[นิยายแปล]พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อม"หัวใจ"สู่ หัวใจ - ตอนที่ 119
บทที่7ตอนที่4
จะว่าไงดีกับภาพตรงหน้าที่ผมเห็น
โนโซมุนั้นตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่ดูประหลาดตา
「ที่นี่ที่ไหน?」
ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ต้นไม้ที่ไร้ซึ่งใบมีเพียงแต่กิ่งก้าน ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิต
ต้นไม้นั่นเพียงแค่ตั้งตรง หากสังเกตดีๆหญ้าที่พื้นเองก็ดูแปลกจากปกติ
เมื่อเหยียบลงไปบนพื้นหญ้า ก็มีเสียงแตกคล้ายกับกระจก
「นี่มันอะไรกันเนี่ย? ไม่ใช่พืชหรอกเหรอ? ดูเหมือนของปลอมเลย……」
โนโซมุแหงนมองบนฟ้า
ท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆ แม้กระทั่งดวงดาวก็มองไม่เห็น
ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ห้าดวงกำลังส่องแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำ
ดวงจันทร์ที่ถูกย้อมไปด้วยสีทั้งห้า แดง น้ำเงิน เขียว น้ำตาล และสีดำ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่างราวกับสายรุ้งไปทั่วทุ่งหญ้าอันมืดมิด
「ไม่ว่าจะดูยังไง ที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองอาร์คาซัมแน่ๆ แล้วมาอยู่ที่ไหนกันละเนี่ย……」
โนโซมุบ่นออกมาขณะระแวงรอบๆ
เขาจำได้ว่าเขาสู้กับเคน และหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
บางทีอาจจะหมดสติไป แถมตอนนี้ก็เจอภาพตรงหน้าที่ดูไร้เหตุผลไปอีก
เมื่อแหงนมองไกลออกไป อีกฟากหนึ่งของเส้นขอบฟ้ามีแสงส่องสว่างเจิดจ้า
「ไฟงั้นเหรอ….เอ่อ? แต่ว่ามันไม่ใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ?」
เปลวไฟสีแดงที่ส่องแสงเจิดจ้ามาแต่ไกล
แม้ว่าจะอยู่นอกเส้นขอบฟ้า ขนาดของมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับไฟธรรมดา
「เอ่อแล้วทุกคน……」
เมื่อนึกถึงเพื่อนๆ โนโซมุก็พยายามมองไปรอบๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่พบสิ่งอื่นใด ในสถานที่แห่งนี้
แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ก็ไม่มีลมพัดผ่าน มีเพียงความเงียบที่ปกคลุม
「ไม่มีใครอยู่เลย….แถมไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตด้วย……」
โลกที่หยุดนิ่งไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต
เมื่อตระหนักได้ว่าต้องมาติดอยู่ในโลกอันน่าหวาดกลัว ตัวของโนโซมุก็สั่น
「……ยืนตรงนี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา」
โนโซมุไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ก็คิดหาวิธีที่จะผ่านสถานการณ์ตรงนี้ไป เขามุ่งเป้าไปที่เปลวเพลิงสีแดงนั่น
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่โดดเด่นที่สุด
โนโซมุเดินไปข้างหน้าพร้อมกับฟังเสียงหญ้าที่กระทบเข้ากับเท้าของเขา
「เอ่? นี่มันคืออะไรเนี่ย」
หลังจากเดินไปได้สักพักก็มีอาคารแปลกตา โผล่ขึ้นมา
ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง หากมองดูรอบๆก็จะเห็นอะไรหลายๆอย่าง
โนโซมุเดินเข้าไปหาหนึ่งในนั้น
「นี่มันประตูเหรอ? แต่ว่ามันดูน่าสงสัยแปลกๆ」
วัตถุที่ทำจากหินสีดำประกอบเป็นรูปโค้งๆ มีลำต้นและหญ้ามากมายปกคลุมไปทั่ว ดูแล้วไม่ค่อยชัดเจนเสียเท่าไร แต่รูปร่างของมันก็เหมือนกับประตูอย่างแน่นอน
หากมองเข้าไปใกล้ๆก็จะพบม่านแสงระยิบระยับอยู่ที่ทางเข้า
แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังเลย ตั้งแต่ที่เดินมานี้
เดิมทีประตูเป็นทางเข้าเพื่อเข้าสู่อาคารที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพง แต่ไม่มีอาคารหรือกำแพงอื่นๆล้อมรอบอยู่เลย
ไม่มีสิ่งก่อสร้างอยู่ที่ประตู มันถูกสร้างขึ้นราวกับไม่ยึดหลักความเป็นจริง
「เอ่อ….แล้วมันอะไรกันเนี่ย?」
ขณะที่มองดูด้วยความรู้สึกน่าขนลุกของประตูหลายๆบานที่คล้ายกับป้ายหลุมศพ โนโซมุพยายามเข้าใกล้ประตูสีดำสนิท
「อย่างน้อยก็ควรเข้าไปดูสักหน่อย」
เขาหยิบหินที่เท้าและโยนเข้าไปที่ประตู
อย่างไรก็ตามหินที่ขว้างออกไปก็ทะลุผ่านทุ่งหญ้าที่อยู่ด้านหลัง
ม่านแสงไม่มีการเปลี่ยงแปลงอะไร เกิดเพียงแค่แสงจางๆ
「ไม่มีปฏิกิริยา ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าไปจริงๆ……」
โนโซมุเดินเข้าไปที่ปากทางเข้าของประตูแล้มเอื้อมมือออกไป
มันคงจะดีกว่ารึเปล่าที่จะไม่แตะต้องประตูเหล่านี้? ไม่ว่ามองยังไงมันก็ดูน่าสงสัยสุดๆ
ความลังเลเล็กน้อยเข้ามาในหัวโนโซมุ
ถึงแบบนั้น แนวความคิดปกติใช้กับที่นี่ไม่ได้
โนโซมุไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
「อ่าาาาา โถ่ว ! ช่วยไม่ได้คิดไปก็ปวดหัว!」
โนโซมุสัมผัสเข้ากับม่านแสงขณะพูดแบบนั้น
วินาทีต่อมาก็เกิดแสงวาบอย่างแรงกล้า
「อึก ! อะไรกันเนี่ย!?」
ขณะคิดแบบนั้นมือของโนโซมุก็ถูกดึงอย่างแรง
「อย่าบอกนะว่าเป็นกับดัก?? บ้าเอ้ยยย!」
โนโซมุพยายามต้านทานอย่างสุดแรง
แต่ว่าแขนของโนโซมุก็หลุดเข้าไปในม่านแสงมากกว่าครึ่งแล้ว
「ว๊ากกกกก!!」
โดยไม่คาดคิดนั่นเอง สุดท้ายตัวโนโซมุก็ถูกฉุดเข้าไปในม่านแสงนั่น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเขาในพื้นที่อันเเงียบสงบ
◆◇◆
ในช่วงพักกลางวัน นักเรียนสามารถได้ยินเรื่องราวต่างๆมากมายจากทั้งสถาบัน
จิฮัดที่กำลังทำการจัดการกองเอกสารจำนวนมากที่วางอยู่บนโต๊ะขณะฟังเสียงนักเรียนที่พูดคุยกันในระยะไกล
「ขอโทษนะคะ」
อินด้าถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับเสียงเคาะประตู
「เอ่ออาจารย์จิฮัด ว่าด้วยวาระการประชุมรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้……」
「เอ่ออินด้ารอสักครู่……」
ในตอนนี้ เขารีบเก็บเอกสารที่กองกันและเข้าหาเธอ
「อ่าแล้วทางสภาคองเกรสว่ายังไง?」
「ค่ะ ดูเหมือนจะมีว่าระเพิ่มเติมนอกเหนือจากวาระที่วางแผนไว้ เนื้อหาเกี่ยวกับการตอบโต้ของทางสถาบันจากเหตุการณ์ครั้งก่อน และคิดว่าแต่ละประเทศน่าจะเข้มงวดน่าดู」
「หลังจากนั้น……」
เหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เคนได้ทำไว้สร้างผลกระทบมากมาย
「อืม ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนวงในหลุดข้อมูลไปจริงๆ จากนั้นเองก็เป็นทางฝั่งเราที่ไม่พยายามทำความเข้าใจความสามารถของนักเรียนอย่างดีพอ……」
「ไม่แปลกหรอกที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ความสามารถมากมายล้วนปรากฏขึ้นมาระบุไม่ได้เลยเว้นแต่จะถูกใช้งานออกมา แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง」
แม้ว่าปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นกับทางสถาบัน แต่สิ่งต่างๆกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินในเวลานี้
นอกเสียจากว่าจะใช้ความสามารถแต่แรก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถแยกแยะได้หากไม่ได้ตรวจสอบให้ดี
หน้ากากน้ำสะท้อนใจของเคน แม่มดเนวี่ของลิซ่า ปรับใช้ทันทีของไอริส พันธนาการของโนโซมุ ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถทำความเข้าใจได้หากมองเพียงแค่ภายนอก
แน่นอนว่ามีความสามารถที่จะเปลี่ยนไป แต่ว่าการตรวจสอบในตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และมันยังมีความลึกลับมากมาย
มีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปเมื่อความสามารถนั้นปรากฏขึ้น ในบางกรณี ก็จะกลายเป็นคนสองบุคลิกที่มีตัวตนทับซ้อนกัน หรือในบางกรณีก็จะใช้มันในทิศทางที่ผิดแปลกออกไป
อยู่มาวันหนึ่ง ยกตัวอย่าง เมื่อพยายามใช้พลังเวทย์ ก็มีพลังเวทย์เพิ่มขึ้นมามากมายจากปกติ
ในกรณีของโนโซมุเห็นได้ชัดว่าผลของคิลดลงอย่างมาก……。
มีเอกสารต่างๆที่รายงานไปหลายส่วน ของทวีปที่เกี่ยวกับความสามารถ เช่น คำอวยพรแห่งเทพ คำสาปประจำเผ่า การระลึกชาติ และอีกหลายๆอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้
ในบางพื้นที่ วัฒนธรรมการกินเนื้อคนยังคงมีอยู่เลย โดยบอกว่าถ้าเด็กได้กินเนื้อของญาติขึ้นมาจะได้อำนาจที่เหนือกว่าพ่อและแม่ของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันคือการค้นคว้าเกี่ยวกับความสามารถของอาร์คาซัมนั้นไม่ได้สอดคล้องกับปัญหาที่แท้จริงเลย
「แต่ว่าถ้าทำการกำหนดแล้วจะเอาออกก็ไม่ได้หรอก ดังนั้นก็เลยต้องการทราบความคืบหน้าของมาตรการรับมืองั้นเหรอ」
กล่าวได้ว่าไม่สามารถปล่อยนิ่งเฉยได้
หากแสดงจุดอ่อนให้เห็น สถาบันนี้โดนรวบกินโต๊ะในพริบตาแน่
สถาบันเองก็มีปัญหาอยู่แต่ว่าจะทิ้งมันไปก็ไม่ได้เช่นกัน
นั่นคือเหตุผลที่เราต้องใช้มาตรการความเป็นไปได้ทั้งหมด
หากรูที่ก้นเรือถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่มีใครได้ดูแล เรือก็จะจมลงในท้ายที่สุด เพราะงั้นต้องลดระดับน้ำที่เข้ามาในเรือให้ได้มากที่สุดและพยายามหาหนทางที่จะปิดมันให้ได้
「มาตรการการสำหรับรับมือหน้ากากน้ำสะท้อนใจ พวกเราได้ทำการลงเขตแดนที่ใช้คอยตรวจจับทั้งวิทยาเขตและยังได้ทำเขตแดนรอบๆทางเข้าเมืองอีกด้วย
ทั้งหมดจะไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ถ้ามีคนพยายามเข้าเมืองโดยใช้หน้ากากน้ำสะท้อนใจตัวตนนั้นจะถูกแจ้งให้ทราบภายในทันทีค่ะ」
