พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1612 เสร็จแล้วก็ต้องกลับไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 1612 เสร็จแล้วก็ต้องกลับไป
จิรันดน์ทนเห็นพ่อตนเองเป็นอะไรไปไม่ได้ จะว่าไปแล้ว ทุกอย่างที่พ่อเขาทำลงไปทั้งหมด ก็เพื่อตัวเขานั่นแหละ
พอเห็นท่าทางของจิรันดน์ เทวเทพก็โมโหเพิ่มไปอีก พ่อลูกคนอื่นเขามีใจคิดเหมือนกัน แต่ทำไมบวรวิทย์ถึงไม่ยอมฟังอะไรตนเองเลย?
มีเพียงสองพ่อลูกมีใจไปในทางเดียวกัน ครอบครัวถึงจะสงบสุขเจริญรุ่งเรือง เทวเทพก็มองวัยรุ่นตรงหน้า แล้วพูดว่า “การรับปากของเอ็งมันไม่ได้ผลอะไรหรอก พ่อเอ็งเป็นคนแบบไหนเอ็งไม่รู้หรือไง?”
คำพูดนี้เป็นความจริง จิรันดน์รู้ดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของพ่อตนเองได้ จากเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรนฤเบศร์ก็จะไม่ทำเรื่องโง่เด็ดขาด
เรื่องที่ก่อขึ้นทั้งหมด ตอนนี้ก็ได้รับกรรมแล้ว เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องหน้ามืดตามัวต่อไป
นฤเบศร์ถูกบวรวิทย์ตีจนสลบ ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่ได้สติดี เขารู้ว่าเทวเทพไม่ชอบเขา ตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเทวเทพ เทวเทพคงไม่ปล่อยตนเองไปง่ายๆ แน่ แล้วก็พูดกับจิรันดน์ว่า “จะเป็นจะตายก็ปล่อยไปตามกรรม เอ็งจะลดตัวไปขอร้องมันทำไม?”
พอได้ยินดังนั้น จิรันดน์ก็โมโหเล็กน้อย ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่าไม่ยอมยินยอม แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาจริงๆ การกระทำของเขานี้ช่างขำสิ้นดี
เทวเทพยิ้มเย็น “ศัตรูอยู่ตรงหน้า กูไม่มีเวลาจะมาหาเรื่องกับมึง แต่ว่ามึงจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นจิตใจของกองทัพจะไม่นิ่ง”
เทวเทพก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร เขาอยากจะฆ่าจิรันดน์ แต่พอนึกขึ้นได้ ว่าเขาถูกบวรวิทย์ช่วยออกมาอย่างยากลำบาก ถ้าไปฆ่าทิ้ง ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเกิดช่องว่างขึ้น ความคิดพวกนี้ก็เลยต้องเอาวางไว้อีกด้านหนึ่ง
ตอนนี้บวรวิทย์ก็พูดขึ้นว่า “พ่อครับ ถ้าไม่ให้อยู่ที่นี่ แล้วจะให้ไปอยู่ไหน?”
