พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - ตอนที่ 75
“ท่านบารอนเวอร์บูม ฉันมีเรื่องจะบอกพร้อมกับของที่อยากจะให้น่ะค่ะ”
เขาไม่ถามด้วยซ้ำว่าอาเรียเป็นใคร เพียงแค่แสดงสีหน้าบึ้งตึงพลางผายมือไปชั้นสอง ทันทีที่อาเรียยิ้มอย่างงดงาม แก้มทั้งสองของบารอนเวอร์บูมก็แดงก่ำ
“ขึ้นไปชั้นสองได้เลยอย่างนั้นเหรอคะ”
“…อะไรนะครับ อา ใช่ครับ…”
เพราะคำถามที่ปนเสียงหัวเราะของเธอทำให้บารอนเวอร์บูมผงกหัวราวกับเป็นตุ๊กตาที่พัง แม้จะเกร็งและประหม่าไปสักหน่อย แต่เขาก็พยายามเป็นคู่ของอาเรียอย่างดีที่สุด พลางสั่งให้เตรียมขนมหวานชั้นเลิศมาเพื่อเธอ
น้ำตาลก็ร่อยหรอไปหมดแล้วเขาไปหามาได้จากไหนกัน อาเรียดื่มชารสหวานพลางถาม
“รู้เหรอคะว่าฉันเป็นใคร ถึงได้เตรียมการต้อนรับแบบนี้”
แม้จะไม่ใช่คำถามที่เฉียบแหลมอะไรเลย แต่บารอนเวอร์บูมดูตกใจและพูดอ้ำอึ้ง
“เอ่อ ก็นั่นน่ะสิครับ ขอถามได้ไหมครับว่าชื่ออะไร”
“ฉันอาเรีย โรสเซนต์ค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นนางร้ายตามข่าวลือนั้น มือของบารอนเวอร์บูมที่กำลังจะจับถ้วยชาก็หยุดชะงัก เป็นท่าทางที่อาเรียคาดคิดไว้แล้วจึงถามอย่างนิ่งเฉย
“ผิดหวังเหรอคะ”
“ไม่ครับ มากกว่านั้น… หากเป็นเลดี้อาเรียแห่งตระกูลโรสเซนต์แล้วยังอายุสิบหกขวบอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
เพราะคำถามที่ไม่คาดคิดทำให้อาเรียเบิกตาโตขึ้น
“แล้วทำไมเหรอคะ…”
“เอ่อ…! พระเจ้า! อายุเพียงสิบหกปีเอง ทำไมถึง…!
บารอนเวอร์บูมปิดหน้าตัวเองด้วยฝ่ามือพลางอุทานออกมาอย่างประหลาด
เพราะปฏิกิริยาตอบรับที่ไม่เข้าใจได้เธอจึงจ้องเขม็ง เขาแอบมองอาเรียลอดผ่านนิ้วมือตัวเองแล้วถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมา จนเอามือออกแล้วหันมาจ้องอาเรียตรงๆ
“…ขอโทษนะครับ! ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเห็นความคิดสกปรกในตัวเลดี้น่ะครับ”
“ความคิดสกปรกเหรอคะ”
ความคิดสกปรกเนี่ยนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เธอยังไม่ทำอะไรเลยแต่กลับเจอกับการตอบกลับแบบนี้เสียแล้ว ข้างในเขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ไม่สิ แค่คิดก็เห็นปฏิกิริยาตอบรับแบบนี้ซะแล้ว เป็นคนที่ทั้งแปลกและตลกมากเลยไม่ใช่เหรอ
‘วันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาในฐานะผู้ลงทุนแล้วนะ… แต่เห็นว่าวิ่งเต้นซะแบบนั้นก็อยากจะแกล้งสักหน่อยนี่นา’
และดูเหมือนว่าทางนี้ดูจับต้องได้ง่ายกว่าคนจำพวกที่พูดอะไรเรื่อยเปื่อยไร้ประโยชน์ อาเรียดื่มชาหนึ่งอึก
“ขอโทษด้วยนะครับ …ว่าแต่มีธุระอะไรถึงมาหาผมเหรอครับ”
