พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 95 สมาชิกระดับพรีเมี่ยม
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 95 สมาชิกระดับพรีเมี่ยม
บทที่ 95 สมาชิกระดับพรีเมี่ยม
ลิปปินส์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าเผยให้เห็นอารมณ์ที่พูดไม่ออก
บุษบากรเองก็แปลกใจเล็กน้อย ประตูใหญ่ของดงเย็นเห็นชัดว่าต้องใช้บัตรผ่านประตูถึงเข้าไปได้ ทำไมรพีพงษ์ถึงดึงดันจะเข้าประตูใหญ่ให้ได้นะ
หากต้องการมีบัตรผ่านประตูของดงเย็น ก็จำเป็นต้องซื้อบ้านที่นี่ และบ้านที่นี่นั้นก็ไม่อนุญาตให้เช่าด้วย
บ้านของลิปปินส์นั้นก็ถือว่ามีฐานะ แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังซื้อบ้านที่นี่ไม่ไหว
“พี่ชาย ไม่ใช่ว่าผมจะหัวเราะเยาะคุณนะ คุณเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูนั่นมั้ย ถ้าคุณไม่มีบัตรผ่านประตู คิดอยากจะเข้าประตูใหญ่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นคงจับคุณแน่”ลิปปินส์เอ่ยปาก
เขาหันกลับไปมองอารียา พูดว่า“สามีสุดที่รักของคุณมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า ผมพูดชัดขนาดนี้แล้วเขาก็ยังฟังไม่เข้าใจ”
บุษบากรได้ยินคำพูดของลิปปินส์ ก็ถลึงตาใส่เขาทันที แล้วพูดว่า“ถ้าคุณพูดพล่ามอะไรอีก ก็ไสหัวกลับไปเลย วันนี้ฉันจะไม่ไปดื่มกาแฟกับคุณแล้ว”
ลิปปินส์ตกตะลึงทันที คิดไม่ถึงว่าบุษบากรที่เมื่อครู่ยังสนิทสนมกับเขา จู่ๆจะเปลี่ยนเป็นดุร้ายขนาดนี้แล้ว
“ผมไม่ได้พูดเหลวไหล อยากจะเข้าไปก็ต้องใช้บัตรผ่านประตู คุณเองก็รู้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของดงเย็น ไม่อย่างนั้นคุณจะยอมมากับผมเหรอ”ลิปปินส์สีหน้าน้อยใจ ในใจกลับด่าว่ารพีพงษ์ในใจเป็นร้อยรอบ
บุษบากรคิดแล้วก็ไม่ผิด ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ต้องเข้าประตูนั้นให้ได้
“นอกจากว่า……เขาจะซื้อบ้านที่นี่จริงๆ”จู่ๆบุษบากรก็พูดขึ้น
ลิปปินส์ตกตะลึง จากนั้นใบหน้าก็เผยให้เห็นรอยยิ้มดูถูกเยาะเย้ย
“น้องบุษ อย่าล้อเล่นสิครับ บ้านที่ดงเย็นราคาแพงขนาดไหนคุณไม่รู้เหรอ ต่อให้มีเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้ แล้วเศษสวะอย่างรพีพงษ์นี้…..”