เทวเทพก็พูดอย่างเอือมระอาว่า “มันจะต้องมีที่ให้มันไปอยู่แหละ เอ็งก็พาคนไปที่ภูเขาสองกระบี่ แล้วก็ถือโอกาสพาไอ้หมอนี่ไปด้วยเลยแล้วกัน”
ตอนที่เทวเทพพูดนั้น ก็มองจิรันดน์ไปด้วย นฤเบศร์ต้องการคนคอยดูแล ให้จิรันดน์ตามไปด้วยจะได้ช่วยดูแลได้ดี
เทวเทพไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับจิรันดน์ เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว อีกอย่างเขากับลูกชายตนเองก็สนิทกันดี
ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีเขาอยู่ บวรวิทย์ก็คงไม่รอดจากตระกูลพิมพ์สารมาได้
จิรันดน์ก็มองเทวเทพอย่างซาบซึ้ง แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสครับ หลังจากพวกเราไปแล้ว ทางนี้จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
เทวเทพก็ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่เหมือนกัน ถ้าเขามีปัญหาอะไร ต่อให้คนอื่นจะคิดอย่างไรก็คงไม่พูดอะไรออกมาหรอก
“เรื่องที่นี่คุณไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวผมจัดการเอง” บวรวิทย์พูดกับจิรันดน์
เนื่องจากพ่อของจิรันดน์เกือบจะเป็นอะไรไป ไม่ว่าใครก็คงจะไม่สามารถตั้งสติกลับมาได้เร็ว ดังนั้น ตอนนี้จิรันดน์ก็ค่อนข้างกลัวจนตัวสั่นๆ
เทวเทพก็ไม่อยากให้พวกเขามาพูดเรื่องความสนิทสนมกันแบบเพื่อนพ้องที่นี่ เขารู้สึกว่าตนเองตัดสินใจได้แบบนี้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
เทวเทพเดินออกไป บวรวิทย์ก็โล่งใจ มักรู้สึกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเทวเทพ เหมือนว่ามีพลังอะไรบางอย่างมากดดันตนเองไว้จนแทบจะหายใจไม่สะดวก
ที่สำคัญคือมีเรื่องที่จะขอร้องต่อเทวเทพ ดังนั้นท่าทางก็เลยจะแข็งกร้าวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสองพ่อลูกก็คงไม่ได้เข้าใจกันดีแบบนี้
จิรันดน์ก็มองรพีพงษ์อย่างกังวล แล้วพูดว่า “ผมไม่แรงแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัว ถ้าระหว่างทางเกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้นมา ก็ไม่มีความสามารถไปรับมือไว้ได้ บวรวิทย์ ตอนนี้พ่อของผมถูกทหารของนรเทพจับจ้องอยู่ จะออกไปแบบนี้ไม่ได้ คุณไปส่งผมทีเถอะ”
ระหว่างจิรันดน์กับบวรวิทย์ ไม่เคยที่จะต้องมาเกรงใจอะไรกัน บวรวิทย์พยักหน้าตอบรับมา คำโบราณว่าไว้ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปส่งพวกเขา
พอออกไปก็ไม่ได้พูดอะไรกับเทวเทพ เทวเทพก็รู้ความคิดของบวรวิทย์ ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นจะแก้ไขได้แล้ว ไปก็ไปเถอะ
บวรวิทย์ยังออกไปได้ไม่ไกล เขาก็สั่งบวรวิทย์ว่า “ระหว่างทางก็ระวังด้วย ทหารของนรเทพคงไม่อยู่แต่ในพื้นที่ของเมืองแฟรี่อย่างเดียว”
บวรวิทย์ตอบรับ จริงๆ แล้วรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงว่า เทวเทพจะปล่อยนฤเบศร์ไป ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะฆ่านฤเบศร์ทิ้งแน่ๆ
เพราะถึงอย่างไรจิรันดน์ก็ไม่มีพลังอะไรแล้ว ถ้าอยากจะฆ่านฤเบศร์ จิรันดน์ก็ไม่มีกำลังที่จะแก้แค้นได้
ระหว่างทางไปนั้นก็ไม่ค่อยสงบนัก รพีพงษ์ก็ค่อนข้างกังวลบวรวิทย์ ก็เลยเดินไปข้างบวรวิทย์ แล้วบอกว่า “ผมไปด้วยไม่ได้ แต่ระหว่างทางคุณก็ระวังตัวด้วย เข้าใจแล้วนะ?”
“ผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คุณวางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก”
รพีพงษ์ก็มองจิรันดน์ จิรันดน์รู้สึกผิดในใจ ก่อนหน้านี้ยังเคืองที่รพีพงษ์ทำลายพลังวิชาของพ่อตนเอง ดังนั้นก็เลยเกิดเรื่องขึ้นมาทั้งหมดนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าตนเองจะคิดเล็กคิดน้อยไปเอง
รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มองนฤเบศร์ไป การกระทำของนฤเบศร์ทำให้เขายอมซูฮก ตนเองก็มีลูกเหมือนกัน ถ้าเกิดว่ามีวันนั้นจริงๆ ตนเองก็คงทำเหมือนกับนฤเบศร์
ขอเพียงพวกเขาไม่อยู่ที่นี่ ก็สามารถอธิบายกับคนอื่นๆ ได้แล้ว ตอนที่ไปฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ได้หนีไปแล้ว ไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคนนั้นโง่ไป ก็คงไม่ตามเอาเรื่องอะไร
ตอนนี้ที่เมืองแฟรี่วุ่นวายไปหมดแล้ว ไม่ได้มีสภาพแบบเดิมแล้ว ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกของรพีพงษ์ก่อนหน้านี้ ไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้น
ปริตรมองไป ก็เห็นว่าคนตายไปพอสมควรแล้ว เขาก็พูดกับรพีพงษ์ว่า “พวกเราจะให้โอกาสฝั่งตรงข้ามพลิกตัวกลับมาไม่ได้ ที่ผมทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ ที่เหลือก็ให้พวกคุณจัดการก็แล้วกัน”
เมืองแฟรี่ภูเขาเคลื่อนแผ่นดินไหว!
ตอนนี้ ผู้คนได้ตายไปไม่น้อยแล้ว เดชาก็อาเจียนอยู่อีกฝั่งไม่หยุด ลูกน้องรอบกายเขาก็เป็นกังวลมาก พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เรื่องมันจะเป็นแบบนี้
พวกเขายังไม่ทันตั้งตัวได้ ด้านนอกก็มีคนเข้ามา “แย่แล้ว ท่านแม่ทัพ กองทัพที่เราตั้งอยู่ด้านนอกเมืองแฟรี่ถูกโจมตี ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
เดชาก็ตอบสนองกลับมา แล้วก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกน้องข้างๆ ก็มองเขาอย่างกังวล เขานั่งลงพื้นอย่างหมดแรง พร้อมพูดว่า “กูคิดมาตลอดว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ จริงๆ แล้วไม่ได้หลบซ่อน แต่แค่ไม่อยากจะออกมาเอาเรื่องกับพวกเราเท่านั้นเอง พวกมันตั้งใจจะทำให้พวกเราเสียพลังเทพไป พอพวกเราเสียสติไป พวกมันก็จะบุกโจมตี จนพวกเราพ่ายแพ้ย่อยยับ!”
เดชาต้องยอมรับว่าฝั่งตรงข้ามเก่งจริงๆ บวรวิทย์เข้ามาช่วยคนต่อหน้าต่อตาตนเองไปได้ ก็แสดงให้เห็นถึงพลังของเขาได้แล้ว
เขาเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น ในเมืองแฟรี่ยังมีคนเก่งอีกมากมาย เดชาไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นภัยธรรมชาติธรรมดา
เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกคนลุกขึ้น ไม่ต้องนั่งต่อแล้ว ไปช่วยกัน”
ทหารที่ตั้งทัพอยู่นอกเมือง เป็นทหารส่วนใหญ่ ตอนนี้พวกนั้นโจมตีมาจากทางด้านหลัง ตนเองจะบุกเข้าไปจากที่นี่ พวกนั้นจะได้คิดไม่ถึง
รพีพงษ์ก็มองเดชาอยู่อีกฝั่ง แล้วก็ยิ้มๆ ความคิดของเขาไม่ธรรมดา แต่กำลังทหารของเมืองแฟรี่ก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาคิดไม่ถึง่วาด้านหลังยังมีอีก
เทวเทพและพวกของนราธิปล้วนเป็นยอดฝีมือ ในด้านการรบ เดชาต้องตกอยู่กำมือของพวกเขาแน่นอน
นราธิปเข้ามาถามข้างๆ รพีพงษ์ว่า “ปัณฑาจะกลับมาตอนไหน รู้ไหม?”
รพีพงษ์ก็ยิ้มเบาๆ พูดว่า “เรื่องที่ผมให้เธอไปจัดการ มันยังไม่สำเร็จ ก็คงยังกลับมาไม่ได้หรอก แต่ว่าคงอีกไม่นาน ผมก็ต้องไปจากเทวโลกแล้ว”