พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 98 ตั้งแถวต้อนรับ
บทที่ 98 ตั้งแถวต้อนรับ
ทุกคนต่างมองไปทางคนขับรถทันที สายตามีแต่ความสงสัย
“เขา…เมื่อกี้เขาพูดว่าจะพาพวกเราไปไหนนะ”
“ดงเย็นเหรอ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม หรือว่าหูฉันมีปัญหาไปแล้วเหรอเนี่ย”
ชรินทร์ทิพย์ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งถามคนขับรถอีกรอบ “พี่คนขับรถ คุณแน่ใจนะว่าตอนนี้พวกเราต้องไปที่ดงเย็นไม่ใช่เขตนอกเมือง”
“ไม่ผิดหรอกคุณรพีพงษ์ คนนั้น ให้ผมขับรถพาพวกคุณไปที่บริเวณด้านหน้าประตูของดงเย็น” คนขับรถพูด
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้า ตลอดเวลาพวกเขาคิดว่าจะไปแถวหุบเหวอะไรทำนองนั้น ถึงได้เหมารถคันนี้มาให้ ไม่คิดเลยว่าคนขับรถจะพาพวกเขาไปที่ดงเย็น
หรือว่า รพีพงษ์ไปซื้อบ้านที่ดงเย็นจริงๆ
ธายุกรได้แต่จ้องคนขับรถตาเขม็งอยู่แวบหนึ่ง จนรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนกับคนที่กำลังล้อเล่นอยู่
“งั้นรพีพงษ์บอกหรือเปล่าว่าให้คุณส่งพวกเราไปที่ดงเย็นไปทำอะไร” ธายุกรเอ่ยปากถาม
“เรื่องนี้ไม่ได้บอกเอาไว้ เขาก็แค่บอกให้ผมพาพวกคุณไปส่งแค่นั้น” คนขับรถตอบ
“นัดดาหรือว่ารพีพงษ์จะซื้อบ้านที่ดงเย็นจริงๆ ” มีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถาม
ศศินัดดาสีหน้าก็ยังมึนงงอยู่เลย พร้อมทั้งเอ่ยปากพูด “ฉันก็ไม่รู้ ฉันก็เพิ่งไปดูบ้านที่เขาซื้อไว้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่ว่าการที่เขาไปซื้อบ้านที่ดงเย็นเอาไว้ ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้มั้ง”
พูดจบ เธอกันหันมองทางอารียาแวบหนึ่ง แต่ว่าอารียาในตอนนี้กำลังหลับตานอนพักสายตา ทำเหมือนว่าไม่อยากสนใจคนพวกนี้
“ไอ้คนกระจอกอย่างรพีพงษ์ ทำไมถึงมีปัญญาไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้ล่ะ มีแค่ผีสางนางไม้เท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขาทำอะไร พอถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เรื่องแล้ว”
เธอเองก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างรพีพงษ์ จะมีปัญญามาซื้อบ้านที่ดงเย็นได้ ดังนั้นเลยคิดว่ารพีพงษ์กำลังสร้างเรื่องเล่นแผลงๆอยู่
“เจนพูดถูก คนอย่างรพีพงษ์จะมีปัญญาแค่ไหน อย่างมากก็ไปซื้อบ้านในหุบเหวได้ ฉันคิดว่าเขากำลังจงใจสร้างเรื่องอยู่”
“ดงเย็นเป็นย่านชุมชนที่แพงที่สุดในเมืองริเวอร์ อย่าพูดถึงรพีพงษ์เลย ขนาดฉันปีนั้นยังไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่ดงเย็นเลย เขาไม่มีทางไปซื้อบ้านที่นั่นได้”
ทุกคนต่างถกเถียงกันโหวกเหวกโวยวาย สักพัก พวกเขาก็มั่นใจแล้วว่ารพีพงษ์ไม่มีทางไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้ การที่ให้คนขับรถขับรถไปส่งพวกเขาที่นั่นนั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ธายุกรหรี่ตามองอารียาที่อยู่ด้านหน้า ในใจพลันคิดว่า เธอยังมีปัญญาซื้อรถแลนด์โรเวอร์ได้ ถ้าไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้หนึ่งหลัง งั้นโครงการในครั้งนี้เธออมเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขากับอารียาจะทำงานดูแลเรื่องโครงการอยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะดึงเงินออกมามากมายขนาดนั้น
