พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 61 ในสายตาของฉันมีแต่เธอ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 61 ในสายตาของฉันมีแต่เธอ
บทที่ 61 ในสายตาของฉันมีแต่เธอ
ปฏิกิริยาแรกของอารียาเมื่อได้เห็นท่าทีของบุษบากร ก็คือบุษบากรอยากจะแย่งผู้ชายของเธอ
และยังเป็นตอนที่รพีพงษ์เพิ่งร้องเพลงให้อารียาอย่างลึกซึ้ง เธอยังอยู่ในภาวะถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้งกับรพีพงษ์ ในเวลานี้ เพื่อนสนิทของตัวเอง บอกว่าจะอยู่ตามลำพังกับรพีพงษ์สักพัก ต่อให้เป็นใคร ก็คงต้องคิดลึกเหมือนกัน
“ทำไมต้องอยู่ตามลำพังสักพัก? มีเรื่องอะไรพูดที่นี่ไม่ได้หรือไง? อารียาถามอย่างระมัดระวัง
“อารี เธออย่าเข้าใจผิด ฉันไม่มีความคิดอื่น ฉันแค่มีคำถามที่จะถามเขานิดหน่อยเท่านั้น” บุษบากรรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
อารียาสีหน้าประหลาดใจ เธอพบว่าหลังจากที่รพีพงษ์ร้องเพลงจบ ท่าทีของบุษบาเปลี่ยนไปอย่างมาก
ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ บุษบากรจะต้องบอกว่ารพีพงษ์ไม่เข้าตาเธออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าให้อารียาอย่าคิดมาก
“อารี คุณยังมีอะไรต้องกังวลอีก ด้วยสายตาของบุษ แล้วจะยังไงสัก ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชื่นชอบรพีพงษ์หรอก หรือว่าเธอจะกลัวว่านายไร้ค่าคนนี้ จะจีบบุษไปได้”
“ใช่เลย แม้ว่ารพีพงษ์จะร้องเพลงได้ไม่เลว แต่ชื่อเสียงของเขานั้น ทุกคนก็รู้ดี โดยเฉพาะบุษ คนที่ดูถูกที่สุด น่าจะเป็นรพีพงษ์แล้วมั้ง”
“ฮ่าๆ อารี ฉันคิดว่าคุณคิดมากเกินไปจริงๆ บุษจะยังไงก็แล้วแต่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปชอบรพีพงษ์คนเศษสวะอย่างนั้น ตอนนี้ในสายตาเธอ เห็นแต่เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอเท่านั้น”
……
ฟังคำพูดของผู้คนรอบข้าง ความอับอายบนใบหน้าของบุษบากรอาจหยดลงมาเป็นน้ำได้ ถ้ารู้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ เธอก็จะไม่ปฏิบัติกับรพีพงษ์แบบนั้นแล้ว
แม้ว่าคนเหล่านี้จะพูดแทนเธอในตอนนี้ แต่เธอก็รู้สึกเสมอว่า คำพูดเหล่านี้กำลังตบหน้าเธออยู่
โดยเฉพาะหลังจากโดนรพีพงษ์ได้ยินแล้ว ก็จะไม่เกิดความประทับใจกับเธออีกแน่นอน
“งั้น……งั้นก็ได้ รพีพงษ์ นายไปกับบุษหน่อยสิ” อารียาพูดอย่างไม่เต็มใจนัก
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียาอ่อนๆ พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล ในสายตาของฉัน มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนั้น ในใจของอารียา ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอเริ่มสนใจรพีพงษ์มากขนาดนี้ ต้องรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังคิดว่า รพีพงษ์เป็นตัวภาระ
บุษบากรพารพีพงษ์ไปที่ระเบียงทางเดินด้านนอก หัวใจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าบุษบากร สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
บุษบากรรู้สึกถึงท่าทีความแตกต่างระหว่างที่รพีพงษ์มีต่อกับเธอและอารียา ซึ่งนี่ทำให้หัวใจเธอรู้สึกผิดหวังมากยิ่งขึ้น
“นาย…… ก็คือไอดีดวงใจตะวัน?” บุษบากรถามขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ “ใช่ ฉันเอง”
เมื่อเห็นรพีพงษ์ยอมรับ บุษบากรก้มหน้าลง แล้วถามว่า “ในเมื่อนายคือไอดีดวงใจตะวัน นายมีอารีอยู่แล้ว ทำไมนายถึงต้องตบรางวัลมากมายให้ฉันด้วย?”
