พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่128 ธายุกรที่หน้าเหวอ
ตอนที่128 ธายุกรที่หน้าเหวอ
อารียาไม่คิดว่าศศินัดดาจะใช้วิธีตัดความสัมพันธ์มาบีบเธอ ช่วงเวลานี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตอนนี้รพีพงษ์เดินมาถึงข้างกายของอารียา แล้วกล่าวว่า “ ไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันไปเป็นเพื่อน”
รพีพงษ์เข้าใจได้เองว่ากุมุทต้องการอะไร แต่ทว่าคนแบบนี้ถ้าหากไม่สนใจเขา เขาก็อาจจะทวีความรุนแรงขึ้น
สู้ไปถึงที่แล้วให้เขาทำใจยอมรับเลยดีกว่า
“ใช่เลยลูก แกดูสิรพีพงษ์ก็บอกให้แกไปแล้ว แกก็ไปสักครั้งแล้วกัน” ศศินัดดารีบกล่าว
เขาไม่สนใจว่าถ้ารพีพงษ์ไปด้วย จะกระทบต่อการสร้างความสัมพันธ์ของอารียากับกุมุท
เธอมองว่า รพีพงษ์ไปด้วย ก็ได้เปิดหูเปิดตาได้เห็นสภาพคนรวยจริงๆ ถึงเวลานั้นเขาจะได้รู้ว่าตัวเองไม่เอาไหน รับไม่ได้ก็จะได้ยอมทิ้งอารียาไปเอง
อารียารู้สึกลำบากใจนิดหน่อย แต่ได้ยินรพีพงษ์ไปเป็นเพื่อนเธอ ในใจเธอก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
เธอก็รู้ ถ้าหากไม่ไป กุมุทต้องมาตามราวีเธออีกเป็นแน่ สู้ไปเปิดเผยกับกุมุทเลยดีกว่า
“งั้นก็โอเค แต่เธอไม่ต้องระแวงว่าฉันกับคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์จะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตนี้ของฉันจะยอมรับแค่เพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น” อารียากล่าว
ศศินัดดาไม่สนใจ ในใจคิดเพียงว่าเดี๋ยวพอเธอได้รู้ถึงวิถีชีวิตของคนรวย ก็จะไม่คิดแบบนี้แล้ว
แต่รพีพงษ์ก็รู้สึกแปลกๆ วันนี้อารียายังพูดถึงแม้ตนเองจะจากไป เธอก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าอารียาไม่ให้ความสำคัญกับเขา
แต่ตอนนี้ได้ยินคำพูดอารียา เขาก็คิดทันทีว่าตนเองคิดมากไป
ถ้าอารียาไม่แคร์ตัวเองจริงๆล่ะก็ จะพุ่งเข้าไปขวางอยู่ตรงหน้าของตนเองตอนนั้นทำไมกัน
รพีพงษ์ยิ้มอย่างสบายใจ ความจริงแล้วอารียายังแคร์ตนอยู่ งั้นตนก็ไม่จำเป็นต้องออกไปจากเมืองริเวอร์
เมื่อตอนกลางคืนใกล้จะเข้านอน บุษบากรส่งข้อความให้รพีพงษ์อีกแล้ว ถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
รพีพงษ์นึกถึงเรื่องที่บุษบากรตั้งใจถ่ายรูปนั้น จึงเริ่มรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องหาเวลาคุยกับบุษบากรแล้ว
เขาไม่ได้ตอบกลับข้อความของบุษบากร หลังจากปิดโทรศัพท์แล้ว ก็เข้านอนเลย
แต่บุษบากรที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้ตอบกลับ ในใจรู้สึกน้อยใจ
ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวบนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พลบค่ำของวันต่อมา รพีพงษ์กับอารียาเดินออกจากวิลล่าไปพร้อมกัน ศศินัดดายังไม่หยุดกำชับว่าให้ตีสนิทกับคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ไว้
รพีพงษ์พาอารียาไปถึงยังผับเคลิ้มอันมีชื่อเสียงเมืองริเวอร์ ประตูหน้าผับจอดเต็มไปด้วยรถหรูหราจำนวนไม่น้อย
รถเรนจ์โรเวอร์คันนี้ของรพีพงษ์ดูๆแล้วไม่ได้เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด
ทั้งสองลงมาจากรถ อารียามองไปยังรพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า “ อีกประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องห้ามผลีผลามโอเคไหม”
รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าวว่า “วางใจเถอะ ผมจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจ
สองคนเดินเข้าไปยังผับพร้อมกัน วันนี้กุมุทได้เหมาผับไว้ทั้งหมดแล้ว จะมีเพียงคนที่ได้รับการ์ดเชิญเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าไป
เขาทั้งสองเพิ่งจะถึงประตู ก็มองเห็นเงาที่คุ้นเคย
ธายุกร
ธายุกรก็เห็นเขาทั้งสองแล้ว ก็เดินยิ้มอย่างดูแคลนเข้ามาทันที
วันนี้เขาได้การ์ดเชิญของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์ ให้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงในผับเคลิ้ม
เมื่อก่อนธายุกรพยายามใช้ทุกวิถีทางในการที่จะทำความรู้จักกับกุมุท ผลลัพธ์คือเค้าไม่แม้แต่คิดจะพาไปเที่ยว มีก็แค่เมื่อเจอเข้ากับที่เรื่องยุ่งยาก หรือตอนที่ต้องการคนมาทำงานให้ จึงจะเรียกหาเขา
ครั้งนี้กุมุทเป็นคนเชิญเขาเอง ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดใจ
ที่จริงแล้วตอนนี้สถานะของเขาในตระกูลฉัตรมงคลแทบจะเทียบกับอารียาไม่ติด หากครั้งนี้สามารถเป็นเพื่อนกับกุมุทได้ล่ะก็ นภทีป์จะต้องให้เกียรติเขาต่อไปแน่ๆ
เพียงแค่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอรพีพงษ์กับอารียาที่นี่ เขารู้สึกว่างานเลี้ยงของคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์
เขาทั้งสองต้องไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมอย่างแน่นอน อาจจะบังเอิญปรากฎตัวตรงนี้ก็เป็นได้ จึงอยากจะเหน็บแนมสักหน่อย
“เธอทั้งสองทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ที่นี่คุณชายกุมุทได้เหมาทั้งหมดไว้แล้ว ผมขอให้พวกเธอรีบออกไปจากที่นี่ซะ
เดี๋ยวอีกสักครู่จะโดนคนของคุณชายกุมุทไล่ได้นะ” ธายุกรกล่าวอย่างมีความสุข
“พวกเรามาร่วมงานเลี้ยง” อารียามองพลางขมวดคิ้วไปที่ธายุกร
“พวกเธอมาร่วมงานเลี้ยง? อย่ามาตลกหน่อยเลย อยากที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ ต้องมีการ์ดเชิญ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ครั้งนี้คนที่คุณชายกุมุทเชิญมานั้นล้วนแต่เป็นคุณหนูและคุณชายของตระกูลบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะมาร่วมงานเลี้ยงระดับนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังพาไอ้ไร้ประโยชน์นี่มาด้วย” ธายุกรไม่เชื่อ
อารียาไม่อยากจะต่อร้องต่อเถียงกับธายุกรอีกต่อไป หมุนตัวไปหารพีพงษ์แล้วพูดว่า “พวกเราเข้าไปเถอะ”
พีพงษ์พยักหน้า สองคนเดินตรงเข้าไปยังประตูพร้อมๆกัน
ธายุกรหัวเราะในใจ อยากจะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีการ์ดเชิญแล้วจะเข้างานได้อย่างไร หากว่ารุกเข้างานเลี้ยงของคุณชายกุมุท พวกเขาทั้งสองจะต้องพบกับจุดจบที่ไม่ดีแน่ๆ
อารียาเดินไปถึงประตู มีคนร่างกำยำสูงใหญ่สองคนขวางเขาและรพีพงษ์เอาไว้
ตอนนั้นเองเธอก็ได้หยิบการ์ดเชิญใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอ
สองคนนั้นได้เห็นการ์ดเชิญ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นต้อนรับขับสู้ทันที ก้มหลังแล้วเชิญอารียาและรพีพงษ์เข้าไป
ทันใดนั้นธายุกรก็ต้องตะลึง ไม่คาดคิดว่าอารียานั้นจะมีการ์ดเชิญจริงๆ
เขารีบเดินตามไป เอาการ์ดเชิญของตนเองนำออกมา ส่งให้กับชายร่างกำยำทั้งสองดู
ชายร่างกำยำทั้งสองนั้นไม่แสดงกิริยาใดๆ แล้วกล่าวว่า “เข้าไปเถอะ”
ในใจของธายุกรก็รับไม่ได้ขึ้นมาทันที แล้วกล่าวว่า “ทำไมสองคนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้พวกแกถึงก้มหลังต้อนรับ ทำไมท่าทีที่แสดงออกกับฉันมันแย่ขนาดนี้?”
