[นิยายแปล]พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อม"หัวใจ"สู่ หัวใจ - ตอนที่ 106
บทที่6ตอนที่23
ในห้องของสถาบันซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สอบสวน มีสมาชิกหลักที่รับผิดชอบการดำเนินการทำหน้าที่ในการกลั่นกรองข้อมูลต่างๆ
วงกลมเวทย์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหลายเมตรตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และฉายแสงจางๆออกมาที่ละน้อย
ณ ใจกลางวงเวทย์มีการวางหินรับสารเอาไว้ และมีการส่งรายงานเป็นครั้งคราวจากที่ต่างๆ
ทิม่าจับมือของเธอเอาไว้ที่หินรับสารและปล่อยพลังเวทย์ไปรอบๆและซีน่าเองก็ใช้พลังภูติที่รวบรวมมาปล่อยใส่พลังเวทย์ตรงหน้า
วงเวทย์ที่วาดอยู่ที่พื้นทำให้หินรับสารนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทอมและอินด้าก็พยายามอยากหนักเพื่อคงวงเวทย์ไว้ และจิฮัดกับเมาส์ที่อยู่ใกล้ๆก็กำลังกางแผนที่ดูบนโต๊ะ
ชิ้นส่วนของสีต่างๆถูกวางไว้บนแผนที่ และตำแหน่งของชิ้นส่วนจะเปลี่ยนไปในช่วงเวลาหนึ่งตามผลรายงาน
「ท่านจิฮัดเกี่ยวกับเธอคนนั้นที่เป็นคนร่วมแผนการ……」
「ก็ไม่มีใครเหมาะจะทำงานนี้เท่ากับเธออีกแล้ว และทักษะของเธอก็เพียงพอที่จะป้องกันตนเองได้ในระดับหนึ่ง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร……」
จิฮัดอธิบายอย่างเช่นเจนต่อเมาส์
จิฮัดถอดคามิลล่าออกจากแผนการไล่ล่าชั่วคราวและได้มอบหมายให้ผู้ติดตามคนหนึ่งไล่ตามเคนไปส่วนอีกคนคอยคุ้มกันคามิลล่า
「จากศูนย์กลางสู่ “หน่วยแสงดาว” ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?」
เมื่อจิฮัดส่งเสียงไป ก็มีเสียงบางๆตอบกลับมาที่หินรับสาร
“เป้าหมายแยกกับคนสนิทแล้วและเข้าไปในซอยหลังเขต ที่ไม่มีคน”
จิฮัดพยักหน้าอย่างพึงพอใจต่อคำตอบของผู้ติดตาม
จากข้อมูลที่ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่องชิ้นส่วนต่างๆค่อยๆประติดประต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็ดูแผนที่ๆกางไว้
「คามิลล่าคุงเธอไม่มีปัญหาใช่ไหม?」
“ ฮ่ะ คู่หูของเราได้อยู่เคียงข้างเธอแล้วในกรณีฉุกเฉิน”
「ถ้างั้นก็ไล่ตามเป้าหมายไปเรื่อยๆนะ」
“รับทราบ”
หลังจากตอบกลับมาเช่นนั้น แสงของหินรับสารก็จางหายไปพร้อมกับเสียงที่ถูกตัดขาด บางทีอาจจะรีบมุ่งหน้าไปหาเคน
「อินด้าและคนอื่นๆล่ะ?」
「รออยู่ที่ใกล้เขตปกครองกับเขตการค้า ทีม A และ B กำลังรอเป้าหมายอยู่ในเขตปกครอง ส่วนทีม C และ D คอยตามหลังอยู่ค่ะ」
อินด้าตอบคำถามของจิฮัดอย่างกระชับหนักแน่น แต่ไม่มีการเปลี่ยนของพลังเวทย์ที่เธอยังคงส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกันใบหน้าของทอมที่ควบคุมพลังเวทย์นั้นดูจริงจังและท่าทางก็ดูเกร็งๆเพราะอาจจะยุ่งกับการควบคุมวงเวทย์
「พยายามได้ดีเลยนะ อาจารย์อินด้า」
พวกนักเรียนคนอื่นๆเองก็เป็นกุญแจสำคัญในการปฏิบัติการครั้งนี้และยังคอยสนับสนุนจิฮัดด้วย ไม่เพียงแต่ต้องชื่นชมทอมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเมาส์ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่จิฮัดและอินด้าก็เฝ้าดูสถานการณ์อย่างสงบและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างแม่นยำ
ระยะห่างระหว่าง สีแดง ที่หมายถึงตัวเคน กับสีน้ำเงินที่เป็นพวกเหล่าทหารกำลังแคบลงเรื่อยๆ และชิ้นส่วนสีน้ำเงินที่รออยู่ด้านหลังก็พร้อมจะบดขยี้เคนในเวลาเดียวกัน
ข้างหน้าก็มีการล้อมจับอย่างหนักแน่น จิฮัดฟังรายงานที่มาจากหินรับสาร
“ตรวจพบปฏิกิริยาเวทมนตร์จากศูนย์กลาง และเป้าหมายกำลังถูกปกคลุมด้วยน้ำจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ในไม่ช้า”
ผู้ติดตามที่กำลังดูเคนอยู่ก็ส่งเสียงดังออกมา
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตึงเครียด เมื่อพิจารณาจากคำว่า “ปฏิกิริยาพลังเวทย์” และ “น้ำ” ซึ่งมันก็เกือบจะแน่ใจแทบจะร้อยเปอร์แล้วว่าเคนเป็นคนใช้ “หน้าการน้ำสะท้อนใจ”
「เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลาปฏิบัติงานแล้ว ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปฏิกิริยาของหินเวทย์ ติดต่อและตรวจสอบเป้าหมายต่อไป」
“ทีม A รับทราบ”
“ทีม B รับทราบ”
“ทีม C และ D รับทราบ”
การตอบสนองดังมาจากทั่วทุกที่
การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ตราบใดที่แปลงเป็นบุคคลอื่นแล้วก็ต้องพึ่งความสามารถของหินเวทย์
คอยติดตามหาทางหนีทีไล่ของเป้าหมายและจับกุมในคราวเดียว และพยายามจับดูว่าเป้าหมายจะลงมือทำอะไร
เมื่อทีม 2 ใน 4 อยู่ในเขตการปกครองจะไปหาผู้ต้องสงสัยและอีกสองทีมที่เหลือจะดักทางหนี
นอกจากนี้ครึ่งหนึ่งของบุคลากรที่ประจำทิศเหนือและใต้ นั้นอยู่ใกล้กับเขตการปกครอง ในกรณีฉุกเฉิน พวกเขาจะย้ายเข้าไปหาเคนและปิดกั้นเส้นทางหลบหนี
「ถึงกระนั้น ถ้าทำได้ก็ให้จับกุมโดยเร็วที่สุด กรณีนั้นให้ ทีม A และ ทีม B เข้าชาร์จเป้าหมายก่อน และทีม C และ D คอยปิดล้อมจากด้านหลัง หลังจากพบเป้าหมาย……」
ถ้าเคนทำตัวน่าสงสัย ก็ลงมือกระทำการเข้าจับกุมในทันที มิฉะนั้นก็ไม่สามารถล้อมเขาได้แน่
ทันทีที่พยายามถ่ายทอดคำสั่งไปยังส่วนต่างๆ ผ่าน หินรับสาร แสงของหินรับสารที่ส่องจางๆก็เริ่มกระพริบเพราะวงเวทย์ไม่เสถียร
「หะ !? นี่มัน!」
ต่อจากนั้นทิม่าและเพื่อนๆก็มองไปที่หินรับสารที่เริ่มเปล่งเสียงแตกร้าว
「หินเวทย์มัน? ทำไมล่ะ!?」
อินด้าที่สังเกตการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็รีบบอกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว และพยายามควบคุมพลังเวทย์ แต่ว่าพลังเวทย์มันเอ่อล้นออกมาจากหินเวทย์ไม่ลดลงเลย
「เกิดอะไรขึ้น!」
「ไม่เข้าใจเหมือนกัน ! พลังเวทย์มันเอ่อล้นออกมา……」
จิฮัดส่งเสียงดัง แต่พลังเวทย์นั้นก็ควบแน่นดุเดือดมากราวกับเปลวไฟที่ลุกไหม้
「ท่าไม่ดีแล้ว ! ทุกคนก้มลง!」
วินาทีถัดมาก็มีแสงสว่างกระจายไปทั่วทั้งห้อง และเสียงคำรามและคลื่นกระแทกก็ทะลุผ่านห้องสำนักงาน
◆◇◆
ณ มุมหนึ่งของเขตการปกครองที่ไม่ค่อยมีคน ส่วนหนึ่งของเงาของบ้านที่ส่องสว่างด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงกำลังพลิ้วไหว เมื่อเหล่ตาไปมอง ก็เห็นประชาชนธรรมดากำลังพูดกัน
「ถึงศูนย์กลาง ผู้ต้องสงสัยเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปีเพศชายกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือ」
เป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ติดตามเคนซึ่งพยายามสื่อสารกับศูนย์กลาง
เขาทิ้งคามิลล่าไว้กับเพื่อนของเขา และเขาก็ไล่ตามผู้ต้องสงสัยมา
「ศูนย์กลาง กรุณาตอบกลับด้วย?」
ผู้ติดตามพยายามรายงานสถานการณ์ของเคน ผู้ต้องสงสัยกำลังเปลี่ยนโฉม อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบรับหลังจากรายงานไปแล้ว แต่ก็พยายามสื่อสารอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ และหินเวทย์ก็ยังทำงานปกติ
หากมองไปยังที่ๆส่องแสงสีแดงก็ยังคงทำงานอยู่
มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
คำถามวิตกกังวลครอบงำจิตใจ ผู้ติดตามตัดสินใจอย่างใจเย็น จ้องไปที่หินเวทย์ที่ไร้ประโยชน์
เคนซึ่งกลายเป็นชายวัยกลางคนกำลังเดินอยู่ตรงหน้าและพยายามจะเปลี่ยนรูปลักษณ์หลายๆรอบเพื่อบังตาพยานพบเห็น
「ละสายตาไม่ได้เลย……」
ผู้ติดตามไม่ได้ดูถูกความสามารถของอีกฝ่ายแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักเรียน
ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่มีความสามารถแรงค์ A ได้เพราะความสามารถส่วนตัว และแม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการถูกไล่ล่าแบบนี้ หากเป้าหมายมองเห็นและวิ่งหนี การดำเนินการทั้งหมดก็จะสูญเปล่าแน่ๆ แถมยังเป็นตัวปัญหาของการรักษาความปลอดภัยของเมืองในอนาคต
「โชคดีที่การปิดล้อมใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ใบบางกรณีอาจจะบรรลุเป้าหมายด้วยการลงมือตัดสิน……」
ผู้ติดตามพยายามทำภารกิจให้เสร็จสิ้น แม้จะสื่อสารกับศูนย์กลางไม่ได้แล้วก็ตาม ขณะที่เขาเดินออกจากเงาอาคารไปอย่างเงียบๆ เขาพยายามตามผู้ต้องสงสัยโดยห่างจากเป้าหมาย 20 เมตร และไล่ตามต่อโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ในที่สุดเคนก็เปลี่ยนเส้นทางและหายตัวไปในในเงามืดของบ้าน
ผู้ติดตามพยายามตามไปอย่างรวดเร็วขณะตรวจสอบสภาพโดยรอบ
และเมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีร่องรอยของมนุษย์นอกจากผู้ต้องสงสัย เคนก็อยู่ติดที่มุมบ้านที่เขาหายไป และพยายามมองหาเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามก็ต้องตกใจเพราะมีบางอย่างมาจิ้มคอ
「อะไร……」