“เอ่อไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ ฉันเอาของที่ได้รับมาคืนค่ะ”
“ของที่ได้รับเหรอครับ”
หากร้านค้าของเขาไม่มีอะไรน่าดูก็คงจะกลับไปแล้วแต่เพราะไม่เป็นเช่นนั้นจึงอยู่ แต่เขาก็ดูมีอะไรให้พอใช้งานได้อยู่บ้าง
อาเรียตั้งกล่องบนโต๊ะ
“นี่มัน…
“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เหมาะที่จะใช้มันสักเท่าไรน่ะค่ะ”
เวอร์บูมเปิดกล่องที่คุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ของที่อยู่ข้าในคือคราแวตทำจากผ้าไหมชั้นดี เหมือนกล่องที่ตนเองส่งของขวัญไปให้ผู้ลงทุนนิรนามที่แทนตัวเองว่า ‘A’
เขาที่มองอยู่นานสักพักหนึ่งหันมาถามอาเรียด้วยใบหน้าโง่เขลา
“นี่มันทำไมผม…”
เขายังคงวิเคราะห์สถานการณ์ไม่ได้ เห็นว่ารสนิยมดีนึกว่าจะคาดการณ์ได้ดีด้วย แต่มองสถานการณ์ไม่ออกเลย
อาเรียหยิบคราแวตออกมาจากกล่องแล้วเดินเข้าไปใกล้เวอร์บูม สายตาของเธอมองไปที่ผ้าบนคอของเขา เพราะจู่ๆอาเรียก็เข้ามาใกล้ เวอร์บูมที่ประหม่าอย่างหนักจึงกลืนน้ำลายแห้งขอดนั้นลง
“คนที่เหมาะกับคราแวตอันนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นบารอนเวอร์บูมอย่างไรล่ะคะ”
อาเรียยื่นมือไปยังคอของเวอร์บูม มือที่ขาวและงดงามของอาเรียเข้ามาใกล้ทำให้เวอร์บูมตัวแข็งทื่อ เพราะหนีไปไหนไม่ได้จึงเผลอสบตากับอาเรีย สายตานั้นช่างดูมีเสน่ห์มาก รูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่น่าเชื่อว่าอายุสิบห้าปี ยิ่งทำให้เป็นแบบนั้น
“ละ…เลดี้… เดี๋ยวนะครับ…”
อาเรียขยับมือไม่กี่ครั้งคราแวตบนคอของเวอร์บูมก็แยกออกจากกัน เป็นท่าทางมือที่คุ้นเคยเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ทุกครั้งที่มือของอาเรียแตะปลายคางของเขา ตัวของเวอร์บูมแทบจะแข็งทื่อ กลัวว่าลมหายใจของตัวเองจะไปโดนมืออันงดงามของอาเรียจึงกลั้นหายใจเอาไว้
‘เป็นการตอบรอบที่แปลกใหม่จริงๆ ไม่เข้ากับอายุตัวเองซะด้วย’
ไม่นานมานี้นึกเรื่องที่เพิ่งหวั่นไหวไปกับอาซมันสนุกมากจริงๆ ดังนั้นจึงคิดจะทำเหมือนกับออสการ์ที่แสร้งทำเป็นใส่ซื่อแล้วปั่นหัวไปสักพัก แต่ก็เปลี่ยนใจไม่ทำแบบนั้น เพราะเวอร์บูมต่างกับออสการ์ตรงที่แม้เธอพยายามอะไรเลยก็ตาม เหมือนเขาจะตกอยู่ใต้อำนาจเป็นทาสเสียเอง
‘สำหรับผู้ที่ยื่นคอมาด้วยตัวเองไม่จำเป็นต้องให้อาหาร’
อย่างไรก็ตามคนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องป้อนอาหารให้ลำบากก็สามารถหาอาหารกินได้เอง
อาเรียผูกคราแวตที่คอของเขาให้เสร็จสรรพจากนั้นจึงกลับไปที่นั่งของตัวเองอย่างไม่มีเยื่อใย เวอร์บูมไม่พูดอะไรพลางจับคอตัวเองไปมาราวกับตกอยู่ในห้วงอยู่พักหนึ่ง ราวกับจับหาไออุ่นจากมือของอาเรียอยู่อย่างนั้น
“ท่านบารอนได้คิดแผนขั้นต่อไปแล้วหรือยังคะ”
“…อะไรนะครับ”
จู่ๆ เธอก็ถามคำถามขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ ทำให้เขาแสดงสีหน้าเหมือนกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
“แม้จะคิดว่าน้ำหอมจะได้รับความนิยมไปอีกนาน แต่ข้าคิดว่าท่านคงต้องเตรียมการไว้สำหรับขั้นตอนไปนะคะ เพราะหากมันเป็นสินค้าที่ใครๆ ต่างมีใช้กันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แน่นอนว่าหากท่านพอใจตรงจุดนี้แล้วข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อค่ะ”
อาเรียพูดตามสิ่งที่เคยได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ เพราะน้ำเสียงที่พูดเหมือนกับจะทดสอบอะไรบางอย่าง ทำให้เขาตอบอย่างเร่งรีบ
“อา… คือว่าที่จริงแล้วมีเรื่องอื่นที่อยากคุยด้วยมาตั้งนานเหมือนกันครับ เรื่องที่ลดความเข้มข้นของน้ำหอมแล้วก็ลดราคาลงน่ะครับ แม้ประสิทธิภาพของน้ำหอมจะไม่สมบูรณ์และเหลือแค่ปลายหางเท่านั้นแต่ข้าคิดว่าอย่างไรซะ คนทั่วไปยังคงต้องการซื้ออีกแน่นอนครับ”
“ไว้ใช้เป็นน้ำหอมขนาดใหญ่ก็ได้เลยน่ะสิคะ”
“แม้จะมีข้อเสียตรงที่กลิ่นจะหายไปไว… จะมองว่าเป็นแบบนั้นก็ได้ครับ”
เป็นคำตอบที่น่าพอใจมาก สำหรับเขาที่ไม่มีใครคอยหนุนหลัง ธุรกิจเล็กๆน้อยๆของเขาดีกว่าธุรกิจของชนชั้นสูงบางคนที่อาศัยขูดรีดชาวบ้าน
“คิดว่าจะทำสำเร็จไหมคะ”
“ครับ ข้ามั่นใจว่าจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะคนทั่วไปอิจฉาชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นสูงอย่างไรล่ะครับ แม้ของข้างในจะต่างกันหากท่านใช้รูปที่ชนชั้นสูงใช้ของพวกนี้ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดก็จะทำสำเร็จแน่นอนครับ”
อีกทั้งเธอยังพอใจกับท่าทางมั่นใจเช่นนั้นมาก เมื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจสายตาเซ่อๆที่ไม่รู้จะมองตรงไหนกลับแสดงจุดยืนของตนเองขึ้น เป็นคนมีพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
จะว่าข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ…
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะ แต่ว่าหากมีใครมาถามละเอียดแบบนี้ ข้าจะขยับไปนั่งห่างๆ เลยล่ะค่ะ”
ต่อให้เขาพึงพอใจอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาก็คุยโอ้อวดธุรกิจตนเองอย่างเต็มที่ แม้จะทำไปเพราะอยากได้รับความสนใจก็ตามแต่การกระทำแบบนั้นช่างอันตรายจริงๆ
ทันใดนั้นเขาก็พูดปฏิเสธว่าไม่ใช่แบบนั้นเป็นพัลวัน
“ปกติแล้วผมไม่ทำแบบนี้นะครับ จริงๆ นะครับ!”