ชายร่างกำยำทั้งสองมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา
“การ์ดเชิญเมื่อกี๊ที่เค้านำออกมาคือการ์ดเชิญระดับสูง การ์ดเชิญของคุณคือระดับต่ำ
แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่สามารถได้รับการบริการเหมือนกับเค้าได้” หนึ่งในนั้นตอบ
พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นคนของกุมุท ปกติก็จะหยิ่งยโสมาก เกี่ยวกับพรรคพวกตระกูลธรรมดา พวกเขาจะมองข้ามไป
ทันใดนั้นธายุกรก็ต้องตะลึง ไม่คาดคิดว่าอารียาไม่เพียงแต่มีการ์ดเชิญเท่านั้น แต่ทว่ายังเป็นการ์ดเชิญมีระดับสูงที่สุดด้วย นี่ทำให้ในใจเขารับไม่ได้จริงๆ
ขาหลับตาพลางมองดูอารียาและรพีพงษ์ ในใจคิดว่าการ์ดเชิญนี้ต้องไม่ใช่กุมุทส่งให้แน่นอน ไม่แน่พวกเขาอาจจะขโมยมาก็ได้
ยังไงเขาก็คือทายาทของตระกูลฉัตรมงคล ดังนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะถูกเชิญ แต่อารียาไม่ได้ถือเป็นอะไรของตระกูลฉัตรมงคลเลย
รพีพงษ์ยิ่งกว่าเป็นแค่ไอ้ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ทำไมจึงถูกเชิญได้นะ
ดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าไป ดักอารียาและรพีพงษ์สองคนเอาไว้
“การ์ดเชิญของพวกเธอนี่ขโมยมาสินะ อารียา คิดไม่ถึงจริงๆว่าเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคุณชายกุมุท สุดท้ายแล้วเรื่องแบบนี้ยังทำได้
เธออิจฉาฉันที่ฉันได้รับการ์ดเชิญของคุณชายกุมุทสินะ กลัวฉันกับคุณชายกุมุทได้เป็นเพื่อนกันแล้วคุกคามถึงเธอ
ดังนั้นเธอเลยทำเรื่องแบบนี้ขึ้น ใช่มั้ย?” ธายุกรกล่าวอย่างหนักแน่น
อารียาดูคนโง่อย่างไรก็เหมือนดูธายุกรอยู่เช่นนั้น แล้วอ้าปากพูดว่า “แกหยุดพูดเรื่องไร้สาระไม่มีเหุตผลตรงนี้แล้วได้มั้ย
งานเลี้ยงนี้ถ้าไม่ใช่แม่ของฉันบังคับฉันมา แกคิดว่าฉันจะมาไหม?”
ธายุกรเบ้ปากไปมา แล้วกล่าวว่า “ เสแสร้งตรงนี้ให้น้อยๆหน่อย ยังจะแม่เธอบังคับเธอมา ใครบ้างไม่รู้ว่าตระกูลกุลสวัสดิ์
คือตระกูลที่ใหญ่ที่สุดเมืองริเวอร์ เธอเกรงว่าจะไม่ได้เกาะสินะ เธอไม่รู้สึกว่าโกหกไม่เนียนบ้างหรอ?”