「แต่ว่ามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบใช่ไหมล่ะ หากปลอมตัวอยู่ในเมืองก็สามารถซ่อนตัวตนในขณะที่ไปก่ออาชญากรรมได้」
「อ่าค่ะ มันไม่เหมือนกับที่สถาบันที่สร้างเขตแดนขึ้น ขณะนี้พวกเราเองก็พยายามแจ้งให้พวกทหารทราบเช่นกัน……」
โชคดีที่หน้ากากน้ำสะท้อนใจเป็นความสามารถที่ต้องใช้การควบคุมพลังเวทย์ขั้นสูง ดังนั้นหากรู้ว่าเกิดการใช้งานก็มีมาตราการที่คอยรับมือได้
หากพบการใช้พลังเวทย์ที่น่าสงสัย ความสามารถก็จะถูกปลดปล่อยตามธรรมชาติและตัวตนก็จะถูกเผย
「เป็นการยากที่จะตรวจจับการใช้หน้ากากน้ำสะท้อนใจในเมือง แต่ดูเหมือนว่าทางเบื้องบนอยากจะได้มากกว่านั้น」
กล่าวเป็นไปได้ว่ามันไม่สามารถใช้ตรวจจับในสถานที่ๆผู้คนเข้าออกจำนวนมากได้
แม้ว่าจะมีมาตรการรับมือแต่มันก็มีช่องโหว่อยู่
「อืม…นอกจากนี้ยังมีหน่วยข่าวกรองจากกองกำลังภายนอกที่อยู่ในเมือง แล้วจะทำยังไงดีคะ……」
นอกจากนี้ยังมีการตายของ “แสงดาว” ที่พบในเหตุการณ์ครั้งก่อนซึ่งเป็นตัวตนที่คอยติดตามสถานการณ์ในตอนนั้น
หลังจากเหตุการณ์นั้น จิฮัดและอินด้าก็ตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กำจัดบุคลากรที่คิดไม่ซื่อได้ออกไปจนเกือบหมด แต่ปัญหานี้ก็ยังคงน่าปวดหัวสำหรับอินด้า
แม้ว่าจะรู้ว่ามีตัวตนแบบนั้นดำรงอยู่ในองค์กรของเรา แต่ว่าอีกฝ่ายก็เป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงและมีหน้าที่สำคัญๆของประเทศหนึ่ง ในทางกลับกันหากตอบโต้ไม่ดีก็โดนเล่นกลับได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้
ปัจจุบันสมาชิกในสภาส่วนใหญ่นั้นล้วนต่อว่าจิฮัด
ในกรณีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอบิส ถูกส่งให้แต่ละประเทศ ดังนั้นสมาชิกสภาบางคนค่อนข้างไม่พอใจที่ไม่ได้ทราบข่าวในทันที แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจับตามอง
จิฮัดทำสมาธิและพยายามจบเรื่องในคราวเดียว
「ยังไงก็ต้องแก้ไขปัญหาในสักวันหนึ่ง เมื่อเวลามาถึง……」
「อาจารย์จิฮัด……?」
อินด้างงกับคำพูดแปลกๆของจิฮัด
หลังจากที่อินด้าถามไปได้ไม่นาน จิฮัดก็เบิกตากว้างและมองไปที่อินด้า
「พูดถึงเรื่องนั้น แล้วโนโซมุคุงละเป็นไง?」
ทันทีที่ได้ยินเรื่องของโนโซมุ ดวงตาของอินด้าก็สั่นเล็กน้อย
「เอ่อ หรือว่าจะสนใจเกี่ยวกับตัวโนโซมุเหรอ……」
「หมายความว่ายังไง……?」
ดูเหมือนอินด้าจะตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา แต่ดวงตานั่นก็เห็นความไม่พอใจอย่างชัดเจน
จิฮัดจ้องมองไปที่อินด้าซึ่งเงียบกับคำถามของเขา
แรงกดดันอันเงียบงันของจิฮัดพุ่งเข้าใส่อินด้า เธอกัดริมฝีปากแน่นราวกับทนอะไรบางอย่าง
「ถ้าบอกว่าไม่สนใจเลย ก็คงจะเป็นการโกหกค่ะ พูดตามตรง ว่านิสัยของเขาเห็นแล้วชวนหงุดหงิดเอามากๆ……」
「จะบอกว่ามันเหมือนกับตัวเธองั้นเหรอ?」
「งั้นเหรอคะ。」
เกี่ยวกับโนโซมุ อินด้านั้นก็ต้องประเมินโนโซมุใหม่เนื่องจากการต่อสู้ของเขากับเคน
อย่างไรก็ตาม อคติที่มีต่อโนโซมุก็ถูกทำลายลงในการต่อสู้จำลองที่เขาสู้กับจิฮัด และการที่โนโซมุเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยลิซ่า
เพราะเธอนั้นเป็นคนจริงจังตั้งแต่เริ่ม พออคติเข้าไปมันก็ยากที่จะถอดถอน
ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
「บอกตามตรงพอตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะมองหน้าเขายังไงเลย….นอกจากนี้สิ่งที่ฉันทำลงไปก็ไม่สมกับเป็นอาจารย์เสียด้วยซ้ำ……」
อินด้าก้มลงมองความว่างเปล่า
ทุกอย่างถูกปิดบังกับนักเรียนคนอื่นๆ
「ก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเธอหรอก ในแง่หนึ่งถ้าเป็นเธออคติของข้าเองก็ถูกทำลายเหมือนกัน」
เดิมทีแล้วเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างแรงกล้าและเพียงเพื่อต้องการปกป้องนักเรียนอันเป็นที่รักของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้โนโซมุที่ได้ข่าวลือว่าเป็นผู้ชายที่เลวทรามต่ำช้าเข้าใกล้เหล่านักเรียนของเธอ
มีการชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจากที่ตัวตนของเขานั้นเป็นคนที่ไร้เดียงสาเอามากๆ มันทำให้เธอรู้สึกผิดแบบสุดๆ
กลายเป็นคนที่ตกอยู่ในโรคซึมเศร้า และคนประเภทนี้ก็ยังคงโทษตัวเองต่อไปไม่รู้จบ
อันที่จริงดูเหมือนว่าเธอคนนั้นเองก็อยู่ในสภาพนั้นตลอดเวลา เพราะหลับตาให้มันมาตลอด
「ทุกคนล้วนต่างตัดสินความเป็นกลางด้วยความเท่าเทียม และเป็นการยากที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เพราะมีอคติอยู่ในสามัญสำนึกอยู่เสมอ ดังนั้นความเป็นกลางมันก็เลยเอนเอียง และในฐานะอาจารย์แล้ว วิธีการนั้นก็ไม่ได้ผิดเสมอไปหรอก」
