พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 842 ดาบมารมุรามาสะ
บทที่842 ดาบมารมุรามาสะ
เช้าวันรุ่งขึ้น
อุเอสึงิ ฮารุที่ผมยุ่งเหยิงตอนที่เดินออกมาจากห้อง เห็นรพีพงษ์นั่งดูมือถือบนโซฟา
บนโต๊ะเป็นอาหารที่เพิ่งซื้อมา ยังมีไอร้อนระเหยอยู่
เธอเงยหน้ามองเวลา พบว่าเป็นเวลาสิบโมงแล้ว ก็ตบหน้าผากตัวเอง คิดในใจว่าเมื่อคืนดื่มเยอะไป พอนอนก็นอนมาถึงตอนนี้
“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวเถอะ” รพีพงษ์พูดกับอุเอสึงิ ฮารุ
อุเอสึงิ ฮารุพยักหน้า กล่าว “ขอบคุณคุณชาย”
ขณะเดียวกันนี้ฝนสุดาก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง แล้วมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ ราวกับว่ารพีพงษ์ทำเรื่องที่ไม่คาดฝันกับเธอขึ้น
อุเอสึงิ ฮารุมองท่าทีของฝนสุดา ก็คิดไปไกล คิดว่าเมื่อคืนรพีพงษ์ได้ฉวยโอกาสตอนที่ฝนสุดาเมาหนักแล้วทำอะไรหรือเปล่า ดังนั้นฝนสุดาจึงโกรธขนาดนี้
แต่คิดอีกครั้ง จากท่าทีของฝนสุดาที่มีต่อรพีพงษ์ ถ้ารพีพงษ์ทำอะไรฝนสุดาจริงๆ ฝนสุดาต้องดีใจถึงจะถูก
“ไอ้ท่อนไม้ โง่ ปัญญาอ่อน!” ฝนสุดาตะคอกใส่รพีพงษ์ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องน้ำ
เห็นเหตุการณ์นี้ อุเอสึงิ ฮารุก็เดาออก ว่าที่ฝนสุดาโมโหขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่เพราะรพีพงษ์ทำอะไรเธอ แต่เพราะรพีพงษ์ไม่ทำอะไรเธอต่างหาก
อุเอสึงิ ฮารุที่มองทะลุปรุโปร่งก็ยิ้มออกมา ไม่คาดคิดว่าฝนสุดาจะน่าสนใจขนาดนี้
หลังจากที่หญิงทั้งสองล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็มาที่โต๊ะอย่างสงบ กินอาหารเช้าที่รพีพงษ์ซื้อมา
ฉวยโอกาสช่วงที่ทั้งสองกำลังกินข้าว รพีพงษ์ถาม “พวกคุณรู้มั้ยว่าที่ญี่ปุ่นมีที่ไหนขายอาวุธที่ใช้วัสดุดีๆบ้าง? แบบพวกมีดหรือกระบี่ไรงี้”
ตอนออกมาจากสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์อยากหาอาวุธติดมือ จะได้ง่ายต่อการใช้พลัง
ตอนนี้ฝนสุดาอยู่ข้างกายเขา ต่อไปเขาเพียงแค่ควบคุมตระกูลฮารุฮิจากนั้นก็รอวันงานแต่งของตระกูลอุเอสึงิก็โอเคแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงอยากหาอาวุธติดมือไว้
หลังจากที่อุเอสึงิ ฮารุได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ต้องคิดอย่างละเอียด จากนั้นก็ส่ายหัว แล้วกล่าว “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอาวุธสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะไปหาอาวุธได้จากที่ไหน”
ฝนสุดาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ตาเป็นประกาย หลับตาแล้วพูดต่อรพีพงษ์ว่า “ฉันรู้ ฉันรู้ คุณมาจุ๊บฉันก่อนสิ แล้วฉันจะบอกว่าไปหาอาวุธที่เหมาะสมได้จากที่ไหน”
รพีพงษ์จ้องฝนสุดา จากนั้นก็พูดกับอุเอสึงิ ฮารุว่า “ไปหาเชือกมา ฉันจะมัดเธอเอาไว้ ส่งให้ตระกูลอุเอสึงิโดยตรง บางทีนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิอาจให้อาวุธที่ดีแลกเปลี่ยนกับฉัน”
ฝนสุดาโมโห กล่าว “รพีพงษ์ ฉันก็คิดให้คุณจุ๊บเอง จำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้เลยหรอ!”
