พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 86 ฉันยินยอม
ตอนที่ 86 ฉันยินยอม
ผู้จัดการมองรพีพงษ์ด้วยความตกตะลึง หนึ่งร้อยล้าน สำหรับเขาแล้ว ทั้งชีวิตนี้คงหาเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน
หลังจากได้ยินจำนวนเงินที่รพีพงษ์กล่าวขึ้น ผู้จัดการก็รู้สึกตายใจแล้ว จากเดิมทีที่ยืนตัวตรงด้วยความมั่นใจกลับห่อเหี่ยวลงทันที
“คุณผู้ชาย จำนวนเงินที่คุณต้องการโอนมีจำนวนมากเกินกำหนด ไม่สามารถดำเนินการผ่าน ATM ได้ ผู้จัดการท่านนี้ไม่มีความสามารถมากพอ ไล่เขาออกไปก็ถือว่าสมควรแล้ว ”
“เชิญตามผมมา ผมจะช่วยโอนเงินให้คุณ”
ผู้จัดการใหญ่ยิ้มให้เกียรติรพีพงษ์ สำหรับลูกค้าถือบัตรพรีเมียมของธนาคารระดับโลกแล้ว แค่ไล่ผู้จัดการคนหนึ่งออก ไม่ถือเป็นเรื่องยุ่งยากอะไร
รพีพงษ์ไม่เสียเวลามาก รีบเดินผู้จัดการใหญ่เข้าไปที่โซนลูกค้า VIP เพื่อทำการโอนเงิน ธฤตญาณก็รีบตามเข้าไปด้วย
เมื่อออกมาจากธนาคาร ธฤตญาณถือบัตรธนาคารไว้ในมือข้างหนึ่งด้วยความสั่นคลอนเล็กน้อย ราวกับว่าบัตรใบนี้หนักมาก
เขามองดูผู้จัดการโอนเงินออกจากบัตรของรพีพงษ์หนึ่งร้อยล้านบาทด้วยความเหลือเชื่อ จนถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่
“รพีพงษ์ นายมีความลับมากมายแค่ไหนกันแน่ ใครๆก็บอกว่านายเป็นคนเหลวไหลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองริเวอร์ แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่า ทั้งเมืองริเวอร์แห่งนี้ ไม่มีใครสามารถเอาชนะนายได้เลย?” ธฤตญาณพูดระบาย
รพีพงษ์ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถามของธฤตญาณ กลับเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เงินพวกนี้ฉันยกให้นายเอาไปจัดการ ฉันจะรอวันที่นายกุมอำนาจโลกใต้ดินของเมืองริเวอร์ไว้ได้ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”
ธฤตญาณรีบพยักหน้าลงทันที พูดตอบกลับ “สบายใจได้ หากเรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ งั้นฉันก็ควรกลับไปขายโรตีแล้ว”
ทั้งสองสบตากันหัวเราะเฮฮา จากนั้นแยกทางกันกลับไปตรงหน้าประตูธนาคาร
เดิมทีคุณวรดรคิดจะรอให้รพีพงษ์จัดการเรื่องให้เสร็จก่อน แล้วค่อยขอโทษเขาดีๆ
แต่ตอนที่รพีพงษ์เข้าไปจัดการเรื่องโอนเงิน แฟนของเขากลับมีธุระสำคัญที่ต้องเจอเขา จึงกลับมาไม่ทัน
ใครจะไปคิดว่า เมื่อเขาตามไปที่นั่น ต้องเจอกับเรื่องที่แฟนสาวอยากได้กระเป๋าใบหนึ่ง จึงหลอกเขามาจ่ายเงินให้
คุณวรดรเป็นกังวลอย่างมาก หลังจากจ่ายเงินเสร็จ จึงรีบกลับไป แต่ทว่ารพีพงษ์กลับไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว
เขาคิดบ่นด่าแฟนสาวในใจนับร้อยรอบ โอกาสดีขนาดนี้กลับต้องสูญเสียไปเพราะกระเป๋าใบหนึ่ง
“ไอ้แฟนโง่ ทำฉันพลาดโอกาสสำคัญ คอยดูนะ สักวันฉันจะเตะเธอให้ประเด็น!”
…
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็ตกดึกแล้ว
ศศินัดดาทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะ เพื่อเป็นอาหารบำรุงร่างกายให้อารียา
ช่วงนี้เงินเดือนของอารียาเพิ่มขึ้นหลายเท่า และต้องจ่ายให้ศศินัดดาและศักดาเพิ่มขึ้นมาก ช่วงนี้ศศินัดดาใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่ต่อรองราคาใครเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
เมื่ออารียาขับรถกลับถึงบ้าน สิ่งที่เธอทำเป็นอย่างแรก ไม่ใช่การนั่งทานข้าว แต่กลับลากรพีพงษ์ไปนวดให้ภายในห้อง
เมื่อศศินัดดาเห็นทั้งสองกำลังจะเข้าไปในห้อง จึงรีบขวางทางไว้ทันที
“พวกเธอจะทำอะไรกัน?” ศศินัดดาจ้องมองรพีพงษ์ ราวกับว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายลูกสาวของตน
“แม่ หนูทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากให้รพีพงษ์นวดให้สักหน่อย แม่มาห้ามทำไมกัน?” อารียาเอ่ยปากถาม
“นวด? แม่นวดให้เอง ห้ามให้รพีพงษ์แตะต้องตัวลูกเด็ดขาด ช่วงนี้แม่รู้สึกว่าพวกเธอสองคนทำตัวแปลกๆ แม่เห็นว่าพวกเธอสองคนเข้าไปในห้อง ไม่ได้ไปนวดหรอก แต่เข้าไปทำอย่างอื่นต่างหาก” ศศินัดดาพูดด้วยท่าทีมั่นใจ
อารียาคิดขำในใจ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะสงสัยว่าพวกเธอทำเรื่องอย่างว่ากัน
“แม่ กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ หนูให้รพีเขานวดให้เฉยๆจริงๆนะ” อารียาพูดอธิบาย
“หึ แบบนั้นก็ไม่ได้ คนอย่างรพีต้องคิดไม่ซื่อกับลูก ลูกต้องระวังตัวไว้ด้วยนะ” ศศินัดดาพูดตอบ
“หนูกับเขาเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย!” อารียาพูดด้วยความเหนื่อยใจ
ศศินัดดาไม่เคยเห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาในฐานะลูกเขยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น เธอจึงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอารียา
อารียาไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้เพียงอดทนกับความปวดเอวและหลัง และเดินไปนั่งที่โต๊ะ คิดไว้ว่าจะทานข้าวก่อน จากนั้นก่อนนอนค่อยให้รพีพงษ์นวดให้
เมื่อรพีพงษ์เห็นสภาพของอารียาในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกสงสารเธอมาก แต่เขาไม่สามารถเดาอารมณ์ของศศินัดดาได้เลย จึงทำได้แค่รอให้ถึงเวลาก่อนนอนแล้วค่อยนวดให้เธอ
“มาจ้ะลูกสาวที่รัก บำรุงสมองหน่อยนะ” ศศินัดดาตักอาหารให้อารียา
“ลูกสาวของเราเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ วันนี้ตอนเจอลูกชายของตระกูลฟางด้านล่าง เขาไม่ทำตัวเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยังวิ่งเข้ามาทักทายเรียกฉันว่าลุงอีกด้วย” ศักดาพูดพลางยิ้มอย่างมีความสุข
ศศินัดดารีบพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ก็ไม่ดูบ้างว่านี่คือลูกสาวของใคร ลูกสาวของพวกเราเก่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้รวมงานที่ร่วมมือกับบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป พวกคนตระกูลฉัตรมงคลก็เริ่มเข้ามาประจบพวกเรา เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณลูกสาวเป็นอย่างมากเลยนะ”
อารียาเอ่ยปากพูดขึ้น “พ่อ แม่ เรื่องนี้ถือเป็นผลงานของรพีพงษ์เลยนะคะ เพราะเขาช่วยหนูช่วงชิงโครงการนี้มาได้ พ่อกับแม่ต้องขอบคุณเขาจึงจะถูก”
เธอคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้กับรพีพงษ์เสียที เรื่องครั้งนี้ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรพีพงษ์พอดี
แต่ทว่าเธอกลับประเมินความเกลียดชังที่ศศินัดดามีต่อรพีต่ำไป ในสายตาของแม่ เรื่องครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับรพีพงษ์เลยสักนิด
“ขอบคุณบ้าอะไรกัน เรื่องครั้งนี้มีผลงานของเขาที่ไหน ลูกอย่ามาคิดว่าพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องนะ ที่ลูกได้โครงการมาครั้งนี้ เป็นเพราะลูกพึ่งพาความสามารถของตัวเอง ลูกสาวของแม่เก่ง ไม่เกี่ยวอะไรกับรพีพงษ์เลยสักนิด” ศศินัดดาพูดโต้
อารียาได้แต่ทอดถอนหายใจ จากนั้นจึงพูดขึ้น “แม่ สัญญาครั้งนี้ รพีพงษ์เป็นคนเอามาให้ ผลงานสำคัญขนาดนี้ แม่ไม่เห็นบ้างเลยหรือไง”
“หึ อย่ามาโกหกแม่ สัญญานี้ลูกไปเอามาเองชัดๆ อย่ามาพูดว่ารพีพงษ์เป็นคนเอามา แม่รู้ว่าลูกอยากให้แม่มองเขาดีขึ้น แต่ลูกก็ไม่ดูบ้างว่าเขาเป็นคนเหลวไหลขนาดไหน เขาจะทำเรื่องแบบนี้สำเร็จได้ยังไง” ศศินัดดาเหลือบตามองบน
“นั่นสิลูก ลูกอย่าไปคิดแทนคนเหลวไหลอย่างเขาเลย” ศักดาพูดขึ้น
อารียาคิดไม่ถึงเลยว่าศศินัดดากับศักดาจะบิดเบือนความจริงกันขนาดนี้ พวกเขามีความสามารถในการพูดสร้างเรื่อง จนทำให้คนฟังโกรธเดือดดาล
“แม่ เรื่องนี้เป็นผลสำเร็จจากรพีพงษ์จริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับหนูเลย” อารียาแทบจะบ้าแล้ว
รพีพงษ์เหลือบมองอารียา ยิ้มและพูดขึ้น “ทานข้าวก่อนเถอะ ไม่ต้องถกเรื่องนี้กันแล้ว”
“ลูกดูสิ รพีพงษ์ยังยอมรับเองเลย” ศศินัดดารีบฉวยโอกาสพูดขึ้น
อารียาหมดอารมณ์ทานข้าวทันที เธอหมดความอดทนกับพ่อแม่ตัวเองเต็มทีแล้ว
ศศินัดดาจ้องหน้ารพีพงษ์ จากนั้นพูดขึ้น “ฉันเก็บกวาดห้องใต้ดินเรียบร้อยแล้ว ต่อไปให้รพีพงษ์ไปนอนในห้องนั้น อารีทำงานเหนื่อย อย่ารบกวนเยอะ รพีพงษ์ลำบากหน่อยนะ ทั้งหมดนี้ก็ทำเพื่ออารียา”
เมื่อศศินัดดาพูดออกมาเช่นนั้น อารียาไม่ทนต่อไปอีกแล้ว รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าเธอทำเกินไป
“ไม่ได้!” ทั้งสองต่างพูดขึ้นพร้อมกัน
“อะไรไม่ได้! ทำตามที่ฉันบอก ลูก แม่ทำเพราะหวังดีกับลูกนะ ต่อไปลูกก็จะเข้าใจความหวังดีและทุ่มเทของแม่เอง” ศศินัดดาพูดขึ้น
“หวังดีทุ่มเทอะไรกัน หนูคิดว่าแม่ไม่อยากให้ลูกใช้ชีวิตดีๆมากกว่า หนูเหนื่อยมากขนาดนี้ แม่ยังคิดวิธีมาทำให้ลูกเหนื่อยใจมากขึ้นอีก!” อารียาพูดตะคอกขึ้น