เดินทีอินด้าเป็นคนที่เข้มงวดกับนักเรียน และนักเรียนที่ตามอะไรไม่ทันโลกก็จะตัดทิ้งอย่างไร้ความปราณี
ไม่ใช่ว่ากรณีวิธีการนั้นผิดเสมอไป ประเด็นก็คือเคร่งครัดจนเข้มงวดกับตัวเองเกินไปเสียต่างหาก
และไม่ว่าจะคอยพร่ำสอนอย่างระมัดระวังแค่ไหนก็ตอบ งานที่ได้รับมอบหมายในสถาบันโซลมินาติ ก็ยาก ในกรณีนี้หลายๆคนก็เรียนตามไม่ทันจริงๆ
อินด้าพยายามแสดงเส้นทางที่แตกต่างออกไปเมื่อได้เห็นนักเรียนคนนั้น
เธอคอยให้คำแนะนำแก่เหล่านักเรียนที่ตามบทเรียนไม่ทันและให้ความช่วยเหลือและปรึกษาด้านต่างๆในฐานะครู
อย่างไรก็ตามก็มีนักเรียนบางคนที่ไม่เคยคิดถึงคนอื่น
อินด้าปฏิบัติต่อบุคคลดังกล่าวด้วยทัศนคติที่เด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าโนโซมุนั้นเป็นตัวตนอันแสนร้ายกาจและคอยระวังอยู่เสมอ
เธอจึงทุกข์ทรมานเพราะความจริงที่ว่า “เธอพยายามกำจัดคนดี โดยปล่อยคนชั่วที่ทำจริงๆลอยนวล”
「พูดตามตรง พวกเราก็มักจะกำจัดนักเรียนที่ออกนอกลู่นอกทาง มิฉะนั้น ระบบการดรอปมันก็คงไม่ได้ใช้งาน มันคงเป็นเพียงแค่ความโล่งใจ แต่ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยผิดพลาด」
「ค่ะ……」
เธอตอบจิฮัดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แม้ว่าจะรู้ดี แต่ว่าก็ไม่สามารถหยุดโทษตัวเองได้
「แต่สิ่งสำคัญสำหรับผู้คนที่เคยทำผิดพลาดไปแล้ว ก็เพียงแค่เผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดลงไปก็แค่นั้นเอง? อย่างน้อยก็ไม่ใช่มานั่งโศกเศร้าเสียใจอยู่กลางทางแบบนี้ถูกไหม?」
「…………」
อันที่จริงเธอทำงานโดยแทบไม่มีเวลานอนเลยตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อน
ความรู้สึกผิดที่มีต่อโนโซมุและความโกรธที่กระตุ้นตัวเธอ
สำหรับจิฮัดที่ยุ่งวุ่นวาย พยายามจับตามองความเคลื่อนไหวของแต่ละประเทศ รวบรวมและวิเคราะห์เอกสารจำนวนมาก และพยายามปล่อยข้อมูลที่ถูกต้องออกไป
นอกจากนี้ ขณะดำเนินการที่ห้อง เขายังคงทำงานในฐานะครูประจำชั้นอย่างไม่ละเลยหน้าที่
ตัวเธอเองนั้นได้พักผ่อนเพียงเล็กน้อยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
การทำงานที่มากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด กำลังฝืนตัวเองจนมีรอยคล้ำใต้ตา แต่อินด้าก็พยายามปิดบังด้วยการแต่งหน้าแบบหนักๆ
「อินด้า ช่วงบ่ายน่ะไม่เป็นไรหรอก หลังจากรายงานเรื่องนี้เสร็จกลับบ้านไปพักผ่อนนะเข้าใจไหม」
「แต่ว่า……!」
อินด้าพยายามจะเถียงจิฮัด
เดิมทีเธอไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนอารมณ์ได้ง่ายๆ
ถึงกระนั้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่ต้องทำอะไรในตอนนี้
ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถเปิดช่องโหว่ให้คนภายนอกได้เห็น เพราะงั้นเธอจึงอดหลับอดนอนทำงาน
「แน่นอน ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำในสิ่งที่ทำได้ต่อไป จนถึงขณะนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเราต้องทำเพราะการประมาท และพวกเราเองก็คงบังคัญเหล่านักเรียนไม่ได้มาก อย่างไรก็ตามอาจารย์คนสำคัญก็ดันฝืนตัวเองโหมงานหนัก จนเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะงั้นกลับไปพักได้แล้ว」
แต่ถ้ามันเป็นการรบกวนคนอื่นมันจะกลายเป็นอีกเรื่องทันที
ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่สามารถอนุญาตให้ทำอะไรต่อไปได้ในสถานการณ์แบบนี้ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง
「ตอนนี้มันจะแย่นะถ้าหากเธอไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเนี่ย」
จิฮัดเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบเอกสารออกมามัดหนึ่งแล้วยื่นให้อินด้า
ขณะที่สงสัยว่ามันคืออะไร อินด้าก็ดูเอกสาร และเมื่อเห็นก็ต้องตกใจ
「จะจะอาจารย์จิฮัดไปได้ข้อมูลพวกนี้มาจากที่ไหนกันคะ……」
เอกสารดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อมูลที่อินด้าค้นหาแทบตาย
เธอเบิกตากว้างและพยายามถามจิฮัดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาตอบโดยเอานิ้วชี้ปาก
อย่าได้ถาม
สายตาอันดุดันจ้องมองร่างของอินด้า อินด้านั้นพูดอะไรไม่ออก สูดลมหายใจเข้า
「ถ้างั้นก็เรื่องต่อไป อาการของโนโซมุคุงล่ะ?」
「……ยังอยู่ในภวังค์อยู่เลยค่ะ ร่างกายก็แข็งแรงดี แต่ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นขึ้น ไม่ทราบเหตุผลเช่นกันค่ะ?」
