พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1525 ถ่ายทอดทั้งคู่
ในสำนักเทพยาเซียน อารียาก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ เธอเงยหน้าไปมองแสงสีรุ้งนั้น ในใจก็รู้สึกใจอยากจะให้กำลังใจ
“รพีพงษ์ สู้หน่อยนะ ฉันกับหนูลินเชื่อมั่นในตัวคุณ” อารียาประนมมือ แล้วก็ขอพรเงียบๆ
ในกลุ่มสิงโต ธัชธรรมก็มองแสงสีรุ้งนั้น แล้วก็ยิ้มออกมา เขารู้ดีว่า นอกจากรพีพงษ์ ไม่มีคนสามารถทำได้แบบนี้
นี่ก็แสดงว่า รพีพงษ์อาจจะบรรลุขั้นแดนบุณในตำนานได้แล้ว!
ในถ้ำของป่าหมอก
ปัณฑาก็ต้องร่นถอยออกมาหลายเมตร เนื่องจากแสงสีรุ้งที่ส่องลงมากะทันหัน โดยไม่สามารถเข้าใกล้ตัวรพีพงษ์ได้ พอเห็นว่าสีหน้าของรพีพงษ์เริ่มดีขึ้น ปัณฑาก็ได้แต่ยืนขอพรอยู่ข้างๆ ให้รพีพงษ์บรรลุขั้นได้สำเร็จ
ในโลกจิตใจของรพีพงษ์
อยู่ในช่วงที่สลบไสล รพีพงษ์ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับไม่มีแรงโน้มถ่วง รพีพงษ์ลอยอยู่ในความเวิ้งว้างมืดมิด
“เทพบอกไว้ว่า จะต้องมีผืนแผ่นดิน จะต้องมีจุดศูนย์รวม จะต้องมีภูเขา จะต้องมีสายน้ำ จะต้องมีแสงสว่าง……”
เสียงนี้ดังขึ้นในโลกจิตใจของรพีพงษ์โดยไม่รู้ที่มา และเมื่อทุกครั้งที่พูดถึงสิ่งใดจบแล้ว โลกจิตใจที่เวิ้งว้างมืดมิดของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้ง ผืนแผ่นดิน จุดศูนย์รวม ภูเขา สายน้ำ แสงสว่าง ชีวิต……
ในที่สุดรพีพงษ์ก็ลอยลงมาที่พื้น ยืนอยู่บนยอดเขาทั้งหลาย เห็นทุกอย่างเล็กไปหมด ในใจรพีพงษ์ก็ซาบซึ้งใจ
“ตั้งแต่วันนี้ไป คุณก็คือทายาทผู้สืบทอดเทพเจ้าสร้างโลกรุ่นที่สอง” เสียงที่ไร้ที่มานั้นดังขึ้นอีกครั้ง
ความเวิ้งว้างตรงหน้ารพีพงษ์ เงาของเทพเจ้าก็ปรากฏขึ้น ร่างเท่าภูเขา ใบหน้าสว่างดั่งหยก ด้านหลังมีกงล้อมเทพหมุนอยู่ตลอดเวลา แต่ละคำที่พูดมาล้วนมีความหมายลึกซึ้งมาก
แค่รพีพงษ์มองเทพเจ้าก็ให้ความรู้สึกว่าตนเองนั้นเทียบกันไม่ได้เลย
เทพเจ้าสร้างโลกตอนที่รพีพงษ์กำลังงงกับคำนี้อยู่นั้น ความรู้เกี่ยวกับตระกูลเทพก็ไหลเข้ามาในหัวเขาทันที
บรรลุขั้นแดนเทพขั้นพีค หลังจากมาถึงแดนบุณแล้ว ถึงจะเริ่มเป็นเส้นทางของนักฝึกวิชาทั้งหลายที่บำเพ็ญเซียน!
และผู้ฝึกเซียนทุกคน ก็จะได้รับการถ่ายพลังของเทพเจ้าไม่เหมือนกัน
รพีพงษ์ไม่เพียงมีพรสวรรค์จนน่าตกใจ ทั้งยังโชควาสนาที่ไม่มีใครเปรียบได้!
นานมาแล้วตอนที่ตนเองอยู่ที่ระดับแดนดั่งเทพนั้น ก็ได้รับการถ่ายทอดทั้งหมดจากจอมมารชูร่า ส่วนตอนนี้ เพิ่งบรรลุขั้นแดนบุณ ก็ได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าสร้างโลก!