พร้อมกับการมองเห็นที่พร่ามัว พลังก็ถูกปลดปล่อยไปที่ขา
เขาไม่เข้าใจเหตุผล ไม่มีอะไรนอกจากสัญญาณของผู้ต้องสงสัย และผู้ต้องสงสัยก็ยังห่างจากตัวเขา
ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นราวกับตุ๊กตาที่ด้ายขาด
จิตสำนึกของเขาค่อยๆถอยห่างออกไป ใน พระอาทิตย์ที่กำลังตกลง และภาพเบลอก็สะท้อนเงาเหนือเขา
เงาคลุมทั้งตัวด้วยเสื้อคลุม และไม่สามารถระบุใบหน้าและแม้แต่เพศได้ ทั้งหมดที่เห็นก็คือเงาเท่านั้น
เมื่อร่างนั้นเหลือบมองผู้ติดตามที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว ได้ เขาก็หยิบถุงที่ส่องประกายออกมาจากอกของเขา และกระจายมันไปในอากาศ
สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าคือผงเวทย์ที่เปล่งประกายในค่ำคืน ระยะการมองเห็นของผู้ติดตามก็ปิดลงอย่างสมบูรณ์
◆◇◆
ทหารที่อยู่ในเขตปกครองและสร้างเครือข่ายปิดล้อมเคนก็รู้สึกตกใจกับเครือข่ายการสื่อสารที่หยุดชะงักกะทันหัน แต่ว่าก็ยังพอสงบสติอารมณ์ได้
ทหารต่างมองหน้ากันขณะซ่อนตัวอยู่หลังบ้านเนื่องจากปฏิบัติการลับ ชุดของพวกเขาจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าพวกนักผจญภัย และใบหน้าของเขาก็เปื้อนสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองในระดับหนึ่ง
「ติดต่อกับศูนย์กลางได้ไหม?」
「ไม่เลย ติดต่อไม่ได้……」
ไม่ว่าพยายามสื่อสารมากแค่ไหน ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากหินเวทย์สีแดงที่เรืองแสง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หัวหน้ากลุ่ม A ซึ่งรวบรวมกองกำลังทหารอยู่ในเขตปกครอง เงยหน้าขึ้นราวกับตัดสินใจบางอย่าง
「……ช่วยไม่ได้ ในกรณีเลวร้ายที่สุดก็ต้องจับผู้ต้องสงสัยด้วยตัวเราเอง」
คำพูดของหัวหน้าทำให้เพื่อนๆที่อยู่ที่นั่นพยักหน้าเล็กน้อย
เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบในวงกว้าง แต่ถ้าสมาชิกอยู่ในเขตปกครองก็อาจร่วมมือกันได้
「โชคดีที่เราอยู่รายล้อมผู้ต้องสงสัย ทีม C และ D ควรรักษาเครือข่ายการปิดล้อมตามที่เป็นอยู่ ทีม A และ B รีบเข้าปิดล้อม เข้าหาเป้าหมายขณะที่ให้ความสนใจที่หินเวทย์ ส่วนทางนี้จะไปปกป้องผู้ร่วมแผนการ」
「เข้าใจแล้ว จะส่งผู้ส่งสารไปยังกลุ่ม B C และD」
ผู้ส่งสารเริ่มเคลื่อนไหวทันทีและวิ่งไปยังตำแหน่งของกลุ่มอื่นที่ทราบก่อนการสื่อสารจะถูกขัดจังหวะ
「ไปกันเถอะ」
บอกแบบนั้นและก็หยิบหินขึ้นมา หินเวทย์ที่ถูกถึงออกมาปล่อยแสงสีแดงจางๆ เหมือนกับคนอื่นๆว่ามีตัวตนที่มีพลังเวทย์ใกล้เคียงอยู่แถวๆนี้
「ทุกคนเป้าหมายอยู่ใกล้ๆ รีบออกค้นหาขณะมองดูหินด้วย!」
ตามคำสั่งของหัวหน้าสมาชิกก็กระจายไปรอบๆราวกับว่าเริ่มดำเนินการ และค้นหาเคนด้วยหินเวทย์ในมือ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า สมาชิกจะอยู่ห่างกันแล้วแต่หินเวทย์ยังคงส่องแสงสีแดง
「หมายความว่าไง?」
「มีปฏิกิริยาที่นี่เช่นกัน แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน!」
เสียงของสมาชิกสับสนดังก้องไปทั่ว
「ใจเย็นๆ บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นที่นั่นก็ได้ ถ้างั้นรีบไปที่ๆผู้ต้องสงสัยอยู่ ก่อนที่การสื่อสารจะถูกตัด เมื่อถึงตอนนี้ความผิดปกติอาจจะกลับมาก็ได้」
สมาชิกไม่พอใจกับการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของหัวหน้าก็กลับมาสงบได้ในทันที
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมาถึงสถานที่นั้น ผู้ต้องสงสัยเคนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่และที่นั่น และหินเวทย์ยังส่องแสงอยู่
และหินเวทย์ยังคงส่องประกายไปทั่วทุกทิศ ทำให้หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่เจอ
◆◇◆
ไม่ใช่แค่ทีมในเขตปกครองเท่านั้น ที่สับสน กับผลกระทบของเครือข่ายสื่อสาร เช่นเดียวกับกลุ่มต่างๆในเขตปกครอง เช่นเดียวกับกลุ่มต่างๆ ในเขตปกครองและเขตการค้า
มีพวกมาร์และมิมูรุอยู่ในกลุ่มหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่การค้าและพวกเขามองดูหินสีน้ำเงินที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าที่ยากลำบากซึ่งกันและกัน
「แล้วจะทำยังไง หินนี่ไม่มีประโยชน์แล้ว?」
มิมูรุหยิบหินในมือขึ้นมาเขย่า
「……ถ้าทุบมันจะหายรึเปล่า?」
「ถ้าใช้พลังโง่ๆเฉยๆก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ มาร์คุงเองก็เป็นพวกสมองกล้ามถ้ามันระเบิดขึ้นมาเดี๋ยวก็แย่กันหมดหรอก?」
