พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1635 ความคิดของศัตรู
เมื่อเห็นการแสดงออกของปัณฑา เขาก็รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน บวรวิทย์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ถึงฉันจะบอกคุณ คุณก็ไม่รู้เรื่อง เกิดเรื่องกับภรรยาและลูกของรพีพงษ์” ปัณฑากล่าวด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเธอก็นั่งลง
ปัณฑากล่าวต่อไปอีกว่า “ตอนที่ฉันไปถึงนั้นมันสายไปก้าวหนึ่ง แม้แต่เจ้าจิรภัทรก็ไม่สามารถช่วยพวกเธอสองคนไว้ได้ ตอนนี้ต้องอาศัยรพีพงษ์หาวิธีช่วยเหลือ”
บวรวิทย์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี เขากังวลแทนรพีพงษ์เรื่องที่ภรรยาและลูกสาวถูกจับตัวไป ส่วนเรื่องที่ดีใจก็คือรพีพงษ์ไม่ต้องไปจากที่นี่ สามารถอยู่ที่นี่ได้เสมอ และเป็นพี่น้องกับตนเอง
ภรรยาและลูกของรพีพงษ์ต้องถูกศัตรูในเทวโลกจับไปแน่นอน ดังนั้นตนเองสามารถร่วมกับรพีพงษ์ในการหาวิธีช่วยพวกเธอออกมา
ปัณฑาถามบวรวิทย์ว่า รพีพงษ์อยู่ที่ไหน เธอต้องนำข่าวไปบอกให้รพีพงษ์ทราบทันที ส่วนรพีพงษ์จะคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของรพีพงษ์
รพีพงษ์จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงมาที่ตระกูลภูสรีดาวเพื่อบอกลาบวรวิทย์ เมื่อมาถึงเขาเห็นปัณฑา ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี และถามปัณฑาโดยตรงว่า “คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เขารู้ว่าต้องมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความกล้าที่จะถามต่อ น้ำตาของปัณฑาไหลออกมา และกล่าวว่า “พวกเธอสองคนแม่ลูกถูกคนจับตัวไปแล้ว คนที่มามีแปดคน เจ้าจิรภัทรเป็นคนบอกฉันเอง เขาเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ พวกเราควรทำอย่างไรดี? รพีพงษ์ ตอนนี้ถึงแม้ว่าต้องการช่วยคน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน”
รพีพงษ์รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นเจ็ดแปดคน ก็น่าจะเป็นคนพวกนั้นที่เคยปิดล้อมตนเองบนถนนเมื่อก่อนหน้านั้น?
เขาคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ปัณฑาได้คืนเศษวิญญาณของหนูลินให้รพีพงษ์
เธอกล่าวกับรพีพงษ์ว่า “ฉันทำเรื่องที่คุณมอบหมายให้ไม่สำเร็จ นี่คือจิตวิญญาณของหนูลิน หากคุณหาหนูลินพบแล้ว คุณสามารถมอบจิตวิญญาณให้เธออีกครั้งได้”
รพีพงษ์รับจิตวิญญาณมา แล้วเงยหน้าขึ้น เพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้
เรื่องนี้น่าจะเกิดไม่นานมานี้ ความจริงมีช่องโว่ตั้งแต่ตอนที่คนชุดดำโจมตีตนเองแล้ว เพียงแต่ตนเองไม่คิดถึงจุดนี้ เมื่อคิดขึ้นเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรู้ว่าตอนนี้ตนเองไม่ควรตื่นตระหนก
“รพีพงษ์ คุณรู้ไหมว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร?” บวรวิทย์ถามอย่างกังวล รพีพงษ์ส่ายศีรษะ เขาไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเขา
นรเทพตายไปแล้ว คนเหล่านั้นไม่ใช่ลูกน้องที่เหลืออยู่ของนรเทพแน่นอน รพีพงษ์มีลางสังหรณ์ที่รุนแรงว่า จะต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง
เพียงแต่ตนเองไม่รู้ว่าเป็นใคร บางทีญาณิดาอาจรู้ แต่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่รู้ว่าญาณิดาอยู่ที่ไหน และตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถจะถามข่าวได้ก็คือนราธิป
แต่ถ้านราธิปรู้ ทำไมเขาไม่บอกตนเอง นึกขึ้นได้ว่านราธิปนั้นต้องการให้ลูกลินฝากตัวเป็นศิษย์ เขาน่าจะรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหนูลินแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับตนเองดี
ขอแค่รพีพงษ์คิดเรื่องนี้ทีไร เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวด ถ้าตอนนี้เขาถามนราธิปอย่างจริงจัง มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่บอกตนเอง
ตอนนั้นที่นราธิปแสดงอาการผิดปกติ รพีพงษ์ก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างปิดบังตนเอง แต่ทำไมตนเองถึงได้โง่เขลานัก………
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์บอกกับตนเองว่า ตนเองเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือรีบไปหานราธิปโดยเร็ว แล้วได้รับข้อมูลที่ตนเองต้องการจากนราธิป
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรกับบวรวิทย์และคนอื่น ๆ เขาตรงไปที่ภูเขาสองกระบี่ทันที ทิ้งปัณฑาไว้ในตระกูลภูสรีดาวคนเดียว ทำให้ปัณฑารู้สึกเสียใจ
บวรวิทย์จึงกล่าวปลอบโยนเธอว่า “ตอนนี้สภาวะจิตใจของรพีพงษ์ไม่ปกติ คุณอย่าคิดมาก เขาไม่ได้ตั้งใจแน่นอน แล้วคุณจะไปภูเขาสองกระบี่กับผมไหม? ”
“ทำไมจะไม่ไป รพีพงษ์ไปแล้ว ฉันก็ต้องไปแน่นอน แล้วผลินล่ะ ทำไมไม่เห็นผลิน?”
