พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 94 มีทางเข้าดีๆไม่เข้าทำไมต้องไปทางลัด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 94 มีทางเข้าดีๆไม่เข้าทำไมต้องไปทางลัด
บทที่ 94 มีทางเข้าดีๆไม่เข้าทำไมต้องไปทางลัด
ระหว่างทางกลับบ้านนั้น ใบหน้าอารียามีแต่ความสุขใจ ดูแล้วผ่อนคลายสบายใจมาก
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่บุษบากรบอกกับอารียาเรื่องของกันตานั้น อารียาก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าตัวเองจะรู้ว่าไม่ควรจะต้องไปสนใจเรื่องของกันตา แต่ว่าก็ไม่อาจทำได้
วันนี้รพีพงษ์ถือว่าช่วยให้เธอเชิดหน้าหายใจได้อย่างเต็มปอดแล้ว คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วกันตาจะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ เธอเองก็อยากจะหัวเราะออกมา
รพีพงษ์มองท่าทางของอารียา มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขอแค่อารียามีความสุข เขายอมทำให้เธอทุกอย่าง
“รพี ไม่นานก็จะสิ้นเดือนแล้ว ถึงเวลานั้นครอบครัวของชรินทร์ทิพย์จะไปดูบ้านที่นายซื้อ ถ้าหากเขาพูดจาอะไรไม่เข้าหู นายก็อย่าเอาไปใส่ใจ บ้านคือคุณกับฉันอยู่ พวกเราพอใจก็พอ”จู่ๆอารียาก็พูดขึ้นมา
เธอคิดถึงเรื่องบ้าน ดังนั้นจึงอยากจะปลอบใจรพีพงษ์บ้าง
รพีพงษ์ยิ้มออกมา พูดว่า“เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง บ้านที่ผมซื้อ ต้องทำให้ทุกคนพอใจแน่นอน”
อารียาคิดว่ารพีพงษ์กำลังปลอบใจตัวเองเช่นกัน จึงทำได้แค่พยักหน้า
ทั้งสองกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของศศินัดดาที่นั่งอยู่บนโซฟา
เห็นอารียาและรพีพงษ์กลับมา ศศินัดดาก็เอ่ยว่า “รพีพงษ์ หนังสือกรรมสิทธิ์บ้านที่เธอซื้อล่ะ เอามาสิ”
รพีพงษ์ตกตะลึง พูดว่า“ยังไม่ได้ครับ ต้องอีกสักพักถึงจะได้ครับ”
อารียาสีหน้าสงสัย เอ่ยถามว่า“แม่ แม่จะเอาหนังสือกรรมสิทธิ์ไปทำอะไรคะ”
“ทำอะไรเหรอ แน่นอนว่าเอาบ้านที่เขาซื้อไปขายนะสิ จากนั้นก็นำเงินนี้ไปเป็นเงินดาวน์ ซื้อบ้านที่พอจะไปวัดไปวาได้สักหลัง”ศศินัดดาเอ่ยด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
“บ้านของรพีพงษ์เพิ่งจะซื้อเองนะคะ ทำไมต้องขาย แม่คะ แม่ไม่พอใจรพีพงษ์ ก็ไม่ควรทำแบบนี้นะคะ”อารียาพูด
“ทำไมฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้ แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ตระกูลฉัตรมงคลทั้งตระกูลเขารู้กันหมดแล้วว่ารพีพงษ์ซื้อบ้านหลังเล็กๆเก่าๆหลังหนึ่ง และยังทำเป็นพูดว่าบ้านตัวเองดีกว่าของลุงรองแก ตอนนี้ไม่เพียงแค่ที่บ้านลุงรองแกเท่านั้น คนในตระกูลฉัตรมงคลพวกนั้น ต่างอยากจะเห็นบ้านหลังนี้ของรพีพงษ์กันหมด”
“วันนี้ตอนเช้า ฉันก็รับโทรศัพท์หลายสาย ล้วนบอกว่าจะขอไปเยี่ยมชมบ้านพร้อมกัน แกไม่รู้ว่าน้ำเสียงของคนพวกนั้น ราวกับจะรอเยาะเย้ยครอบครัวของเราขนาดไหน แล้วแกว่าฉันควรจะขายบ้านหลังนั้นของเขาแล้วเอาไปซื้อหลังที่พอดูได้มั้ย”
“หรือว่าแกอยากให้ครอบครัวเราต้องอับอายขายหน้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของศศินัดดา อารียาก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นฝีมือของชรินทร์ทิพย์แน่นอน ในใจก็โกรธขึ้นมา
