พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1629 เดินหมากกับเทพภูผา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 1629 เดินหมากกับเทพภูผา
รพีพงษ์พูดไป เทพภูผามองรพีพงษ์แล้วก็ตลก ถึงแม้ตนเองจะบอกกับรพีพงษ์ว่า ให้รพีพงษ์อยู่ที่นี่ แต่รพีพงษ์เองก็ไม่ควรมาดูถูกพวกของตนเองแบบนี้
วัยรุ่นก็คือวัยรุ่น ทำอะไรไม่รู้จักคิด การตัดสินใจของรพีพงษ์ครั้งนี้ จะต้องเสียใจภายหลังแน่
เทพภูผาก็ส่งสายตาให้กับลูกน้องตนเองไป คนนี้เป็นผู้ช่วยของเขา ก็คือคนที่สู้กับมนุษย์ทองคำครั้งก่อน
รพีพงษ์ก็มองดูชายปิดหน้าคนนั้น ก็รับรู้ได้จากข้อมูลของมนุษย์ทองคำ แล้วยิ้มหัวเราะว่า “คุณก็คือคนที่เก่งที่สุดของเขางั้นหรือ?”
“ไอ้หนุ่ม อย่าพูดให้มันโอหังเกินไป ถ้าเจ้าเอาชนะลูกน้องข้าได้ ค่อยพูดดีกว่า”
เทพภูผายังรู้สึกว่า ตอนที่อยู่ในป่านั้น ตอนที่จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์สู้กับลูกน้องตนเองนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเป็นความโชคดีไปที่รอดได้ ลูกน้องของตนเองมีพลังขนาดไหน ตนเองมีหรือจะไม่รู้
รพีพงษ์ก็ขี้เกียจจะฟังลมปากของเทพภูผา ไม่มพลังอะไร แถมยังจะพูดมากอีก
หมอนี่มาตั้งตัวเป็นใหญ่ในป่านี้ ถ้าออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นจะเก่งอะไร ตอนนี้พลังวิชาของรพีพงษ์ต้องใช้ควบคุมได้ทั้งโลกห้วงเวลาไว้ ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว พลังไม่ได้แข็งแกร่งดังก่อนแล้ว
รพีพงษ์ก็มองทุกคน ถึงแม้จะบอกว่าพลังไม่แข็งแกร่งดังก่อน แต่จะจัดการกับคนพวกนี้ ยังพอไหว
พวกเขาวางมาดมาขนาดนี้ ถ้าไม่สั่งสอนเสียหน่อย เดี๋ยวจะลืมไปเสียก่อน ว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า
ถ้าไม่ใช่เพราะไฟไหม้ครั้งใหญ่ พวกของเดชาทั้งหลาย ก็คงแย่ไปแล้ว
ตอนนี้ตรงหน้าของรพีพงษ์มีหัวหน้าใหญ่ ก็แค่ต้องการทำให้รพีพงษ์กลายเป็นตัวตลกเท่านั้น ท่าทางที่ไม่สนใจโลกของรพีพงษ์ทำให้เทพภูผาไม่พอใจ เพราะเขาคิดว่า รพีพงษ์คงจะอ่อนน้อมต่อตนเอง
ต่อให้รพีพงษ์ไม่ร้องขอชีวิต แต่ก็จะไม่ไปหาเรื่องอะไรด้วยหรอก
แต่ว่าแต่ละคำพูดของรพีพงษ์ ไม่มีการถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย คนแบบนี้จะต้องสั่งสอนเสียหน่อย
วัยรุ่นสมัยนี้เริ่มไม่รู้แล้วว่า อะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
คิดไปแบบนี้ แล้วก็มองลูกน้องสู้กับรพีพงษ์ไป เทพภูผารู้สึกว่า ถ้ารพีพงษ์สามารถมาฝึกวิชากับตนเองที่นี่ให้ดีๆ ก็คงจะมีวิชาที่แก่กล้ามากขึ้น
แต่ว่ารพีพงษ์ไม่ยินยอม ก็ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงวิธีเดียว คือฆ่ารพีพงษ์ทิ้งเสีย ถึงจะแก้ปัญหานี้ได้
รอบตัวรพีพงษ์ยังมีอีกหลายคน ถ้าพวกเขาเข้ามากันหมด ตนเองอยู่ในป่า ก็จะสามารถล้อมพวกนั้นไว้ให้หมดได้ พืชทุกอย่างในนี้ล้วนมีพลังทิพย์ที่สามารถฟังคำสั่งได้ จะให้พวกนั้นถูกขังอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องยาก
เทพภูผาคิดในใจ รพีพงษ์สู้กับลูกน้องของเขา เห็นว่ารพีพงษ์ออมมือตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วลูกน้องของเทพภูผาจะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว
รพีพงษ์ยิ่งออมมือให้ เขาก็ยิ่งมือเท้าสับสน รพีพงษ์แกล้งถอยร่นไป แถมยังโจมตีกลับคืนมาอีก ทำให้เขารู้สึกว่าถ้ารพีพงษ์บุกโจมตีเข้ามาหนักๆล่ะก็ เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์แน่
รพีพงษ์มองคนตรงหน้า แล้วยิ้มถามว่า “ผมว่าคุณไม่ไหวแล้วนะ ให้เพื่อนคุณมาช่วยไหมล่ะ ผมรู้สึกว่าคุณจะไม่ไหวนะ”
เสียงของเขาถูกเทพภูผาได้ยินเข้า เทพภูผาก็สะอึกในใจ หมอนี่มีพลังขนาดนี้เชียวหรือ แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าลูกน้องตนเองลงมือพร้อมกันล่ะก็ เขาก็ไม่น่าจะสู้ได้
ถ้าเรียกให้ลูกน้องลงมือพร้อมกัน จะดูเป็นการรุมคนน้อยกว่า ลูกน้องตนเองก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไอ้หมอนี่ เทพภูผาก็เลยคิดว่า รอลูกน้องคนนี้แพ้ก่อน ค่อยเรียกคนใหม่ให้เข้าไป แบบนี้จะได้ดูไม่ค่อยเอาเปรียบ
เพียงแต่รพีพงษ์ชนะไปแล้ว รพีพงษ์คงจะต้องบอกให้ทุกคนเข้าสู้พร้อมกัน ดังนั้นตนเองก็ไม่ถือว่าโกง
คิดไปแบบนี้ ก็เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้รีบเอาชนะ เขาตั้งใจแกล้งคนปิดหน้าเล่น คนปิดหน้าบุก เขาก็ถอย แล้วก็แกล้งบุกโจมตีคนปิดหน้าตลอดเวลา คนปิดหน้าก็รู้สึกหัวเสียอย่างมาก
สุดท้ายก็แพ้ให้กับรพีพงษ์ รพีพงษ์ปรบมืออย่างไม่สนใจ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขามองเทพภูผา แล้วพูดว่า “คนของท่านแพ้แล้ว ตอนีน้ก็เข้ามาพร้อมกันเลย ผมเดาไม่ผิด คนนี้คงจะเป็นผู้ชายที่เก่งที่สุดของท่านใช่ไหมล่ะ?”
“ไอ้หนู เจ้าชนะได้ แล้วรู้สึกว่าตนเองไม่มีคู่ต่อสู้แล้วหรือไง ข้าว่าครั้งนี้เจ้าเอาชนะได้ แต่ก็ยากลำบากเหมือนกันสินะ ถ้าคนของข้าเข้าไปพร้อมกัน เจ้าจะต้องแพ้อย่างราบคาบแน่ มาเป็นคนของข้ามันไม่ดีตรงไหน?”
เทพภูผาพูดไป ก็อยากได้รพีพงษ์มาเป็นคนของตนเองด้วย รพีพงษ์ก็ไม่ได้คิดว่าทำอะไรเกินไป มาบังกันมันไม่ถูก ตนเองไม่ยอมทำเสียอย่าง ใครก็มาบอกให้ยอมไม่ได้
รพีพงษ์ก็มองคนข้างกายของเทพภูผา แล้วพูดว่า “มาพร้อมกันเลย ผมไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น”
เขาจะต้องรีบไปดูว่าผลินเป็นอย่างไรบ้าง พวกผลินไปทางนั้นแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรก็ไม่รู้
ทางฝั่งของผลิน เห็นว่าไฟได้เบาลงแล้ว ก็เลยพูดกับนันท์ธรว่า “ไม่รู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์เป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะไปดูรพีพงษ์หน่อยได้ไหม?”
“ถ้าคุณไป พวกเราก็ต้องตามไปด้วย ที่นั่นไม่ได้มีเพียงรพีพงษ์คนเดียว ยังมีพวกบวรวิทย์ด้วย รออยู่ที่นี่แหละ รพีพงษ์ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเราเข้าไปก็สร้างภาระให้กับรพีพงษ์เปล่าๆ”
พอพูดแบบนี้ ผลินก็เศร้าๆ เธอรู้ว่าถ้าเข้าไปก็จะสร้างปัญหาให้กับรพีพงษ์ แต่ก็เพราะเป็นห่วงรพีพงษ์ ถ้ารพีพงษ์เป็นอะไรขึ้นมา เธอก็คงอยู่ไม่สงบสุข
ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีพลังวิชาอะไร ยังไม่มีครอบครัวด้วย ถ้ารพีพงษ์ไม่อยู่ข้างกายตนเอง ตนเองก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ดี
พวกนันท์ธรไม่เข้าไป ผลินเองก็ไปไม่ได้ นันท์ธรคิดว่า อย่างน้อยผลินน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไรสำคัญมากน้อยกว่ากัน ดังนั้นเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก
แต่พอนันท์ธรตั้งสติมาได้ ผลินก็ไม่อยู่แล้ว
ในใจไม่คิดอย่างอื่น กลัวผลินจะเป็นอะไรไปอย่างเดียว รพีพงษ์กลับมาคงจะบ่นตนเองแน่ แต่พอคิดดู ผลินนิสัยเอาแต่ใจ รพีพงษ์เองก็รู้ ต่อให้ผลินเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองมากนัก
ยัยหนูคนนี้มาอยู่กับรพีพงษ์ ก็ไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับรพีพงษ์มากนัก ถ้าหายไป รพีพงษ์ก็ถือว่าได้หมดภาระ
นันท์ธรคิดอยู่สักพัก แล้วก็กลับไปพักผ่อนที่ต้นไม้ใหญ่ ผลินก็เดินไปตามทางที่เดินเข้ามา และได้เจอรพีพงษ์กำลังสู้กับกลุ่มคนพอดี
เธอซ่อนตัวอยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ว่าเทพภูผาเห็นหมดแล้ว ว่าเธอมาที่นี่ เทพภูผาก็มองผลินที่กำลังซ่อนตัวอย่างมีเลศนัย คนที่มาที่นี่ คงจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับรพีพงษ์สักอย่าง
ขอเพียงจำผู้หญิงคนนั้นได้ ทางฝั่งรพีพงษ์ก็คงพูดง่ายขึ้น
รพีพงษ์ก็สู้กับคนของเทพภูผาที่พามา ผลินก็ถูกเถาวัลย์มัดไว้ทั้งตัว