พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1632 การตายของผลิน
เทพภูผาไม่เคยคิดว่าพลังของรพีพงษ์จะทรงพลังขนาดนี้ ดวงตาของเขาจ้องไปที่กองฝุ่นบนพื้น เมื่อเขาเห็นว่าตนเองไม่มีร่างกายแล้ว ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
รพีพงษ์มองผลินที่นอนแนบนิ่งอยู่บนพื้น รีบเดินไปกอดผลินเอาไว้ และกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงได้โง่นัก ผมไม่คู่ควรกับการที่คุณจะทำเพื่อผมเช่นนี้”
“ตอนแรกคุณก็ได้ไปล่วงเกินคนที่มีอำนาจของเมืองแฟรี่เพื่อฉัน ฉันไม่สามารถปล่อยให้คุณตามล้างตามเช็ดเรื่องพวกนี้ให้ฉันได้ตลอดเวลา”
ผลินฝืนยิ้ม เธอรู้ว่าตนเองไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเธอจึงอดทนและกล่าวกับรพีพงษ์สองสามประโยค
มือของผลินสัมผัสใบหน้าของรพีพงษ์อย่างช้า ๆ และยิ้มจาง ๆ “ดีจัง ฉันไม่เคยได้ใกล้ชิดคุณเช่นนี้มาก่อน รพีพงษ์ สัญญากับฉันว่า ชาติหน้าเจอฉันให้เร็ว ห้ามเจอกับคนอื่นก่อน ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้ชายอย่างรพีพงษ์ก็ร้องไห้ออกมา และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตกลง ผมสัญญากับคุณ แต่คุณต้องดีขึ้น”
“ฉันไม่ไหวแล้ว รพีพงษ์ สามารถตายในอ้อมแขนของคุณ เสียสละเพื่อคุณ ฉันคิดว่ามันคุ้มค่า คุณไม่ต้องเสียใจ ฉันไม่เสียใจเลยที่ฉันพบคุณในชาตินี้”
ผลินไอสองครั้งขณะที่เธอกำลังพูด และมองรพีพงษ์ด้วยความอาลัยอาวรณ์ เธอหลับตาลง น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา
รพีพงษ์รู้ว่าถึงตนเองจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยผลินได้แล้ว
เขากอดผลินไว้แน่น ร้องไห้แต่ไม่มีเสียงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่เคยเสียใจเช่นนี้มาก่อน ผลินตายเพื่อเขา เขาจะไม่มีวันลืมผลินไปตลอดชีวิต
นี่คือผลลัพธ์ที่ผลินต้องการ ถึงแม้ว่าเธอจะตาย แต่ก็ตายไปอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น!
อย่างน้อย ดูเหมือนว่ารพีพงษ์นั้นใส่ใจความตายของตนเองมาก
“พอแล้ว เพียงพอแล้ว”
ผลินคิดอยู่ในใจ และค่อย ๆ หลับตาลง……
รพีพงษ์มองจิตวิญญาณที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยความโกรธจนดวงตาเป็นสีแดงก่ำและกล่าวว่า “น้องสาวของผมจากไปแล้ว เพราะคุณ ถ้าตอนนี้ไม่จัดการคุณให้จบสิ้น ก็จะเป็นการผิดต่อเธอ”
รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนพุ่งออกไปทันที แล้วจิตวิญญาณของเทพภูผาก็ถูกกระบี่สยบเซียนดูดซับทันที
รพีพงษ์มองไปที่กระบี่สยบเซียนด้วยความพอใจ และกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้ก็ดี กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่ และยังสามารถช่วยเพิ่มทักษะของผมขณะที่ฆ่าศัตรูได้”
รพีพงษ์เดินตรงเข้าไปที่ป่า เมื่อเขาเดินไปถึงข้างใน เขาพบพวกเดชา และหลังจากที่เทพภูผาตายแล้ว สิ่งมีชีวิตในป่าก็โกลาหลเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามรพีพงษ์ไม่มีเวลาแก้ปัญหานี้ เขาแค่ต้องการตอบโต้คนของเดชาเท่านั้น
สิ่งเดียวที่กังวลในตอนนี้คือหนูลินสองแม่ลูกยังความปลอดภัยอยู่ไหม? และทุกสิ่งที่ทำนั้นเพื่อต้องยุติสิ่งต่าง ๆ ของที่นี่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นสักเท่าไหร่
คนของเดชารู้สึกหวาดกลัวมากเมื่อเห็นรพีพงษ์ คิดว่ารพีพงษ์มาที่นี่เพื่อฆ่าพวกเขา แต่หลังจากที่รพีพงษ์กล่าวไม่กี่ประโยค คนของเดชาก็แยกย้ายกันไป
ภูตที่อยู่บนภูเขาก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุรพีพงษ์ แม้แต่เทพภูผาก็ตายไปแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม และบนร่างของรพีพงษ์พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังของเทพภูผา
เทพภูผาควบคุมดูแลสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน บนร่างกายของรพีพงษ์มีพลังของเทพภูผา จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม
เดชามองไปที่รพีพงษ์ และกล่าวกับรพีพงษ์ว่า “ที่พวกคุณชนะนั้นมันเป็นเรื่องที่บังเอิญ และถึงแม้ว่าผมจะตายก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เด็ดขาด”