「ข้อมูลเกี่ยวกับเขาต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด หากมีใครได้รู้ความลับเหล่านี้ ประเทศต่างๆได้สั่นคลอนกันแน่นอน」
ทั้งสองได้ทราบแล้วว่า โนโซมุ เบลาตี้ เป็นดราก้อนสเลเยอร์ แต่ความจริงแล้วก็ยังมีข้อเท็จจริงนี่อยู่
ดังที่จิฮัดกล่าว การปรากฏตัวของเขาเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแน่นอนที่จะสั่นคลอนอำนาจของแต่ละประเทศ พลังของเขานั้นเป็นดาบสองคมด้วยเช่นกัน
การมีอยู่ของโนโซมุจะให้ใครทราบเรื่องนี้ไม่ได้
แม้ว่าจะไม่ได้ยืนยันความสามารถทั้งหมด แต่พลังพิเศษที่ปะทุออกมาจากร่างกายตอนที่เขาสู้กับเคนในเฟสสุดท้าย นั้นน่ากลัวอย่างมากทำให้จิฮัดถึงกับตัวสั่นเทา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จิฮัดอยากจะชื่นชมจากใจคือการที่เขาควบคุมตนเองได้ และไม่คิดจะใช้พลังพร่ำเพรื่อ
เขาได้ยินจากไอริสและอันริว่าเขาไปฆ่ามังกรได้ยังไงและเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เข้าเรียน
จิฮัดไม่สามารถบอกได้เลยว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาเขาต้องรู้สึกอะไรบ้าง
เขาต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากความไม่ลงรอย
ความโกรธและความขุ่นเคืองหมุนวนอยู่ในหัวใจของเขามากแค่ไหน? มันยากเกินไปที่จะพูดตอบกลับไปด้วยคำง่ายๆว่า “ข้าเข้าใจ”
ทันทีที่ได้รับพลังมาหลายๆคนบุคลิกจะเปลี่ยนไป จิฮัดเห็นได้บ่อยชัดจนเป็นคนละคนกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายทารุณแค่ไหนก็ตาม โนโซมุก็ไม่ได้คิดจะใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์เพื่อแก้แค้นใครเลย
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ความจริงนั้นแสดงให้เห็นที่ว่าโนโซมุนั้นเป็นมนุษย์ที่ก้าวข้ามผ่านอดีตอันเลวร้ายได้
「ยังไงก็ตาบต้องเก็บข้อมูลของโนโซมุ เบลาตี้ ไว้ทั้งหมด。」
「เขาเองก็ค่อนข้างโดดเด่นในตอนที่ต่อสู้จำลองที่ลานประลองเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วจะทำยังไงหากเขาถูกไล่ล่าในเวลานี้?」
「ความจริงที่ว่าการเป็นดราก้อนสเลเยอร์ไม่ได้รั่วไหลไปสู่ภายนอก และใช้การบิดเบือนข้อมูล หาเหตุผลอะไรก็ได้ที่มันดูเข้าท่า แต่ถ้าพวกนั้นไม่ฟังก็สามารถเอ่ยอ้างนามของข้าได้เลย ข้าจะรับผิดชอบในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเอง」
สิ่งที่เขาทำได้ก็คือกันสิ่งรบกวนที่จะเข้ามาปองร้ายกับตัวเขา อย่างน้อยก็จนกว่าที่เขาจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
ซอนเน่นั้นห่วงเรื่องนั้นมากกว่าใครอื่น
ตาแก่นั่นกล่าวไว้ว่าหากจัดการเรื่องของโนโซมุผิดพลาด เขาจะเผาเมืองนี้ให้เป็นจุล
คำพูดนั้นที่ได้ยินแล้วสบตากัน เหนือสิ่งอื่นใด จิฮัดที่รู้ถึง “ตัวตน” ของเขา ก็รู้ดีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่คำโกหก แต่เขาจะทำมันจริงๆแน่นอน
หากสิ่งต่างๆ ไหลไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุด เมืองนี้ก็จะมลายหายไป
「……」
「……แล้วพวกนักเรียนที่สถาบันล่ะคะ?」
จิฮัดนิ่งเงียบด้วยสีหน้าหนักใจ อินด้าลังเลที่จะเรียกเขา
「ในขณะนี้ พวกเราได้ประกาศการลงโทษเพิ่มเติมสำหรับการสร้างข่าวลือเสียๆหายๆแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เรียกได้ว่าเป็นนิสัยหรือความเรียบง่ายดีล่ะ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็จะไล่ออกเลย ในบางกรณี ก็ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนที่พยายามฝ่าฝืนมัน」
นอกจากนี้ไม่เพียงแต่นักเรียนเท่านั้น แต่อาจารย์เองก็ถูกลงโทษด้วยการ “ลดเงินเดือน”และ “ตักเตือน”
หากเป็นเรื่องใหญ่ก็จะถือเป็นการกำจักพนักงานบางส่วนออกไปเลย
「แล้วอินด้าจากข้อมูลที่ส่งให้เมื่อกี้ คืนนี้จะทำการจับหนูกัน เตรียมพวก “แสงดาว” ไว้ด้วย พอถึงเวลาก็ไปพักผ่อนซะนะ」
「ค่ะ」
ขณะที่ถูกครอบงำด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น อินด้าก็พยักหน้าเล็กน้อย
จิฮัดลุกขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง
ชั้นเรียนตอนบ่ายกำลังจะเริ่ม จิฮัดเหลือบมองไปที่ลานประลองผ่านหน้าต่างและออกจากห้อง
◆◇◆
ณ ลานประลองหลังเลิกเรียนของวันนี้ ได้ยินเสียงอันกระตือรือร้น
「ย๊ากกกกกกห์!」
ดาบใหญ่ของมาร์ตวัดขึ้นไปในอากาศและฟาดลงไปทางคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
「บ้าเอ้ย !? จินแกจะหลบทำห่าไรวะ ! ถ้าไม่รับแล้วมันจะรู้ไหมเนี่ย!」
