พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 84 ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 84 ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว
บทที่84 ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว
เจ้าผมทองปีนขึ้นมา คลานไปหาเสืออย่างทุลักทุเล
พวกนักเลงเหล่านั้นต่างก็ทยอยปีนขึ้นมา เห็นลูกพี่พวกเขามา ต่างก็หึกเหิมกันขึ้นมา
“ลูกพี่ ในที่สุดก็มา พวกมันอ่ะมีคนที่ฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง พวกเรารับมือไม่ไหว แต่มันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกพี่แน่นอน แค่ลูกพี่ปล่อยออกไปไม่กี่ท่ามันก็จอดละ”เจ้าผมทองเปิดปากพูด
บนหน้าของเสือยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่ ทั้งหมดโดนรพีพงษ์ซ้อมมาทั้งสิ้น ในใจเขาเองกำลังเดือดพล่านอยู่ กำลังอยากหาคนระบายอยู่พอดี พอได้ยินเจ้าผมทองพูดแบบนี้ จึงรีบถามขึ้น“มันอยู่ไหน แม่งเอ๊ย ออกมาให้กูซัดสักสองกระบวนท่า กูกำลังเซ็งพอดี”
เจ้าผมทองรีบยิ้มพูดขึ้น“ลูกพี่ไม่ต้องรีบ ที่จริงธฤตญาณมันก็ไม่ได้แน่แบบที่เราคิดหรอก แต่มันดันไปฟังคำสั่งไอ้สวะ และคนที่ฝีมือดี ก็ฟังไอ้สวะนั่นเหมือนกัน ผมว่าพวกมันก็โม้ไปงั้นแหละ พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกพี่แม้แต่น้อย”
“อย่างนั้นเหรอ”เสือเปิดปากถาม“ไอ้สวะนั่น อยู่ไหน ขอดูหน้าหน่อย”
เจ้าผมทองพาเสือไปอยู่ข้างรพีพงษ์ สำหรับเขาแล้ว ขอแค่ให้จัดการรพีพงษ์ได้ ก็เอาธฤตญาณกับไตรทศอยู่หมัด
“ลูกพี่ ไอ้สวะนั่น รพีพงษ์ มันขึ้นชื่อไปทั่วเมืองริเวอร์เลย มันที่เกาะบ้านฉัตรมงคลกินไงพี่ คนแบบนี้ลูกพี่เก็บได้ง่ายๆเลย เราไม่ต้องกลัวพวกมันนะ”
เจ้าผมทองพูด พร้อมมองไปที่รพีพงษ์อย่างลำพองใจ พูดขึ้น“ลูกพี่พวกกูมาแล้ว ถ้าพวกแกรู้ตัวดี ก็รีบมาคุกเข่าอ้อนวอน ไม่งั้นพอลูกพี่ลงมือ พวกแกจะเสียใจทีหลัง!”
เสือมองไปที่รพีพงษ์ พอเห็นสีหน้าโอหังของรพีพงษ์แล้ว ใจก็หล่นต๊อมลงไป เหงื่อ
เย็นผุดออกมาเต็มหน้าผาก
โอ๊ยจะบ้าตาย ทำไมเป็นไอ้นี่วะ!
ไตรทศกับธฤตญาณสองคนไม่รู้ว่ารพีพงษ์ได้จัดการเสือมาแล้วระหว่างทาง ต่างก็คิดว่าเสือจะลงมือจริงๆ จึงเดินขึ้นหน้าไปคนละก้าว “พี่รพี จะให้ผมลงมือไหม”ไตรทศถามเบาๆ
รพีพงษ์ส่ายหน้าแล้วยิ้ม“มันไม่กล้าลงมือหรอก”
เจ้าผมทองเห็นเสือชะงักอยู่กับที่ จึงลังเลเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า“ลูกพี่ มันก็คือไอ้สวะนั่นแหละ พี่ตะลึงอะไร คนแบบนี้ ต่อให้เป็นผมก็ซัดทีเดียวได้สองสามคน”
เสื้อของเสือชุ่มไปด้วยเหงื่อ เจ้าผมทองรนหาที่ให้เขาแท้ๆ
เขารีบหันหลัง เตะเจ้าผมทองเข้า จากนั้นจึงตบกบาล
“แม่งเอ๊ย ใครสวะวะ เขาเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราเชียวนะ แกมันกำแหงมากไปแล้วนะ กล้าต่อกรกับพี่ใหญ่ของเรา วันนี้ถ้าไม่จัดการแก ฉันจะเขียนชื่อเสือกลับหัวให้ดูเลย!”
พูดจบ เขาจึงเข้าซัดเจ้าผมทองกระหน่ำ จนพวกนักเลงหัวไม้อึ้งไปเลย
วันนี้ลูกพี่ของพวกเขาเป็นอะไร กินยาผิดมาหรือไง
ธฤตญาณกับไตรทศต่างก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสือนี่จะมาหาเรื่องพวกเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปซัดลูกน้องตัวเองล่ะ
ทั้งสองคนต่างหันไปมองรพีพงษ์ ในใจยิ่งรู้สึกเลื่อมใสรพีพงษ์
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ หรือว่าเขามีความสามารถในการควบคุมผู้คนด้วย นี่ถึงกับ
ควบคุมเสือไว้ได้เชียวนะ
เวลาไม่นาน เสือจึงซัดเจ้าผมทองเสียหมอบ มือของเสือเองก็บวมขึ้น
“เมื่อเขาคิดว่าซ้อมพอประมาณแล้ว จึงปล่อยเจ้าผมทองออก หันไปเออออห่อหมกกับรพีพงษ์ “พี่ใหญ่ ลูกน้องผมมันไม่ได้ความ ไปกระทบพี่เข้าให้แล้ว ผมสั่งสอนมันแทนพี่แล้วนะ หวังว่าผู้ใหญ่ใจกว้างแบบพี่คงอภัย อย่าไปถือสาหาความ”
รพีพงษ์เปิดปากถามขึ้น“ได้ยินว่าแกจะมาหาเรื่องธฤตญาณ”
เสือหน้าเปลี่ยนสี รีบพูดขึ้น“ที่ไหนกัน ผมเองก็ได้ยินชื่อพี่ธฤตญาณมานาน เลยรีบมาคาราวะสักหน่อย จะกล้ามาหาเรื่องได้ไงกัน”
“อ๋องั้นเหรอ แกพาคนมาคาราวะเยอะแยะเชียว ดูไม่เหมือนนะ”รพีพงษ์เปิดปากพูด
แววตาของเสือลอกแลก เขายิ้มให้รพีพงษ์อย่างกระอักกระอ่วน พูดขึ้น“พี่ใหญ่ ที่จริงพวกเขามาเอาของกำนัลมาให้ ของกำนัลมีมาก คนเดียวเอามาส่งไม่ไหว เลยต้องมาโขยงใหญ่”
“แต่ผมยังไม่ได้ซื้อของกำนัล เจ้าผมทองก็เรียกมาซะก่อน เลยเกิดการเข้าใจผิด แต่ว่าพี่ใหญ่สบายใจได้ ผมจะกลับไปเอาของกำนัลมาให้ รับรองว่าพี่ใหญ่ต้องถูกใจ”
รพีพงษ์ยิ้ม เปิดปากพูด“แบบนั้นดีที่สุด ฉันจะรอของกำนัลแกนะ เรื่องวันนี้ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปถ้าคิดจะมาหาเรื่องที่นี่ คิดให้ดีก่อน”
เสือรีบพยักหน้าทันที พูดขึ้น“พี่ใหญ่สบายใจได้ ชาตินี้ทั้งชาติผมไม่กล้ามาหาเรื่องพี่หรอก ผมจะรีบกลับไปเตรียมของกำนัลเดี๋ยวนี้แหละนะ”
พูดจบ เสือจึงนำพากลุ่มคนออกไปจากสตาร์กายอย่างทุลักทุเล
เจ้าผมทองสีหน้าลำบากใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เขาคิดไม่ถึง ว่าพอลูกพี่มาแล้ว ไม่
เพียงแต่ไมแก้แค้นแทน แต่ยังซ้อมเขาอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่ซวยที่สุดในชีวิต
เห็นเสือพาคนไป ธฤตญาณกับไตรทศจึงยิ้มให้รพีพงษ์ ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
รพีพงษ์อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ทั้งสองคนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที ว่ามำไมเสือถึงได้กลัวรพีพงษ์ขนาดนี้
ทั้งสามคนเดินกลับเข้าไปในสตาร์กาย เจ้าอ้วนรีบวิ่งออกมา ถามขึ้นอย่างสงสัย“คนพวกนั้น……จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ”
ไตรทศกับธฤตญาณกลอกตาขาว ไตรทศพูดขึ้น“บอกตามตรงนะ ความกล้าของนายน่ะ เล็กกว่าลูกหนูตัวหนึ่งเสียอีก แค่นักเลงไม่กี่คนยังกลัวได้ขนาดนี้”
“เมื่อกี้ฉันท้องเสียต่างหาก ไม่งั้น รับประกันว่านักเลงพวกนั้นต้องวิ่งฉี่ราดกลับไป!”เจ้าอ้วนตบอกพูด
“อย่างนั้นเหรอ วันนี้ซ่อมห้องน้ำ ไม่แล้วเหรอ หรือว่านายขี้ราดล่ะ”ธฤตญาณหัวเราะ
เจ้าอ้วนชะงักทำสีหน้ากระอักกระอ่วน
“พอแล้ว พูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า เงินที่นายต้องการน่ะ ฉันออกเอง พี่ธฤตไปธนาคารกับผมหน่อย”รพีพงษ์เปิดปากพูด
ทั้งสามคนหันหน้ามองรพีพงษ์ พร้อมกับสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ
“พี่เขาใจผิดอะไรกับเงินทุนที่พวกเราต้องการหรือเปล่า เราต้องการร้อยล้านนะ”เจ้าอ้วนเปิดปากพูด
“พี่รพี ตอนแรกพี่บอกเองว่า เราจะไม่ทำเรื่องที่ขัดกับกฏหมาย ร้อยล้านมากไป ไม่ได้เอามาง่ายๆนะ”ไตรทศเปิดปากพูด
ไตรทศไม่รู้ว่ารพีพงษ์ยังมีซันบับเบิล เลยไม่รู้ถึงแหล่งที่มาของเงินทุนรพีพงษ์อย่างชัดเจนนัก
ธฤตญาณถอนหายใจ พูดขึ้น“เงินพวกนี้ ผมลองหาวิธีดูแล้วกัน ไม่มีปีมานี้พี่อยู่ในบ้านฉัตรมงคลตลอด ค่อนข้างลำบาก จะไปเอาร้อยล้านมาจากไหน เรื่องนี้พี่ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
รพีพงษ์หุบยิ้มทันที คิดไม่ถึงว่าทั้งสามคนจะไม่เชื่อใจเขาขนาดนี้
“ฉันจะมีหรือไม่มีเงินมากขนาดนี้ นายก็ไปธนาคารกับฉันสักรอบหน่อยแล้วกัน”รพีพงษ์ยิ้ม
ธฤตญาณเห็นรพีพงษ์ไม่เหมือนโกหก ก็เอะใจขึ้น
“เอาเถอะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะไปธนาคารด้วยแล้วกัน”ธฤตญาณพูด
ทั้งคู่เดินออกมาจากสตาร์กาย เรียกรถไปธนาคาร
ระหว่างทางรพีพงษ์อดถามไม่ได้หลายๆครั้ง ว่าเขามีเงินเยอะขนาดนี้จริงหรือ
รพีพงษ์รำคาญธฤตญาณ จึงบอกเขาว่ามีทรัพย์สมบัติเป็นร้อยล้าน ไม่ต้องถามแล้ว
แน่นอนว่าธฤตญาณย่อมไม่เชื่อ แต่ในเมื่อรพีพงษ์บอกว่าสามารถให้ร้อยล้านกับเขา ก็
อาจจะควักออกมาได้จริงๆก็ได้ แต่ว่าก็จะน่าจะมากที่สุดของรพีพงษ์แล้วล่ะ
คิดมาถึงตรงนี้ ธฤตญาณก็รู้สึกขอบคุณขึ้นมา คนอะไรวะ จู่ๆมาแจกเงินได้เป็นร้อยล้าน
จากนั้นเขาไม่รู้ ว่ารพีพงษ์ไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย ร้อยล้านสำหรับเขา ไม่นับว่าเป็นอะไร จริงๆ
ไม่นานนัก ทั้งคู่มาถึงธนาคาร เป็นเพราะเรื่องของเสือทำให้เสียเวลา ตอนนี้ธนาคารก็ใกล้จะปิดแล้ว
รพีพงษ์กับธฤตญาณเดินเข้าไปในธนาคาร ข้างในคนไม่มาก ผู้จัดการกำลังยืนพิงขี้เกียจอยู่ที่เคาน์เตอร์ และกำลังเล่นโทรศัพท์
รพีพงษ์เดินไปข้างๆผู้จัดการ พูดขึ้น“สวัสดีครับ ผมอยากโอนเงิน”
“ผู้จัดการเงยหน้ามองรพีพงษ์กับธฤตญาณ เห็นทั้งคู่แต่งกายซอมซ่อ น่าจะไม่มีเงิน จึงพูดว่า “ไปกดที่ตู้ATMเองสิ”
“เงินที่โอนจำนวนค่อนข้างมาก ATMโอนไม่ได้หรอก”รพีพงษ์พูด
คิดไม่ถึงว่าพนักงานจะแย่ขนาดนี้ จึงขมวดคิ้ว
ผู้จัดการธนาคารเบ้ปาก ไม่แม้แต่จะเงยหน้า พูดออกไปตรงๆว่า“พวกเราใกล้เลิกงานแล้วล่ะ ไปกดที่ตู้ATMเองแล้วกัน หรือไม่พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ”
“ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน แค่โอนเงิน น่าจะไม่ลำบากนะ”รพีพงษ์เปิดปากพูด
ผู้จัดการธนาคารเหลืออด เก็บโทรศัพท์มือถือ จ้องรพีพงษ์แล้วพูดว่า“คุณนี่ฟังไม่เข้าใจหรือไงนะ ไปโอนที่ตู้เอง ใช้เวลาไม่มากหรอก”
“จำนวนที่ผมจะโอนเยอะ ตู้ATMโอนไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจหรือไง”รพีพงษ์พูด
ธฤตญาณที่อยู่ข้างๆทนดูไม่ได้ต่อไป จึงพูดขึ้น“หรือไม่พรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่”
ในใจรพีพงษ์เดือดดาล เปิดปากพูด“ตอนนี้ยังมีเวลาอีกเยอะ ทำไมต้องรอพรุ่งนี้ด้วย วันนี้จะต้องโอนให้เรียบร้อย”
“อย่างคุณจะโอนสักเท่าไหร่เชียว ตู้ATMก็พอแล้ว อย่ามาเสียเวลาตรงนี้เลย”ผู้จัดการธนาคารพูด
ตอนนี้เองมีวัยรุ่นที่แต่งตัวเนี๊ยบเข้ามา ใส่แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยังสวมนาฬิ
กาแสนแพงอีกด้วย ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีเงิน
พอคนนั้นเข้ามา ผู้จัดการธนาคารจึงยิ้มรับ พูดขึ้นว่า“คุณวรดร มาอย่างไรครับ จะมาทำธุรกรรมอะไรหรือครับ”
“มาโอนเงินนิดหน่อย ช่วยเป็นธุระให้ด้วย”วัยรุ่นเปิดปากพูด
“ไม่มีปัญหาครับ เชิญตามผมมา ผมให้พวกเขาจัดการให้”ผู้จัดการธนาคารพาคุณวรดรเข้าไปด้านใน
รพีพงษ์เห็นสถานการณ์เข้า จึงพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้บอกว่าเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงทำให้เขาได้ ทำให้ผมไม่ได้”
ผู้จัดการธนาคารส่ายหน้ามองรพีพงษ์ พูดออกไปอย่างไม่เกรงใจ“คุณวรดรเป็นใคร แล้วคุณเป็นใคร เทียบกันได้เหรอ รีบไปเถอะ อย่ามาขัดขวางการทำงาน”