“เชอะ ฉันก็ได้แต่หวังว่าบ้านที่พวกแกซื้อไม่ใช่บ้านของดงเย็น ไม่งั้น ครั้งนี้ฉันก็จะมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลแล้ว ที่จะให้ปู่ไล่พวกแกออกไปจากบ้านตระกูลฉัตรมงคลสักที! ” ใบหน้าของธายุกรปรากฏรอยยิ้มร้ายกาจ
“พวกแกคิดว่า หรือว่ารพีพงษ์จะสร้างภาพ เลยไปเช่าบ้านที่ดงเย็นเอาไว้สักหลัง” ตอนนี้เริ่มมีคนเอ่ยปากถาม
“เป็นไปได้มาก ซื้อคงซื้อไม่ไหว ทำได้แค่เช่าอยู่ประเดี๋ยว แค่สร้างภาพ โชว์ให้พวกเราดูเท่านั้นเอง” มีคนออกความเห็นตามมาทันที
ศศินัดดากับศักดาเมื่อได้ยินคนหลายคนถกเถียงกันไปมา ใบหน้าปรากฏอาการเก้อเขินขึ้นมาทันที
วิธีการเช่าบ้านพวกเขาคิดเอาไว้เหมือนกัน แต่ว่าอารียาห้ามเอาไว้ก่อน แต่ว่าตอนนี้ ดีที่ไม่ได้ไปเช่าไว้ ไม่งั้นคงถูกจับผิดง่ายมาก
“ไอ้สวะรพีพงษ์ไม่ยอมให้เราไปเช่าบ้านไว้ แต่เขากลับมาเช่าบ้านที่ดงเย็นแทน เลยโดนจับได้เอาง่ายๆ แบบนี้ เงินค่าเช่าคงเป็นเงินของแคลร์ เดี๋ยวกลับไปต้องให้เขาเอามาคืน” ศศินัดดากัดฟันพูด
“ถ้าเป็นดงเย็นจริงๆ ตามที่พูดแล้วละก็ คงไม่ได้เช่าหรอก บ้านที่นั่นไม่เคยปล่อยให้เช่ามาก่อนเลย”ธายุกรเป็นคนเอ่ยขึ้นมาในเวลานี้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้า คนกลุ่มนั้นยิ่งสงสัยเข้าไปอีก บ้านที่ดงเย็นไม่ให้เช่า งั้นรพีพงษ์ทำไมยังให้พวกเขาไปที่ดงเย็นอีกล่ะ หรือว่าซื้อบ้านที่นั่นจริงๆ
“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง เพราะยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเขาจะมีปัญญาไปซื้อบ้านที่ดงเย็นได้” มีคนพูดขึ้นมา ส่วนคนที่เหลือก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาไปตามๆ กัน
นานพอควร รถบัสขนาดกลางก็มาจอดที่หน้าประตูดงเย็น ญาติพี่น้องในตระกูลฉัตรมงคลต่างลงจากรถ
รพีพงษ์กำลังรออยู่บริเวณด้านหน้าของหมู่บ้าน พอเห็นว่าคนในตระกูลฉัตรมงคลเดินลงมาแล้ว ก็เดินเข้าไปหาทันที
อารียาเห็น รพีพงษ์ก็อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอเดินไปหยุดด้านหน้าของรพีพงษ์จากนั้นก็พูดอย่างน้อยใจ “คนพวกนี้เกินเยียวยาเหลือเกิน ไม่มีใครเชื่อเลยว่าคุณซื้อบ้านที่นี่”
รพีพงษ์ได้แต่ยิ้มให้ แล้วพูดออกมา “เชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่อาศัยแค่ลมปากพ่นออกมา เดี๋ยวเข้าไป พวกเขาก็เงียบปากเองแหละ”
อารียาพยักหน้าให้ การมีรพีพงษ์อยู่ด้วยนั้น มันทำให้จิตใจของเธอสงบลงขึ้นมาก นี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตนเองรู้สึกว่าไม่สามารถห่างไปจากรพีพงษ์ได้
“รพีพงษ์นี่แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ไม่ใช่บอกว่าจะพาพวกเราไปดูบ้านที่แกซื้อไม่ใช่เหรอ พาพวกเรามาที่นี่ทำไม”ชรินทร์ทิพย์ถาม
“แกอย่าพูดนะว่าแกพาพวกเรามาดูด้านนอกบริเวณรอบๆ ของดงเย็นสักรอบหนึ่ง งั้นพวกเราก็จะกลับเดี๋ยวนี้” คิมหัตต์อ้าปากพูด
รพีพงษ์ยิ้มให้ทุกคน จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “บ้านที่ผมซื้ออยู่ในหมู่บ้านนี่แหละ เราเข้าไปดูด้วยกันเถอะ”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่ รพีพงษ์พูดออกมา ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่เชื่อเขา
“แกประสาทหลอนเหรอไง ราคาบ้านของดงเย็นแพงหูฉี่ขนาดนี้ แกพูดว่าซื้อก็จะซื้อได้งั้นสิ”ชรินทร์ทิพย์โมโหจัด
