พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 92 ผู้โชคดี
บทที่ 92 ผู้โชคดี
กลับมาถึงบ้าน
ศศินัดดาใบหน้าโกรธขึ้งมองไปที่รพีพงษ์ พูดว่า“นี่คุณปัญญาอ่อนจริงๆหรือแกล้งปัญญาอ่อนกันแน่เนี่ย บ้านเก่าๆที่คุณซื้อนั้นจะไปเทียบกับบ้านหลังใหญ่โตของคนอื่นเขาได้ยังไง คุณตั้งใจให้พวกเราขายหน้าใช่มั้ย”
ศักดาถอนหายใจ เอ่ยว่า“ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ถึงเวลาพวกเขาต้องมาเยี่ยมบ้านพวกเราแน่ ถ้าไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ไปเช่าสักหลังหนึ่งก่อน ให้พอรักษาหน้าไปก่อน ต่อไปรอให้แคลร์ได้เงิน แล้วค่อยซื้อหลังใหญ่อีกสักหลัง”
“เช่าสักหลังเหรอ นี่คุณคิดว่าคนอื่นเขาโง่กันหรือไง อยู่ได้ไม่กี่วันก็ถูกคนอื่นจับได้แล้ว ถึงเวลาจะยิ่งขายหน้ามากกว่าเดิม”ศศินัดดาเอ่ยอย่างโมโห
“บ้านที่ผมซื้อไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังหรอก ถึงเวลาพวกคุณไปดูพร้อมกันก็จะรู้เอง”รพีพงษ์เอ่ยปาก
อารียาชำเลืองมองรพีพงษ์ เอ่ยว่า“รพี บ้านที่แม่ฉันต้องการก็คือบ้านแบบเดียวกับที่ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์ คุณซื้อห้องเดียว ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้แม่พอใจได้”
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา พูดว่า“เชื่อผมสิ”
อารียาเห็นรพีพงษ์พูดอย่างนั้น จึงไม่พูดอะไรต่อดีกว่า
ศศินัดดาถลึงตาใส่รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะหลงตัวเองขนาดนี้
“ได้ รพีพงษ์ นายจำไว้เลยนะ ว่านายพูดอะไรไว้ ถึงเวลาพวกเราไปบ้านที่นายซื้อ หากบ้านหลังนี้ทำให้พวกเราต้องขายหน้า ถึงตอนนั้นนายต้องไสหัวออกไปจากบ้านพวกเรา อย่าคิดกลับมาอีก!”
หล่อนหาโอกาสที่จะเขี่ยรพีพงษ์ออกจากบ้านอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้รพีพงษ์รนหาที่ตายเอง แน่นอนว่าหล่อนก็ไม่ต้องเกรงใจอีกแล้ว
ศศินัดดายุติการโต้เถียง รอวันที่สุดท้ายของเดือนที่จะเขี่ยรพีพงษ์ออกจากบ้าน หล่อนกับรู้สึกยินดีไม่น้อย
อารียาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พารพีพงษ์กลับห้อง
“บ้านที่คุณซื้อนั้น จะทำให้แม่ฉันพอใจได้จริงหรือ”อารียาเอ่ยปากถาม
“วางใจเถอะ ถ้าทำไม่ได้ ผมก็ไม่พูดออกไปแบบนั้นหรอก ผมไม่เหมือนคนที่ชอบพูดจาคุยโวโอ้อวดพวกนั้นนะ”รพีพงษ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อารียาพยักหน้า ด้วยนิสัยของรพีพงษ์แล้ว ไม่พูดอะไรแบบนั้นแน่
หรือว่าที่เขาซื้อนั้น จะไม่ใช่แค่ห้องเล็กๆ
แม้จะเดาออกว่าบ้านที่รพีพงษ์ซื้ออาจจะไม่ใช่แค่ห้องเล็กๆ แต่อารียาก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง คิดแค่ว่าต่อให้รพีพงษ์ไม่ได้ซื้อห้องเล็กๆ แต่บ้านที่ซื้อก็คงไม่น่าจะดีกว่าบ้านของชรินทร์ทิพย์
แต่ขอแค่พอรับได้ ก็ช่างมันแล้ว
ผ่านไปอีกสองวัน อารียาก็เลิกงานเร็วกว่าปกติกลับมาบ้าน เดินมาที่ตรงหน้ารพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูดว่า“วันนี้ฉันไม่มีธุระอะไรเลยเลิกงานเร็ว ไปเถอะ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณไปกัน”
รพีพงษ์มองอารียาอย่างเอ็นดู เอ่ยว่า“รอขากลับก็ได้ ตอนบ่ายคุณยังต้องไปทำงานอีก”
“ไม่ได้ ครั้งก่อนก็บอกว่าจะเลี้ยงคุณ สุดท้ายก็ร้อนจนเป็นลม วันนี้อากาศเย็นสบายขนาดนี้ แน่นอนว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบครั้งก่อนแน่นอน ฉันเลือกร้านไว้เรียบร้อยแล้ว รีบไปเถอะ ”อารียาพูดด้วยรอยยิ้ม
รพีพงษ์ได้แต่พยักหน้า เดินตามอารียาออกจากประตูไป
ทั้งสองคนเดินมาถึงที่จอดรถ อารียาส่งกุญแจรถให้รพีพงษ์ พร้อมเอ่ยว่า “คุณขับแล้วกัน”
“แต่ว่า แม่คุณไม่ให้ผม…”รพีพงษ์เอ่ย
“โอ้ย เขาพูดอะไรก็ต้องทำตามอย่างนั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นรถนี่คุณเป็นคนซื้อ คุณจะขับก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”อารียาเอ่ยปาก“แล้วก็……ออกไปเดทกัน คุณจะใจร้ายให้ผู้หญิงขับรถเหรอ”
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
พอรพีพงษ์ได้ยินคำนี้ ก็รีบรับกุญแจไปทันที ท่าทางราวกับเป็นการบริการต่อเทพธิดาโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อารียาส่งเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นก็นั่งลงที่ตำแหน่งข้างคนขับ
รพีพงษ์เปิดประตูขึ้นรถ พูดว่า“พวกเราจะไปเดตกันที่ไหนครับ นางฟ้าของผม เชิญสั่งมาได้เลยครับ”
“คุ้มกะตังค์ ออกเดินทางได้”อารียาเอ่ยตามมุกของเขา
รถขับออกจากหมู่บ้าน รพีพงษ์ขับรถมุ่งหน้าไปที่คุ้มกะตังค์
คุ้มกะตังค์นับว่าเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองริเวอร์ มีชื่อพอๆกับภัตตาคารสปริงแยงซี
เพราะครั้งก่อนอยากไปเลี้ยงข้าวรพีพงษ์ที่ภัตตาคารสปริงแยงซี สุดท้ายก็ร้อนจนเป็นลม ดังนั้นอารียาจึงเปลี่ยนสถานที่
ไม่นาน รพีพงษ์ก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของคุ้มกะตังค์ ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในคุ้มกะตังค์พร้อมกัน
ออกเดตครั้งนี้ถือว่าราบรื่น ไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาทำลายการออกเดตของทั้งสองคน
อารียาสั่งอาหารอร่อยมาให้รพีพงษ์หลายอย่าง แต่ว่าลองชิมไปชิมมา ก็รู้สึกว่าไม่อร่อยเหมือนที่รพีพงษ์ทำเอง
“โอ้ย แย่มากจริงๆ พ่อครัวของที่นี่ยังทำอาหารไม่อร่อยเท่าคุณเลย นี่มันทำให้ฉันเสียหน้ามาก”อารียาคร่ำครวญออกมา
รพีพงษ์ยิ้มออกมา รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของอารียาน่ารักมาก
“ไม่งั้นคุณจ้างผมทำอาหารให้ ผมรับรองว่าคุณไม่เสียหน้าแน่”
“อย่างนั้นดีเลย”อารียายิ้มออกมา
“แต่ว่าผมบอกก่อนเลยนะว่า จะจ้างผมทำอาหาร ราคาไม่ถูกนะครับ”ใบหน้ารพีพงษ์เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
อารียาตะลึง เอ่ยถามว่า“จ้างคุณทำอาหารหนึ่งครั้ง ต้องจ่ายเท่าไหร่”
“จูบของคุณหนึ่งครั้ง”รพีพงษ์ตอบ
อารียาหน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่กล้าสบตารพีพงษ์ เธอคิดไม่ถึงเลยว่า จู่ๆรพีพงษ์จะกล้าหยอดเธอถึงขนาดนี้ ทำเอาหัวใจของเธอเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
