พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่129 ตบอย่างเหี้ยมโหดหนึ่งฉาด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่129 ตบอย่างเหี้ยมโหดหนึ่งฉาด
ตอนที่129 ตบอย่างเหี้ยมโหดหนึ่งฉาด
ดวงตาธายุกรลุกวาว แล้วกล่าวว่า “คุณชายกุมุท ขอแค่คุณพูด แล้วผมจะทำให้สำเร็จ”
กุมุทหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าวว่า “มึงบอกกูมาก่อน รพีพงษ์นี่ฝีมือดีมั้ย?”
ถึงแม้เลปกรจะบอกว่าไหล่ของเขาถูกรพีพงษ์ทำให้หัก แต่เขาได้ยินมาตลอดว่ารพีพงษ์ก็เป็นแค่เศษสวะ กำลังของเลปกรความจริงก็ไม่น้อย
แต่ทำไมสามารถโดนไอ้สวะตัวหนึ่งทำให้ไหล่หักได้นะ
ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าหัวไหล่ของเลปกรโดนรพีพงษ์ทำหัก จะต้องมีเหตุผลอย่างอื่นแน่นอน
อนนี้ธายุกรอยู่ตรงนี้ เขาจะต้องรู้แน่ๆว่ารพีพงษ์ฝีมือเป็นอย่างไร ดังนั้นกุมุทต้องแน่ชัดก่อนว่าความสามารถของรพีพงษ์ขนาดไหน
ธายุกรคิดแล้วคิดอีก เขาจำได้เพียงว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งรพีพงษ์สามารถใช้มือเดียวยกเขาขึ้นมาจากพื้นได้ เขาต่อยไม่ชนะรพีพงษ์แน่นอน
แต่การ์ดของกุมุท คนนึงเก่งอีกคนนึงก็เก่งขึ้นไปอีก รพีพงษ์ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขาอย่างแน่นอน
แล้วธายุกรยังคิดเสมอว่ากำลังมหาศาลที่รพีพงษ์ได้มานั้น มาจากการทำงานบ้านงานเรือน
ดังนั้นเขาจึงพูดกับกุมุทว่า “ไอ้สวะรพีพงษ์นี่ มันไม่มีฝีมือแน่นอน ปกติเขาก็ทำแต่งานบ้าน กำลังแรงมีขึ้นมาหน่อย
ได้ยินธายุกรพูดแบบนี้ กุมุทก็สบายใจแล้ว จากนั้นขยับไปที่ใกล้ๆหูของเขา แล้วพูดกี่ประโยค
ใบหน้าของธายุกรแสดงออกถึงความร้ายกาจ พยักหน้าให้กับกุมุท จากนั้นก็ขยับตัวขึ้นแล้วเดินไปที่ฟลอร์เต้น
เขาหยิบไมค์ขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย ทุกท่านทั้งหลายที่มาร่วมงานในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นสูงในสัมคม
เป็นคนเด่นคนดัง คุณชายกุมุทก็ไม่มีทางที่จะเป็นเพื่อนกับคนไร้ซึ่งความสามารถอยู่แล้ว
“เพียงแต่พวกคุณอาจจะไม่รู้ ในกลุ่มของพวกเรา ยังมีคนหนึ่งที่พิเศษต่างจากพวกเราอยู่
ทุกคนล้วนโดนเสียงของธายุกรดึงดูด หันหน้าไปดูที่เขาตรงนั้น
“อะไรคือวิถีชีวิตที่พิเศษ? หรือว่ายังพิเศษว่าคุณชายกุมุทอีกงั้นหรอ?” มีคนถามขึ้นมา
ทันใดนั้นธายุกรก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “เขาจะมาเทียบกับคุณชายกุมุทได้อย่างไรกัน ผมบอกว่าเขาพิเศษนั้น
เป็นเพราะว่าเขาคือไอ้สวะเพียงคนเดียวในงานนี้ของพวกเรา!”