“ถ้าตอนนี้คุณพูดว่าจะเอาอาวุธที่ดีจากไหนได้บ้าง ผมก็จะไม่ใจร้ายแบบนี้แล้ว” รพีพงษ์กล่าว
ฝนสุดาเกรี้ยวกราด ราวกับเมียน้อยที่โมโหอย่างไรอย่างนั้น แล้วกล่าว “คืนนี้ ใจกลางเมืองโตเกียวมีงานประมูล จากช่วงกี่วันที่ได้รับข่าวมานี้ งานประมูลนี้จะมีดาบมาร มุรามาสุ มีดเล่มนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีอันไหนเทียบได้ ในยุทธภพ มีคนเป็นหมื่นตายเพราะดาบนี้ เพราะมันโดนเลือดมาจำนวนมาก จึงกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย จากคนที่เคยมีมีดนี้ไว้ในครอบครอง จากความชั่วร้ายของมีดกัดกร่อน จนสุดท้ายกลายเป็นคนที่เสพติดการฆ่า”
“เพราะมีดนี้ถูกผู้คนลือเป็นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นจึงเกิดชื่อดาบมารชื่อนี้ขึ้นมา ลือกันว่าผู้ที่ได้ครอบครองมีดนี้ ล้วนโชคร้าย”
“แต่ก็มีคนที่ชอบเก็บสะสมมีดอยากได้มีดนี้ ตัดข่าวลือเกี่ยวกับมีดออก มันถือเป็นมีดที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น หลายคนที่ไม่เชื่อในข่าวลือ ล้วนอยากลิ้มลองดาบมารมุรามาสะ”
“ถ้าคุณไม่กลัวโชคร้าย ก็ลองไปประมูลดูได้นะ”
ได้ยินฝนสุดาพูดจบ รพีพงษ์ก็พยักหน้า ด้วยความสนใจ
มีดมุรามาสะมีมาตั้งแต่ในยุคยุทธจักร มาถึงวันนี้ก็ยังคงมีข่าวลือนี้อยู่ ก็เพียงพอที่จะพูดได้แล้วว่ามันเป็นมีดดีมีดหนึ่ง
ข่าวลือเหล่านั้น รพีพงษ์ไม่เชื่อ เขารู้ดีว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์กล่าวอ้างขึ้นมาเท่านั้น นิสัยของมนุษย์คือจะแปลกใจอย่างมากกับสิ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เวลาผ่านไป ข่าวลือนี้ก็จะไม่มีที่สิ้นสุด
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราไปดูงานประมูลนี้กันเถอะ ดูว่าจะสามารถประมูลมุรามาสะนี่มาได้มั้ย” รพีพงษ์กล่าว
ฝนสุดามองรพีพงษ์อย่างโมโห กล่าว “ฉันให้ข้อมูลคุณ แต่คุณกลับไม่คิดจะให้รางวัลฉันเลย ขี้งกชะมัด”
รพีพงษ์มองพลางยิ้ม แล้วกล่าว “รอให้ได้มุรามาสะมา แล้วผมจะเล่นกับคุณ”
ฝนสุดาบึนปาก กล่าว “งานประมูลคืนนี้ไม่ง่ายนะ คุณจะประมูลชนะเค้าได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วกล่าว “ถ้าแข่งกันประมูลล่ะก็ คุณคิดว่า มีคนที่ผมแพ้ด้วยหรอ?”
ฝนสุดาเพิ่งนึกออกมารพีพงษ์คือคุณชายของเทือกเขากิสนา เงินในมือของเขา มากกว่าทรัพย์สินของตระกูลฮารุฮิทั้งหมดอีก ถ้าแข่งกันประมูล เกรงว่าไม่มีใครชนะเขาได้แน่
เห็นตัวเองทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้ ฝนสุดาก็เปลี่ยนเป็นโมโหอย่างเกรี้ยวกราด กินอาหารเช้าที่อยู่บนโต๊ะจนหมด ถือว่าเป็นการระบายความโกรธอย่างหนึ่ง
ตกดึก รพีพงษ์กับฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุไปยังสถานที่จัดงานประมูล งานประมูลครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ ผู้ที่มาล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม ทุกคนแต่งตัวดูราคาแพง อวดร่ำอวดรวยกันตลอดเวลา
รพีพงษ์แต่งตัวทางการเพื่องานประมูลครั้งนี้ หญิงสาวทั้งสองก็แต่งตัวจัดเต็มเช่นกัน ราวกับดาวประกายอย่างไรอย่างนั้น ล้อมรอบรพีพงษ์ไว้
ตอนที่รพีพงษ์ทั้งสามมาถึงงานประมูล ฮารุฮิ กันตะก็ได้รับข่าวจากลูกน้อง
“คุณชาย ข่าวล่าสุด คุณหนูและพวกสามคนไปงานประมูลของคืนนี้ สวมใส่ชุดเป็นทางการ ท่าทางน่าจะไปประมูลสิ่งของ”
ฮารุฮิ กันตะได้ยินข่าวนี้ ก็ดูแคลน แล้วพึมพำว่า “แม้ฉันจะชกต่อยแพ้มัน แต่เรื่องเงิน ฉันไม่เชื่อว่าในญี่ปุ่นนี้จะมีใครเทียบกับฉันฮารุฮะ กันตะได้”
“พวกแกอยากประมูลของไม่ใช่หรอ แต่ฉันจะไม่ให้พวกแกสมหวัง คืนนี้ ฉันจะต้องล้างแค้นให้ได้”
“กูไม่เชื่อว่าในงานประมูล กูจ่ายเงิน แล้วมึงยังจะแข่งกับกู ไอ้เด็กน้อย เดี๋ยวเจอดีแน่ กูจะให้มึงรู้ พลังของเงิน มันมีมากขนาดไหน!”