พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 99 ผมซื้อบ้านแบบวิลล่า
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 99 ผมซื้อบ้านแบบวิลล่า
บทที่ 99 ผมซื้อบ้านแบบวิลล่า
“นี่..มาถึงขั้นที่ต้องตั้งแถวต้อนรับกันจริงๆ เลยเหรอ สวัสดิการของดงเย็น ดีขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าล่ะทุกคนถึงได้บอกว่าดงเย็นที่นี่ดี” คิมหัตต์บ่นพึมพำ
“เดี๋ยวนะ ถ้าคนเหล่านี้มายืนต้อนรับพวกเราจริงๆ งั้นก็หมายความว่ารพีพงษ์ ซื้อบ้านที่นี่จริงๆ นะเหรอ ” มีคนเอ่ยขึ้นมา
ทุกคนต่างฉุกคิดได้ สีหน้าดูคร่ำเครียดกันทุกคน
ชรินทร์ทิพย์ทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมทั้งจ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ด้านหน้า พร้อมทั้งเอ่ยว่า “ไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้บ้านี่มันไปเอาเงินมาจากไหน ถึงได้มีปัญญามาซื้อบ้านที่นี่ได้ เหอะ ต้องเป็นเงินที่ให้อารียาไปขโมยมาจากโครงการแน่เลย เดี๋ยวกลับไปฉันจะไปฟ้องปู่”
สีหน้าของธายุกรก็ดูไม่สุขใจ บ้านที่เขาพักอาศัยอยู่นั้นเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลตัวเมืองค่อนข้างมาก รพีพงษ์เอาคุณสมบัติอะไรมาพักในดงเย็นที่แบบนี้ได้
“ดูแล้วน่าจะจริง ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะมีปัญญาซื้อบ้านที่ได้” มีคนจำนวนไม่น้อยที่พูดแบบนี้
“ตลอดเวลายังคิดว่ารพีพงษ์จะไปซื้อบ้านในหุบเหวซะแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมาซื้อที่ดงเย็น หมายความว่าพวกเราดูถูกเขาเกินไป”
ทัศนคติของทุกคนที่มีต่อรพีพงษ์เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่ว่าคนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกการที่รพีพงษ์มีปัญญามาซื้อบ้านที่นี่ได้ คงอาศัยอารียาเพราะว่าระยะนี้อารียากำลังมีชื่อเสียงในบริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ
ศศินัดดากับศักดาทั้งคู่ตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพวกเราคิดว่ารพีพงษ์คงซื้อบ้านผุพังในหมู่บ้านที่ค่อนข้างไกล ทว่ารพีพงษ์กลับพาทุกคนมาที่นี่เพื่อดูบ้าน จนทำให้พวกเขาอับอายกันเอง
แถมตอนนี้ยังมั่นใจได้ว่ารพีพงษ์มาซื้อบ้านไว้ที่ดงเย็น พวกเขาก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา
อาการหน้าชื่นอกตรมที่อยู่บนใบหน้าของทั้งสองคนหายเป็นปลิดทิ้ง แววตาทอประกายแถมยังจ้องไปทางด้านในของดงเย็น มองเหมือนว่าเป็นที่ซ่อนขุมทรัพย์เช่นนั้น
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเขาจะมาซื้อบ้านที่ดงเย็นจริงๆ ก็ถือว่ายังคงไว้หน้าให้พวกเราบ้าง”ศักดายิ้มไปพูดไป
ศศินัดดารีบเบะปากทันที พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “แกคิดว่ารพีพงษ์เป็นคนซื้อบ้านที่นี่จริงๆ เหรอ คงเป็นเงินของลูกสาวเราเอามาให้มันยืมซื้อแน่ๆ ”
ศักดาได้แต่พยักหน้า พร้อมอ้าปากพูด “คงงั้นแหละ”
ทั้งสองคนเดินมุ่งหน้าและเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างดีอกดีใจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมตะโกนอย่างพร้อมเพรียงทันที “ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านดงเย็น!”
บรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคล เห็นว่าสามารถเข้าไปได้จริงๆ เลยรีบเดินเข้าไปด้านในของหมู่บ้านบ้าง
โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดเอามากๆ ปกติพวกเขาอยากจะเข้ามาก็เข้ามาไม่ได้ นี่มันเป็นโอกาส เลยต้องรีบเข้าไปด้านในเพื่อเปิดตาดูสักหน่อย
สีหน้าของชรินทร์ทิพย์กับธายุกรเดินเข้าไปด้านในหมู่บ้านด้วยสีหน้าดูไม่ได้ เพื่ออยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าตกลงแล้วรพีพงษ์ซื้อบ้านแบบไหนกันแน่
“นี่ลูก แกนี่นะ ขนาดเราสองคนยังปิดปากเงียบ ถ้าแกบอกกับฉันว่าพวกแกมาซื้อบ้านที่นี่ก่อนตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่มีทางโกรธพวกแกแล้ว” ศศินัดดายิ้มให้อารียา
อารียาคิดอยู่ในใจว่าถ้าเธอพูดออกไปแล้ว แม่ก็ไม่เชื่อเธออยู่ดี แถมตอนนี้พวกเขามาถึงด้านในของหมู่บ้านแล้วศักดากับศศินัดดายังทำหน้าดำหน้าแดงอยู่เลย
“แคลร์ รพี พวกคุณนี่ซื้อบ้านกี่ตารางเมตร ฉันได้ข่าวมาว่าคอนโดสูงๆ ของที่นี่ราคามันเตะอยู่ที่หลายล้านอยู่นะ” ญาติคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
อารียาก็ไม่รู้ว่ารพีพงษ์มาซื้อบ้านไว้ใหญ่ขนาดไหน เลยตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้ เขาไม่เคยพาฉันมา”
ทุกคนต่างเพ่งสายตาไปทาง รพีพงษ์เพื่อส่งสายตาถามเขา
“เดินตามผมมาเถอะ เดี๋ยวพวกคุณก็รู้เองแหละ”รพีพงษ์ ยิ้มไปพูดไป
“แหวะ ทำตัวลับๆ ล่อๆ ที่เขาซื้อบ้านตัวบ้านใหญ่ขนาดไหนก็ไม่ต้องคิดไปไกล ต้องเป็นบ้านเล็กๆ สักห้องหนึ่งเนี่ยแหละ ความจริงแล้วก็อีกแค่ห้องเดียวราคาห้องที่นี่ไม่ได้แพงหูฉี่เหมือนที่คิดกันไว้หรอก ที่เขาซื้อได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรนี่” ชรินทร์ทิพย์พูด
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าเธอมีเหตุผล
“ห้องเดียวก็ได้ สภาพแวดล้อมถือว่าสำคัญที่สุดในชุมชนนี่ ถึงอย่างไรบ้านหลังนี้ก็ให้แคลร์เอาไว้พักอาศัย จะเล็กใหญ่ก็ไม่สำคัญ” ศศินัดดาเริ่มพูดออกตัวแทนอารียาแล้ว
ชรินทร์ทิพย์ ได้แต่หัวเราะไปตามน้ำ ในใจก็คิดว่าอารียาเป็นลูกสาวของแกนี่ แกก็ต้องช่วยพูดให้เธอนะสิ
“ห้องเดียวจริงๆ เหรอ รพีพงษ์ถึงแม้ว่าว่าจะเป็นบ้านเล็กๆ ที่มีแค่ห้องเดียว งั้นแกยังจะเชิญพวกเรามาทำไม เราคนเยอะขนาดนี้ บ้านที่มีแค่ห้องเดียวอีกเดี๋ยวจะยัดคนเข้าไปยังไง ”
“ใช่นะสิ ห้องเดียวมันเล็กมาก ฉันคิดว่าแกซื้อบ้านหลังใหญ่โตซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะซื้อแค่ห้องเดียว ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่มาหรอก”