วันนั้นคุณถ่ายทอดสดกับอารีด้วยกัน ฉันอยากให้เธอดีใจ ดังนั้นจึงตบรางวัลให้” รพีพงษ์ตอบกลับ
“แล้วเพลงนั้นล่ะ? ทำไมนายถึงยอมที่จะร้องเพลงนั้นให้ฉัน?” บุษบากรถามต่อไป
“อืม นั่นเป็นเพราะว่าแฟนๆในห้องถ่ายทอดสดมีคึกคักมากเกินไป และมันก็เป็นแค่เพลงเพลงหนึ่งเท่านั้น ร้องเพลงให้พวกเขาฟังก็ไม่มีอะไร”
ร่างกายของบุษบากรแข็งทื่อขึ้นมาในทันที ที่แท้จริงแล้ว สองเรื่องที่เธอใจจดใจจ่อตลอดเวลา กลับไม่เกี่ยวข้องกับเธอสักเรื่องเลย
รพีพงษ์ทำทั้งหมดนี้ ไม่ได้เพราะเธอเลยสักนิด
นี่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวังในใจยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่า คิดมานานขนาดนี้ แล้วกลายเป็นว่าเธอคิดไปเองฝ่ายทั้งหมด
นี่คงจะเป็นกรรมตามสนองใช่ไหม?
“ไม่เกี่ยวกับฉันก็ดี อย่างน้อยนายก็ดีต่ออารีจริง แล้วนายจะโทษท่าทีของฉันที่มีต่อนายตอนก่อนหน้านี้ไหม? ตอนนี้ฉันขอโทษกับนายยังทันไหม?” บุษบากรเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่รพีพงษ์
แม้ว่าตอนนี้เธอไม่มีโอกาสแล้ว แต่เธอก็ต้องการได้อภัยจากรพีพงษ์
“ไม่ต้องแล้ว สิ่งเหล่านี้ฉันชินหมดแล้ว และสำหรับเรื่องแบบนี้ ฉันก็เพิกเฉยโดยตรงมาตลอด” รพีพงษ์พูดขึ้นเบาๆ
บุษบากรรู้สึกดั่งก้างปลาติดคอ ในความคิดของเธอแล้ว รพีพงษ์กำลังปฏิเสธที่จะให้อภัยเธอ
และรพีพงษ์ก็คิดอย่างนี้จริงๆ เขาไม่เคยเอาบุษบากรมาใส่ใจ ก็เหมือนอย่างที่เขาพูดในตอนนั้น ในสายตาของเขา มีเพียงอารียาเท่านั้น
“แล้ว……ฉันสามารถกอดนายหน่อยไหม?” บุษบากรพูดคำขอครั้งสุดท้ายของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เธอจินตนาการเรื่องนี้มาโดยตลอด เธอจินตนาการว่า รอตอนที่เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอปรากฏตัว จะต้องเข้าไปสวมกอดเขาอย่างพึงพอใจ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดคิดไม่ถึงก็คือ เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอ ก็คือรพีพงษ์ คนที่เธอดูถูกรังเกียจมาตลอดเวลา
“ขอโทษ ฉันยอมรับกอดของอารีคนเดียวเท่านั้น”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกลับไปที่ห้องรับรองส่วนตัวเลย
บุษบากรก็ได้คาดการณ์ถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว ก้มหน้าด้วยความสิ้นหวัง
เธอเดินตามกลับไปที่ห้องรับรองส่วนตัว ราวกับว่าจิตวิญญาณออกจากร่าง ชีวิตชีวาในก่อนหน้านี้ หมดไปอย่างสิ้นเชิง
อารียาเห็นว่ารพีพงษ์กับบุษบากรออกไปไม่ถึงห้านาที ก็กลับมาแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ
รพีพงษ์นั่งลงข้างๆอารียา อารียาเอ่ยถามขึ้น “เธอพูดอะไรกับนายเหรอ?”