ลิปปินส์ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นแววตาของบุษบากรเต็มไปด้วยความอาฆาตจ้องมองมาที่เขา
เขารู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง กลืนคำพูดที่มุมปากลงไป
บุษบากรเป็นอะไรไป ทำไมต้องมาพูดแทนไอ้เศษสวะนี่ด้วย
“มากับผมเถอะ ผมจะพาพวกคุณเข้าทางประตูใหญ่ ไม่ต้องไปทางลัดแล้ว หากถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจับได้ จะอธิบายยังไง”
รพีพงษ์ไม่คิดจะพูดพร่ำทำเพลง พาอารียาเดินไปด้านหน้า
บุษบากรเห็นอย่างนี้ ก็ได้แต่ตามไป ลิปปินส์ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินตามไป
“ผมอยากจะรู้จริงๆว่าคุณจะเข้าไปยังไง อย่าบอกนะว่าเจ้าหน้าที่รักษาความเป็นญาติคุณ”ลิปปินส์บ่นพึมพำในใจ
ทั้งสี่คนเดินไปที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นพวกเขาเดินมา ก็รีบมาด้านหน้าทันที พร้อมถามว่า“ไม่ใช่ลูกค้าที่พักอยู่ในดงเย็นห้ามเข้านะครับ นอกจากมีคนพาเข้าไป”
ลิปปินส์เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสีหน้าเย็นชา แน่นอนว่าไม่รู้จักรพีพงษ์
“ในเมื่อไม่ใช่ญาติคุณ อย่างนั้นผมจะดูสิว่าคุณจะพาเราเข้าไปยังไง”ลิปปินส์หัวเราะเยาะ
“แคลร์ รพีพงษ์เขาจะพาเราเข้าไปได้จริงๆเหรอ เมื่อกี้เขาก็พูดว่า ขอแค่มีคนที่พักอยู่ข้างในพาเข้าไป จึงจะเข้าไปได้นะ”บุษบากรเริ่มกังวลเล็กๆ
“น่าจะ……ได้นะ”อารียาตอบ เธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ
“ผมว่าพวกเราอย่ามาเสียเวลากันตรงนี้อยู่เลย มากับผมเถอะ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเข้าไปได้”ลิปปินส์ยิ้มพร้อมเอ่ยประโยคนี้
ตอนนี้เองที่รพีพงษ์หยิบพวงกุญแจพวงหนึ่งออกมา ข้างบนมีบัตรผ่านประตูห้อยอยู่ เขายังแกว่งมันไปมาต่อหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เห็นบัตรผ่านประตูนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบโค้งคำนับรพีพงษ์ พร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “ขอต้อนรับกลับบ้านครับ”
รพีพงษ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รูดบัตรผ่านประตู ประตูนั้นก็เปิดออกทันที
เขาเดินเข้าไปด้านใน มองอีกสามคนที่ยังไม่มีใครขยับ จึงยิ้มแล้วพูดว่า“รีบเข้ามาสิ ยังงงอะไรกันอยู่”
อารียาที่ตั้งสติได้ก่อน รีบเดินตามเข้าไป ในใจเต็มไปด้วยความดีใจ รพีพงษ์สามารถหยิบบัตรผ่านประตูมาได้ แสดงว่า เขาซื้อบ้านที่นี่ไว้จริงๆ
แต่ว่า บ้านที่นี่ราคาแพงขนาดนั้น ต่อให้มีแค่ห้องเดียว ก็ยังต้องหลายล้านบาท รพีพงษ์ต้องมีเงินมากแค่ไหน จึงได้บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้ง่ายๆแบบนี้
บุษบากรและลิปปินส์ต่างก็พากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะหยิบเอาบัตรผ่านประตูออกมาได้จริงๆ
พวกเขาสองคนตะลึงอ้าปากค้างเดินเข้าไปข้างใน ยังไม่ได้สติกลับมา
ลิปปินส์ทำท่าเหมือนสำลัก เมื่อครู่เขายังหัวเราะเยาะรพีพงษ์อยู่เลย บอกว่าเขาไม่มีทางซื้อบ้านที่นี่ได้ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะหยิบเอาบัตรผ่านประตูออกมา นี่เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ
หลังจากที่ทั้งสี่คนเข้าไปแล้ว บุษบากรและลิปปินส์ทั้งสองก็มองไปยังรพีพงษ์ ลิปปินส์ถามว่า“คุณ……คุณซื้อบ้านที่นี่แล้วจริงๆเหรอ”