รพีพงษ์มองเขาด้วยความเหยียดหยามและกล่าวว่า “ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นยังไง ตอนนี้พี่น้องที่เต็มใจจะติดตามคุณยังมีอีกเท่าไหร่ คุณควรจะอยู่อย่างเจียมตัวและไม่สร้างปัญหาอีก มันก็จะทำให้ทุกคนปลอดภัย ถ้าคุณไม่รู้จักดูทิศทางลม ผมรับรองว่าจุดจบของคุณจะน่าอนาถเป็นอย่างมาก”
เดชารู้เพียงว่ากลยุทธุ์วิทยาหารของปริตรนั้นร้ายกาจมาก เมื่อเข้ามาในป่า แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นรพีพงษ์ เดชารู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเองเลย
“ถ้าผมพ่ายแพ้ให้กับคุณ ผมยินดีที่จะทำทุกอย่างที่คุณอยากให้ผมทำ แต่คราวนี้ที่คุณชนะผม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ คุณควรให้โอกาสผมสักครั้ง ให้ผมได้ดูว่าคุณมีความสามารถแค่ไหน”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ รพีพงษ์ก็ยิ้มอย่างไม่แยแส “ผมชอบคำพูดของคุณ คุณต้องการต่อสู้กับผม งั้นพวกเรานัดหมายสถานที่ เพราะวันนี้ผมไม่มีเวลาวุ่นวายกับคุณ”
รพีพงษ์โล่งใจที่เห็นว่าคนของเดชาไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเดชา อย่างน้อยสำหรับรพีพงษ์แล้ว เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว
ตอนนี้ เดชาต้องการต่อสู้กับตนเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
รพีพงษ์หันไปมองข้างนอก เห็นร่างของผลินยังคงอยู่ข้างนอก เขาไม่สามารถให้ร่างของผลินอยู่ที่นั่นได้
รพีพงษ์เดินจากไป และคนของเดชาก็เดินตามไปอย่างใกล้ชิด รพีพงษ์หันหลังและกล่าวอย่างจำใจว่า “ถ้าพวกคุณไม่ติดตามเดชาแล้ว ถึงแม้ว่าจะติดตามผม ผมก็ไม่รู้จะให้พวกคุณทำอะไรดี”
“แต่พวกเราพี่น้องไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว เพราะพวกเราเป็นคนของนรเทพ นรเทพตายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหน พวกเราก็จะไม่มีจุดจบที่ดี”
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ รพีพงษ์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ให้พวกเขาทั้งหมดไปเป็นลูกน้องของเทวเทพ ถ้าเทวเทพเห็นผู้คนมากมายบากหน้ามาขออาศัยเขา เขาคงจะมีความปีติ เขาเข้าใจนิสัยของเทวเทพดี และถ้าเขาพาคนพวกนี้ไปด้วย เทวเทพคงจะไม่มีความคิดเห็นอื่นใด
เขาเดินกลับไปพร้อมกับคนพวกนั้น และอุ้มร่างของผลินกลับไปด้วย
เมื่อมาถึงตระกูลภูสรีดาว หลังจากจัดแจงคนพวกนั้นเรียบร้อย เทวเทพรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รพีพงษ์ไปคราวนี้ได้พาคนกลับมาด้วย เดิมคนพวกนี้เคยเป็นคนของนพเทพ แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นคนของเทวเทพแล้ว โดยที่เขาไม่เสียเงินแม้แต่สักแดงเดียว มันเหมือนกับว่าเขาเก็บของมีค่าได้
เทวเทพกล่าวอย่างมีความสุขว่า “รพีพงษ์คุณเยี่ยมมาก ผมไม่เอากระบี่สยบเซียนของคุณแล้ว เดิมทีมันก็เป็นของคุณอยู่แล้ว”
รพีพงษ์ยิ้มด้วยความเก้อเขิน เดิมทีตนเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะมอบกระบี่ให้เทวเทพอยู่แล้ว เพราะถึงให้เทวเทพไปก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดี เพราะทั้งสองคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ก็ถือโอกาสทำตามสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย
รพีพงษ์กำลังจะเดินจากไปพร้อมกับศพของผลิน บวรวิทย์หยุดรพีพงษ์ไว้ และกล่าวว่า “คุณจะพาเธอไปไหน?”
“เมื่อผมไม่รู้ว่าเธอชอบสถานที่ไหน ผมก็จะพาเธอไปสถานที่ที่เธอเติบโต ผมคิดว่าเธอน่าจะชอบบ้านเกิดของเธอเอง”
เมื่อบวรวิทย์ได้ยินรพีพงษ์กล่าวเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลง ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “คุณอาธรโทษตัวเอง นอกจากนี้ ผมเป็นคนที่บอกว่าคุณอาธรจะสามารถปกป้องผลินได้ แต่ไม่คิดว่าผมประมาทเกินไป”
“นิสัยของเธอดื้อรั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถโทษใครได้ ถ้าจะโทษก็โทษที่ผมปกป้องเธอไม่ดีเอง และผมไม่คิดว่าเธอจะถือสา อย่าไปคิดมาก” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ เขาไม่โทษใครทั้งนั้น
ตั้งแต่เริ่มต้น อาจจะลิขิตจุดจบของผลินไว้แล้ว ไม่ว่ารพีพงษ์จะทำอะไร ผลินก็ยืนยันที่จะติดตามเขา เขารู้ว่าผลินคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาไม่สามารถยับยั้งได้ และก็ไม่สามารถรักผลินได้ และชีวิตของผลินนั้นถูกลิขิตให้ตายในมือของศัตรู…….