「หมายความว่าไง」
มาร์จ้องมองไปที่มิมูรุ ด้วยตาของเขาราวกับกำลังหงุดหงิด แต่ มิมูรุ เองก็มองไปที่หินเวทย์เวทย์และบ่น “ อะ อะ “ ขณะพยายามแกล้งมาร์
「ไม่ เอ่อมันไม่ตอบ ดูเหมือนจะทำงานกับพลังเวทย์เท่านั้น……」
นอกจากมาร์ที่ถอนหายใจ เมื่อมิมูรุใส่พลังเวทย์ลงหิน หินก็ส่องแสงสีแดงจางๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหากับสิ่งนี้ แต่ก็การสื่อสารก็ไม่ได้เชื่อมต่อไปทุกที่
มาร์และมิมูรุที่ไม่มีความรู้แบบนี้ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ พวกเขาจึงซบไหล่กัน
「ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่คนเดียวนะ……」
มิมูรุเหลือบมองไปด้านข้างและมองไปเพื่อนรอบข้างและทหารก็พยายามติดต่อกับศูน์ยกลาง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใส่พลังเวทย์เข้าไปมากแค่ไหน หินเวทย์ก็แค่เรืองแสงและทำอะไรไม่ได้
ในที่สุด เหล่าพวกทหารก็คิดว่าติดต่อไม่ได้แล้ว
「แล้วจะเอายังไง?」
「ตราบใดที่การสื่อสารใช้การไม่ได้ ก็ต้องรอผู้ส่งสารเท่านั้น โชคดีที่เรารู้ว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ในเมืองจนกระทั่งการสื่อสารถูกตัดขาด」
เห็นได้ชัดว่าทหารจะคงอยู่ในสถานที่เป็นอยู่ซึ่งในขณะหนึ่งมีความปลอดภัยระหว่างพื้นที่ทั้งสอง
「แล้วไอริสและฟีโอล่ะ?」
「ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลย ถ้าการสื่อสารกับศูนย์กลางยังทำงานได้ ก็คงจะได้ทำตามคำสั่ง และหากไม่มีคำสั่งก็คิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่……」
อันที่จริงเขตปกครองที่ไอริสและคนอื่นๆเข้าร่วมและกลุ่มของเขตย่านการค้าในทางฝั่งตะวันออก ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้และรอคำแนะนำ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เครือข่ายการสื่อสารไม่ทำงานและข้อมูลจะไม่มาในทันที ดังนั้นมาร์จึงรอผู้ส่งสารมา
ปล่อยแผ่นหลังอยู่ในบ้านที่เรียงรางอยู่รอบตัวและผ่อนคลายร่างกาย หากมองสุดถนนจะเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาบนถนนสายหลัก
ย่านการค้าเปลี่ยนไปจากตอนที่เห็นตอนกลางวันเป็นเมืองยามค่ำคืน ความเร่งรีบและคึกคักดังเข้ามาในหู
「เร็วเข้า เร็วเข้า เร่เข้ามา!」
「เอ่อ~ วันนี้จะรับอะไรดี~」
「พี่ชาย ทำไมวันนี้ไม่มาสนุกด้วยกันล่ะ?」
พ่อค้าที่วิ่งไปรอบเมืองในเวลาพระอาทิตย์ตกดินและอุทิศตนเพื่อทำธุรกิจของตน คนงานที่ทำงานเสร็จแล้ว และพยายามไปผักผ่อนเพื่อทำงานในวันพรุ่งนี้ และเหล่าผู้หญิงที่เต็มใจจะดึงดูดลูกค้าอย่างเชื้อเชิญ
คนที่สามารถมองเห็นซ่อนตัวระหว่างบ้าน เสื้อผ้าแตกต่างกันไป เป็นฉากที่ให้เห็นย่านการค้าอันแสนวุ่นวาย
「อ๊ะ มาทำอะไรในที่แบบนี้?」
「เอ๋?」
ทันใดนั้นมาร์ก็ได้ยินเสียงของคนคุ้นเคย และเจอชายชราในชุดคลุม
มาร์ที่เห็นตาแก่ซอนเน่ก็จำความหน้าสะพรึงกลัวของเขาได้
「ทำไมตาแก่หื่นกามมาอยู่ที่นี่ ซ่องอยู่ตรงนั้นนะ」
「แหม ทักกันซะข้าดูเป็นคนเลวเชียว วันนี้ไม่เหมือนกันหรอกนะ สเตล่าจัง…! ทักทายกันหยาบคายเกินไปหน่อยมั้ย……」
แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็รีบวิ่งออกไปเช่นเคย
มาร์ประหลาดใจเล็กน้อยที่ซอนเน่ ปรากฏขึ้นในทันใด แต่ตามปกติก็ต้องลำบากใจที่อยู่ต่อหน้าหมอนี่
「ทำไมปู่มาอยู่ที่นี่?」
「เอ่อ? ก็เพราะบ้านข้าอยู่แถวนี้ไงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นช่างเป็นลูกแมวที่น่ารักน่าชังเสียจริง ผิวเต็มไปด้วยความสดใสของชีวิตแถมขนหางก็น่าน้วย」
และตามปกติซอนเน่เริ่มจีบมิมูรุซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนี้
มิมูรุที่ได้รับการชมว่ามีต้นขาและหางที่สวยงาม
ทหารที่อยู่รอบๆต่างตกใจกับคำพูดนั่น
เป็นความจริงที่ว่าแขนขาของมิมูรุนั้นดูสวยงามและคล่องแคล่ว มีความสดใสและมีชีวิตชีวาสำหรับครึ่งสัตว์และในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกถึงความสวยงามในฐานะหญิงสาว
โดยปกติแล้ว ถูกซ่อนไว้และไม่มีใครได้สังเกต แต่เธอก็มีความสวยพอๆกับซีน่า
「แม่หนู จากนี้ภายใต้แสงจันทร์ ให้ข้าได้ขับขานบทกลอนแด้เจ้าได้ไหม!?」
ซอนเน่สารภาพรักกับมิมูรุราวกับเป็นนักแสดงในโรงละคร โดยเอามือแตะอกซึ่งดูน่าหมั่นไส้มาก อย่างไรก็ตามมาร์และพวกทหารรักษาการณ์ก็ไม่รอช้า
