พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 617 เธอคิดเลยเถิดกับผม
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 617 เธอคิดเลยเถิดกับผม
บทที่ 617 เธอคิดเลยเถิดกับผม
ที่บ้านของณัท
อารียากับรพีพงษ์อยู่ในห้อง
อารียาจ้องรพีพงษ์เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับดวงตาแววใสกำลังจะจ้องทะลุไปในตัวของรพีพงษ์อย่างไรอย่างนั้น
รพีพงษ์ถูกจ้องจนทำอะไรไม่ถูก เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “หน้าผมมีอะไรหรือเปล่า”
“มันผิดปกติ มันผิดปกติ วันนี้นายดูผิดปกติมาก นายมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
อารียาพูดกับรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
รพีพงษ์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามว่า “ผิดปกติตรงไหน”
“หลังจากเราไปเจอฝนสุดา ท่าทางของนายก็แปลกไป อย่างเช่น ตอนที่สุดาชวนเราไปนอนที่โรงแรม ทำไมนายต้องปฏิเสธเธอตรงขนาดนั้น” อารียามองรพีพงษ์เหมือนกำลังไต่สวนคนผิด
รพีพงษ์ยักไหล่แล้วพูดว่า “เราก็มีที่พักนิ ทำไมต้องไปพักกับเธอล่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้อาใฝ่ธรรมจะทำอะไรอร่อยๆ ให้เราทานไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไปพักข้างนอก อาจจะกลับมาไม่ทันก็ได้”
“ข้ออ้าง ฟังก็รู้ว่านายกำลังพูดอ้าง หึ รพีพงษ์นายไม่รักฉันแล้วใช่ไหม” อารียาแบะปากด้วยสีหน้าน้อยใจ
รพีพงษ์มองเธออย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “นี่ที่รัก ผมจะไม่รักคุณได้ยังไง ผมอยากทานอาหารที่อาใฝ่ธรรมจะเตรียมให้พรุ่งนี้จริงๆ เลยกลับมานอนที่นี่”
อารียาย่นปากยู่ เธอเอามือเท้าเอว แล้วพูดอย่างยโสว่า “ฉันไม่เชื่อ นายอย่ามาดูถูกสัญชาตญาณของผู้หญิงนะ ฉันว่านายต้องมีอะไร มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
รพีพงษ์เห็นท่าทีของอารียา เขาเห็นด้วยกับคำพูดของอารียา เพราะว่าระหว่างเขากับฝนสุดามีอะไรจริงๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่อารียาคิด
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าหลังจากที่อารียาท้อง เธอยิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าคนท้องเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า
“โอเคๆ งั้นผมไม่ปิดบังคุณแล้ว การที่ผมไม่อยากไปก็เพราะว่าเพื่อนแสนรวยของคุณ เหมือนจะคิดเลยเถิดกับผม” รพีพงษ์พูดขึ้น
ตอนแรกอารียาอยากตั้งใจฟังว่ารพีพงษ์เป็นอะไรกันแน่ แต่หลังจากที่ฟังเขาพูดจบ อารียาก็เบิกตาโพลง
จากนั้นเธอก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากรพีพงษ์ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “รพีพงษ์ นายมีไข้หรือเปล่า”
รพีพงษ์กลอกตามองบนใส่อารียา จากนั้นจึงพูดว่า “ผมพูดจริง คุณไม่เห็นสายตาที่เพื่อนแสนรวยของคุณมองผมเหรอ มันผิดปกตินะ ผมจะบอกให้ว่าบางครั้งสัญชาตญาณของผู้ชายก็แม่นมากนะ”
อารียาแลบลิ้นใส่รพีพงษ์ หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์แปลกไปเพราะเรื่องนี้ ความสงสัยในใจเธอก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว เธอพูดกับเขาว่า “หลงตัวเองเกินไปแล้ว ฉันว่านายนั่นแหละที่คิดเลยเถิดกับเธอ”
“จริงๆ นะ อยากบอกนะว่าคุณดูไม่ออก ไม่งั้นเธอจะให้ผมไปท้าคุณชายบริวัตรทำไมล่ะ นี่มันก็ตอบคำถามได้แล้ว” รพีพงษ์พูดอย่างจริงจัง