“ของเพื่อน”รพีพงษ์เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งอย่างขอไปที เขาไม่อยากอธิบายอะไรมาก
สีหน้าของลิปปินส์จึงดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ที่แท้ของเพื่อนคุณนี่เอง ผมคิดว่าเป็นคุณซื้อเองซะอีก ผมว่าแล้ว……”ตอนแรกเขาจะพูดว่าเขาคงไม่มีปัญญาซื้อ เศษสวะอย่างเขาจะมีปัญญาซื้อได้ยังไง แต่ว่ากลัวบุษบากรจะว่าเอา จึงไม่ได้พูดออกมา
“อย่างนั้นพวกเราเข้าไปที่Blue Love ผมก็มีเพื่อนที่นี่ วันนี้รับรองว่าพวกคุณจะได้ลิ้มรสกาแฟที่นี่แน่”ลิปปินส์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
บุษบากรตอนนี้เริ่มรักษาระยะห่างกับเขาแล้ว เพราะจู่ๆหล่อนก็รู้สึกว่า รพีพงษ์ไม่ใช่เศษสวะที่ไร้ค่า เขาก็แค่ไม่แสดงตัวเท่านั้น
มีแค่คนที่มีเรื่องราวซับซ้อนจริงๆเท่านั้น ที่จะมีนิสัยเก็บเนื้อเก็บตัวแบบนี้ และคนอย่างลิปปินส์นี้ พอมีอะไรดีนิดหน่อย ก็คุยโวโอ้อวด
ทั้งสี่คนเดินมุ่งหน้าไปที่Blue Love ระหว่างทางอารียากับพวกสามคนต่างก็พากันชื่นชมสภาพแวดล้อมในหมู่บ้านไม่หยุด มีแค่รพีพงษ์เท่านั้นที่มีสีหน้าเรียบเฉย
สภาพแวดล้อมในหมู่บ้านแน่นอนว่าดีมาก แต่ว่าก็ดีที่สุดที่จะหาได้ในเมืองริเวอร์เท่านั้น เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์อยู่ที่เกียวโตนั้น ที่พักของเขา ดีกว่าที่นี่มากนัก
ร้านกาแฟBlue Loveตั้งอยู่กลางทะเลสาบใจกลางหมู่บ้าน รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย เล่นกับแสงไฟในยามค่ำคืน เป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่ง
อารียาและบุษบากรสองคนเมื่อเห็นด้านนอกของร้านกาแฟ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องกรีดกราดออกมา
“ว้าว มิน่าล่ะทุกคนต่างอยากจะมาที่นี่ ช่างโรแมนติกจริงๆเลย”บุษบากรบ่นพึมพำ
ลิปปินส์รู้สึกได้หน้า พูดว่า“ขอแค่เพื่อนผมยังอยู่ที่นี่ ต่อไปจะพาคุณมาบ่อยๆ”
อารียาหันไปมองรพีพงษ์ จากนั้นจูงมือเขาอย่างหวานซึ้ง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่รพีพงษ์จะให้เธอได้นั้น ไม่ใช่แค่สิ่งที่มองเห็นตรงหน้านี้เท่านั้น
บุษบากรเห็นทั้งสองจูงมือกัน ก็เบะปากทันที ลิปปินส์ที่อยู่ข้างๆคิดว่าหล่อนอยากให้เขาจูงมือบ้าง จึงยิ้มแล้วยื่นมือไปให้
ใครจะไปคิดว่าบุษบากรจะตีไปที่หลังมือของเขา แล้วยังพูดด้วยว่า “มียุง”
ลิปปินส์ทนความเจ็บปวดไว้ ในใจคิดว่ายุงก็ยุง แต่หล่อนก็ไม่เห็นจะต้องตีแรงขนาดนั้น ยุงตัวนี้มีความแค้นกับหล่อนหรืออย่างไร,
ทั้งสี่คนเดินมาถึงหน้าประตูBlue Love ลิปปินส์กวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่ง
พนักงานคนนั้นก็รีบวิ่งมาทันที หลังจากที่เห็นลิปปินส์มากันสี่คนแล้ว ก็ตกตะลึง เอ่ยว่า“คุณไม่ได้บอกว่าสองคนเหรอ ทำไมตอนนี้มีสี่คนแล้ว”
“สองคนนี้ผมเพิ่งเจอกันกะทันหัน เป็นเพื่อนกันทั้งหมด ก็เลยมาด้วยกัน”ลิปปินส์พูด
พนักงานคนนั้นขมวดคิ้ว พูดว่า“ฉันเก็บที่นั่งไว้ให้คุณได้สองที่เท่านั้น ไม่อาจมากกว่านี้ได้ พวกคุณเข้าไปได้สองคน พวกคุฯปรึกษากันก่อนแล้วกัน”
ลิปปินส์หันกลับไปมองรพีพงษ์และอารียา เมื่อครู่ที่รพีพงษ์ใช้บัตรผ่านประตู ทำให้เขาเสียหน้ามาก
ตอนนี้เพื่อนของเขาเก็บที่นั่งไว้แค่สองที่เท่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะยกสองที่นั้นให้รพีพงษ์