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น ทำไมตอนนี้ถึง…”
คำถามที่แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องนั้นทำให้ใบหน้าของเวอร์บูมแดงก่ำอีกครั้ง อาเรียเห็นแบบนั้นจึงยิ้มออกมา จงใจยิ้มพลางกะพริบตาให้แพรขนตานั้นขยับราวกับเต้นรำทันใดนั้นม่านตาของเวอร์บูมก็สั่นไหว
“หากเป็นเช่นนั้นฉันจะเชื่อแล้วกันค่ะ”
หลังจากทำธุระเสร็จแล้วอาเรียจึงลุกจากที่นั่ง ไม่มีอะไรที่ต้องถามต่อ ยิ่งเห็นบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้นอยู่แล้วด้วยยังมีอะไรจะต้องถามอีกเหรอ
เวอร์บูมลุกจากที่นั่งตามอาเรียอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะเขาทำท่าทางเหมือนกับเด็กชายวัยรุ่นเพิ่งตกหลุมรักเป็นครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกแปลกใหม่ ราวกับว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่โชคร้ายที่ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้
ก่อนจะออกจากห้องรับแขกดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข้าใจว่าเธอเป็นใครอาเรียจึงพูดทิ้งท้าย
“แล้วก็ของขวัญครั้งหน้าหวังว่าจะเป็นน้ำหอมไม่ใช่คราแวตนะคะ แม้จะเป็นผู้ลงทุนแต่ยังไม่ลองใช้สินค้าเลยค่ะ ฉันอยากจะได้น้ำหอมที่ท่านบารอนเวอร์บูมตั้งใจเลือกกลิ่นให้ค่ะ”
เวอร์บูมได้แต่มองร่องรอยของอาเรียที่ทิ้งไว้ราวกับกลิ่นหอมยั่วยวนพลางทวนคำพูดของเธอ
‘แม้จะเป็นผู้ลงทุนแต่ยังไม่ลองใช้สินค้าเลย’
ผู้ลงทุน… ผู้ลงทุน…!
จนตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าผู้ลงทุน A ก็คือ อาเรีย เวอร์บูมที่เข้าใจแล้วจึงรีบตามอาเรียไปเพราะช่วงเวลาที่เขาปล่อยให้ตัวเองโง่งมอยู่นานจนอาเรียและแอนนี่กำลังจะออกจากร้านเสียแล้ว
“ดะ เดี๋ยวก่อนครับ รอสักครู่นะครับ!”
เวอร์บูมรีบตะโกนเรียกอาเรีย เพราะเสียงดังมากนอกจากอาเรียที่จงใจเมินแล้วคนรอบข้างก็หันไปมองกันหมด
เวอร์บูมยังไม่หยุดพร้อมเร่งฝีเท้าตัวเองโชคดีที่ก่อนเธอจะออกจากร้านไปก็สามารถเรียกเธอได้ทัน
“คือผม…ผมไม่รู้ว่าเลดี้เป็นใครจึงทำการเสียมารยาทไปเยอะเลยครับ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยเถิดครับ”
เวอร์บูมรีบขอโทษอาเรียอย่างลุกลี้ลุกลน ทั้งข้อที่เข้าใจผิดว่าอาเรียเป็นผู้ชายทั้งหลงรูปลักษณ์ภายนอกของเธอจนฟังที่เธอพูดไม่รู้เรื่อง
ด้วยความใจกล้าของอาเรีย เธอพยักหน้าให้เขาทันใดนั้นสีหน้าของเวอร์บูมกลับมาสดใสขึ้นทันที
“กรุณารอสักครู่จะได้ไหมครับ ผมอยากจะให้ของขวัญเลดี้เป็นน้ำหอมที่ทำเองครับ”
“อ๊ะ ขอโทษนะคะ ถ้าเป็นน้ำหอมเราซื้อไปแล้วน่ะค่ะ”
แอนนี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเข้ามายุ่งในบทสนทนาพลางยกถุงหิ้วขึ้นจนแทบถึงหน้าอก เป็นน้ำหอมที่อาเรียอนุญาตให้ซื้อ ทั้งหมดมีสี่ขวดสองขวดนั้นของเจสซี่ส่วนอีกสองขวดเป็นของแอนนี่
“พระเจ้าเพราะความไม่รอบคอบแบบนี้…!”