อารียาเริ่มขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าสมองของธายุกรจะประหลาดได้ขนาดนี้ สามารถที่จะทำให้เขาคิดไปถึงว่าตนเองโกหกเพื่อมาร่วมงาน
“ฉันขอให้เธอรีบพารพีพงษ์ไสหัวออกไปซะ ไม่งั้นเดี๋ยวถ้าคุณชายกุมุทพบว่าพวกแกขโมยการ์ดเชิญเข้ามา จะต้องเล่นพวกแกไม่ปล่อยแน่ๆ
พวกแกโชคร้ายนะไม่เป็นไร ถ้าเพราะพวกแกทำให้คุณชายกุมุทเขามีอคติกับฉัน งั้นพวกแกก็คือผู้ร้ายของตระกูลฉัตรมงคล” ธายุกรกล่าว
อารียาหมดคำพูด ไม่อยากสนใจธายุกร จับมือกับรพีพงษ์แล้วเดินไปข้างหน้า ธายุกรขวางหน้าสองคนไว้ ยังไงก็ไม่ให้ไป
ตอนนี้ไม่ไกลมากนักมีคนเดินมาจำนวนหนึ่ง เดินนำโดยกุมุทพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?” กุมุทถาม
ธายุกรเห็นกุมุทมาแล้ว ทันใดนั้นก็รีบเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “คุณชายกุมุท ตรงนี้มีสองคนที่ขโมยการ์ดเชิญเข้ามา
ผมขวางพวกเขาแทนคุณ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนของตระกูลฉัตรมงคลเช่นกัน แต่คุณชายกุมุทไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหรอกครับ ลงโทษตามกฎได้เลยครับ”
เขารู้สึกว่าเพียงแค่เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับอารียาและรพีพงษ์ได้ กุมุทไม่แน่กุมุท
อาจจะชมเขาว่าเขาจัดการกับพี่น้องที่ทำผิดกฎได้
กุมุทมองไปที่อารียาและรพีพงษ์หนึ่งครั้ง ทันใดนั้นบนใบหน้าแสดงออกถึงอาการโกรธ
ธายุกรคิดว่ากุมุทจะต้องโมโหพวกเขาทั้งสองอย่างเป็นแน่ บนในหน้าแสดงออกถึงความสุขที่ได้เห็นคนกำลังจะโดนทำร้าย
ในตอนนี้ กุมุทยกแขนขึ้นมาทันที แล้วตบไปที่ใบหน้าของธายุกรอย่างจัง แล้วเริ่มด่า “เย็ดแม่ง วันนี้อารียาเป็นแขกพิเศษของกู
กูเชิญมึงมา ก็เพราะให้เกียรติเธอ คาดไม่ถึงว่ามึงจะพูดว่าการ์ดเชิญของเธอนั้นได้ขโมยมา มึงอยากตายไหม?”
ธายุกรก็งงเป็นไก่ตาแตกทันที ยังไงก็ไม่คาดคิด ว่าอารียาจะถูกกุมุทเชิญมาร่วมงานจริงๆ
อีกทั้งยังเป็นเพราะให้เกียรติอารียาถึงได้ถูกเชิญมาร่วมงาน หรืออารียากับกุมุทได้สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีเอาไว้แล้วนะ?