คนหมู่มากเริ่มถกเถียงกัน ไม่คาดคิดว่าผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ ยังมีไอ้สวะหนึ่งคน
“ไม่ทราบว่าทุกท่านที่อยู่เมืองริเวอร์เคยได้ยินรพีพงษ์ชื่อนี้หรือไม่?” ธายุกรกล่าว
ทันใดนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มถกเถียงกันเรื่องนี้
“ใช่รพีพงษ์ที่แต่งงานแล้วไปอยู่บ้านของภรรยาหรือเปล่า? ได้ยินมาว่านอกจากเกาะผู้หญิงกินแล้ว อะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่าง”
“ฉันเคยได้ยินชื่อนี้ ว่ากันว่าโคตรเศษสวะ อยู่บ้านรองรับอารมณ์ทั้งวัน ใช้ชีวิตแย่ยิ่งกว่าสุนัขอีก
“รพีพงษ์ ฉันว่าทำไมได้ยินแล้วคุ้นหูจัง ที่แท้ก็คือไอ้สวะที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี่เอง หรือว่าวันนี้ก็มาร่วมงานของพวกเราด้วย?”
……
ธายุกรได้ยินผู้คนดูถูกดูแคลนรพีพงษ์ ในใจรู้สึกดี สิ่งที่เขาชอบดูที่สุด คือการที่รพีพงษ์ถูกทุกคนดูถูก
อารียาไม่คาดคิดว่าธายุกรจะมาแนวนี้ ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เธอหันไปมองรพีพงษ์ เห็นรพีพงษ์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าอันสงบนิ่ง
ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ธายุกรพูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
กุมุทยิ้มอย่างสงบ คิดในใจว่าที่รพีพงษ์สงบในตอนนี้ นั้นก็แค่กำลังเสแสร้งแค่เท่านั้น ประเดี๋ยวเขาจะทำให้ทึกคนได้รับรู้ว่า
รพีพงษ์ที่อยู่ต่อหน้าทุกคน ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
“พวกคุณพูดไม่ผิด รพีพงษ์เศษสวะตามที่ทุกคนคิดไว้นั่นแหละ!” ธายุกรตะโกนเสียงดัง
จากคำวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นของเขา ทันใดนั้นมีแสงไฟสาดไปที่ร่างกายของรพีพงษ์ ผู้คนทั้งหมดในงานเลี้ยงล้วนจ้องมองไปที่เขา
ผู้คนต่างประชดประชันรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพียงแค่อยากรู้ว่าธายุกรคิดจะทำอะไร
“แต่ก็แค่ไอ้สวะคนนึง ตอนนั้นยังกล้าพูดว่าการ์ดของคุณชายกุมุทภายนอกมันก็ดูดีอยู่นะ แต่ไม่กล่าวถึงจะดีกว่า พวกคุณว่าไง เขากำลังเร้ากับความเกรงขามของคุณชายกู่อยู่” ธายุกรตะโกนต่อไป
“ใช่!” คนจำนวนไม่น้อยก็ตะโกนออกมาด้วย
“แม่ง แม้แต่ความเกรงขามของคุณชายกุมุทยังกล้าเร้า
“ไอ้สวะ ไม่คิดว่ามึงจะกล้ายั่วคุณชายกู่ คงใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วจริงๆ สู้ให้การ์ดชกซักหมัด ดูสิว่าเขายังกล้าพูดแบบนี้อีกมั้ย!”
ธายุกรเฝ้ามองดูอารมณ์ของผู้คนที่ถูกปลุกปั่นขึ้น แล้วก็กล่าวต่อว่า “ความเกรงขามของคุณชายกุมุทถูกเร้า เรื่องนี้ยังไงก็ยอมไม่ได้
พวกคุณที่อยู่ที่นี่น่าจะรู้ถึงฝีมือของคุณชายกุมุท
สู้ให้รพีพงษ์กับคุณชายกุมุทประลองฝีมือกันสักตั้ง ดูว่าเขายังกล้าที่จะพูดประโยคแบบนั้นอีกหรือไม่!”
ทุกคนได้ยินธายุกรอยากให้รพีพงษ์กับกุมุทชกกันสักตั้ง ทันใดนั้นก็เริ่มมีเสียงโห่ดังขึ้นมา
ถึงอย่างไรสิ่งที่พวกเขาอยากดูที่สุดก็คือเรื่องแบบนี้
ใบหน้าของรพีพงษ์แสดงว่าถึงความประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าธายุกรพูดมาตั้งนานนั้น สุดท้ายก็แค่อยากให้เขากับกุมุทต่อยกันสักยก
รพีพงษ์หันไปมองกุมุท ภายใจในอดไม่ได้ที่จะมีคำถาม
ไอ้เด็กนี่……อยากโดนต่อยขนาดนี้เลยหรอ?
