอย่างแรง
「ดูมีพลังเหลือเฟือทั้งคู่เลยนะ ไปฝึกกันเลยดีกว่าเนอะ ถ้ายังมีพลังเหลือเฟือจนว่างมาทำอะไรแบบนี้ จะได้หลับสบายตลอดทั้งคืนเลยไงละ?」
อย่างไรก็ตามแม่นางตรงหน้าก็ไม่คิดจะบรรเทาความโกรธลงเลย
「「อา เอ่อ เป็นไปตามคาด……」」
「……พูดอะไรกันคะ?」
ซีน่ายิ้มกริ่มและพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงของเธอในตอนนี้ เธอใช้มือข้างหนึ่งบีบบางอย่างอยู่ ดังนั้นหากพูดอะไรไม่ดีออกไป โดนหนักแน่ ทั้งสองได้แต่เอาหัวถูกับพื้นด้วยความสำนึกผิด
「「ขอโทษด้วยครับ/ค่าาาาาาาาา!!」」
「ไม่ได้หรอกนะ สำหรับพวกเธอแล้วน่ะ!!」
และนรกแห่งการเทศนาก็ได้เริ่มขึ้น ไม่รู้ว่าโดนปล่อยออกจากนรกนั่นเมื่อไร แต่ทอมบอกว่าเพราะห่วงนะก็เลยไปเรียกมา และพวกเขาทั้งสองก็กลาวเป็นตุ๊กตาที่พูดแต่คำเดิมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น