“คุณนี่ร้ายกาจนักนะ ไม่สนคุณแล้ว” อารียาเอ่ยอย่างเขินอาย
ตอนนี้เองที่พนักงานเดินตรงมาที่พวกเขา ยื่นบัตรใบหนึ่งให้รพีพงษ์ใบหน้าเต็มไปด้วยความนอบน้อม พูดว่า“คุณผู้ชายครับ ยินดีด้วยครับ คุณเป็นผู้โชคดีของร้านเรา นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากท่านมารับประทานอาหารที่ร้านเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และยังได้รับสิทธิพิเศษสูงสุด โดยอาศัยบัตรใบนี้ ท่ายังสามารถให้เพื่อนของท่านได้รับสิทธิ์รับบริการนี้ได้เช่นกัน”
ได้ยินคำพูดของพนักงาน รพีพงษ์ก็ตกตะลึง ถามว่า“ผู้โชคดีงั้นเหรอ พวกคุณเอาอะไรมาเลือก”
“เรียนคุณผู้ชาย ผู้โชคดี แน่นอนว่าต้องอาศัยโชคชะตา เจ้าของร้านเราคิดว่าท่านเป็นคนที่มีความโชคดีมาก ดังนั้นจึงเลือกท่าน”พนักงานตอบ
รพีพงษ์ไม่เชื่อคำพูดของพนักงาน เขาหันไปดูรอบๆ ก็พบตาสีทองนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา
ตาสีทองเห็นว่ารพีพงษ์มองมายังตนเอง ก็ยกแก้วไวน์ขึ้น ดื่มให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว
รพีพงษ์รับบัตรใบนั้นมา แล้วพูดกับพนักงานว่า “ได้ เข้าใจแล้ว คุณไปเถอะ”
อารียามองบัตรในมือของรพีพงษ์อย่างแปลกประหลาดใจ แล้วพูดว่า“ว้าว รพีพงษ์ คุณนี่ช่างโชคดีจังเลยนะ ที่กลายเป็นผู้โชคดีของคุ้มกะตังค์ อย่างนั้นก็หมายความว่าต่อไปมากินข้างที่นี่ ก็ไม่ต้องจ่ายเงินนะสิ”
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา พูดว่า“เป็นโชคดีที่ได้มาเพราะคุณไง บัตรใบนี้ผมให้คุณ ที่นี่อยู่ใกล้บริษัทคุณ ต่อไปคุณก็มาทานข้าวที่นี่โดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว”
ความจริงนั้นเขารู้ดี ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีผู้โชคดีอะไร นี่ก็แค่ตาสีทองอยากจะเอาใจเขาเท่านั้น
ในเมื่อตาสีทองก็ซื้อร้านคุ้มกะตังค์เอาไว้แล้ว แม้ว่าตาสีทองจะเป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีก็ไม่ได้เหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไป
รพีพงษ์คิดว่าตาสีทองนั้นมีความอดทนจริงๆ นานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะให้เขากลับบ้านตระกูลลัดดาวัลย์
อารียารับบัตรใบนั้นจากรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เธอไม่รู้เลยว่ารพีพงษ์และคนสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงหัวมุมนั้นรู้จักกัน และไม่รู้ว่าบัตรใบนี้ก็คือผู้เฒ่าคนนั้นมอบให้กับรพีพงษ์
“อ้าว นี่ไม่ใช่อารียาเหรอ คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมาเจอเธอที่นี่”ตอนนั้นเองที่มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา ร่างของอารียาชะงักเกร็งทันที
เธอหันกลับไปมองด้านหลัง มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าเข้มยืนอยู่ด้านหลังเธอ สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ยจ้องมองมาที่เธอ