กุมุทยิ้มอย่างดูแคลน ไม่ได้มองรพีพงษ์อยู่ในสายตาแต่อย่างใด คำพูดเหล่านั้นของธายุกรล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากให้พูด เขาแค่อยากจะต่อหน้าทุกคน ให้รพีพงษ์ได้รู้ ว่าเขาก็คือไอ้สวะดีๆนี่เอง ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่กับอารียา
เขาก็ได้รับการฝึกฝนจากทางบ้านตั้งแต่ยังเล็ก ความแข็งแกร่งของร่างกายเทียบกับคนปกติแล้วจะมีมากกว่าเยอะ ฝืมือก็ไม่เลว ถึงแม้ไม่เก่งเท่าเลปกรหรือปิ่นพงศ์ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปแล้วก็ชนะแบบใสๆ
เมื่อสักครู่ธายุกรก็ยืนยันกับเขาแล้ว ว่ารพีพงษ์ไม่มีฝีมือใดๆเลย ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลแต่อย่างใด
หากเลปกรอยู่ในงานด้วยล่ะก็ ถ้ารู้ว่ากุมุทจะต่อยกับรพีพงษ์ จะต้องเข้าไปห้ามแน่นอน เสียดายที่กุมุทไม่ได้พาเลปกรมาด้วย
อีกทั้งเขายังไม่เชื่ออีกว่าแขนของเลปกรถูกรพีพงษ์ทำให้หัก วันนั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีธฤตญาณ กุมุทเชื่อว่าเป็นธฤตญาณทำแขนของ
เลปกรหัก
เขายืนขึ้นมาจากที่นั่ง หัวเราะพลางพูดกับรพีพงษ์ว่า: “ในเมื่อทุกคนอยากดูกูกับมึงต่อยกันขนาดนี้
งั้นกูก็ทำได้แค่ทำตามสิ่งที่ทุกคนพูดออกมา”
“รพีพงษ์ มึงกล้าต่อยกับกูไหม?”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วยิ้มอีกให้กับกุมุท แล้วกล่าวว่า: “เลปกรไม่ได้บอกมึงหรอ ว่าแขนของเขาหักได้ยังไง?”
กุมุทยิ้มอย่างเยอะเย้ย แล้วกล่าวว่า: “อย่ามาทำเสแสร้งตรงนี้ แขนของเลปกรธฤตญาณเป็นคนทำหัก ไม่เกี่ยวกับมึงเลยสักนิด
ถ้ามึงไม่กล้าต่อยกับกู ก็รีบไสหัวไปให้ไวซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับสวะ!”
รพีพงษ์หัวเราะพลางพูด: “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว งั้นก็สนองให้มึงล่ะกัน”
อารียาเห็นรพีพงษ์ตอบรับ ทันใดนั้นก็เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันที แล้วรีบกล่าว่า “คุณชายกุมุท นี่ล้วนเป็นเพราะธายุกรยั่วยุปลุกปั่นทั้งนั้น เขาตั้งใจให้เป็นแบบนี้ คุณอย่าบ้าตามธายุกรสิ
กุมุทมองไปที่อารียา แล้วกล่าวว่า “คุณอารียา นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ชาย เธออย่ายุ่ง”
รพีพงษ์ส่งสายตาให้กับอารียา สายตาที่แสดงออกให้อารียาไม่ต้องเป็นห่วง
กุมุทเดินตรงไปที่ฟลอร์เต้นตรงนั้น ทันใดนั้นทุกคนก็เคลียร์พื้นที่ ให้กุมุทกับรพีพงษ์ได้ประลองฝีมือ
รพีพงษ์ไม่ลังเล เดินตามกุมุทไป แล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าจะเห็นรพีพงษ์กล้าที่จะต่อกรกับกุมุทจริงๆ ทันใดนั้นก็เริ่มมีการประชดประชันกัน ว่ารพีพงษ์เป็นพวกที่ดึงดัน ไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าที่เผชิญหน้าอยู่นั้น เป็นคนอย่างไร
ใบหน้าร้ายกาจของธายุกรกำลังมองรพีพงษ์อยู่ แล้วกล่าวว่า “รพีพงษ์ ผ่านวันนี้ไป ชื่อสวะนี้ของมึง จะยิ่งทวีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ ชั่วชีวิตนี้ของมึงจะไม่มีทางกลับมาดีได้อีก”
รพีพงษ์ชักตาไปที่เขา แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “มึงคิดไว้นะ เดี๋ยวถ้ากุมุทนี่โดนต่อยแล้ว มึงจะขอร้องให้หยุดยังไง?”