เขาอยากจะเห็นรพีพงษ์เสียหน้าพอดี จึงยิ้มแล้วพูดว่า“ขอโทษด้วยจริงๆนะ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะพบพวกคุณ ดังนั้นจึงไม่ได้จองที่ไว้ให้ เอาอย่างนี้มั้ยครั้งหน้าพวกคุณค่อยมาใหม่”
บุษบากรรีบถลึงตาใส่ลิปปินส์ทันที พูดว่า“อะไรคือครั้งหน้าค่อยมาใหม่ สองที่นี้ให้ฉันกับแคลร์เข้าไปด้วยกัน ผู้ชายสองตนอย่างพวกคุณก็รอข้างนอกก็พอแล้ว”
ลิปปินส์ได้ยินคำพูดของบุษบากร ก็ชะงักไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก เขาอยากมาลองชิมกาแฟที่นี่ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องยอมให้คนอื่นเข้าไปด้วย
“แต่ว่า ผมเองก็อยากเข้าไปชิม…”ลิปปินส์พูดตามตรง
บุษบากรมองเขาอย่างหมดความอดทน ขาดแค่ไม่ได้ลงไม้ลงมืออย่างเดียว
“พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ ไม่ต้องมนใจพวกเรา”รพีพงษ์เอ่ย
ลิปปินส์ได้ยินคำกล่าวของรพีพงษ์ ก็ดีอกดีใจทันที พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า“คุณได้ยินมั้ย พวกเขาบอกว่าไม่ต้องสนใจเขา พวกเรารีบเข้าไปเถอะ”
พูดจบ ลิปปินส์ก็ดันบุษบากรเข้าไปข้างใน
“แคลร์……”บุษบากรชำเลืองมองอารียาแวบหนึ่ง
“พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ พวกเราไม่เป็นไร”อารียายิ้มพลางเอ่ย
บุษบากรจนปัญญา ได้แต่เดินตามลิปปินส์เข้าไป
เพื่อนของลิปปินส์ก็เป็นแค่พนักงานในร้านเท่านั้น ที่จองที่ไว้ให้ลิปปินส์ ก็แค่ตำแหน่งที่มุมหนึ่งเท่านั้น แทบจะมองไม่เห็นภาพวิวสวยงามด้านนอกเลย
แต่เป็นแบบนี้ ลิปปินส์ก็รู้สึกว่าดีมากแล้ว
รอจน ลิปปินส์และบุษบากรเข้าไปแล้ว พนักงานคนนั้นก็เตรียมจะหมุนตัวเดินเข้าไป
“รอเดี๋ยวก่อน”รพีพงษ์เอ่ยเรียก
“ทำไมหรือ ไม่ใช่บอกกว่า ผมจองไว้แค่สองที่ ไม่สามารถพวกคุณทั้งสี่คนเข้าไปได้”พนักงานเอ่ย
เขาคิดว่ารพีพงษ์และอารียาตามลิปปินส์เข้ามาจากทางลัด ต้องไม่ใช่ผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่แน่ ดังนั้นจึงไม่เกรงใจ
รพีพงษ์ยิ้ม เอ่ยว่า“พวกเราไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วยจองที่ ที่นี่ชั้นสองไม่ใช่ว่าเป็นพื้นที่ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่เป็นสมาชิกเหรอ ที่นั่นน่าจะนั่งได้นะ”
พนักงานเบ้ปาก พูดว่า“ที่นั่นใช้ได้แน่นอน แต่ว่าคุณเป็นสมาชิกของพวกเราหรือไม่ อยากเป็นสมาชิกของที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องซื้อห้องเปล่าของดงเย็นไว้ คุณอย่าไปคาดหวังถึงชั้นสองเลยครับ”
เขารู้สึกดูถูกในใจ ในใจก็คิดว่าสองคนนี้แอบเข้ามาแล้ว ยังกล้าคิดที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ให้บริการสำหรับสมาชิกเท่านั้นอีก ช่างน่าขำจริงๆ
รพีพงษ์นำบัตรสมาชิกที่ผู้จัดการมอบให้เขาในวันนั้นออกมา ยื่นต่อหน้าพนักงาน
“มีอันนี้ น่าจะได้นะ”
หลังจากที่พนักงานเห็นบัตรใบนั้นก็ขมวดคิ้ว ในใจก็คิดว่าคนๆนี้ยังไม่ยอมเลิก แต่เมื่อเขาเห็นบัตรใบนี้ชัดเจนแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ท่าน……ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ เชิญตามผมมา ผมจะพาท่านไป”
ท่าทีของพนักงานเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา ท่าทางอ่อนน้อมแบบนั้น เหมือนกับเห็นพ่อของตนเองอย่างนั้น