“เธอออกจะสวยราวกับนางฟ้าขนาดนั้น จะไปชอบนายได้ยังไง อีกอย่างนายก็มีภรรยาแล้ว อย่าบอกนะว่าเธอจะแย่งนายไปจากฉัน” อารียาเอนตัวลงบนเตียง
รพีพงษ์แอบพยักหน้าในใจ เขาคิดในใจว่าเธอคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“พอแล้ว รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องช่วยอาใฝ่ธรรมกับป้าภัคทีมาทำอาหารอีก” อารียาพูดขึ้น
“เดี๋ยวสิ ผมยังมีเรื่องที่อยากให้เพื่อนแสนรวยของคุณช่วย” รพีพงษเอ่ยขึ้น
“ช่วยอะไร” อารียาเอ่ยถาม
“วันนี้ผมเอาชนะคุณชายบริวัตรได้ แถมยังทำให้เขาต่อหน้าคนจำนวนมาก จากนิสัยของคุณชายนั่นแล้ว คงจะไม่ยอมวางมือแน่นอน ผมกลัวว่าเขาจะแก้แค้น และทำให้ครอบครัวของอาใฝ่ธรรมติดร่างแหไปด้วย มันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ดังนั้นผมว่าควรจะสะสางเรื่องนี้ให้จบๆ ไปเลยจะดีกว่า” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
อารียาพยักหน้า เรื่องพวกนี้อารียาเชื่อใจรพีพงษ์มาก
“งั้นฉันเอาเบอร์มือถือของเธอให้นาย พรุ่งนี้นายโทรหาเธอ อยากให้เธอพูดอะไรนายก็บอกเธอเองแล้วกัน แต่นายห้ามคิดอะไรเลยเถิดนะได้ยินหรือยัง!” อารียาพูดแล้วจ้องรพีพงษ์เขม็ง
“รับทราบ! ภรรยาของผมตั้งท้องอยู่อย่างนี้ ผมจะไปมีใจให้คนอื่นได้ยังไง พรุ่งนี้คุณกับอาใฝ่ธรรมทำอาหารรอผมกลับมา พอทานข้าวเสร็จ พวกเราก็ควรจะกลับบ้านกันได้แล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
อารียาพยักหน้า แล้วขยับตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของรพีพงษ์ จากนั้นจึงค่อยๆ ผล็อยหลับไป
……
หน้าผาแห่งหนึ่งบนเกาะพระจันทร์
ร่างสูงยืนอยู่ริมขอบหน้าผา คลื่นซัดกระหน่ำ แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนตัวของเขา ทำให้เขารังสีแห่งความลึกลับแผ่ออกมาจากตัวเขา
ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีอีกคนปรากฏตัวขึ้นที่บนหน้าผา เขาโค้งตัวแล้วพูดว่า “คุณชาย เราหาเจอแล้วครับ ตอนนี้รพีพงษ์พักอยู่ในบ้านของคนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ เขามาเที่ยวที่นี่จริงๆ ครับ”
“หึ ประวัติของไอ้หมอนี่มันช่างสืบยากจริงๆ ฉันสืบประวัติของมันตั้งแต่เกียวโตจนมาถึงเมืองริเวอร์ ตอนนี้มันมาถึงที่นี่ ถ้าให้มันตายอย่างสบายๆ ก็คงจะเป็นไม่คุ้มกับการที่คนอย่างอนันยชเดินทางมา” ร่างสูงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“คุณชายครับ จริงๆ คุณชายใช้โอกาสตอนที่รพีพงษ์ไม่อยู่ที่เกียวโต ลงมือกับตระกูลลัดดาวัลย์ได้นะครับ พอมันกลับไปที่เกียวโต ก็จะเห็นตระกูลของมันย่อยยับไปแล้ว คิดแล้วน่าสนุกดีนะครับ” คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอนันยชเอ่ยขึ้น
“เหอะ เหอะ ก็แค่ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าสู้กันทางธุรกิจ มันก็แค่เรื่องเด็กเล่นสำหรับฉัน ถ้านายมาอยู่ในจุดๆ เดียวกับฉันในตอนนี้ นายจะรู้ว่าบนโลกนี้สิ่งที่ทำให้คนลุ่มหลงที่สุดก็คือพละกำลัง”
“การที่ตระกูลลัดดาวัลย์ยังยืนหยัดอยู่ได้ก็เพราะพึ่งพารพีพงษ์ เพราะฉะนั้นฉันต้องฆ่ามัน เรื่องทุกอย่างก็จะสะสางเอง” อนันยชพูดอย่างราบเรียบ
“คุณชายฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก!” คนนั้นพูดอย่างเยินยอ “งั้นคุณชายจะลงมือกับมันตอนไหนเหรอครับ”
“คืนพรุ่งนี้ ให้มันได้มีชีวิตอยู่อีกสักวัน หลังจากพรุ่งนี้ไปมันก็จะได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้วล่ะ”
……
เช้าวันต่อมา รพีพงษ์โทรหาฝนสุดาและพูดเป้าหมายของตัวเอง ให้ฝนสุดาสั่งคนไปสืบข่าวจากนายใหญ่ตระกูลเชาวกรกุล รพีพงษ์มาถึงบนเกาะพระจันทร์ เขาจะไปที่ตระกูลเชาวกรกุลในคืนนี้
เหตุที่เขาไปหาฝนสุดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่มีลูกน้องที่อยู่บนเกาะพระจันทร์ ถ้าเขาไปตัวคนเดียว มันจะเป็นการเสียเปรียบอย่างมาก
ฝนสุดาเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลก้องวณิชกุล การที่ออกมาเที่ยวข้างนอก เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครตามคุ้มกันเธอ เพราะฉะนั้นให้ฝนสุดาไปทำเรื่องนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
ฝนสุดาก็รู้ดีว่ารพีพงษ์จะใช้ฐานะข่มขู่ตระกูลเชาวกรกุล เธอจีงรีบให้คนไปส่งข่าว
เมื่อนายใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุลรู้ข่าว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยง แม้ว่าไม่กี่ปีมานี้ตระกูลของเขาจะพัฒนาได้ดี แต่ถ้าเทียบกับตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ตระกูลของเขายังห่างชั้นไม่น้อย นายใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุลที่ให้ความสำคัญกับคนระดับนี้ ต้องเตรียมการต้อนรับอย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
ในขณะนี้นายใหญ่ของตระกูล ยังไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองกำลังวางแผนจัดการกับนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์
ช่วงบ่ายรพีพงษ์พูดกับอารียาสองสามประโยค จากนั้นเขาก็ออกจากบ้าน เขาบอกว่าเมื่อจัดการปัญหาเสร็จจะกลับมาทานข้าวกับเธอ
เพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก รพีพงษ์จึงไม่ให้อารียาตามไปด้วย
รพีพงษ์ถามณัทเรื่องที่อยู่ของบ้านตระกูลเชาวกรกุล เขาตรงไปที่นั่นทันที
เมื่อถึงทางเข้า รพีพงษ์รู้สึกว่าเหมือนมีใครรอเขาอยู่ตรงหัวเลี้ยว เขาเตรียมการอยู่ในใจ เขาหยุดตอนที่กำลังจะเลี้ยว
ขณะนั้นเองมีผู้หญิงหน้าตาสะสวย เธอสวมชุดเดรสสีชมพูและที่คาดผมดอกไม้ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา เธอก็คือฝนสุดานั่นเอง
“หึหึ ตกใจหรือเปล่า” ฝนสุดายิ้มแล้วพูดขึ้น
รพีพงษ์ปรายตามองเธออย่างเหนื่อยใจ “คุณมาทำอะไรตรงนี้”
“จะไปตระกูลเชาวกรกุลกับนายไง” ฝนสุดาพูดแล้วกะพริบตาปริบๆ
“ผมไปคนเดียวก็พอแล้ว คุณไม่ต้องตามไปหรอก” รพีพงษ์พูดจบ ก็เดินต่อไป
“ไม่ได้สิ ฉันเป็นคนพูดกับคนในตระกูลเชาวกรกุล ว่านายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์กับภรรยาจะแวะไปเยี่ยม นายจะไปคนเดียวได้ยังไง” ฝนสุดารีบเดินตามรพีพงษ์ อีกทั้งยังเอามือควงแขนเขาไว้อีกด้วย
รพีพงษ์รีบสลัดแขนออก เขาจ้องฝนสุดาแล้วพูดว่า “ภรรยาอะไรกัน ภรรยาของผมคือารียา คุณทำแบบนี้ผมก็ไม่ไปกับคุณหรอก”
จู่ๆ ฝนสุดาก็น้ำตาคลอเบ้า เธอมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าน้อยใจ “ฉันผิดไปแล้ว ถ้านายไม่ชอบ ฉันจะไปล้อเล่นแบบนี้อีก ทำไมต้องดุกันขนาดนี้ด้วย”
รพีพงษ์ปวดหัวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขาไม่สามารถรับมือได้เลยก็คือความออดอ้อนของผู้หญิง
“เห็นแก่การที่คุณช่วยผมส่งข่าว ผมให้คุณตามไปด้วยก็ได้ แต่ถ้าคุณพูดอะไรไร้สาระ อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้าคุณ” รพีพงษ์จ้องฝนสุดาแล้วพูดขึ้น
สีหน้าน้อยใจแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที เธอรีบก้าวตามรพีพงษ์ไป
“รู้แล้วๆ ฉันไม่พูด แต่ถ้าคนอื่นพูด นายอย่าว่าฉันก็แล้วกัน เพราะฉันบอกว่ารพีพงษ์กับภรรยาจะแวะไปเยี่ยม”