ชัดเจนมาก ธายุกรบอกกุมุทว่า รพีพงษ์ไม่มีฝีมือ ประเดี๋ยวกุมุทโดนต่อยล่ะก็ จะไม่มีทางปล่อยธายุกรไปแน่ๆ
อวดเก่งให้มันน้อยๆหน่อย กับอีแค่กังฟูกระจอกๆของมึง จะเป็นคู่ต่อกรกับคุณชายกุมุทได้ยังไง มึงรอความตายได้เลย!”
พีพงษ์เบื่อที่จะสนใจเขา หันหัวไปหากุมุท แล้วพูดอย่างสงบว่า “ลงมือเถอะ”
“เหอะๆ ไม่คาดคิดว่าตอนนี้ใบหน้าของมึงยังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงนี่เสแสร้งเก่งจัง แต่ทว่าอีกแป๊บเดียวมึงก็จะเสแสร้งไม่ออกล่ะ!”
กุมุทไม่พูดพล่ำทำเพลง แล้วพุ่งเข้าไปที่รพีพงษ์ทันที
ความเร็วของเขาถือว่าไม่ช้า แค่ท่วงท่าในสายตาของรพีพงษ์นั้นดูชักช้าไปสักนิด จุดอ่อนเริ่มเผยออกมาตั้งแต่ต้นที่เขาเริ่มขยับ แสดงออกมาหลายจุด
หากเผชิญหน้ากับคนธรรมดา เช่นครูสอนฟิตเนสพวกนั้น กุมุทน่าจะรับมือได้อย่างง่ายดาย
เสียดายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นคือรพีพงษ์
พรรคพวกไฮโซรอบๆนั้นเมื่อเห็นกุมุทลงมือแล้ว ท่าทางเป็นธรรมชาติ ล้วนก็ชื่นชมขึ้นมาทันที
“เจ๋งหวะ คุณชายกุมุท จริงๆแล้วคือ………. ไม่คาดคิดว่าฝีมือจะเยี่ยมขนาดนี้!”
“แค่ท่วงท่าที่ต้องทำอย่างรวดเร็วก็น้อยคนนักที่จะทำได้ คุณชายกุมุทสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลอันดับหนึ่งเมืองริเวอร์
“คุณชายกุมุทหล่อมากเลย พวกเราคือแฟนคลับของคุณตลอดไป!”
กลุ่มหญิงสาวต่างพากันหลงใหล เห็นกุมุทวาดลวดลาย ก็ไม่หยุดที่จะเรียก
มุมปากของกุมุทก็ยั่วยวนให้เกิดอาการเหงานิดๆ ดูๆไปแล้วเป็นที่น่าพอใจ
ตั้งแต่เขาเริ่มลงมือ กระทั่งถึงตรงหน้าของรพีพงษ์ รพีพงษ์ยังไม่แม้กระทั่งจะลงมือ
“ไอ้สวะนั่นคงไม่ใช่กลัวหัวหดไปแล้วนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันว่าใช่ โดนท่วงท่าสวรรค์ของคุณชายกุมุทขู่เข้าไปเลยกลัวจนหัวหดไปล่ะ ”
หมัดของกุมุทชกไปที่หน้าของรพีพงษ์
ในตอนนี้เอง ที่ร่างกายของรพีพงษ์เริ่มขยับ เขาเอียงตัว แล้วหลบหมัดของกุมุท
แล้วรีบสวนกลับ มือของเขายกขึ้นมา เร็วเหมือนฟ้าผ่า ตบไปที่บนหน้าของกุมุท
เพี้ยะ!
เพิง!