เมื่อเวอร์บูมรู้ว่าซื้อน้ำหอมแล้วก็ตกใจพลางเรียกพนักงานให้จัดการคืนเงินให้พร้อมกับจัดแจงน้ำหอมชั้นสูงแต่ละแบบส่งให้อย่างดี
ใช้เวลาไม่นานพนักงานก็เอาน้ำหอมชั้นสูงที่ถูกห่อมาอย่างดีมาให้ ถึงขนาดที่แอนนี่ถือเองไม่ไหวต้องให้องครักษ์สองคนมาแบ่งกันถือ
นอกจากนั้นเวอร์บูมยังให้ของขวัญอาเรียและแอนนี่เป็นช่อดอกไม้อีกด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นช่อดอกไม้ที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับลูกค้าVIP ไม่ใช่แค่ชนิดเดียวเท่านั้น กลิ่นที่ส่งออกมาในแต่ละแบบแต่ละสีทำให้ประสาทรับกลิ่นของพวกเธอเพลิดเพลินมาก
“เอ่อ เลดี้คะ คุณคนนี้เขาเป็นใครเหรอคะ…”
แอนนี่ถามคำถามอาเรียแต่สายตาของเธอกลับมองไปที่เวอร์บูม ทั้งชีวิตไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้เธอจึงตื่นเต้นตาเป็นประกาย ราวกับเป็นใบหน้าที่เหมือนกับได้เจอเจ้าชายเสียอย่างนั้น อาเรียกลั้นขำพลางตอบ
“อ๋อ ท่านบารอนเวอร์บูม เขาเป็นนักธุรกิจที่มองการณ์ไกลอย่างไรล่ะ “
“เอ่อชมเกินไปแล้วครับ”
ข้างๆ แอนนี่ที่กำลังตกใจก็มีเวอร์บูมที่ตกใจอยู่เหมือนกัน แม้ทั้งคู่จะตกใจด้วยสาหตุที่ต่างกัน แต่ปฏิกิริยาของทั้งคู่ดูเข้ากันมาก
เวอร์บูมหันไปถามแอนนี่
“เลดี้ชื่ออะไรเหรอครับ”
“คะ เลดี้เหรอคะ!”
แม้จะเป็นคำถามที่ไม่ได้มีความหมายอะไรแต่แอนนี่ก็ตกใจพลางหน้าแดงก่ำ
ดูเหมือนเธอกังวลว่าจะแนะนำตัวอย่างไรดี จะแนะนำตัวเองว่าเป็นสาวใช้หรือว่าตอบไปเลยดี ดังนั้นอาเรียจึงตัดสินใจให้ด้วยตนเอง
“เธอชื่อแอนนี่ค่ะ เป็นเด็กคนสำคัญของฉันเลยล่ะ”
“อ๋อ อย่านี้นี่เอง ดวงตาช่างงดงามเหลือเกินครับ”
“ฉะ..ฉันเหรอคะ! จริงหรือคะ…”
“ใช่แล้วครับ งดงามเหลือเกินครับ”
แม้จะเป็นคำพูดเปล่าๆ แต่แอนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรพลางทัดผมซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น
หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเวอร์บูมจะเสียดายที่อาเรียต้องไป จึงพยายามยกหัวข้อสนทนาไร้สาระพวกหนังสือ หรือคู่สีต่างๆขึ้นมา จนท้ายที่สุดเธอก็เบื่อ การพบปะครั้งนั้นจึงจบลงด้วยคำอำลาอย่างเย็นชาจากเธอ
……………………….