“ทำตัวลึกลับซับซ้อน ที่แท้ก็แค่ห้องเดียว ถ้าพูดตรงๆ ห้องที่นี่แค่ห้องเดียว แค่ทางบ้านของเราอดออมกัดฟันอีกสักหน่อย ไม่แน่อาจจะซื้อบ้านได้หนึ่งหลัง”
ทุกคนเริ่มโทษว่ารพีพงษ์ซื้อบ้านที่มีแค่ห้องเดียว แถมยังเสนอหน้าไปเชิญพวกเขามาดูอีก เดิมทีพวกเขารู้สึกว่าตนเองดีกว่ารพีพงษ์เป็นไหนๆ แต่ตอนนี้ รพีพงษ์ยังพาพวกเขาเข้ามาในดงเย็นจริงๆ พวกเขาเลยพยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อให้ตนเองได้สบายใจ
รพีพงษ์เบะปากให้ ในใจก็คิดว่าฉันไม่ได้พวกแกมาเลย เป็นพวกแกนี่แหละที่ดื้อรั้นหน้าด้านจะมาด้วย
“รพีพงษ์คนทางเรามีตั้งมากมาย อีกเดี๋ยวจะทำยังไง บ้านของแกเล็กขนาดนั้น คงไม่ให้พวกเราผลัดกันไปดูใช่ไหม”ธายุกรพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
ในเวลานี้เขาต้องการใช้ทุกวิถีทางในการให้ รพีพงษ์เสียหน้าให้ได้
“ไม่ต้องกังวล สามารถยัดพวกคุณเข้าไปได้แถมมีที่เหลืออยู่อีก”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด
ธายุกรหยุดดูถูกทันที ในใจคิดว่าไอ้คนนี้มันเสแสร้งได้เก่ง แถมพูดได้ไม่อายเลย
“ใช้ได้นี่ งั้นฉันก็ขอไปดูให้เป็นบุญตาว่า บ้านแกที่บอกว่ามีอยู่ห้องเดียว มันจะยัดพวกเราคนมากมายขนาดนี้ไปได้ยังไง” ธายุกรพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทุกคนต่างเดินตรงไปยังด้านหน้า ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเห็นคนเดินเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ต่างทำหน้าประหลาดใจตาม
“ไม่ใช่บอกว่ารพีพงษ์ ซื้อห้องเดียวเหรอ คอนโดอยู่ทางทิศเหนือโน่น ทำไมเราเดินมาทางทิศใต้ล่ะ ทานั้นมันมีแต่บ้านในสวนแบบยุโรปกับวิลล่านะ” มีญาติคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้นมาในเวลานี้
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่จะสนใจปัญหานี้ พร้อมทั้งหันไปมองรพีพงษ์ ตามๆ กัน
ศศินัดดากับศักดาก็ยังสงสัย เลยเริ่มเดิมตามให้ทัน พวกเขาก็คิดถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ พร้อมทั้งเบิกตาโตทันที
“แคลร์บ้านที่รพีพงษ์ ซื้อคงไม่ใช่บ้านสไตล์ยุโรปใช่ไหม” ศศินัดดากระซิบถามอารียา
อารียาสีหน้าดูสับสน เพราะว่าเธอไม่เคยรู้เลยว่ารพีพงษ์ไปซื้อบ้านแบบไหน เพราะตอนแรกเธอเองก็คิดว่าเขาซื้อบ้านเล็กๆ มีแค่ห้องเดียวเท่านั้น
แต่ตอนนี้รพีพงษ์พากลุ่มคนเดินมุ่งหน้าไปทางบ้านสไตล์ยุโรปกับทางวิลล่า เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เดินไปทางคอนโดพวกนั้นเลย ฉะนั้นไม่มีทางที่จะเป็นแค่บ้านเล็กๆ มีแค่ห้องเดียวแน่นอน
แต่ว่าบ้านสไตล์ยุโรปกับวิลล่าของที่นี่มันราคาแพงจนต้องตกใจ อารียายังจำคำพูดของรพีพงษ์ไว้ได้ว่าเขาจ่ายสดจ่ายหมดแล้วทุกบาททุกสตางค์ งั้นหมายความว่ารพีพงษ์มีเงินทองมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ
อารียาเอียงคอหันไปหารพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง พอเห็นสายตาที่มั่นคงของเขา ไม่เหมือนว่ากำลังสร้างเรื่องอยู่ เธอก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ไม่ว่ารพีพงษ์จะซื้อบ้านแบบไหน ขอแค่เธอเชื่อมั่นในตัวเขาก็พอแล้ว
“รพีพงษ์แกมั่นใจนะว่าไม่ได้พาเรามาผิดทาง บ้านที่มีแค่ห้องเดียวมันอยู่ทางทิศเหนือโน่น เราเดินผ่านมาแล้ว”ธายุกรเป็นคนพูดขึ้นมาในเวลานี้
รพีพงษ์มองเขาอยู่แวบหนึ่ง ก็เอ่ยปากพูด “ฉันก็ไม่ได้พูดนี่ว่าฉันซื้อบ้านที่มีแค่ห้องเดียว”
ทุกคนต่างตกใจไปตามๆ กัน ไม่ใช่ห้องเดียว แถมพวกเขาไม่ได้ไปทางคอนโดที่อยู่ทางนั้น งั้นบ้านที่รพีพงษ์ซื้อมา ก็คือบ้านสไตล์ยุโรปหรือวิลล่านะสิ
ทุกคนต่างจ้องมองรพีพงษ์อย่างตกใจ ตอนนี้เองที่พวกเขาไม่สามารถทนกับเรื่องประสาทบ้าบอที่ รพีพงษ์พูดออกมาได้
ถึงอย่างไรรพีพงษ์ก็เห็นพวกเขาเป็นเรื่องตลกอยู่ดี
“งั้นแกซื้อบ้านแบบไหนล่ะ แกอธิบายให้พวกเราฟังหน่อย อย่ามาสร้างเรื่องอยู่ที่นี่เลย” คิมหัตต์พูดอย่างร้อนรน
“วิลล่าไงครับ” รพีพงษ์พูดอย่างเรียบเฉย
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้า วิลล่าหนึ่งหลังของ ราคาต่ำสุดอยู่ที่แปดล้านหยวน นี่สามารถซื้อบ้านที่พวกเขาอยู่แบบนั้นได้หลายห้องเลย
“แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม แกซื้อวิลล่าจริงๆ ใช่ไหม” ศศินัดดาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ผิดครับ” รพีพงษ์ตอบ
ศศินัดดาเอามือทาบอกของตนเองทันที เพราะว่าเธอกลัวว่าหัวใจของตัวเองจะเต้นจนหล่นลงมา
เรื่องนี้ทำให้บรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคลต่างอึ้งกันไป รพีพงษ์ตอบคำถามได้อย่างทำให้ทุกคนตกใจ วิลล่าทั้งหลังของ ดงเย็น อาศัยพวกเขาไปเกิดใหม่อีกหลายชาติยังซื้อไม่ไหวเลย!
หลังจากเงียบงันกันอยู่สักพัก ทุกคนต่างเริ่มเทไปทางศศินัดดากับศักดาแทน ทัศนคติที่พูดออกมาเห็นได้ชัดว่ามันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ท่าทางพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ไปตามๆ กัน
ศศินัดดากับศักดาหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นฝ่ายถูกเยาะเย้ยถากถาง แต่วันนี้กลับกลายมาเป็นผู้ชนะแทนทำให้อีกฝ่ายพูดไม่ออกแทน ก็ต้องได้ใจอย่างแน่นอน
มีเพียงแค่สีหน้าของธายุกร กับชรินทร์ทิพย์เท่านั้นเองที่ทำหน้าหมองลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิมหัตต์ เพราะว่าเขาคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อบ้านแค่ห้องเดียว ซึ่งเหมือนๆ กันกับบ้านเรือนหอของเขา
แต่เขาพูดออกมาจากปากเองว่ามาซื้อวิลล่า แถมยังเป็นวิลล่าของดงเย็นอีก เวลานั้นสีหน้าของคิมหัตต์ถึงกับทำหน้าไม่ถูกในตอนนั้น
รพีพงษ์ยังคงพาคนเดินมุ่งหน้าเขาไปด้านในอารียาก็เดินเคียงข้างกับรพีพงษ์จนต้องเอ่ยปากถามว่า“ซื้อ…บ้านที่เป็นวิลล่าจริงๆ เหรอ”
รพีพงษ์พยักหน้า
“จ่ายเงินสดทุกบาททุกสตางค์แล้วเหรอ”
รพีพงษ์ก็ยังคงพยักหน้าให้เช่นเดิม
อารียาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เพราะรู้สึกว่าสมองของตนเองนั้นเบลอๆ อยู่
“ซื้อให้คุณอยู่นี่ ก็ต้องซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้อยู่แล้ว”รพีพงษ์พูดไปก็ยิ้มไป
อารียาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ ไม่รู้เพราะว่าเหตุใด เธออยากจะกระโดดกอดรพีพงษ์แล้วหอมสักฟอด
ทุกครั้งเวลาเขาพูดออกมา ทำให้ตนเองรู้สึกอ่อนไหวตลอด ไม่รู้ว่าไปเรียนแบบนี้มาจากใครกัน
ไม่นานนัก กลุ่มคนก็เดินเข้าไปตำแหน่งตรงกลางของหมู่บ้าน เพื่อที่จะได้เดินผ่านบ้านพักสไตล์ยุโรปและวิลล่าธรรมดา
ชรินทร์ทิพย์ สังเกตได้ว่ารพีพงษ์ยังคงไม่หยุดเดิน เลยเอ่ยปากถาม ”นี่แกไม่ใช่พูดออกมาว่าซื้อบ้านแบบวิลล่าไว้ไม่ใช่เหรอ พวกเราเดินออกมาจากโซนวิลล่าแล้ว แกคงไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัววิลล่าอยู่ที่ไหนใช่ไหม”
ทุกคนที่ได้ยินเสียงของชรินทร์ทิพย์ ต่างใช้มองอย่างสงสัยมองไปที่รพีพงษ์
“รพีพงษ์แกคงไม่ได้กำลังหลอกพวกเราอยู่นะ” มีคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
ทุกคนเริ่มออกอาการถกเถียงกันไปมา การที่รพีพงษ์พูดออกมาว่ามาซื้อวิลล่าที่ดงเย็นอยู่หลังหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยินยอมที่จะเชื่อในสิ่งที่ รพีพงษ์กำลังหลอกพวกเขาอยู่
“รพีพงษ์แกพูดออกมาให้ชัดเจนสิ บ้านของแกตกลงอยู่ตรงไหน อย่าให้เราต้องมัวแต่เดาไปเรื่อย”ศศินัดดารู้สึกเหมือนว่าอาการอ้ำๆ อึ้งๆ ของทุกคน ถ้าเกิดว่ารพีพงษ์กำลังหลอกพวกเขาอยู่ งั้นเธอเองก็จะจัดการฉีกถลกหนังรพีพงษ์ ออกมาเป็นชิ้นๆ
“อยู่ด้านหน้าไงครับ” รพีพงษ์ชี้มือไปทางด้านหน้าที่เป็นโซนพื้นที่ส่วนตัว ทางด้านนั้นสภาพแวดล้อมถือว่าเป็นโซนเล็กๆ ที่ดีที่สุดในหมู่บ้านนี้
“แกหลอกใครได้ ทางนั้นมันไม่มีวิลล่า แกไม่มีตาหรือไงว่าวิลล่ามันมีถึงแค่นี้เอง” ชรินทร์ทิพย์แสยะยิ้ม
ทันใดนั้นเอง ธายุกรย่นคิ้วเข้าหากันแล้วเดินนำหน้าก่อนใครเพื่อน แล้วพูดออกมา “พูดกันตรงๆ มันยังไม่ถึงทางตัน”
“ทำไมยังไม่ถึงทางตัน ทางนั้น…”ชรินทร์ทิพย์พูดไปหัวใจก็เต้นโครมครามไปด้วย จากนั้นดวงตาของเธอก็ถลนออกมาเหมือนจะหลุดออกจากเบ้าตา
“ที่แกหมายถึงบูติกวิลล่าสิบหลังของดงเย็นเหรอ”