“เป็นเธอเองเหรอ กันตา”อารียาเอ่ยถาม
รพีพงษ์มองพิจารณาผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ครั้งก่อนบุษบากรเคยพูดถึงคนที่ชื่อกันตา ความสัมพันธ์ของอารียากับหล่อนนั้นไม่ค่อยจะดีนัก
กันตาเองก็ไม่เกรงใจ นั่งลงข้างๆอารียาทันที พูดด้วยท่าทางแปลกใจ“คิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมมาทานอาหารที่ร้านนี้ด้วย สงสัยคงต้องหาเงินนานถึงจะมาทานอาหารที่นี่มื้อหนึ่งได้ละมั้ง”
อารียาขมวดคิ้วทันที กันตายังคิดว่าเธอยังทำงานเป็นพนักงานเล็กที่บริษัทอยู่ แทบไม่รู้เลยว่าเธอได้ขึ้นตำแหน่งแล้วได้รับโครงการใหญ่โต
เห็นอารียาไม่พูดอะไรกันตาก็ยิ่งคิดว่าอารียาคงจะไม่ได้มีความสุขสบายอะไรนัก จากนั้นก็โยนแค็ตตาล็อคห้องลงบนโต๊ะ
“คิดว่าตอนแรกที่โรงเรียน มีคนตามจีบเธอมากมายขนาดไหน นางฟ้าที่เย็นชาอย่างฉัน ยังไม่เคยตกลงปลงใจกับใครมาก่อน ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่เรียบจบแล้ว เธอจะแต่งงานกับคนที่ไร้ค่าคนหนึ่ง”
“ดวงของฉันยังโชคดีกว่าเธอมาก ตอนนี้ฉันได้พบกับแฟนซึ่งเป็นทายาทเศรษฐี ไม่นานนี้เขาก็เพิ่งซื้อบ้านที่ดงเย็นให้ฉันหนึ่งหลัง สามห้อง สามล้านกว่าบาทเชียวนะ วันนี้เพิ่งจะได้รับห้อง”
กันตาอยากจะมาคุยอวดต่อหน้าอารียานานแล้ว หล่อนเองก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเธอที่นี่ ดังนั้นจึงรีบคว้าโอกาสไว้ทันที รีบแสดงอำนาจบารมีของตนเองต่อหน้าอารียาทันที
“อ้อ อย่างนั้นก็ยินดีกับเธอด้วย”อารียาตอบกลับไปสั้นๆ
กันตาก็ยิ่งได้ใจ หล่อนหันไปชำเลืองมองอารียา พูดว่า“อารียา นี่คงจะไม่ใช่สามีไร้ประโยชน์ของเธอหรอกนะ นี่เธอกล้าพาเขาออกมากินข้าวด้วยกันเหรอเนี่ย หรือว่าเธออยากขายหน้า”
“ถ้าหากเป็นฉัน ฉันคงไม่พาไอ้คนไร้ประโยชน์ออกมาด้วยแน่ แต่ว่าเรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะแฟนฉันเป็นทายาทเศรษฐี และก็หล่อมาก พาออกไปไหนก็เป็นที่เชิดหน้าชูตา”
“เธอพล่ามพอหรือยัง”อารียาสีหน้าโกรธเกรี้ยว รับไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ
สีหน้าของกันตาไม่ทุกข์ร้อนอะไร พูดว่า“ทำไม ปากก็ปากของฉัน จะห้ามไม่ให้ฉันพูดได้เหรอ ตอนนั้นที่โรงเรียนเธอทระนงตนมากนักไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่แล้วเหรอ ฉันจะบอกให้นะ นี่เขาเรียกว่าโชคไม่เข้าใครออกใคร!”
อารียากำหมัดแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองไปที่กันตา เอ่ยว่า“ฉันอยากจะไล่เธอออกไปจากที่นี่จริงๆ”
กันตาเบ้ปาก พูดว่า“จะไล่ฉันออกไปเหรอ จะบอกเธอให้นะ ฉันเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เจ้าของร้านนี้ก็ยังต้องเกรงใจแฟนฉัน ฉันจะดูสิว่าจะมีใครกล้าไล่ฉันออกไปมั้ย”
พอหล่อนพูดจบ ก็มีพนักงานหลายคนเดินมาทางนี้
พนักงานที่นำหน้ามานั้นชำเลืองมองกันตา เอ่ยปาก“ขอโทษครับ คุณรบกวนการรับประทานอาหารของลูกค้าสำคัญของเราอย่างมากครับ ขอเชิญให้คุณออกจากร้านเราเดี๋ยวนี้ครับ มิเช่นนั้นพวกเราคงต้องไล่ออกไป”