“แม่ บ้านเพิ่งจะซื้อจะขายเร็วขนาดนั้นได้ยังไง อีกอย่างก็ยังไม่ได้หนังสือถือครองกรรมสิทธิ์ ขายไม่ได้อยู่แล้ว แม่ก็อย่าฟุ้งซ่านไปเลยนะคะ”อารียาเอ่ยปลอบใจ
ศศินัดดาแสดงออกถึงความน้อยอกน้อยใจอย่างมาก“ทำไมชีวิตฉันต้องลำบากขนาดนี้ ลูกสาวก็มาแต่งงานกับเศษสวะคนหนึ่ง ตอนนี้ยังต้องมารับกับความอับอายอีก ฉันมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ยังดีที่รักษาหน้าไว้ นี่พวกแกจะบีบบังคับให้ฉันตาย”
อารียาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรขึ้นมาทันที ศศินัดดาโวยวายแบบนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนมาสู้
“บ้านที่ผมซื้อไม่ทำให้พวกคุณต้องอับอายขายหน้าหรอกครับ ไม่ต้องขายเพื่อจะไปซื้อใหม่”รพีพงษ์เอ่ย
ศศินัดดาแววตาดุดัน จ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วเอ่ยว่า“แกไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ บ้านอะไรที่แกซื้อ ใช้เงินของลูกสาวฉันซื้อมา ต่อให้ตอนนี้ไม่ขาย ถึงเวลาได้หนังสือกรรมสิทธิ์มา ฉันก็จะเอาไปขาย!แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่นะ แกคิดจะปอกลอกครอบครัวฉันใช่มั้ย!”
รพีพงษ์พูดไม่ออก รู้ว่าจะอธิบายกับศศินัดดาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
อารียาเองก็รู้นิสัยของศศินัดดาดี เห็นหล่อนพูดแบบนั้นแล้ว ก็รีบเดินกลับห้อง ไม่เช่นนั้นหากอยู่ต่อไปก็อาจจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาอีก
เมื่อออกมาจากห้อง สายตาอารียาที่มองรพีพงษ์นั้นมีความเหนื่อยล้าเล็กน้อย เอ่ยว่า“คุณอย่าไปถือสาที่แม่พูดเมื่อกี้เลยนะคะ บ้านนั้นคุณใช้เงินของคุณซื้อ ฉันจะไม่ให้แม่เอาไปขาย”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”รพีพงษ์ตอบ“คุณไปพักเถอะ ตอนบ่ายต้องไปทำงานอีก”
อารียาพยักหน้า กลับห้องไปพักผ่อน
ตอนเย็น อารียากลับมา สีหน้าท่าทางดูแล้วไม่ค่อยดีนัก
หลังจากทานข้าวแล้ว เธอก็กลับไปในห้อง รพีพงษ์ก็รีบไปนวดให้เธอทันที
อารียายกมือห้าม นั่งลงบนเตียง สองแขนกอดเข่าของตนเองไว้ เอาหัวตัวเองมุดเข้าไป
“เป็นอะไรไป”รพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียา ก็รู้ทันทีว่าต้องเจอเรื่องอะไรมาแน่
“วันนี้ที่ทำงานฉัน ได้ยินหลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่คุณซื้อบ้าน พวกเขาต่างพากันหัวเราะเยาะครอบครัวเรา บอกว่าพวกเราไม่มีปัญญาอยู่บ้านดีๆได้ เอาบ้านเก่าๆเล็กๆมาพูดให้ดูดี ฉันได้ยินแล้วไม่สบายใจ”เสียงของอารียาสำลักเล็กน้อย
รพีพงษ์รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที เดิมเขาคิดว่าอารียาจะไม่ใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ตอนนี้ดูแล้ว เขาคิดง่ายเกินไป
เดิมเขาคิดจะทำให้เธอแปลกประหลาดใจ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกว่าเขาซื้อบ้านไว้ที่ไหน ตอนนี้ดูแล้ว เพื่อให้อารียาสบายใจ เขาคงต้องบอกเธอแล้ว
“รพี หรือว่าเราจะเชื่อที่แม่บอก เอาบ้านไปขาย แล้วซื้อบ้านที่พอจะดูดีขึ้น แม้ว่าฉันจะให้ตนเองไม่ไปสนใจคำพูดของคนพวกนั้น แต่ว่าในใจของฉันมันไม่สามารถบังคับได้”อารียาเงยหน้ามองรพีพงษ์
รพีพงษ์ยื่นมือมาลูบศีรษะของอารียา แล้วพูดว่า“ออกไปข้างนอกกับผมหน่อยผมจะพาคุณไปที่ๆหนึ่ง”
อารียาตกตะลึง ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะพาเธอไปไหนในเวลานี้ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ กลับพยักหน้า
ทั้งสองออกจากบ้านมาด้วยกัน รพีพงษ์ขับรถพาอารียามุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง
พักใหญ่ รพีพงษ์ก็ขับรถมาจอดที่ข้างๆดงเย็น และอารียาก็ลงมาจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูดงเย็น
ดงเย็นยามค่ำคืนดูแล้วเจิดจรัสแวววาว โคมไฟแต่ละดวงส่องสว่าง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดเด่นกลางใจเมือง
คนที่เดินผ่านมาที่นี่ต่างก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป และอิจจฉาคนที่อยู่ที่สวยงามแบบนี้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังโอดครวญถึงราคาที่แสนแพงของที่นี่
อารียาเต็มไปด้วยความสงสัย เอ่ยถามว่า“คุณ…พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”
รพีพงษ์ยิ้มออกมา ชี้ไปที่ประตูของดงเย็นแล้วพูดว่า“บ้านที่ผมซื้อ อยู่ที่นี่”
อารีนาเบิกตาโพลงทันที มองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ส่วนจะเป็นหลังไหนนั้น ขอปิดเป็นความลับไว้ก่อน ที่ผมพาคุณมาที่นี่ ก็เพื่อให้คุณสบายใจ บ้านที่ผมซื้อ จะปิดปากทุกคนได้อย่างแน่นอน ดังนั้นต่อไปไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องนี้แล้ว”รพีพงษ์เอ่ย
อารียายังคงเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ถ้ารพีพงษ์ซื้อบ้านที่นี่จริง ต่อให้มีแค่ห้องเดียว ก็ย่อมต้องดีกว่าบ้านของชรินทร์ทิพย์
ในเมื่อดงเย็นได้กลายเป็นจุดเด่นของเมืองริเวอร์ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะซื้อบ้านที่นี่
แม้ว่าบ้านของชรินทร์ทิพย์จะอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง แต่เมื่อเทียบกับดงเย็นแล้ว ก็ยังห่างไกลกันมาก
“นี่……นี่มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย”อารียาเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งเล็กน้อย
“ผมเคยโกหกคุณเหรอ และสัญญานี้ก็ไม่อาจปลอมขึ้นมาได้ ผมไม่เอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาแกล้งเอาใจคุณหรอก”รพีพงษ์เอ่ยยิ้มๆ
อารียากลืนน้ำลายดังเอือก เธอรู้ รพีพงษ์พูดแบบนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องจริง
มิน่าล่ะเขาถึงพูดมาตลอดว่าบ้านที่เขาซื้อนั้นต้องทำให้ทุกคนพอใจ หากบ้านที่ดงเย็นยังไม่อาจทำให้ทุกคนพอใจได้ อย่างนั้นบ้านทั้งเมืองริเวอร์นี้ก็คงไม่มีหลังไหนที่ทำให้พวกเขาพอใจได้แล้ว
“ที่นี่มีร้านกาแฟที่มีชื่อร้านหนึ่ง ชื่อร้าน Blue Love ได้ยินว่ากาแฟที่ร้านนี้อร่อยมาก ผมพาคุณไปลองดื่ม ส่วนบ้านของเรานั้น ขากลับค่อยพาคุณไปดู
เดิมอารียานั้นก็มึนๆงงๆอยู่แล้ว แต่ก็ยังพยักหน้าให้รพีพงษ์
รพีพงษ์ได้ยินว่าร้าน Blue Love เป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของดงเย็น ร้านกาแฟร้านนี้ให้บริการเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในดงเย็น และราคาก็สูงมาก ถือว่าเป็นสถานที่หรูหราฟุ่มเฟือย
วันนั้นที่ทำเรื่องตามขั้นตอนต่างๆ ผู้จัดการฝ่ายขายก็ได้มอบบัตรสมาชิกระดับพรีเมี่ยมให้กับเขา ด้วยบัตรใบนี้ เขาสามารถมาใช้บริการที่ร้านBlue Loveได้อย่างสะดวกสบาย และยังได้รับส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนที่ออกจากบ้านรพีพงษ์พกบัตรใบนี้มาด้วยพอดี ดังนั้นจึงอยากจะพาอารียามาลองชิมที่ร้านนี้
ตอนที่ทั้งสองกำลังจะเข้าไปนั้นเอง ก็พบกับสองคนที่เดินมาพอดี หนึ่งในนั้นก็คือบุษบากร อีกคนเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา“แคลร์ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้”บุษบากรเห็นอารียาและรพีพงษ์ ก็รีบวิ่งมาหาทันที
“บังเอิญจังเลย ที่มาเจอเธอที่นี่”อารียาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ซื้อบ้านที่ดงเย็น เธอก็ไม่ใส่ใจสิ่งที่คนอื่นดูถูกอีกต่อไป อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก
“ฉันกำลังจะเข้าไปที่ร้านBlue Love”บุษบากรเอ่ยปาก หล่อนส่งสายตาให้รพีพงษ์ จากนั้นก็เขยิบเข้าใกล้ผู้ชายข้างๆ เหมือนจงใจให้รพีพงษ์เห็น
“แคลร์ นี่คือแฟนใหม่ฉันเองลิปปินส์ บ้านรวยมาก และร้องเพลงเพราะ ทำอาหารก็อร่อย ที่สำคัญที่สุดคือรักฉันมาก”
ลิปปินส์ได้ฟังแล้ว ก็ยืดอกทันที ใบหน้าแสดงถึงความภูมิใจ เขาไม่รู้ว่าจู่ๆบุษบาการถึงชมเขาแบบนี้ และเขาเองก็ร้องเพลงไม่เป็น ทำอาหารไม่เป็น แต่เขาก็ไม่อยากคิดอะไรมาก คิดว่าบุษบากรคงอยากจะให้เขาดูดีเท่านั้น
“สวัสดีครับ ผมชื่อลิปปินส์”ลิปปินส์ทักทายอารียา ไม่ได้สนใจรพีพงษ์
เขาเคยได้ยินบุษบากรพูดถึงรพีพงษ์ ยังชื่นชมเขาหลายอย่าง แม้จะไม่รู้ว่าทำไมบุษบากรถึงต้องชื่นชมรพีพงษ์ แต่เขาก็รู้ดีว่ารพีพงษ์นั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่มีชื่อเสียงคนนั้น ดังนั้นจึงดูถูกเขามาตลอด
รพีพงษ์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาก็ขี้เกียจจะสานสัมพันธ์กับคนพวกนี้
“พวกเราจะไปที่ร้านBlue Loveในดงเย็น พวกคุณจะไปด้วยกันมั้ย ร้านBlue Loveปกติแล้วจะมีแค่คนที่พักในดงเย็นเท่านั้นที่เข้าไปได้ และถ้าหากไม่มีบัตรผ่านประตู แม้แต่ประตูหมู่บ้านก็ยังเข้าไม่ได้ อยากดื่มกาแฟที่นี่ เรียกได้ว่ายากมาก
“แต่โชคดีที่ผมมีเพื่อนอยู่ในนี้ ผมรู้ว่ามีทางลัด เข้าไปในหมู่บ้านได้ เพื่อนผมคนนั้นจะพาเราไปที่ร้านกาแฟ หาโอกาสแบบนี้ได้ยาก ไปกับพวกเราเถอะ”
ลิปปินส์ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ ราวกับว่าการได้ดื่มกาแฟที่ร้าน Blue Love เป็นเรื่องที่ทำให้คนคิดว่าเป็นเรื่องหรูหราก็ไม่ปาน
“พวกเราก็จะเข้าไปพอดี อย่างนั้นไปพร้อมกันเลย”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ลิปปินส์เบะปากทันที ใจยังคิดว่าตนเองเก่งอีก หากไม่ใช่เพราะตนเองบอกว่าพาพวกเขาเข้าไปได้ เขาจะเข้าไปดื่มกาแฟข้างในได้ยังไง พูดเหมือนเขาไม่มีตนเองพาเข้าไปแล้วจะเข้าไปได้อย่างนั้น
รพีพงษ์พาอารียาเดินไปทางประตูใหญ่
ลิปปินส์เห็นท่าแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วทันทีแล้วพูดว่า“คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดเมื่อครู่เหรอ อย่าเดินไปทางนั้น พวกคุณไปทางลัดกับผม”
ช่างบ้านนอกจริง แม้แต่บัตรผ่านประตูยังไม่รู้จักเลยเหรอ ผู้หญิงสวยๆอย่างอารียา ทำไมถึงได้แต่งงานกับเขาได้ ลิปปินส์บ่นพึมพำในใจ
รพีพงษ์ชำเลืองมองลิปปินส์ เอ่ยเบาๆว่า“เข้าจากประตูใหญ่ได้ ทำไมต้องไปทางลัด”