“เรื่องที่ไม่สำคัญ” รพีพงษ์ยิ้มตอบ
อารียาพยักหน้า ก็ไม่ได้คิดมาก
ทั้งหมดยังคงดื่มเหล้าร้องเพลงต่อเนื่อง เหมือนจะไม่มีใครสนใจว่าเจตนิพัทธ์เป็นอย่างไรบ้างในห้องน้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องส่วนตัว ก็ถูกคนถีบออกกะทันหัน จากนั้นเจตนิพัทธ์ที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ถูกคนโยนเข้ามา
ผู้คนในห้องส่วนตัวต่างผงะตกใจ เงียบลงทันที คนที่ร้องเพลงอยู่ ก็ปิดเพลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนมองไปที่ประตูหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายหัวล้านที่สวมสร้อยทองคนหนึ่ง เดินเข้ามาจากด้านนอก ในอ้อมแขนของเขากอดผู้หญิงที่สวยงามเซ็กซี่คนหนึ่งไว้ ด้านหลังยังมีลูกน้องติดตามอยู่ไม่น้อย
“พี่ใหญ่ โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว ต่อไปฉันจะไม่กล้าอีก!” เจตนิพัทธ์ลุกขึ้นจากพื้น พูดอ้อนวอนขอความเมตตาจากชายหัวล้าน
ชายหัวล้านกระทืบลงไปบนตัวของเจตนิพัทธ์โดยตรง เจตนิพัทธ์เพิ่งจะยืนขึ้น ก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“บ้าเอ้ย ตอนที่แกแตะต้องผู้หญิงของฉัน หมาป่าดำ ทำไมถึงไม่รู้ว่าแกผิด? ตอนนี้มาขอความเมตตาจากฉัน สายไปแล้ว!”
หัวล้านคนนั้นมีฉายาว่า หมาป่าดำ เป็นพี่ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในละแวกนี้ KTVแห่งนี้ เขาเป็นคนคุ้มครองไว้
ในเวลานั้น เจตนิพัทธ์เพิ่งอาเจียนเสร็จแล้วออกจากห้องน้ำ คนทั้งคนอยู่ในความมึนเมา กึ่งหมดสติไม่ค่อยรู้ตัว เห็นสิ่งต่างๆล่องลอยเล็กน้อย
ในเวลานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เดินออกมาจากห้องน้ำผู้หญิง รูปร่างเร่าร้อน ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลยมองเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอารียา
ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เขาพุ่งกระโจนเข้าใส่ผู้หญิงคนนั้นโดยตรง แตะเนื้อต้องตัวลวนลามเธอ ในปากก็พูดต่อเนื่องว่า “อารี ฉันชอบคุณ คุณทำให้ฉันได้สมหวังเถอะ!”
ผู้หญิงคนนั้นตบเขาสองทีโดนตรง จากนั้นก็เรียกหมาป่าดำมา เมื่อหมาป่าดำได้ยินว่า เจ้าโง่เง่าตัวนี้กล้าที่จะลวนลามผู้หญิงของเขา ก็สั่งให้ลูกน้องทุบตีเจตนิพัทธ์ทันที
หลังจากนั้นเขาก็ให้เจตนิพัทธ์ชดใช้ค่าเสียหาย เจตนิพัทธ์บอกว่าตัวเองไม่มีเงิน ดังนั้นหมาป่าดำจึงพาเขามาที่ห้องส่วนตัวนี้ ตั้งใจจะโกงเงินคนเหล่านี้สักก้อน
ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับเจตนิพัทธ์ ไปพยุงตัวเจตนิพัทธ์ขึ้น หันหน้ามองไปที่หมาป่าดำ แล้วถามขึ้น “พี่ชายท่านนี้ ไม่ทราบว่านี่เกิดอะไรขึ้น?”