เขารีบก้มหลังลงขอโทษกุมุททันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ
กุมุทเดินไปอยู่ตรงหน้าของอารียา แล้วกล่าวว่า “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าเขา ผมจะไล่เขาออกไปตั้งแต่ตอนนี้”
“ไม่ต้องแล้ว”อารียากล่าว
กุมุทพยักหน้า พาอารียาเดินเข้าไปข้างใน ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เห็นรพีพงษ์แต่อย่างใด
ธายุกรปิดหน้าตนเอง แล้วรีบเดินตามเข้าไป เขามองดูเงาของอารียากับกุมุท
คิดในใจว่าต้องเป็นเพราะอารียากะหรี่น่ารังเกียจตัวนี้ยั่วกุมุทแน่ๆ ไม่งั้นทำไมกุมุทถึงได้ทำดีกับเธอขนาดนี้
เขาเห็นรพีพงษ์เดินขนาบข้าง เหมือนคนที่ไม่รู้อะไรสักนิด โดนนอกใจแล้วยังไม่กล้ามีปากมีเสียงอีก เศษสวะจริงๆ
ในใจเขาตอนนี้ ทำได้แค่หาจุดอ่อนในตัวรพีพงษ์ให้รู้สึกเท่าเทียมกันเท่านั้น
ข้างในผับมีคนจำนวนไม่น้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นคุณหนูและคุณชายที่กุมุทเชิญมา คนในกลุ่มต่างรุมเร้ากุมุท ไม่หยุดที่จะเข้ามาตีสนิท
กุมุทพาอารียามานั่งที่โต๊ะ ให้อารียานั่งลงก่อน จากนั้นตนจึงจะนั่งลง
ตอนนี้เขามองหารพีพงษ์ มองไปรอบๆ หัวเราะพลางกล่าวว่า “โอ้ว นี่ไม่ใช่เศษสวะรพีพงษ์นั่นหรอ การมีตัวตนของมึงแน่มันช่างน้อยจริงๆ
เมื่อกี๊ก็ไม่เห็นมึง ตรงนี้ก็ไม่ได้เตรียมที่นั่งไว้สำหรับมึง มึงดูสิมึงเป็นใคร?
เขาอยากใช้วิธีนีในการบีบให้รพีพงษ์รู้สึกลำบากใจ แล้วเดินออกไปเอง
“กูยืนก็โอเคแล้ว” รพีพงษ์พูดอย่างสงบ
วันนี้เขามาเพิ่อปกป้องอารียา นั่งหรือนั่งไม่ใช่ประเด็น
กุมุทไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะอดทนได้ขนาดนี้ ในใจก็ด่าเขาไอ้เศษสวะ ไม่แปลกที่ใครๆก็เรียกเขาว่าไอ้ไร้ประโยชน์
“งั้นมึงก็ยืนตรงนั้นไปเถอะ มึงเห็นคนตัวใหญ่บึกบึนสูงสองเมตรตรงนั้นมั้ย เขาเป็นการ์ดของงานนี้ ชื่อปิ่นพงศ์
เดี๋ยวอีกสักพักมึงอย่าตกเป็นขยะให้เขาโยนออกไปนอกงานล่ะ”กุมุทหัวเราะพลางพูด
รพีพงษ์หันไปดู พบว่าไม่ไกลมากนักมีผู้ชายร่างบึกบึนที่สูงสองเมตรอยู่จริงๆ คล้ายกับภูเขาเล็กๆตั้งอยู่ตรงนั้น พวกผีห่าซาตาน
“ภายนอกก็ดูดีอยู่นะ แต่ไม่กล่าวถึงจะดีกว่า” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
กุมุทหัวเราะเหอะๆ ความแข็งแรงของเขาปิ่นพงศ์คนนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเลปกรมากกว่าเยอะ
คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะล้วนมองดูรพีพงษ์อย่างเหยียดหยาม แล้วก็คิดว่าเขากำลังอวดเก่ง เพื่อที่จะกระชับความสัมพันธ์กับกุมุท
แล้วยังหัวเราะอย่างเหยียดหยามอีกด้วย
อารียาขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าวันนี้รพีพงษ์ต้องเจอกับการประชดประชันแบบนี้แน่นอน แต่เขาก็ยังจะมากับเธอ
และนี่ไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอไม่ซาบซึ้งเลย
ดังนั้นเธอจึงเริ่มหาโอกาส อธิบายให้กุมุทเข้าใจชัดเจน แล้วค่อยพารพีพงษ์ออกจากงานไป
ผู้คนดื่มสุราร่วมกัน กุมุทใช้วิธีต่างๆนานาให้อารียาดื่มสุรา อารียารู้สึกเบื่อหน่าย จึงดื่มไปสองแก้ว
ในเวลานี้กุมุทนั่งข้างๆกับธายุกร ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายแล้วกล่าวว่า “กูมีงานให้มึงทำ ถ้ามึงทำสำเร็จ
เรื่องที่ผ่านมาเมื่อกี๊กูจะไม่นึกถึงมันอีก”