บวรวิทย์หยุดไปชั่วขณะ และกล่าวว่า “ผลินตายไปแล้ว เธอตายเพื่อรพีพงษ์……..”
บวรวิทย์ไม่ได้กล่าวอะไรต่อไปอีก เขารู้ว่าปัณฑาและผลินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอนนี้ปัณฑารู้ว่าผลินเสียชีวิตแล้ว เธอคงรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ปัณฑาถามว่า “คุณรู้ไหมว่าหลุมฝังศพของเธออยู่ที่ไหน?”
แม้ว่าเรื่องของรพีพงษ์จะมีความสำคัญมาก แต่ผลินนั้นก็สามารถถือเป็นเพื่อนที่ดีของปัณฑา และปัณฑาก็อยากจะไปเยี่ยมเธอ
บวรวิทย์พยักหน้าและบอกสถานที่ให้ปัณฑารู้ ปัณฑาไปไหว้หลุมฝังศพของผลิน ส่วนบวรวิทย์ที่รู้สึกกังวลรพีพงษ์ เขาจึงไปหารพีพงษ์ที่ภูเขาสองกระบี่ทันที
ก่อนที่รพีพงษ์จะมาถึงภูเขาสองกระบี่ นราธิปรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องมาแน่นอน นราธิปยืนอยู่บนยอดเขาเพื่อรอการมาของรพีพงษ์
เมื่อรพีพงษ์มาถึงก็ถามทันทีว่า “ความจริงแล้วอาจารย์ธิป คุณรู้ทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนั้นคุณไม่รู้ว่าจะบอกผมอย่างไรดี ถูกไหม?”
“ในเมื่อคุณเดาได้แล้ว คุณคงอยากจะถามผมว่าคนคนนั้นเป็นใครใช่ไหม?”
นราธิปไม่ได้หันหลังกลับไปมองรพีพงษ์ แต่กล่าวต่อหน้าสายลม เขาไม่อยากบอกรพีพงษ์ แต่ถึงอย่างไรมันก็พัวพันไปถึงครอบครัวของรพีพงษ์แล้ว ทำให้รพีพงษ์ไม่สามารถนิ่งดูดายได้
นราธิปและรพีพงษ์ทั้งสองคนก็สามารถถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นจะแกล้งทำเป็นเลอะเลือนไม่ได้
“ถูกต้อง อาจารย์ธิป ถึงแม้ว่าผมต้องตาย แต่ลูกสาวและภรรยาของผมจะต้องไม่เป็นไร พวกเขาบ้าคลั่งสติฟั่นเฟือน ถึงได้ลงมือกับผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอ” ยิ่งพูดรพีพงษ์ก็ยิ่งสะเทือนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคนเหล่านั้นตกอยู่ในมือของตนเอง ตนเองจะสับคนพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ
นราธิปยิ้มเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่เหมือนนรเทพ และเขาไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ทำร้ายภรรยาและลูกของคุณน่าจะเป็นลูกน้องของเขา”
นราธิปบอกรพีพงษ์โดยตรง และรพีพงษ์ถามอีกครั้งว่า “ในเมื่อคนที่อยู่เบื้องหลังเก่งมาก แล้วทำไมคุณต้องจับภรรยาและลูกของผมไปด้วย?”
รพีพงษ์จัดการนรเทพด้วยความยากลำบาก คิดว่าจะสามารถกลับไปอยู่พร้อมหน้ากับภรรยาและลูกสาวได้ แต่ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายจะเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่มีคนปกติคนไหนที่จะสามารถยอมรับได้
“พรสวรรค์ของลูกสาวคุณสูงมาก ผมชื่นชม และคนอื่นก็ชื่นชมได้เช่นกัน แต่เธอไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต รพีพงษ์ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถบอกคุณได้”
คำพูดของนราธิปทำให้รพีพงษ์คลายกังวลได้มาก ขอแค่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต อย่างน้อยตนเองก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้เจอลูกสาวอีก
ในอดีตคนอื่นทำร้ายคนที่อยู่ข้างกายรพีพงษ์นั้นเป็นเพราะพวกเขาต้องการจัดการกับรพีพงษ์ แต่ตอนนี้พวกเขาจับตัวหนูลินไปนั้นเป็นเพียงเพราะพรสวรรค์ที่สูงของหนูลิน เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ด้วยเจตนาที่แท้จริงนั้นยากแก่การหยั่งรู้ ทำให้เกิดปัญหามากมาย
ตอนนี้รพีพงษ์หวังว่า ที่พวกเขาจะจับเด็กไปเพราะต้องการจัดการกับตนเอง ไม่ใช่เพราะต้องการจัดการหนูลิน เวลาผ่านไปนานมากถึงได้ข่าวคราว แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นไม่สนใจรพีพงษ์
รพีพงษ์ขอคำแนะนำจากนราธิป “อาจารย์ธิป ตอนนี้ผมควรจะทำอย่างไรดี?”