「เอ่อก็รู้อยู่หรอก ! แต่ว่าอย่างน้อยก็ต้องห่วงแฮมเรีย กับ เดรก ด้วยสิ!」
「ไม่!」
ขณะที่ทอมมี่พยายามเบี่ยงเบนวิถีดาบใหญ่ที่มาใกล้ตัว แฮมเรียที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มร่ายเวทย์
นอกจากนี้ เดรกที่ล้อมรอบจากด้านข้างยื่นหอกมาด้านหน้า
「ฮ่าาาาาาาา!」
「อึก!」
มาร์ที่ถือดาบใหญ่ซึ่งฟาดมันออกไปด้วยมือขวา พลิกกลับมาด้วยหลังมือซ้ายราวกับยกหอกของเดรก
นอกจากนี้มาร์ยังเบนความสนใจไปที่ดาบใหญ่ที่เขาฟาด มีลมเข้าล้อมรอบและก็กวาดออกไปเป็นวงกว้าง
「ว๊ากกกกกกกกก!」
「อ๊าาาาาาาาาา!」
เขาไม่มีเวลามากพอที่จะรวบรวมสายลมให้เข้าด้วยกัน แต่ว่ากระแสลมอันรุนแรงก็ได้พัดร่างของทอมมี่และเดรกไปไกลหลายเมตร
「หนอย!」
「ไม่ยอมหรอก!」
มาร์พยายามไล่ตามอีกสองคน
อย่างไรก็ตาม “กระสุนวายุ” ก็ถูกยิงไปที่มาร์
「อึก!」
การเล็งนั้นแม่นมากแม้จะไม่ได้ทรงพลังเท่าของไอริส
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยห่างและเมื่อเขาใส่พลังคิลงในดาบใหญ่ เขาก็ฟาดฟันดาบใหญ่ที่มีมวลลมอัดแน่นไปข้างหน้า
เวทย์ของแฮมเรียเข้าปะทะกับการฟันของมาร์ทำให้อากาศระเบิดออกและเกิดควันโดยรอบ
「……เข้าใจล่ะ มีเป้าหมายแบบนี้เองเหรอ」
บริเวณโดยรอบแทบจะมองไม่เห็นเนื่องจากควันจำนวนมาก มาร์ที่โดนปิดกั้นการมองเห็นก็โดนบุกจากสองฝั่ง
「แผนของจินงั้นเหรอ…หรือบางทีอาจจะเป็นแฮมเรีย」
มาร์พยายามจับตำแหน่งที่ดาบใหญ่ฟาดฟันออกไป
ฝ่ายตรงข้ามมี 5 คน ไม่สำคัญเลยว่าจะโดนเข้าโจมตีจากทางไหน
จากด้านข้าง ด้านหลัง หรือ ทุกทิศทาง
มาร์ตั้งใจใช้หูฟังการเคลื่อนไหวโดยรอบและใช้สายตาสอดส่อง ร่างกายนั้นอยู่ในภาวะตึงเครียดปานกลาง
「อึก!?」
ทันใดนั้น ควันก็เคลื่อนเข้าใกล้ทางมาร์
เขาฟาดดาบใหญ่ที่อัดมวลลมไว้ออกไป
อย่างไรก็ตามมันฟันไปที่เพียงความว่างเปล่า
「ชิ ! แค่เสียงลมพัดงั้นเหรอ!?」
「ฮ่าาาาาาาาาาาห์!」
เงาปกคลุมตัวมาร์ที่ฟาดดาบใหญ่ออกไป
เมื่อแหงนหน้ามองก็มีเงาของนักเรียนหญิงคนหนึ่งกระโดดเข้าหามาร์
「ข้างบนหรอกเรอะ!?」
เป็นคามี่ที่ถือกริซไว้ในมือทั้งสองข้างที่กระโดดขึ้นมาเข้าโจมตีจากด้านบน
การโจมตีแบบทีเผลอจากฟากฟ้า ไม่ใช่จากด้านหน้า ด้านหลัง หรือซ้ายและขวา
มาร์ที่เพิ่งจะฟาดฟันใส่ลมที่จินปล่อยออกมาโดนดึงดูดความสนใจ
แถมตัวมาร์ที่ระแวงด้านข้างและการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงเพราะคาดไม่ถึงกับการโจมตีแบบนี้
「เข้าใจแล้ว!」
「ไม่ยอมหรอกน่า!」
อย่างไรก็ตามมาร์ไม่ยอมให้จบง่ายๆ เขากระแทกแขนซ้ายเข้ากับกริซนั่น
「หา!?」
「หืม!?」
แรงกระแทกอันรุนแรงที่แม้แต่คนๆเดียวก็ไม่น่าจะรับไหว และต้องโดนบดขยี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามมาร์จับกริซของคามี่ไว้ได้ด้วยแขนข้างซ้าย
จากนั้นเขาก็ส่งพลังไปที่แขนซ้ายและเริ่มมีสายลมเข้าปกคลุม
「ยาไบ……」
「ฮะฮะฮะฮะ!」
สายลมเข้าปกคลุมแขนซ้ายของมาร์และระเบิดขึ้นในทันที
ร่างกายของคามี่ปลิวไปและมาร์ก็รุกกลับ
ในช่องว่างนั้น จินและเพื่อนๆต่างใช้พลังเวทย์
「เดรก เข้าไปล้อมด้านข้างที!」
「โอเค!」
「ฮึบ!」
「โฮ่ว!」
เมื่อมาร์หยิบดาบใหญ่ขึ้นมาก็ปลดปล่อยมวลลมออกไปทันที
มาร์บังคับร่างกายที่ลอยอยู่ ใส่พลังคิเข้าไปโดยไม่คิดอะไรและกวาดดาบใหญ่ออกไป
「ขอโทษด้วย!」
ฟู่มม
ในเวลาเดียวกันลมพัดผ่านหน้ามาร์และแรงกระแทกรุนแรงก็กระทบจินและเพื่อนๆ
「บ้าเอ้ยยยยยยย!」
「อุหว๊ากกกกก!」
การโจมตีนั้นรุนแรงมากจนผลักพวกจินปลิวไปไกล
อย่างไรก็ตามจินและเพื่อนๆก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นตลอด
พวกเขาถอยหลังและแบ่งกองกำลังออกเป็นสองส่วน
「บ้าเอ้ย แบบนี้ก็เข้าใกล้ไม่ได้สิ……」
「อืมมมม ไกลไปหน่อย……」
เดรกและคามี่ต่างพูดด้วยความเสียใจ อาจเป็นเพราะมั่นใจในการโจมตีก่อนหน้านี้
「อืม ถ้าให้เดานะ? พยายามจะเป็นเหมือนกับโนโซมุในแบบฉบับของตัวเองอยู่รึเปล่า?」
「ก็อาจจะใช่ การโจมตีแบบทีเผลอที่ใช้ควันก็เป็นแบบที่โนโซมุเคยใช้ในการฝึกพิเศษ และเขาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ชั้นยอดนี่」
「กล้าพูดขึ้นเยอะเลยนะ……」
ในทางกลับกันมาร์ที่เอาชนะการโจมตีของพวกจินได้ เห็นจินคิดกลยุทธ์แบบนั้นออกมาเขาก็อดที่จะหุบยิ้มไม่ได้เลย
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างยิ้มให้กัน พวกเขาต่างจ้องตากัน ตั้งสมาธิจดจ่อ เพื่อไม่ให้พลาดทุกการเคลื่อนไหว
มาร์ปรับตำแหน่งดาบใหญ่
「เอาล่ะ ถ้างั้นจะลุยต่อแล้วนะ ยังไหวกันอยู่ใช่ไหม?」
มาร์ยิ้มและยั่วพวกจิน
จินยกมือขวากวักมืออย่างเงียบๆเพื่อตอบกลับ ทุกคนต่างเตรียมตัวพร้อม
