พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1643 ช่วยภรรยาและลูกสาวออกมา(ตอนจบ)
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 1643 ช่วยภรรยาและลูกสาวออกมา(ตอนจบ)
รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผลการฝึกตนสำคัญที่สุดเสมอ
โดยเฉพาะในเทวโลก การร่ำเรียนไม่มีประโยชน์นัก บัวเขียวได้ยินคำถามที่พ่อถาม และกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านพ่อไม่ต้องกังวลว่าฉันจะไม่ได้แต่งงาน แค่ฉันได้แต่งงาน การมีหรือไม่มีผลการฝึกตนนั้นมันสำคัญมากหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ใช่นักปราชญ์”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ พ่อของบัวเขียวเหลือบมองเธอ แล้วกล่าวว่า “พ่อไม่พอใจไอ้หมอนี้ นักนักปราชญ์จะปกป้องลูกได้อย่างไร ถ้าพ่อตายแล้ว ใครจะดูแลลูก? ”
บัวเขียวถูกมือตนเองและกล่าวพึมพำว่า “ตอนนี้พ่อก็ยังดี ๆ อยู่ และฉันก็ปกป้องตนเองมาตลอด ท่านพ่อก็ไม่ได้ปกป้องฉัน”
หลังจากที่บัวเขียวพูดจบ พ่อของเธอก็ไออย่างรุนแรง รพีพงษ์เห็นแล้วอยากจะหัวเราะออกมา วิธีที่พวกเขาพ่อลูกอยู่ร่วมกันนั้นค่อนข้างแปลก
รพีพงษ์เดินออกไปทันที บัวเขียวคิดว่ารพีพงษ์โกรธ จึงรีบเดินตามออกไป และกล่าวว่า “อย่าโกรธกับสิ่งที่พ่อของฉันพูด พ่อของฉันเป็นคนแบบนี้แหละ แต่ไม่ได้คิดร้ายอะไร คุณช่วยปลอบเขาหน่อย”
“พ่อของคุณไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่กังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณ ขอแค่คุณแต่งงาน โรคทั้งหมดก็จะหายไป”
รพีพงษ์บอกกับบัวเขียวโดยตรงถึงสิ่งที่เขาเห็นบัวเขียว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และถามรพีพงษ์ว่า “คุณยังมีความสามารถแบบนี้อีกหรือ?”
“ถ้าไม่เชื่อก็ช่าง คุณวางใจเถอะ ถ้าพ่อของคุณป่วยจริง ก็ไม่มีแรงมาเลือกลูกเขยหรอก ถ้าคุณสามารถหาลูกเขยให้เขาได้แล้ว เขาก็จะหมดกังวลเอง?” รพีพงษ์กล่าวกับบัวเขียวด้วยรอยยิ้ม
บัวเขียวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด แล้วก็ถอนหายใจ “ที่พ่อทำเช่นนี้ก็เพื่อฉัน ไม่รู้ว่าพ่อจะลำบากไปทำไม มันเป็นเรื่องของฉันเอง แล้วฉันจะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรได้หรือ?”
บัวเขียวให้รพีพงษ์กลับไปทันที การที่พารพีพงษ์ขึ้นเขามาคราวนี้ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าพ่อตนเองสบายดี ขอแค่ร่างกายของพ่อแข็งแรง ให้ตนเองทำอะไรก็คุ้มค่า
รพีพงษ์กลับไปทันที ทันทีที่เขากลับมาถึงห้องพักในโรงแรม เขาเห็นตวัสกำลังรอเขาอยู่ และถามว่า “ตอนนี้คุณคิดไตร่ตรองถึงไหนแล้ว?”
รพีพงษ์หยิบหนังสือกลยุทธ์ออกมาแล้วกล่าวว่า “ผมจะฟังคุณ คุณปรารถนาหนังสือกลยุทธ์เล่มนี้มาหลายปีแล้ว ตอนนี้เห็นมันแล้วคุณนั้นอยากได้ก็เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากผมคนเดียวอาจจะไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถให้คุณอ่านได้ แต่คุณต้องสัญญากับผมว่า คุณจะไม่ใช้วรยุทธในหนังสือกลยุทธ์เล่มนี้ไปทำความชั่ว”
“ผมดูเหมือนคนที่ชอบทำความชั่วหรือ?” ตวัสขมวดคิ้วและถามรพีพงษ์
ถึงแม้ว่ารพีพงษ์นะรู้ว่า ตวัสไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องชั่วได้ ดังนั้นถ้าให้เขาแสดงเจตนารมณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เขาจึงให้ตวัสกล่าวคำสาบาน
ตวัสรู้ความหมายของรพีพงษ์ จึงกล่าวคำสาบานโดยตรงว่า “ต่อไปถ้าผมใช้วรยุทธในหนังสือกลยุทธ์ไปทำเรื่องชั่ว ขอให้ผมเสียสติธาตุไฟเข้าแทรก ตายอย่างอนาถ และวิญญาณแตกสลาย”
หลังจากที่ตวัสกล่าวคำสาบานเสร็จ รพีพงษ์ก็ยื่นหนังสือกลยุทธ์ให้เขา ตวัสเปิดหนังสือกลยุทธ์ด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดความปรารถนาอันยาวนานของเขาก็เป็นจริง
“ในโรงแรมมีคนมากมาย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่เหมาะสำหรับการฝึก ไปหาที่เงียบ ๆ ผมจะสอนเทคนิคในหนังสือกลยุทธ์เล่มนี้ให้คุณเอง” ตวัสกล่าวกับรพีพงษ์หลังจากอ่านหนังสือกลยุทธ์แล้ว
รพีพงษ์คิดได้ทันทีว่าบนภูเขาที่บัวเขียวและพ่อของเธออาศัยอยู่นั้น เป็นสถานที่ดีและเหมาะสำหรับการฝึก