“รพีพงษ์แกอย่าทำให้เราสองคนขายหน้าอีกเลย ตั้งแต่แกมาที่บ้านฉัน ยังทำให้เราขายหน้าไม่พอเหรอไง วันนี้แกถึงได้สร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก”ศศินัดดาพูดด้วยความโมโห
“ดงเย็นไม่ใช่ว่าพูดจะเข้าก็เข้าไปได้ ยามรักษาความปลอดภัยของที่นี่เป็นคนอีกระดับ พวกเราขนคนเข้าไปด้านในเยอะขนาดนี้ ไม่แน่นะถูกคนเขาจับเอาไว้” ธายุกรพูดไปก็ยิ้มไป
ทุกคนต่างตกใจ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มพูดว่าการที่รพีพงษ์พาพวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อจะกลั่นแกล้งคนคิดไม่ดีกับพวกเขา
“รพีพงษ์จงใจทำใช่ไหม ให้พวกเราเอาคนพากันมาที่นี่ตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวพอเดินเข้าไปกับเขา ถึงเวลานั้นก็ถูกจับตัว เขาถึงได้สบายใจได้”
“พูดถูก ฉันว่าปกติเขารู้สึกน้อยใจอยู่ตลอดเวลา ถึงได้คิดยืมมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดงเย็น มาลงโทษพวกเรานะสิ”
เมื่อศศินัดดาได้ยินที่คนอื่นพูดออกมา เลยรีบเดินไปยืนตรงหน้ารพีพงษ์ทันที แล้วถามตรงๆ “แกมีความคิดที่ไม่ดีอยู่ใช่ไหม ถึงได้หลอกพวกเราให้มาที่ดงเย็นนี่ได้ ตกลงว่าแกคิดจะทำอะไร ”
“ผมไม่ได้หลอก ผมซื้อบ้านอยู่ในนี้”รพีพงษ์พูด
เขาถึงหมดคำพูดกับคนพวกนี้ที่คิดเองเออเอง พอเห็นบ้านแล้วยังจะจินตนาการได้อย่างเลิศล้ำไปอีก
“พวกแกรีบมาเร็ว ด้านนั้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินออกมากลุ่มหนึ่ง คงไม่ได้มาจับพวกเราใช่ไหม” แม่ของชรินทร์ทิพย์ชี้มือไปทางด้านในของดงเย็น
ทางด้านนั้นมีแถวยามรักษาความปลอดภัยเดินมุ่งหน้ามาทางประตูจริงๆ
“เรารีบกลับไปกันเถอะ คนเยอะแยะมายืนออกันที่ปากประตูของหมู่บ้าน คนอื่นเขาต้องมาไล่เราไปแน่ เดี๋ยวถ้าถูกจับแล้วยัดข้อหาให้ความก่อกวนคนในหมู่บ้านเข้า ถูกจับขึ้นมาเดี๋ยวก็เกิดปัญหากันยกใหญ่” คิมหัตต์อ้าปากพูด
อารียาเองก็ยังสงสัยเลยหันไปมองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมถึงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินออกมามากมายขนาดนั้น
รพีพงษ์ยิ้มให้ จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ไม่มีอะไรหรอก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกนั้นมาต้อนรับ”
ไม่นานรพีพงษ์ก็ไปทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดงเย็น พร้อมทั้งบอกว่าเดี๋ยวจะมีญาติไปเยี่ยมบ้าน
พอเจ้าหน้าที่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นหนึ่งในสิบคนที่ซื้อบ้านที่แพงที่สุดในหมู่บ้าน จึงรีบตั้งแถวต้อนรับญาติของรพีพงษ์ทันทีเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกว่าอบอุ่นใจยามเมื่ออยู่ในหมู่บ้านดงเย็น
รพีพงษ์บอกว่าไม่ต้องทำอย่างนั้น แต่ว่าหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยไม่ยินยอมเหมือนว่าไม่ให้ความเคารพกับรพีพงษ์ ยังคงยืนกรานว่าให้คนของเขาเข้าแถวต้อนรับ
รพีพงษ์ไม่สามารถขัดขวางความมีน้ำใจของหัวหน้ายามฯ ของฝ่ายรักษาความปลอดภัยไว้ได้ เลยยอมตกลง
ยามรักษาการณ์ของหมู่บ้านดงเย็นต่างผ่านอบรมพร้อมทั้งคัดสรรคนมาเป็นอย่างดี มีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารแล้วปลดประจำการออกมา ดังนั้นเลยตั้งแถวได้สวยงามมาก
กลุ่มยามฯ ที่พอเดินมาถึงหน้าประตู ก็จัดแถวสองแถวอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยืนด้านข้างสองฝั่งถนนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยืนตรงอกผายไหล่ผึ่ง