แต่การถ่ายทอดของเทพเจ้าสร้างโลกจะไม่ค่อยเหมือนกับการถ่ายทอดจากเทพเจ้า
การสืบทอดของตระกูลเทพอื่นๆ จะเป็นการถ่ายทอดพลังที่แข็งแกร่งหรือไม่ก็เป็นอาวุธพิเศษ แต่เทพเจ้าสร้างโลกไม่เหมือนกัน ที่รพีพงษ์ได้รับมาจากเทพเจ้าสร้างโลกนั้น กลับเป็นพลังแห่งการสร้าง!
ในสายตาของรพีพงษ์ ขอเพียงรพีพงษ์คิด ต้นไม้ใบหญ้า ก็ล้วนมีชีวิตจิตใจเหมือนกับคน กลับกัน จะทำลายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้จะต้องตั้งอยู่ในพลังในระดับหนึ่ง
หลังจากที่ได้รับความรู้ของการถ่ายทอดของตระกูลเทพแล้ว สายตาของรพีพงษ์ก็เหมือนจะอ่อนโยนไปมาก แล้วก็มองไปยังเทพเจ้าสร้างโลกในกลางอากาศ พร้อมกับโค้งคำนับ
ใบหน้าเลือนรางของเทพเจ้าสร้างโลก เหมือนจะยิ้มออกมา มือขวาก็สะบัด พลังสายหนึ่งก็เข้ามาในตัวของรพีพงษ์
แดนดวงจิตของแดนบุณขั้นปฐมภูมิ!
พริบตา ฟ้าฝนที่ป่าหมอกก็หยุดเงียบไป ท้องฟ้ากลับมาปลอดโปร่ง แสงสีรุ้งก็ค่อยๆ หายไป
รพีพงษ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสีฟ้าในนัยน์ตาก็สาดออกมา
ปัณฑาก็มองรพีพงษ์ที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่พูดจาไม่ขยับตัว ก็เริ่มกังวล “รพีพงษ์ นี่คุณบรรลุขั้นแล้วหรือว่าเป็นอย่างไร พูดหน่อยสิ”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น สายตาก็มองไปทางปัณฑา มุมปากก็ยิ้มๆ ออกมาเล็กๆ พร้อมพูดว่า “แดนบุณนี่ดีจริงๆ วันข้างหน้าถ้าเจอยอดฝีมือระดับแดนบุณ ผมจะได้สู้ไหวแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ปัณฑาก็โล่งอก สายตาก็มองไปยังรพีพงษ์ นิ่งไปสักพักก็พูดว่า “รพีพงษ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ควรถามแบบนี้ แต่ว่าฉันก็ยังสงสัย ว่าคุณได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าองค์ไหน?”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ก็แบมือขวาขึ้นมา ตัวอักษรที่เหมือนกับยันต์อะไรบางอย่างก็ลอยออกมา แล้วเข้าไปล้อมก้อนหินบนพื้นไว้ จากนั้น หินก้อนนั้นก็ขยับขึ้นมา กระโดดโลดเต้น ราวกับมีชีวิตชีวา
“เทพเจ้าสร้างโลก ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพเจ้าระดับสูงใช่ไหม? ”
พอได้ยินดังนั้น ปัณฑาก็ตกใจมาก
การถ่ายทอดของเทพเจ้าก็แยกระดับเหมือนกัน และในเทวโลกนั้น การถ่ายทอดของเทพเจ้าสามารถแยกได้สามระดับ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง
ปกติแล้วมนุษย์จะรับการถ่ายทอดจากเทพเจ้ามาแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น ก็คือการได้รับการถ่ายทอดในระดับต่ำ ระดับกลางนั้นก็หายากนับพันปี ส่วนระดับสูงนั้น แทบจะไม่มีสักคนในรอบหมื่นปี
แต่รพีพงษ์กลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะว่า รพีพงษ์รู้สึกว่า การรับถ่ายทอดจากเทพเจ้าของตนเองคงไม่ถึงระดับสูงหรอก เพราะว่า ตอนสุดท้ายรพีพงษ์พบว่า พลังที่เทพเจ้าสร้างโลกถ่ายทอดมาให้ตนเองนั้น ราวกับเทพเจ้าทั่วไปก็สามารถสร้างออกมาได้!