หลังจากได้รับความยินยอมจากบัวเขียวแล้ว พวกเขาก็ออกจากโรงแรมและขึ้นไปที่ภูเขาด้วยกัน
ด้วยคำอธิบายของตวัส ทำให้รพีพงษ์สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วถึงวรยุทธในหนังสือกลยุทธ์ที่เทพไม้สืบทอดไว้
หลังจากพยายามฝึกฝนก็พบว่าเหมาะสมอย่างคาดไม่ถึง และการฝึกฝนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาสองคนแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
พลังทิพย์ของฟ้าดินพุ่งเข้าสู่ร่างกายของรพีพงษ์กับตวัส และแม้แต่บัวเขียวสองพ่อลูกก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การฝึกนั้นไม่มีอะไรติดขัด รพีพงษ์ได้ฝึกฝนถึงระดับแดนดวงวิญญาณโดยไม่คาดคิด ทำให้เขาสามารถเข้าไปในใจกลางเมืองของแดนเทวะสถิตได้แล้ว
รพีพงษ์ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน และเขาไม่อยากที่จะรออีกต่อไป และเข้าไปในใจกลางเมืองของแดนเทวะสถิตพร้อมกับตวัส
สอบถามข่าวอย่างเงียบ ๆ และขณะที่หาร่องรอยของอารียาและหนูลิน รพีพงษ์ก็พบกับญาณิดาอีกครั้ง
รพีพงษ์เล่าเรื่องทุกอย่างให้ญาณิดาฟัง รพีพงษ์หวังว่าญาณิดาจะสามารถช่วยตนเองได้
หลังจากที่ญาณิดาได้ยิน ก็ถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ในเทวโลกฝ่ายอธรรมและฝ่ายธรรมะกำลังต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและลับ ๆ เป็นที่รู้กันภายในว่า ฝ่ายอธรรมได้จับเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมา เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นคือศัตรูตัวฉกาจของฝ่ายอธรรม แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกสาวของคุณ”
ขณะที่ญาณิดาพูด รพีพงษ์ถามญาณิดาว่า “แล้วคุณรู้ไหมว่าลูกสาวของผมอยู่ที่ไหน?”
ญาณิดาส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าลูกสาวของคุณอยู่ที่ไหน แต่ฉันก็สามารถชักชวนคนของฝ่ายธรรมะให้ช่วยเหลือได้ ฉันเชื่อว่าพวกเขายินดีที่จะต่อสู้กับฝ่ายอธรรมเช่นกัน”
ด้วยความช่วยเหลือของญาณิดา หลายสิ่งก็กลายเป็นเรื่องง่าย และในไม่ช้าก็มีเบาะแส
อารียาและหนูลินถูกคุมขังในถ้ำแห่งหนึ่งของแดนเทวะสถิต รพีพงษ์อยากจะช่วยสองคนแม่ลูกออกมาทันที
แต่พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก และรพีพงษ์เพียงคนเดียวไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
รพีพงษ์ขอความช่วยเหลือจากญาณิดา ในขณะที่ขอความช่วยเหลือจากเมืองแฟรี่ด้วย
ญาณิดาชอบที่รพีพงษ์เป็นคนที่มีน้ำใจไมตรีและรักศีลธรรม จึงตัดสินใจช่วยรพีพงษ์ เพียงเพื่อให้เขาเป็นหนี้บุญคุณตนเอง
หลังจากเตรียมคนและทุกอย่างพร้อมแล้ว รพีพงษ์เป็นผู้นำในการบุกเข้าไปในถ้ำที่ภรรยาและลูกสาวถูกคุมขัง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันตั้งตัว แต่พวกเขาก็ต่อต้านอย่างดื้อรั้น
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายในคราวนี้สามารถกล่าวได้ว่าเหมือนเป็นการทำลายฟ้าดิน เลือดไหลเหมือนแม่น้ำ ผู้คนร้องด้วยความทรมานและเสียชีวิตเรื่อย ๆ
โชคดีที่ศัตรูมีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะสามารถปกป้องถ้ำได้ ทำให้ฝ่ายรพีพงษ์ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด ในที่สุดรพีพงษ์ก็สามารถช่วยอารียาและหนูลินออกมาได้
หนูลินมึนงงเล็กน้อย สีหน้าของเธอซีดมาก รพีพงษ์ทำการนำส่งเศษวิญญาณของหนูลินเข้าไปในร่างกายของเธอ
ทันใดนั้นหนูลินก็หายจากอาการมึนงง แต่ร่างกายของเธออ่อนแอเล็กน้อย พักฟื้นสักพักก็คงจะดีขึ้นเอง
เมื่ออารียาเห็นหนูลินกลับสู่สภาวะปกติ เธอกอดลูกสาวและสามีร้องไห้ด้วยความปีติยินดี
……
หลังจากช่วยภรรยาและลูกสาวได้แล้ว ครอบครัวของรพีพงษ์ได้กลับมาอาศัยอยู่ในเมืองแฟรี่ แม้ว่าพลังส่วนใหญ่ของศัตรูจะถูกหลบซ่อนอยู่ในที่ลับเพื่อรอโอกาส
แต่รพีพงษ์มีภรรยาที่สวยและลูกสาวที่น่ารักอยู่ข้างกายซึ่งต้องการการปกป้องจากตนเอง
เขามีพลังแห่งความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในหัวใจ และกล้าที่จะเผชิญกับความท้าทายทั้งหมด
ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งสักเพียงใด เขาก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และไม่เกรงกลัวสิ่งใด
【จบบริบูรณ์】