「ขอโทษนะ พอดีไม่ชอบ」
「อะเฮือก!」
และแน่นอนมิมูรุปฏิเสธคำสารภาพของซอนเน่
มันเป็นการปฏิเสธที่ดูทำร้ายจิตใจอย่างมาก
「ส่วนใหญ่ฉันเองก็มีทอมเป็นคนรักอยู่แล้ว ทอมนั้นร้อนแรงกว่าตาลุงเยอะ และยังเรียนเก่งด้วยแถมเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ทอร์เกรน……」
ก่อนที่ซอนเน่จะ “ปฏิเสธ” มิมูรุก็บอกว่าเธอมีแฟนแล้ว สิ่งที่ตามมาคือพายุแห่งการสรรเสริญคนรักของเธอ
「เขาห่วงใยฉันเสมอมาและสังเกตเห็นแม้กระทั่งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างฝึกด้วยกัน……」
ขณะที่แก้มแดงระเรื่อ มิมูรุยังคงกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าแวววาว
ลักษณะของการมองไปบนท้องฟ้าที่แวววาวราวกับทำท่าทีนึกถึงคนรักของเธอ โว้ยเหม็นความรัก
「……สวิทซ์แปลกๆติดขึ้นมาและนั่น」
ความรู้สึกของมิมูรุที่มีต่อทอมไม่เคยหยุดนิ่งและไม่โดนใครขัดได้ และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
มีใครบ้างไหมที่จะอาสาหยุดยัยนี่ที่เพ้อถึง “ทอมที่รัก” เสียที
「ซีน่าเองก็ไม่ยอมกินอะไรเลย ยิ่งตอนอยู่ในป่านั่นแล้ว แต่เธอก็กินอาหารของฉัน อาหารทำมือพร้อมกับรอยยิ้ม……」
「โดนบังคับยัดห่าไม่ใช่เหรอไง……」
ความเข้าใจผิดค่อยๆส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครอยากกินอาหารรสจัดที่ทำให้ถึงตายหรอกหากดวงซวย ด้วยบุคลิกของทอม ไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงๆได้
「นะนะนะนนะนะรักแท้ของข้า……」
「ไม่ ตาแก่นี่แกจริงจังแค่ไหนเนี่ย……」
ขณะที่ทหารอยู่รอบๆกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์แปลกๆ ซอนเน่ก็ส่งเสียงแห่งความเศร้าโศก
อย่างไรก็ตาม ตามที่คาดเอาไว้ก็เริ่มพรรณา “ถึงตัวเอง”
และซอนเน่ก็เงยหน้าขึ้นราวกับร่ำไห้และเห่าขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาที่หลั่งเลือด
「ท้ายที่สุด ที่รัก (คิดเอาเอง) เป็นเพียงแม่หนูผมดำเท่านั้นสินะ ! เฮ้แก ! บอกมาสิว่าแม่สาวผมดำอยู่ที่ไหน!」
ผมดำงั้นเหรอ มาร์คิดว่าน่าจะเป็นไอริส
「……ไม่รู้หรอกแต่ไอริสไม่สนใจแกหรอกนะ เท่าที่ได้ยินก็โดนปฏิเสธไปแล้วนี่」
คำตอบของมาร์ต่อซอนเน่ที่ส่งเสียงขู่แหง่ๆ
ความตึงเครียดของชายชราที่ถึงจุดสูงสุดและสาวแมวก็เริ่มวิ่งหนี บางทีอาจจะผิดหวังกับสถานการณ์นี้และปัดคำตอบของมาร์ทิ้งไป
อย่างไรก็ตามไอริสนั้นไม่ชอบใจซอนเน่อยู่แล้ว ที่พยายามลวนลามเธอและน้องสาวเธอด้วย พูดตามตรงไม่มีใครสน
ซอนเน่ที่กำลังหายใจอยู่ก็นิ่งเงียบ บางทีอาจเป็นเพราะจำได้ว่าโดนปฏิบัติแบบรุนแรง
「…………」
「…………」
มาร์และซอนเน่จ้องมองกันเงียบๆ มันดูราวกับเป็นการสู้กันของลูกผู้ชาย
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่วินาทีต่อมาซอนเน่ก็บ่นออกมาโดยจับหัวของเขา
「……บ้าเอ้ย ไอเวร ไอ้เด็กคนนั้นอีกแล้วเหรอฟะ!」
「เอ่อ ก็น่าจะรู้ดีนี่หว่า……」
ซอนเน่คิดว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่ไอริสห่วงมากที่สุด
มาร์เองก็หัวเราะออกมา
「เอ่อ หัวใจของตาแก่น้อยๆคนนี้มันเหงาและเปล่าเปลี่ยวเสียเหลือเกิน มีใครจะรักษาแผลใจได้บ้างนะ……」
มาร์และโนโซมุเองก็น่าจะคิดแบบเดียวกันปล่อยตาแก่ไปเถอะ ในทางกลับกันซอนเน่กำลังผิดหวังอย่างหนักและเห็นแต่ความว่างเปล่า
「อาาาา ถ้าเป็นแม่สาวน้อยผมดำคนนั้น……」
สิ่งที่ได้ยินทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
แม่สาวน้อยผมดำ มาร์รู้จักแค่คนเดียว
「……คุณทหาร มีผู้ต้องสงสัยครับบบบ」
「เอ๋?」
มาร์เอามือคล้องคอซอนเน่เงียบๆและคุมตัวไว้ ซอนเน่ก็งง
「พูดอะไรน่ะ ทำไมข้าถึงเป็นคนน่าสงสัย!」
「ผู้ชายที่พยายามจะลวนลามเด็กอายุ 11 ปี มันจะคิดอย่างอื่นได้เหรอวะเฮ้ย ! ตาแก่ลามกนี่!」
คอโดนรัดแน่นเพราะมาร์ที่โกรธจัด
ขณะที่ฟังเสียงครวญครางเหมือนกับกบมาร์ก็พยายามรัดคอขณะนึกถึงความวุ่นวายที่ร้านของเขา
โศกนาฏกรรมนั้นเกิดจากการยั่วยุของชายชราตรงหน้า ร้านที่ปกติก็เสียงดังกันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นทำให้ลูกค้าต้องง๋อยกันหมด
เป็นผลให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นโดนเอ็มม่าลงโทษ แต่มาร์ก็ยังโกรธซอนเน่อยู่
「ข้าทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ! ความรักของตาแก่ตัวน้อยที่มีต่อแม่สาวน้อยผมดำคนนั้น ! ข้าก็แค่อยากจะเห็นรอยยิ้มอันแสนร่าเริงของแม่หนู!」