ต่อมาก็มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงมาร์พุ่งออกไปเข้าใส่จินและพรรคพวก
พลังที่รวบรวมและพรที่ได้รับมานั้นเขาใช้มันเข้าโจมตีพวกจิน
ต่อหน้าแรงกดดันอันรุนแรงของมาร์ มือขวาของจินก็เหวี่ยงลงอย่างแรง
ในเวลาเดียวกัน เดรกและทอมมี่ก็กระโดดเข้าหามาร์ในฐานะแนวหน้า
จินและคามี่นั้นตามหลังไปและแฮมเรียที่เริ่มร่ายเวทย์
วินาทีถัดมา มาร์กับทั้งห้าคนก็เข้าปะทะกันอีกครั้งที่ลานประลองที่ถูกย้อมไปด้วย สีแดงเทือก
◆◇◆
ทิม่าและฟีโอกำลังดูการต่อสู้จำลองโดยเพื่อนร่วมชั้นห้อง 10 ที่มุมหนึ่งของสนามฝึกซ้อม
ฟีโอมาถึงที่ๆมาร์และทิม่าแอบมาพบกันบ่อยๆพร้อมกับดูการฝึกของจิน
จนถึงตอนนี้ ห้าคนรวมกัน จิน เดรก แฮมเรีย คามี่ และ ทอมมี่ กำลังต่อสู้กับมาร์
อันที่จริงมาร์และจินนั้นมาฝึกเป็นครั้งคราวเนื่องจากเคยฝึกพิเศษด้วยกัน
ตอนนี้โนโซมุหลับอยู่ และไอริส คนอื่นๆต่างก็ยุ่งอยู่กับการดูแลโนโซมุ ดังนั้นเมื่อเร็วๆนี้การฝึกกับพวกจินเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ
「มาร์อย่าแพ้นะโว้ยยย~~」
ขณะที่นั่งดูอยู่นั่นเองฟีโอก็จ้องมองอย่างสนใจ
เดิมทีมาร์มาที่สถาบันโซลมินาติเพื่อค้นหาพลัง แต่ว่าการฝึกอบรมเช่นนี้เองก็เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของเขาเช่นกัน
「โนโซมุกำลังนอนหลับอยู่ แต่เขาก็ละเลยการฝึกไม่ได้ และ ตอนนี้ก็เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นแล้วด้วย……」
แน่นอนว่าโนโซมุต้องล้มป่วยลงนอน และ แทบไม่มีอะไรที่มาร์ทำได้
เขาเป็นคนใจร้อนและการกระทำเองก็ค่อนข้างบ้าบิ่น
ความคิดที่ไม่มีที่ไปต่างก็ถูกมาระบายในการฝึกครั้งนี้
「อืม มาร์อาจมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับโนโซมุ~」
「แต่ไม่เบื่อการฝึกเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ? ทุกวนันนี้ก็ไม่ได้ฝึกสกิลผสาน แค่ใช้ความคิด……」
อย่างที่ทิม่าพูด มาร์กับจินนั้นเข้าสู้กันบ่อยครั้งเป็นเพราะศึกที่โนโซมุต้องแลกเลือดกับเคน
โดยที่เขาไม่พยายามใช้พลังเวทย์เลยแม้แต่น้อย เขายังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมด้วยการต่อสู้ด้วยพลังคิ
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เขาสนุกกับการพูดคุยกับพวกจินด้วย
「ไม่ต้องกังวลเรื่องโนโซมุหรอกน้า~」
「ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่มาร์ก็พูดว่า “อีกสักพักหมอนั่นก็เงยหน้าขึ้นมาเอง”……」
「อืม คิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ หรือว่าสนใจเขา……」
「หืม? ไม่หรอกไม่ว่าใครก็ต้องห่วงเกี่ยวกับโนโซมุ……」
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามาร์เป็นห่วงโนโซมุ แต่ทิม่าเองก็รู้สึกว่ามันแตกต่างจากไอริส
「แล้วตอนนี้ซีน่าอยู่ไหนงั้นเหรอ?」
「ที่ห้องพยาบาลกับโนโซมุละมั้ง เจ้าหญิงผมดำเองก็ด้วย?」
ทิม่าพยักหน้าสำหรับคำถามที่กลับมา
「ไอริส ตอนนี้สีหน้าเป็นยังไงงั้นเหรอ?」
「ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ แต่ดูเหมือนว่ากำลังเครียดอยู่แน่เลย」
ทิม่าจำการปรากฏตัวของเพื่อนสนิทของเธอที่เงียบตลอดเวลาในห้องเรียน
ปากนั้นปิดแน่นเป็นเส้นตรงแน่น และตลอดเวลาที่เขากำลังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เป็นสถานพยาบาลของสถาบันกลอวรัมที่ตรงกับสายตาของเธอ
「……อืมมมม ซีน่าเองก็อาการเดียวกันเลย แถมาจารย์ก็โกรธด้วย」
จากคำพูดของฟีโอดูเหมือนว่าไอริสจะไม่ใช่คนเดียว
ในกรณีนี้เองซีน่าก็ถูกอาจารย์เตือนหลายครั้งระหว่างเรียน แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใดๆ และดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นและโดนฟาดหัวเข้าให้
「อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากชั้นเรียนได้จบลง ก็ออกจากห้องเรียนไปพร้อมกับบ่นอะไรบางอย่าง มิมูรุเองก็พยายามจะทัก แต่ดูเหมือนก็ไม่ได้สังเกตอะไรเลย พอออกจากห้องเรียนก็รู้สึกว่าหน้าแดงอย่างน่าประหลาด……」
ฟีโอเอียงคอ ขณะนึกถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีน่า
ฟีโอคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเปล่งเสียงออกมาก็พูดว่า “ขอโทษที” และยังคงถามซีน่าต่อไป
ชายหนุ่มหางจิ้งจอกคนนี้ก็ไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นอะไรเป็นพิเศษเหมือนกับมาร์
ความไว้วางใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบนั้น
เป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายละมั้ง?