“ลูกลองคิดดูดีๆสิ ตอนนี้ลูกมีฐานะในตระกูลฉัตรมังคลสูงขึ้นเรื่อยๆ อนาคตลูกไปไกลได้อีกแน่นอน รพีพงษ์เห็นข้อดีตรงนี้ขึ้นมา ช่วงนี้จึงมาตีสนิทกับลูกมากขนาดนี้ เพราะเขารู้ดีว่า ถ้ามีลูกกับหนูได้ หนูก็จะหนีไปไหนไม่รอด!” ศศินัดดาพูดความในใจออกมาทั้งหมด
อารียาเบิกตาโตกว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าศศินัดดากำลังคิดวางแผนเรื่องแบบนี้
“แม่พูดมั่วอะไรกัน รพีพงษ์จะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง อีกอย่าง หนูกับเขาเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย สมมติว่ามีลูกกับเขาจริงๆ หนูก็ไม่มีทางเสียใจ!” อารียาพูดตะโกน
สีหน้าของศศินัดดาแย่ลงทันที เธอหันไปมองรพีพงษ์ พูดขึ้น “ต่อไปนายต้องไปนอนที่ห้องใต้ดิน ห้ามย่างเท้าเข้าห้องแคลร์แม้แต่ก้าวเดียว บ้านของพวกเราเลี้ยงนายมาตั้งกี่ปีแล้ว ตอนนี้ลำบากนิดหน่อย นายก็บ่นอะไรไม่ได้”
“พรุ่งนี้ไม่ว่ายังไงต้องย้ายไปอยู่ห้องใต้ดิน ไม่เช่นนั้น ก็ออกไปจากบ้านนี้ซะ และห้ามเข้ามาในบ้านพวกเราอีก!”
สีหน้าของรพีพงษ์นิ่งเรียบ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีทางแยกผมกับอารียาไม่ให้นอนด้วยกันได้เด็ดขาด”
เมื่อก่อนเขายอมศศินัดดาและศักดามาโดยตลอด เพราะเห็นแก่บุญคุณที่พวกเขาทั้งสองเลี้ยงอารียามาจนโต แต่ทว่า ตั้งแต่ศศินัดดาบังคับให้เขาหย่ากับอารียา เขาจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าการยอมและเสียสละ ไม่สามารถแลกกับการยอมรับตัวเขาจากศศินัดดาได้
ดังนั้นรพีพงษ์จึงตัดสินใจว่า ต่อไปหากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องระหว่างเขากับอารียา จะไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้ใครอีก
ศศินัดดาคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะปฏิเสธตน เธอจึงโกรธมาก พูดต่อว่า “นายไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในบ้านนี้ ที่นี่เป็นบ้านของฉัน ฉันให้นายอยู่นายก็อยู่ได้ ฉันให้นายออกไปนายก็ต้องออกไป!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมกับอารียาจะเป็นฝ่ายย้ายออกไปเอง จะได้ไม่ต้องอยู่ให้รำคาญใจคุณ” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเนิบนิ่ง
ศศินัดดาตกใจตะลึง หัวเราะเยาะ “นายอย่ามาทำเสแสร้ง พวกเธอจะย้ายไปอยู่ที่ไหนได้? นายมีบ้านงั้นเหรอ?”
นายมันก็แค่คนเหลวไหล ออกไปก็ต้องเกาะลูกสาวของฉัน ยังจะกล้ามาพูดอวดดีกับฉัน
“ผมซื้อบ้านเองได้” รพีพงษ์ขมวดคิ้วพูดขึ้น
ศศินัดดาไม่มีทางเชื่อคำพูดขของเขา จากนั้นหันหลังไปมองอารียา ถามขึ้น : “แคลร์ ลูกเห็นแล้วยัง ไอ้หมอนี่ นอกจากปากเก่งแล้ว ก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เขายังจะซื้อบ้านเองอีก น่าขำชะมัด แม่ว่าเขาทำได้แค่พาลูกไปพักที่ท่อระบายน้ําอย่างเดียว”
“ลูกยอมไปพักที่ท่อระบายน้ํากับไอ้หมอนี่งั้นเหรอ? ชีวิตแบบนั้น ไม่ว่าใครก็คงไม่ยอมทั้งนั้น” ศศินัดดาคิดว่าอารียาไม่มีทางไปลำบากกับรพีพงษ์แน่นอน
“หนูยอมค่ะ!” ทันใดนั้น อารียาตอบด้วยความมั่นใจทันที