「ชิ……」
อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูเจ็บปวด แต่เสียงนั้นก็ดังก้องอยู่ในหัวของมาร์
มาร์อดไม่ได้ที่ยิ้มให้โซเมีย รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และใสซื่อมันกินใจทุกคน
มาร์เองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของซอนเน่ แขนนั้นเลยค่อยๆผ่อนแรง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นมาร์ก็สังเกตได้ถึงนักดาบที่ปรากฏตัวขึ้นก็มีพวกทหารที่มองมาทางนี้
「……เดี๋ยวจะจับไว้เอง」
ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พวกทหารรั้งตัวตาแก่ไป
「เหตุผลที่เป็นแบบนั้น ก็เพราะแกนั่นแหละ!」
ทหารที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดาและไม่สวมเกราะ พยายามแต่งตัวให้เหมือนกับนักผจญภัย
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวนั้นฉับไวสมกับเป็นทหารรักษาความปลอดภัย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเมินเฉยคำพูดของตาแก่
「พวกเราคือทหารรักษาความปลอดภัย ท่านพวกเราพบตัวผู้ต้องสงสัย」
「โอเค ถ้างั้นก็พาไปที่สถานี แต่ทันทีที่เอาไปขังเสร็จรีบกลับมาทำงานด้วยล่ะเพราะงานนี้สำคัญมาก」
ตาแก่มากตัณหากำลังถูกคุมตัวไปโดยพวกทหารที่ใส่ชุดธรรมดา อย่างไรก็ตามซอนเน่ยังคงต่อต้าน
「ฟังเรื่องก่อนสิ ! ข้าน่ะเป็นพลเมืองดี!」
「……มาร์ หมอนั่นเป็นคนรู้จักงั้นเหรอ ไหวไหมเนี่ย?」
「อ่าาา….นั่นสินะ……」
หัวหน้ากลุ่มถามมาร์ขณะที่จ้องซอนเน่ด้วยสายตาสงสัย
มาร์พยายามค้นหาคำตอบ เป็นความจริงที่ว่าอาจจะเป็นตัวปัญหาและก่อปัญหาร้ายแรง แต่ว่าหมอนั่นก็ไม่ใช้กำลังเข้ากดขี่ผู้หยิง ดังนั้นมาร์จึงคิดว่าไม่ต้องคุมตัวก็ได้
พอบอกไปว่าไม่มีปัญหา พร้อมกับส่ายหัว
อย่างไรก็ตาม ความลังเลนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของตาแก่
「……พามันไปเถอะ」
「……อาาาาาาาาาาา」
เมื่อเห็นมาร์พูดแบบนั้นหัวหน้าจึงสั่งให้ลูกน้องพาตัวไป
ไม่นานหลังจากมาร์พูดออกไปแบบนั้น พวกทหารก็โค้งคำนับพร้อมกับไปทำภารกิจรองและเริ่มไปที่สถานีพร้อมกับพาตัวซอนเน่ไป
「นี่ ปล่อยเหอะ ! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย~~~!」
เสียงร้องของตาแก่ดังก้องอยู่ในหูของมาร์ แต่มาร์ก็ก้มหน้าลงราวกับเหนื่อย
หลังจากนั้น ตามคำสั่งของจิฮัดก็ให้คอยคุมพื้นที่และออกหาตัวเคน
คำแนะนำของจิฮัดยังถูกส่งไปยังที่อื่นๆและเน้นไปตรวจสอบเขตที่เป้าหมายมุ่งเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะหา เคน โนทิส ซึ่งเป็นใจกลางของคดีนี้ และในเขตปกครองก็หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบ ดังนั้นเลยขยายขอบเขตการค้นหาออกไป
◆◇◆
ในสวนสาธารณะกลางซึ่งกำลังจมอยู่ในความมืดมิด คามิลล่าที่เป็นผู้ให้ความร่วมมือในการจับกุมมาร์ครั้งนี้กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง
ณ จุดนี้ การสื่อสารได้พังไปแล้ว แต่คามิลล่าไม่รู้ตัว
เคนสั่งเธอให้รอที่นี่
ความกระวนกระวายใจผุดขึ้นมาในใจคามิลล่า
เคนจะมาจริงๆน่ะเหรอ บางทีเคนอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้
คามิลล่าเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่แล้วกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ยังไม่ได้รับคำตอบ บางทีเพื่อขจัดความวิตกกังวลเรื่องนี้ เธอจึงค้าหินเวทย์
「คามิลล่า ขอโทษที่ให้รอ……」
จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง
คามิลล่าหันหลังกลับไปมอง
「……เอ๊ะ โนโซมุ?」
ท่าทางของคามิลล่านั้นตกใจมากเพราะเมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นว่าโนโซมุ เบลาตี้อยู่ตรงนั้น
สีหน้าของคามิลล่าแข็งขึ้นชั่วขณะ แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจกับโนโซมุที่ยืนตรงหน้า
โนโซมุที่โดนคุมตัวอยู่ อย่างไรก็ตามพวกทหารจะไม่เห็นตัวเลยก็คงไม่ใช่และโนโซมุไม่น่าจะหนีมาแน่ๆแล้วคนตรงหน้าก็คือ
「ไม่มีทาง……」
「นั่นสินะ」
ราวกับว่ากำลังอ่านใจคามิลล่า โนโซมุที่อยู่ข้างหน้าเธอเบ้ปากและพยักหน้า รอยยิ้มนั้นเหมือนกับเคน
ไม่ต้องสงสัยว่าโนโซมุ เบลาตี้ ตรงหน้า คือ เคน โนทิสที่ปลอมตัวด้วยความสามารถของเขา
คามิลล่านั้นตัวแข็งเพราะความตกใจ ดวงตาของเธอมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คามิลล่าเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