ญาติพี่น้องในตระกูลฉัตรมงคลเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกนี้ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา รู้สึกว่าเหมือนพวกเขาไม่ได้ออกมาจับคน
“คนพวกนี้มาทำอะไร ทำไมถึงได้ยืนเข้าแถวสองแถวอยู่หน้าประตูล่ะ หรือว่าพอพวกเราเข้าไป พวกเขาจะจับพวกเราทันที”
“ไม่น่าจะใช่ ถึงแม้ว่าไม่ใช่หมู่บ้านเล็กๆ นี่ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมาจับใครสุ่มสี่สุ่มห้าใช่มั้ย”
รพีพงษ์เห็นว่ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งไม่ยอมเดินเข้ามา เลยพูดอธิบายไปว่า “พวกเขาออกมาตั้งแถวต้อนรับ ตอนนี้ก็เป็นสังคมที่ใช้กฎหมายที่ถูกต้อง แล้วอยู่ดีๆ จะมาจับคนมั่วซั่วได้ไง ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของดงเย็นก็ตาม ก็มีสิทธิ์แค่ดูแลความปลอดภัยในตัวหมู่บ้านเท่านั้นเอง”
คนกลุ่มนั้นเมื่อได้ยินในสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา สีหน้าก็ดูถูกดูแคลนขึ้นมาทันที
“พูดโม้ไปเรื่อยหน้าด้านไม่อายเลยจริงๆ แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงให้คนที่ดงเย็นออกมาตั้งแถวต้อนรับ”ชรินทร์ทิพย์เบะปากพูด
“ฮ่าๆ รพีพงษ์คงทำตัวกระจอกนานเกินไป คงคิดว่าตัวเองเป็นไปแล้ว เลยคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ ออกมา นั้นมาต้อนรับเขา”
“รพีพงษ์แกหยุดทำให้ฉันขายหน้าสักทีเถอะ เขาไม่มาจับแกก็ดีแค่ไหนแล้ว! แถมยังพูดว่าตั้งแถวต้อนรับแกอีก แล้วทำไมแกไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยล่ะ” สีหน้าของศศินัดดามีแต่ความเกลียดชังจ้องมองมาที่รพีพงษ์
รพีพงษ์เห็นว่าไม่มีคนเชื่อเขาเลย ถึงกับส่ายศีรษะไปมาแทน แล้วหันไปหาอารียาพร้อมเอ่ยปากถาม “คุณเชื่อผมไหมเนี่ย”
อารียาลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ว่าก็ยังพยักหน้าให้เขา
สีหน้าของรพีพงษ์มีแต่รอยยิ้มอิ่มเอมใจ จากนั้นก็ดึงมือของอารียาแล้วพาเธอเดินเข้าไปด้านใน
ศศินัดดาอยากจะเข้าไปห้ามเอาไว้ซะก่อน เพราะว่าอารียาเป็นลูกสาวของเธอ เธอไม่อยากให้รพีพงษ์ทำร้ายลูกสาวตนเอง
แต่ว่าเธอก็ยังกลัวว่ายามฯ พวกนั้นจะจับเธอด้วย ดังนั้นเลยลังเลอยู่สักพัก เลยยังไม่ได้เดินเข้าไป
รพีพงษ์พาอารียาเดินไปถึงประตู เดินไปตรงกลางระหว่างเจ้าหน้าที่พวกนั้น
เวลานั้นเองเจ้าหน้าที่ทุกคนโค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมทั้งตะโกนบอกกับรพีพงษ์และอารียาว่า“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”
อารียาตกใจทันที แต่ว่าก็ตั้งสติได้เร็ว พร้อมทั้งส่งสายตาไปให้รพีพงษ์อย่างชื่นชม
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้น ยังตั้งใจออกมาตั้งแถวต้อนรับพวกเขาจริงๆ
ทำไมรพีพงษ์ถึงทำแบบนั้นได้นะ ลูกบ้านของดงเย็นมีตั้งมากมาย ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะออกมาตั้งแถวต้อนรับกันทุกคนแบบนี้มั้ง
นั่นก็หมายความว่ารพีพงษ์ต้องอยู่ในสถานะที่สำคัญเป็นพิเศษของที่นี่
บรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคลที่มากันตั้งไกล ในเวลานี้ต่างอ้าปากค้าง ครอบครัวของคิมหัตต์และศศินัดดากับศักดาอีกหลายคน อ้าปากค้างจนเหมือนว่าคางจะหล่นไปอยู่ที่พื้นแล้ว