ร่างกายของกุมุทล้มลงบนพื้นอย่างจัง
ท่วงท่าที่ง่ายๆ ก็ทำให้ตบกุมุทล้มลงไปนอนบนพื้นได้ เพียงการกระทำแค่อึดใจเดียว ไม่อืดอาดยืดยาดใดๆ
ทุกคนล้วนมองอย่างมึนงงไปที่ฟลอร์เต้นนั้น แต่เดิมผู้หญิงเหล่านั้นที่โห่เชียร์ให้กับกุมุทล้วนต้องเอาปากทิ้งไปบนพื้น แล้วใช้มันเจาะพื้นซะ
ธายุกรที่ถือไมค์อยู่นั้นแต่เดิมยังรออย่างมีความสุขที่จะได้ดูหนังม้วนนี้ แต่ยังไม่รอถึงเขาได้พูดอะไร ให้กำลังใจกุมุทเลย ก็เห็นรพีพงษ์ตบกุมุทลงไปนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไมค์ที่บนมือเขาล่วงหล่นลงไปบนพื้นแล้ว เสียงรบกวนดังขึ้น ถึงได้ดึงจิตที่กำลังตกใจของทุกคนกลับคืนมา
อารียาเห็นกุมุทถูกรพีพงษ์ตบไปหนึ่งครั้งแล้วร่วงลงกับพื้น ก็แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อวานเธอได้เห็นรพีพงษ์ต่อสู้กับพวกของชญตว์แล้ว ตอนกุมุทเริ่มลงมือ เธอก็เดาถูกว่ากุมุทไม่ใช่คู่ต่อกรของรพีพงษ์
“นี่……นี่เป็นไปได้ยังไง ไอ้สวะนั่น นึกไม่ถึงว่าตบแค่เพี้ยะเดียวจะทำให้คุณชายกุมุทล้มลงได้
“ฉันคงไม่ได้ตาลายสินะ นี่เป็นแค่สวะจริงๆหรอ“
“ไอ้ที่ถือไมค์นะเล่นอะไร คงไม่ได้มาหลอกคุณชายกุมุทหรอกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าคุณชายกุมุท
ก็ไม่น่าจะขึ้นไปต่อยกับไอนั่นที่ชื่อรพีพงษ์นะ?
……
กุมุทเพียงรู้สึกว่าในสมองมันจะช้าๆ ในหูมีเสียงวิ้งๆ เหมือนกับสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างนั้น
ผ่านไปสักพัก เขาจึงจะมีสติกลับมา หลังจากยืนขึ้นมาจากพื้นแล้ว ก็มองอย่างหวาดกลัวนิดหน่อยไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์เพิ่งมองเขา พัวเราะพลางกล่าวว่า “ยังอยากโดนตบอีกสักฉาดมั้ย?”
กุมุทลูบบนใบหน้าของตนทันที แต่เดิมเขาอยากจะทำให้รพีพงษ์เกิดความอับอาย
ผลลัพธ์ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวเองที่อับอายขายหน้า เรื่องแบบนี้แน่นอนว่าเขาลืมมันไม่ลง
เพียงแต่ว่าเขาไม่กล้าต่อยกับรพีพงษ์แล้ว เขารีบออกจากฟลอร์เต้น แล้วเดินตรงไปที่ด้านหน้าของธายุกร
ธายุกรเห็นกุมุทเดินเข้ามา ในใจเต้นตึกตักทันที ขาเริ่มอ่อนแล้ว
“คะ……คุณชายกุมุท ฟังผมอธิบายก่อน ไอ้รพีพงษ์นี่ตอนอยู่ที่บ้านเป็นเพียงแค่คนที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น เขาก็แค่ทำงานบ้านไปวันๆ
ดังนั้นกำลังแรงมีมากขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง……”
กุมุทได้ยินธายุกรพูดแบบนี้ ในใจยิ่งโมโหมากขึ้น หรือการที่เขาได้รับการฝึกตั้งแต่เด็กนั้น
ยังเทียบไม่ได้กับคนหนึ่งที่ทำเพียงงานบ้าน?
นี่ชัดเจนมากกว่าธายุกรกำลังเล่นตลกกับตนอยู่
เขาชักตาอย่างเหี้ยมโหดไปที่ธายุกร แล้วยกมือขึ้นมาทันที ต่อยใส่เขาอย่างรุนแรงหนึ่งฉาด
แวบเดียวธายุกรก็ล้มลงบนพื้น แต่กุมุทก็ไม่หยุดต่อย
“เย็ดแม่ง มึงไปต่อยกับเขาเลยนะ ล่ะดูว่ามันเป็นแค่คนที่ทำแต่งานบ้านแล้วมีแรงเพิ่มขึ้นจริงมั้ย?”