「คามิลล่า เป็นอะไรไปและนั่นอะไรน่ะ?」
สายตาของเคนจับจ้องไปที่หินเวทย์ที่อยู่ในมือคามิลล่า
คามิลล่ารีบซ่อนหินเวทย์ในมือของเธอ เหงื่อเย็นๆไหลผ่านกระดูกเธอครู่หนึ่ง
「……เอ่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อย่าใส่ใจ ลิซ่าช่วงนี้เองก็อาการไม่ดี ก็เลยวางแผนจะเอาเจ้านี่ให้เป็นของขวัญน่ะ」
「……งั้นเหรอ」
คามิลล่าพยายามโกหก
จริงอยู่ที่ว่ามันเป็นเหมือนกับเครื่องประดับในแวบแรกแต่เคนยังคงสงสัย
คามิลล่าที่โดนสงสัยก็ทำสีหน้าเศร้าๆ
「ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเองก็อยู่ข้างๆลิซ่าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอหายดี……」
เธอกลั้นหัวใจที่เต้นระรัวและความตึงเครียดก็เริ่มทำให้เธออ่อนล้า คามิลล่าเองก็ไม่คิดว่าตัวเธอเหมาะกับการเป็นนักแสดง แต่สีหน้าของเธอที่กำลังกัดฟันพูดราวกับไม่ดูเสแสร้ง
นั่นก็คงเพราะแบบนั้น เพราะคำพูดนั้นคือความตั้งใจจริงของเธอ
「ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก เมื่อสิ่งนี้จบลง ลิซ่าก็จะกลับมาเป็นปกติ」
ตรงกันข้ามกับคามิลล่าที่กังวล เคนทำสีหน้านิ่งเฉย
ขณะที่พยายามเก็บความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในอก คามิลล่ายังคงนิ่ง
「งั้น ก็รีบไปกันเถอะ ยังไงก็จะต้องให้คามิลล่าช่วย……」
เคนจ้องคามิลล่าอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขายังไหล่เล็กน้อย เขาก็เริ่มเดินเข้ามาหาคามิลล่า
「แล้วจะไปไหนน่ะ……」
คามิลล่าทำสีหน้าสงสัยขณะเดินตามเคนไปที่ไม่บอกจุดหมาย
อย่างไรก็ตามเคนไม่หันกลับมา
「นี่ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย?」
คามิลล่าถามเคนซ้ำๆ และเคนหันกลับมาราวกับเบื่อท่าทางของเธอ
และเคนก็พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
「สถาบันอีคอร์ส……」
คามิลล่าพูดอะไรไม่ออก
◆◇◆
ณ เมืองที่กำลังเต็มไปด้วยม่านสีแดงของพระอาทิตย์
ในสวนสาธารณะกลางซึ่งครอบคลุมพื้นที่รอบสถาบันโซลมินาติอย่างสมบูรณ์ลิซ่านั่งอยู่คนเดียวบนม้านั่ง
「เคนและคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดเนี่ย……」
ลิซ่าพยายามไล่ตามเคนและเพื่อนๆ แต่เมื่อออกจากอาคารเรียนก็ไม่เจอแล้ว
นักเรียนที่ออกจากสถาบันก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสาขณะเดินกลับบ้าน
รอยยิ้มสดใสไร้กังวล
เมื่อมองดูท่าทางอันแสนสุขของพวกเขา ความรู้สึกแปลกๆก็ทำให้ลิซ่าเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าจะพยายามค้นหาเพื่อนของเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ
ลิซ่าแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมีดาวส่องแสง ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
โนโซมุที่โดนจับข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานและถูกจำคุก ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเช้าเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ
โนโซมุกลายเป็นจุดสนใจอีกครั้งในการต่อสู้จำลองกับจิฮัด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้เปลี่ยนทั่วทั้งสถาบัน และตอนที่เขาโดนปล่อยตัวก็มีการพูดถึงเรื่องต่างๆนาๆว่าร้ายมากมาย
คนที่คิดลบต่อโนโซมุก็คิดว่าเขาทำ และฝั่งตรงข้ามก็คิดว่าเป็นตัวปลอม
เธอยังไม่ทราบความจริงกับโนโซมุที่กลับมาที่สถาบันและคนใกล้ชิดของพวกเขา และบางเรื่องก็เกี่ยวกับการปลอมตัว ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น จนไม่มีมูลให้เชื่อ
ระหว่างนั้นลิซ่าไม่มีใครมาคุยด้วยเลย ก็เป็นการยากสำหรับเธอที่จะรับรู้ข่าวสาร และเธอยังอยู่ท่ามกลางข่าวลือแปลกๆในช่วงไม่นานมานี้
เธอที่ถูกจับจ้องราวกับตัวประหลาดและโดนนินทาจากรอบข้าง หากจ้องมองพวกนั้นก็จะทำเป็นหนีหายไป
บรรยากาศของสถาบันกำลังไล่รื้อเรื่องราวของลิซ่าขุดกลับมาอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงห้องเรียน ลิซ่าเองก็นั่งอยู่คนเดียวขณะหน้ามืด
ในขณะนั้นก็มีนักเรียนหญิงที่สวมชุดของสถาบันโซลมินาติ เป็นพวกปี 3 เช่นเดียวกับเธอ
「นี่ คิดยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในย่านการค้าเมื่อวันก่อนเหรอ?」
「ยังไงก็ตาม ต่างคนก็ต่างพูด โนโซมุทำหรือไม่ก็ตัวปลอม นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของด็อปเพลแก๊งเกอร์ด้วยนะ……」
นักเรียนหญิงสองคนที่กำลังออกจากสถาบันกำลังพูดถึงข่าวลือของโนโซมุ
「ไม่รู้หรอก แต่ว่าเวลามันประจวบเหมาะเกินไปไหม เพราะโนโซมุเองก็เพิ่งสู้กับอาจารย์จิฮัดก่อนหน้านี้……」
ยิ่งกว่านั้นยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการกระทำเหล่านั้น
「แล้วเรื่องที่โนโซมุทรยศคิดว่าไงล่ะ คิดว่ามันจริงเหรอ?」
「ไม่หรอกมั้ง? อย่างไรก็ตาม มันฟังดูน่าแปลกกว่าอีกที่เจ้าหญิงผมแดงจะเป็นฝ่ายทิ้งโนโซมุเองมากกว่านะ」
แน่นอนว่าเรื่องของลิซ่าก็ด้วย
ผู้หญิงที่ละทิ้งเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองที่ถูกตราหน้าว่าไร้ประโยชน์จากคนรอบข้าง ทำให้ตัวเธอต้องตกต่ำ หลายๆคนเริ่มเชื่อกันแบบนั้น คำพูดนั้นเสียดแทงอกของลิซ่า
ในหัวนั้นร้อนผ่าว และความโกรธที่พุ่งออกมาจากอกมันกำลังพุ่งออกไปที่ลำคอ
「……อึก!」
ความเร่าร้อนที่พุ่งมาที่อกพร้อมกับความเจ็บปวดรวดร้าว
ลุกขึ้นจากม้านั่งและจ้องมองเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ตรงหน้า
อย่างไรก็ตามเสียงโกรธที่เหมือนจะหลุดออกไปมันก็ติดอยู่ในลำคอลิซ่าด้วยเหตุผลบางอย่าง
ภาพของโนโซมุผุดขึ้นมาในหัวเธอ ท่าทางขอโทษของเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เมื่อสองปีก่อน
“ฟังดูโง่ใช่ไหมล่ะ ผมหนีความจริงไปและไม่กล้าเผชิญหน้ากับลิซ่า ผมไม่ยอมให้ลิซ่าได้เห็นตัวของผมเองเลยแม้แต่น้อย……”
เสียงของโนโซมุก้องอยู่ในใจ
ความโกรธของลิซ่าสงบลงราวกับกระแสน้ำที่ดึงคำพูดของเธอกลับมาด้วยคำพูดของอีกคนที่ทรยศความรู้สึกของเธอและแม้จะเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะเห็นหน้ามากแค่ไหนก็ตาม
「เฮ้อ……」
จู่ๆความโกรธที่เหมือนกับภูเขาไฟปะทุก็สงบลง เธอไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ และลิซ่าทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งๆ
จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นสองคนที่เห็นลิซ่ายืนก็จ้องมองมา
「อึก……!」
「เป็นอะไรไป?」
นักเรียนที่เห็นลิซ่าก็หัวเราะแห้งๆแล้วรีบบอกเราไปกันเถอะ
อย่าไรก็ตามลิซ่านั้นไม่ได้สังเกตเห็น และถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“โนโซมุทรยศต่อฉัน เพราะงั้นฉันจึงลืมความรู้สึกไปหมดแล้ว”
นั่นคือข้อเท็จจริงที่ลิซ่ารู้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยิ่งเห็นภาพเขามากขึ้น ซึ่งกำลังคิดเกี่ยวกับตัวเองเมื่อสองปีก่อน
ฉากที่โดนเขาทรยศและรอยยิ้มของโนโซมุที่ไม่เปลี่ยนไปเลย
ลิซ่าปฏิเสธคำพูดของโนโซมุไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองจะเผชิญหน้ากันและต่างฝ่ายก็ต่างโกรธที่โดนทรยศต่อกัน
ยังคงทุกข์ทรมานด้วยความรู้สึกแบบนั้น
ลิซ่าไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครอีกต่อไปแล้ว
สวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีคนผ่านแล้ว เพราะพระอาทิตย์ตกดิน และความมืดค่อยๆปกคลุมเมืองอาร์คาซัม ลิซ่าเองก็ก้มตัวต่ำลงราวกับกลัวความมืดยามราตรี อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้หายไป
ซักพักเธอนั่งอยู่บนพื้นหญ้าและคุกเข่าลง แต่เธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น
ในขณะนั้นก็พบชายหญิงสองคนเดินเคียงข้างกันปรากฏในสายตาเธอ
「……นั่นมัน」
คนหนึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่มาที่เมืองนี้ ส่วนอีกคนก็เป็นคนที่ทำให้จิตใจของเธอปั่นป่วนมาตลอด
「……คามิลล่ากับโนโซมุ?」
อาการเจ็บหน้าอกมันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเพราะภาพบาดตาที่เห็นคามิลล่าเดินข้างโนโซมุ
ความรู้สึกสั่นเทาและแสบทรวงมันทะลุเข้ามาในอกแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดสุดพรรณนา ใบหน้าของเธอนั้นแข็งขึ้น
「ทำไมสองคนนั้นถึงได้……」
ลิซ่าไม่มีทางเลือกนอกจากมองดูทั้งสองที่หายเข้าไปในเมืองโดยไม่เข้าใจเหตุผล
เมื่อเธอสังเกตเห็น เธอก็ตามทั้งสองไป
ทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้? เธอยังหาเหตุผลไม่เจอ แต่ตอนนี้เธอแค่อยากหนีความเจ็บปวดที่ทำร้ายจิตใจของเธอมาเป็นเวลานาน
ตอนนี้คงสะใจใครหลายๆคนน่าดูเลยนะครับ ภาพซ้ำบาดตาบาดใจ