ทิม่าหันไปหามาร์อเีกครั้งที่ยังคงสู้อยู่
「เพื่อนสนิทของเจ้าหญิงผมดำคนนี้คิดอย่างไรกับท่าทางอันไร้เดียงสาของเธอกันล่ะ?」
「……ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนจะเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของโนโซมุไม่ตกเลยล่ะ แถมยังเรื่องลิซ่าซังอีก」
เป็นเรื่องยากสำหรับไอริสที่จะออกจากห้องเรียน แต่บางครั้งเธอก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับลิซ่ามาก
ดูเหมือนนักเรียนรอบตัวจะไม่สังเกตเห็นและทิม่ารู้สึกได้อย่างชัดเจน
ในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องแปลกไอริสไม่ได้พูดอะไรต่อคนที่มุ่งร้ายต่อลิซ่า ปกติแล้วเธอเป็นคนตรงๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะยอมแพ้
「อืม เจ้าหญิงผมดำเองก็มีปัญหาเหมือนกันสิน้า~」
「ไม่หรอก……」
บางทีไอริสอาจจะอิจฉาลิซ่าก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ทิม่ารู้สึก
โนโซมุและเพื่อนๆต่างก้าวเข้ามาอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกันได้ก็เมื่อหลังจัดการมังกรแห่งความตาย แต่โนโซมุเองก็ไม่ได้บอกว่าอยากจะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอคนนั้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนในตอนนี้ ถ้ามัวแต่ละสายตาจากความเป็นจริงตรงหน้า สิ่งนั้นก็จะแก้ไขไม่ได้อย่างแน่นอน โนโซมุอาจจะรู้สึกเร่งรีบอยู่ก็ได้
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าไอริสและซีน่าที่คอยเฝ้ามองเขาอย่างใกล้ชิดรู้สึกแบบไหน
หลายปีที่ต้องทุกข์ทนกับความขุ่นเคืองและความโกรธที่ไร้เหตุผล รู้สึกอย่างไรขณะที่เขาพูดไปขณะต้องปกปิดความลับเอาไว้
ถ้าเธอได้อยู่ตรงนั้นในฐานะเพื่อนสนิทล่ะ
ทิม่าพยายามจินตนาการขณะที่มาร์คุยกับหญิงอื่นต่อหน้าเธอ
เขาที่จับมือกับผู้หญิงคนอื่นที่กำลังร้องไห้และกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดที่จะพูดออกไป
และไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่มองจากสถานที่อันห่างไกล
「อึก!」
แค่คิดก็กระวนกระวายแล้ว
อย่างไรก็ตามไอริสและซีน่ากำลังเผชิญหน้ากับ เรื่องแบบนั้นในความเป็นจริง
เพราะสามารถมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเพียงแค่ครั้งเดียว ความรู้สึกของการสูญเสียอธิบายได้ยาก
「อืม ถ้างั้น พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อกับไอ เธอก็เหมือนกับโนโซมุคุงเก็บความเจ็บปวดไว้ในจิตใจ……」
「ยากที่จะคุยกับโซเมียที่เป็นน้องสาวของเธอสินะ มันอาจจะดีกว่าก็ได้~」
พอคิดได้ก็วิตกกังวลมากขึ้น
นึกแบบนั้น ก็คิว่า “ไม่ควรทำจริงๆ”
「แล้วเจ้าหญิงผมแดงล่ะจะทำยังไง~」
「นั่นสินะ……」
ควรจะทำยังไงดีล่ะ
โนโซมุ ไอริส ลิซ่า ซีน่า ความคิดของทั้งสี่คนทำให้เธอสับสน
ราวกับใยแมงมุมที่พันกันอย่างประณีต
「ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป~จริงๆ」
ทิม่าเองก็หมดคำพูดเหมือนกับฟีโอ
สักพักความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งสอง
「อย่างไรก็ตาม ! ฉันจะคุยกับไอเอง ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็อยากให้เธอได้ระบายบ้าง อย่างน้อยก็ให้เธอได้ผ่อนคลาย……」
「มันอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ฝากด้วยนะ」
ฟีโอยิ้มอย่างขมขื่นให้กับทิม่าที่แสดงความกล้าเล็กน้อย
จากนั้นฟีโอก็แสดงสีหน้าจริงจังราวกับเขานึกอะไรออก
「อ้อ เช้านี้ได้คุยกับมาร์ดีๆแล้วใช่ไหมเอ่ย? เพราะตอนนั้นก็ได้มีเวลาเป็นโลกส่วนตัวของทั้งสองคนเลยนี่น่า จากนี้จะคอยจับตาดูนะ」
「เอออ๋!?」
ฟีโอแสดงสีหน้าจริงจังและจู่ๆก็พูดเรื่องไร้สาระจนทิม่าเผลอร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เช้านี้ทิม่าและมาร์ก็ได้สร้างโลกส่วนตัวระหว่างทั้งสองที่ประตูทางเข้าสถาบัน
ปรากฏการณ์แสนหวานฉ่ำนั่นทำให้ทุกคนที่เดินผ่านก็ถึงกับเลี่ยนเลยทีเดียว
ใบหน้าของทิม่าที่นึกถึงภาพตอนเช้าได้ขึ้นมาก็ย้อมไปด้วยสีแดงสด
ปฏิกิริยานั้นง่ายจนเข้าใจได้
「หืมมมมม ! แสดงว่ามีความคืบหน้าใช่ไหมเนี่ยดูจากสีหน้าแล้ว ??? บางทีอาจจะถึงขั้นสารภาพรักเลยรึเปล่า!?」
ทันใดนั้นฟีโอก็รุกหนัก
สิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้ก็คือไม่มีใครมาหยุดฟีโอ
「หรือว่าจะได้จูบกันแล้ว?? ไม่มีทางอย่าบอกว่า “ชั้นต้องการเธอ~!” จากนั้นก็เกิดสถานการณ์แสนหวานฉ่ำ……」
ท้ายที่สุดฟีโอก็ไม่ยอมหยุด ทิม่าก็เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
「เหเหะ ~! เข้าใจแล้ว ตรัสรู้แล้วววววว ! ภาพของแม่สาวผู้ครอบครองพลังการสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่และบิดเบี้ยวนี่ มีมูลค่ามากกว่า 100 เหรียญทอง……」
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่างกับเมื่อเช้า
ในเวลานั้นไม่มีใครจะมาหยุดมาร์ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
「เออออออออออออออออออออออออออออออ๋! ฮะฮะฮะฮะ!」
「เอ๋?……ฟุเกี๊ย!」
วินาทีต่อมาฟีโอตกใจอย่างแรง
แสงวาบอันแรงกล้าพุ่งเข้าไปตรงสายตาของฟีโอและตกกระทบพื้นทันที
หลังจากนั้นทิม่าก็หนีออกจากจุดนั้นเพราะเธออายมาก มาร์และเพื่อนๆต่างก็มองดูเธอที่กำลังวิ่งหนีไปอยู่
「ทำอะไรของแกฮะ ไอเวรนี่……」
「ฟุฟุ วันนี้จะยอมยกประโยชน์ให้จำเลยก็ได้ฮิฮิ……」
มาร์ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของฟีโอที่พูดก็ได้แต่สงสัย
มันน่าขนลุกที่จะพูดอย่างชัดเจนใบหน้านั้นแสดงความบูดบึ้งออกมาอย่างเห็นได้ชัด
จริงๆแล้ว ดูเหมือนว่าหากไม่อยากคุยมันก็จะไม่คุย เบือนหน้าหนีไปทางเมืองทันที
「……ไม่สนใจหรอก แต่สีหน้าตอนนี้เหมือนกับพวกตาแก่โรคจิตเลยวะ」
「……เอ๋?」
「อืมระดับเดียวกันเลยล่ะ」
「บุเอ๋!?」
คำพูดที่โหดเหี้ยมเข้าเสียดแทงฟีโอ
บางทีเพราะมันดูช็อคมากก็เลยเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างฟีโอ
「มาร์คุง….ทำอะไรลงไป?」
「……ไม่ได้ทำอะไรหรอก」
มาร์ปล่อยฟีโอที่จิตใจแหลกสลายออกจากที่นี่
ดูเหมือนว่าจินและเพื่อนๆก็กำลังสงสัย แต่พวกเขาคิดว่าไปมีส่วนร่วมคงไม่ดีแน่ เลยออกจากสถานที่นี้
ในท้ายที่สุด ฟีโอก็หมดสติไป ถูกทิ้งไว้อย่างน่าเศร้าโดยไม่มีใครพบเห็นจนกระทั่งกลางดึก