ส่วนเทพเจ้าระดับสูง ก็เป็นแค่เพียงการประเมินว่าจะได้รับถ่ายทอดก็เท่านั้นเอง
ปัณฑาก็ยังตกใจอย่างตอบสนองกลับมาไม่ได้ สายตาที่มองรพีพงษ์ตอนนี้ ก็เหมือนกับเห็นผีเสียอย่างนั้น โดยไม่รู้ว่าจะทำท่าอย่างไร
และตอนที่ทั้งสองคนคิดว่าทุกอย่างมันจะจบลงแล้วนั้น บนท้องฟ้าก็มีแสงสีแดงส่องลงเป็นเสาขนาดใหญ่ ในเสาสีแดงนั้นมีไอพิฆาตเต็มเปี่ยม ทำให้ปัณฑาเข้าใกล้ไม่ได้เลย
ในโลกจิตใจ รพีพงษ์ได้กลับเข้ามาที่นี่อีกครั้ง แล้วก็เริ่มสงสัย
แต่ที่นี่ไม่มีเสียงนกร้อง หอมกลิ่นดอกไม้เหมือนก่อนแล้ว แต่มันเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง
ท้องฟ้าสีแดง กองกระดูกใต้ฝ่าเท้าของรพีพงษ์ กองกันเป็นภูเขาน้อยๆ
และส่วนที่สูงที่สุดของกองกระดูก ก็มีเงาของเทพเจ้าองค์หนึ่งปรากฏขึ้น
เทพเจ้านั้นเหมือนกับจอมมารลงมาเกิด แล้วนั่งลงไปที่บัลลังก์สีดำสนิท กงล้อมเทพทั้งแปดก็หมุนไม่หยุด ไอพิฆาตที่เข้มข้นทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าถูกกดดัน
เทพเจ้านั้นไม่ได้พูดอะไรเลย แค่มองรพีพงษ์อย่างเดียว แล้วก็สะบัดมือขวาออกมา พลังเทพก็ลงมาใส่ตัวของรพีพงษ์ รพีพงษ์ได้รับการถ่ายทอดจากชูร่าอีก!
รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าครั้งที่สอง!
รพีพงษ์ลืมตาขึ้นอย่างแรง เสาสีแดงก็หายไป กระบี่สยบเซียนตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าออกจากฝักตอนไหน สั่นไหวอยู่ตลอดเวลา
รพีพงษ์มองดังนั้น ก็ปล่อยไอพิฆาตออกมา กระบี่สยบเซียนเลยสงบลงไป แล้วกลับเข้าไปในฝัก
ปัณฑาเห็นดังนั้น ก็สงสัย เลยถามว่า “เสาสีแดงเมื่อครู่นี้คืออะไร คุณได้รับการถ่ายทอดอะไรจากเทพเจ้าใช่ไหม?”
รพีพงษ์ได้ยิน ก็เอามือเกาหัว แล้วพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าองค์ที่สอง แถมยังเป็นการถ่ายทอดจากชูร่าระดับสูง คุณจะเชื่อไหม? …….”
ได้ยินดังนั้น ปัณฑาก็อ้าปากค้าง ได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าอีกงั้นหรือ? คนเดียวรับการถ่ายทอดสองสายเลยงั้นหรือ? เรื่องนี้ปัณฑาไม่เคยได้ยินมาก่อน เทวโลกไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
และสิ่งที่ทำให้ยากจะเชื่อก็คือ รพีพงษ์ได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้านั้น ล้วนเป็นระดับสูงทั้งหมดเลย
นี่มันเป็นพรสวรรค์และโชควาสนาเพียงใดกันนี่?
รพีพงษ์ก็หัวเราะอยากทำอะไรไม่ได้ มองไปที่กระบี่สยบเซียน เมื่อครู่นี้ที่กระบี่สยบเซียนตื่นเต้นแบบนั้น เกรงว่าคงจะได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างจากจอมมารชูร่า ก็คิดว่าจอมมารชูร่ากลับมาแล้ว ก็เลยตื่นเต้นออกมาแบบนั้น
รพีพงษ์ก็หลุดยิ้มออกมา แล้วเก็บกระบี่สยบเซียนเข้าไป พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองดูทิศทางของตวัส