พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 832 หนี
บทที่832 หนี
หลังจากที่ช่วยอุเอสึงิ ฮารุซื้อชุดแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ได้ซื้อชุดที่เหมาะสมกับตัวเองหนึ่งชุด แล้วไปตัดผมที่ตนเองไม่ตัดมานานแล้ว
เปลี่ยนชุด รพีพงษ์ผู้ที่ได้จัดแต่งทรงผมของตัวเองเสร็จแล้วนั้นก็ถือเป็นหนุ่มหล่อ ตอนแรกที่จัดงานแต่งที่ปราสาทคริสตัลกับอารียา รพีพงษ์คู่ควรกับอารียา อย่างเหลือหลาย
แม้แต่อุเอสึงิ ฮารุที่เห็นภาพลักษณ์ของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ส่งเสียงตกใจออกมา แล้วชมว่า “คุณชาย คุณหล่อมาก”
หลังจากที่จัดการกับภาพลักษณ์ของตนเองเสร็จแล้วนั้น รพีพงษ์ได้พาอุเอสึงิไปโรงแรมหนึ่งที่มีชื่อเสียงของเมืองโตเกียว โรงแรมซากุระ จองห้องชุด สองนอนหนึ่งห้องรับแขก
ที่ไม่แยกจากอุเอสึงิ ฮารุนั้น เป็นเพราะที่นี่คือประเทศญี่ปุ่น หมายถึงที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลอุเอสึงิ ถ้าอุเอสึงิ ฮารุแสดงตัวตนออกมา อาจถูกคนของตระกูลอุเอสึงิเจอได้ ถ้าคนของตระกูลอุเอสึงิจะลงมือต่ออุเอสึงิ ฮารุล่ะก็ ต้องประชิดตัว แบบนี้รพีพงษ์ก็สามารถไหวตัวทันได้
หลังจากที่จองที่พักเสร็จแล้วนั้น รพีพงษ์ก็พาอุเอสึงิ ฮารุออกจากโรงแรม มุ่งตรงไปยังร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต เขาได้ติดต่อกับผู้รับผิดชอบเขตประเทศญี่ปุ่นของเทือกเขากิสนาแล้ว นัดเจอกันที่ร้านกาแฟนั้น
ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์ของตระกูลฮารุฮิ
เพื่อป้องกันการหนีของฝนสุดา ฮารุฮิ สินได้จัดบอดี้การ์ดจำนวนมากอยู่ใกล้ๆคฤหาสน์ ดูเหมือนเพื่อป้องกันการหลบหนีของฝนสุดา แต่ความจริงแล้วเพื่อให้ฝนสุดาอยู่ในคฤหาสน์ไม่ไปไหน
ขณะนี้ฝนสุดากำลังอยู่ในห้อง ฝนสุดากำลังยืนอยู่ข้างๆหน้าต่าง ดูไปที่ประตูหลังของคฤหาสน์ ที่นั่นมีการ์ดอยู่สองคนกำลังลาดตระเวนอยู่ สังเกตการณ์รอบๆตลอดเวลา
ผ่านไปไม่นาน คนหนึ่งได้ห่อผ้าโพกหัวไว้ เป็นหญิงที่แปลกๆเดินไปยังประตูหลัง การ์ดทั้งสองคนสังเกตเห็นเธอในทันใด แล้วได้ตะโกนเรียกเธอ
หญิงคนนั้นไม่สนใจการ์ดทั้งสอง หลังจากที่หยิบก้อนหินจากพื้นแล้วนั้น ก็ขว้างไปที่หัวของพวกเขาทั้งสอง
การ์ดทั้งสองคนด่าออกมา ไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้ามาหาเรื่องตระกูลฮารุฮิ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว พวกเขาทั้งสองรีบพุ่งไปที่คนนั้น
หญิงคนนั้นเห็นดังนี้ ก็หันหลังวิ่ง โดยไม่ลังเล
ฝนสุดาเห็นเหตุการณ์ ก็รีบปล่อยผ้าที่มัดติดกับเตียงไว้แล้วลงไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็ไหลลงตามไป ปีนลงจนถึงพื้น
“เลน่า ครั้งนี้ทำเธอน้อยใจแล้ว อนาคตถ้ามีโอกาส ฉันจะชดเชยให้นะ” ฝนสุดาพูดกับตัวเอง
หญิงคนเมื่อกี๊ที่ท้าทายการ์ดทั้งสอง ก็คือสาวใช้ที่แสร้งทำเป็นไปซื้อเค้กให้กับฝนสุดา
สังเกตดูรอบๆอย่างละเอียด หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ฝนสุดาก็รีบวิ่งไปที่ประตูนั้น หลังจากที่เปิดประตูออกแล้ว ก็มองทั้งสองข้าง จากนั้นก็วิ่งไปทางที่การ์ดไม่ได้ไป
วิ่งไปจนถึงอีกซอย หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนตามตนมา ฝนสุดาก็ได้หยุดพักหายใจ
“สุดท้ายก็หนีออกมาได้เสียที พวกแกจะให้ฉันเป็นนางบำเรอของตระกูลอุเอสึงิ ฉันไม่ทำแล้วจะทำไม เดี๋ยวหาไม่เจอ ดูสิว่าพวกแกจะทำไง!” ฝนสุดาระบายอารมณ์ออกมา
จากนั้นเธอก็เกินไปเดินไปอีกทางของซอย
เพราะได้คุยเรื่องงานแต่งกับตระกูลอุเอสึงิไว้แล้ว ฮารุฮิ สินกลัวฝนสุดาจะหนี ดังนั้นจึงจำกัดขอบเขตการออกนอกประเทศของฝนสุดา ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนั่งเครื่องนั่งไฟหรือเรือโดยสาร ฝนสุดาก็ไม่มีทางใช้บริการได้
ดังนั้นถึงแม้เธอจะหนีจากคฤหาสน์ออกมาได้ แต่ก็ทำได้เพียงหลบอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
คิดไปคิดมา ฝนสุดาได้หยิบบัตรวีไอพีของโรงแรมซากุระขึ้นมา แล้วพึมพำว่า “หาที่พักก่อนแล้วกัน ถ้าถูกจำได้ ฉันยอมตาย จะให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางเป็นนางบำเรอของตระกูลอุเอสึงิแน่นอน”
พูดจบ เธอก็เดินไปโรงแรมซากุระ
……
ณ ร้านกาแฟ
รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองนั่งอยู่ด้านหน้า ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่คือชายวัยกลางคนที่ดูๆไปแล้วมีความสามารถ ใส่แว่นตา
มีชื่อว่าฮัตโตริ ทาคุยะ เป็นผู้รับผิดชอบของเทือกเขากิสนาในเขตประเทศญี่ปุ่น และเป็นชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิด
เพราะเนื้อที่ของประเทศญี่ปุ่นไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นเศรษฐกิจและศูนย์กลางของประเทศจึงควบคุมได้ง่าย ดังนั้นเทือกเขากิสนาที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่สามารถเป็นหนึ่งได้
ทั้งประเทศญี่ปุ่น ถูกตระกูลอุเอสึงิ ตระกูลฮารุฮิตระกูลแบบนี้ควบคุมอยู่ เทือกเขากิสนาในฐานะคนต่างแดน หลายปีมานี้จึงทำได้เพียงเป็นหน่วยข่าวกรอง แต่เรื่องอำนาจ ไม่ได้แผ่ขยายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ดังนั้นผู้รับผิดชอบเทือกเขากิสนาที่ชื่อฮัตโตริ ทาคุยะนี้ ทำได้เพียงให้ข่าวกรองบางอย่างเท่านั้น ที่เหลือ รพีพงษ์ทำได้เพียงพึ่งตัวเองเท่านั้น
“ช่วงนี้คนที่ตระกูลอุเอสึงิกระจายออกไปนั้นได้ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและโรงพยาบาลเพื่อหาเด็กกำพร้า ด้วยเหตุผลอะไรนั้นไม่มีใครรู้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา รพีพงษ์ก็สงสัย แล้วกล่าว “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“เมื่อประมาณสามวันที่แล้ว เหมือนกับว่าตระกูลอุเอสึงิจะหาเด็กได้ครบแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงได้หยุดการกระทำนี้” ฮัตโตริ อาคุยะกล่าว
รพีพงษ์หันไปมองอุเอสึงิ ฮารุ อุเอสึงิ ฮารุหนักใจ แล้วกล่าว “นายใหญ่เป็นคนที่ทำงานรวดเร็วและเฉียบขาด เขาไม่มีทางถ่วงเวลา ถ้าเด็กพวกนี้อยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิแล้วล่ะก็ งั้นพวกเขาก็โชคร้ายแล้ว”
รพีพงษ์ด่าในใจ ไม่คาดคิดว่านายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิหาเด็กจีนไม่ได้ ก็ลงมือกับเด้กของประเทศตัวเองเสียอย่างนั้น ใจร้ายจริงๆ
“นายใหญ่ท่านนี้ของตระกูลอุเอสึงิกำลังเตรียมเลื่อนขั้นแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราต้องรีบไปให้ถึงตระกูลอุเอสึงิ ขัดขวางการเลื่อนขั้นของเขา” รพีพงษ์กล่าว
อุเอสึงิ ฮารุพยักหน้า กล่าว “น่าจะยัง ตอนนั้นฉันได้ยินมาว่าการเลื่อนขั้นนี้จะถูกจัดขึ้นหลังจากงานแต่ง ได้ยินมาว่าหลังจากที่เลื่อนขั้นแล้ว นายใหญ่จะต้องมีอะไรกับเจ้าสาว ถึงจะถือว่าเสร็จสิ้นพิธี”
“แล้วตระกูลอุเอสึงิถ้ำเสือบึงมังกรไม่เคยพรั่น แม้ตอนนี้ฝีมือของคุณชายจะร้ายกาจ แต่ถ้าเป็นตระกูลอุเอสึงิแบบนี้ จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเอา ไม่แน่อาจทำให้นายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิอาจหลบซ่อนได้ ถึงเวลานั้นถ้าจะหาเค้าให้เจอ ก็เกรงว่าจะยากแล้ว”
ฮัตโตริ ทาคุยะได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุ ก็รีบพยักหน้าทันที กล่าว “ไม่เลว ช่วงนี้ตระกูลอุเอสึงิกำลังจัดเตรียมงานแต่งอยู่พอดี แล้ววันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย”
รพีพงษ์นิ่งเงียบ แล้วถาม “เจ้าสาวของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิคือใคร?”
“คุณน้องใหญ่ของตระกูลฮารุฮิ ฝนสุดา” ฮัตโตริ ทาคุยะตอบ
ได้ยินชื่อนี้ รพีพงษ์ก็มึนงง ในสมอง กำลังปรากฏภาพที่คุ้นเคย