“นายโง่เง่านี้ ลวนลามผู้หญิงของข้าในห้องน้ำ วันนี้ถ้าพวกนายไม่เอาเงินห้าแสนออกมา ในห้องส่วนตัวนี้ ใครก็อย่าคิดที่จะได้ออกไป!” หมาป่าดำพูดอย่างเย็นชา
ทุกคนต่างตกใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าหัวหน้าห้องจะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้
เจตนิพัทธ์สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย พูดอธิบายขึ้น “พี่ชาย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นั่นคือฉันจำคนผิด และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ก็ถูกคนของพวกคุณทำร้ายแล้ว ขอร้องยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ”
“นายพูดเหมือนตด ในตอนนั้น มือของนายเอื้อมไปถึงที่ไหน ตัวนายรู้ดีแก่ใจที่สุด” ผู้หญิงร้องตะโกนขึ้น
เจตนิพัทธ์จนปัญญา รู้ว่าเรื่องในวันนี้ ไม่สามารถหลบหนีไปได้แล้ว เขาหยิบบัตรของตัวเองออกมา และพูดว่า “พี่ชาย ในบัตรใบนี้ของฉัน มีเงินเหลืออยู่เพียงไม่กี่พันหยวนเท่านั้น ห้าแสน ฉันไม่มีให้จริงๆ” “ไม่มีให้? ให้พวกเขารวบรวมให้นาย! ทั้งหมดนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของนายไม่ใช่เหรอ? ให้พวกเขารวบรวมห้าแสนออกมา ไม่อย่างนั้น แฮ่กๆ นายรู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร” หมาป่าดำพูดหัวเราะเยาะ
เจตนิพัทธ์หันหน้ามองไปรอบๆ ก่อนหน้านี้ พวกคนที่เลียแข้งเลียขาประจบเจตนิพัทธ์ รีบมองออกไปทางอื่นในทันที แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง
เจตนิพัทธ์แอบด่าในใจ คิดในใจว่า คนเหล่านี้ ก็แค่สนิทกับเขาตอนเสพสุขเพลิดเพลิน เมื่อใดที่เกิดเรื่อง แต่ละคนล้วนกลายเป็นคนขี้ขลาดหัวหดเป็นเต่าหมด
ในขณะนี้ เขาเห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่หัวมุม แววตาที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตา
“ถ้าไม่ใช่เพราะนายที่มาแย่งอารีไป ข้าก็จะไม่เจอกับเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาย นายอย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
เจตนิพัทธ์บ่นพึมพำในใจ จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เขามีเงิน นาฬิกาที่เขาใส่อยู่ ราคาสามแสนแปดหมื่นหยวนนะ อีกอย่างเรากินข้าวก่อนหน้านี้ เขาจ่ายไปแสนกว่า เขาต้องสามารถให้พี่ห้าแสนได้แน่นอน”
หมาป่าดำมองไปที่รพีพงษ์ทันที พูดอย่างเย็นชา “ไอ้น้อง ได้ยินหรือยัง รีบเอาเงินออกมา!”
อารียารู้สึกกังวลขึ้นมาในทันที นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอรู้สึกว่าเจตนิพัทธ์ไร้ยางอายมากขนาดนี้
“เงินส่วนนี้ ทำไมให้เราออก ทั้งๆที่เป็นความผิดของคุณเอง แล้วทำไมต้องให้รพีพงษ์มารับผิดชอบ” อารียาพูดอย่างไม่พอใจ
เจตนิพัทธ์แม้ว่าไม่อยากให้อารียามองเขาแบบนี้ยิ่งนัก แต่สถานการณ์เป็นดั่งเช่นนี้แล้ว เขาไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ความร้ายกาจของหมาป่าดำนั้น เขารู้ดี
เขาพูดอย่างจนใจ “อารี ฉันก็ถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง คุณให้รพีพงษ์ช่วยฉันสักครั้ง ต่อไปฉันจะต้องคืนเงินนี้ให้พวกคุณแน่นอน”
“เจตนิพัทธ์ คุณหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ! ตัวคุณสถุลเอง ยังอยากที่จะให้รพีพงษ์ช่วยคุณจ่ายเงิน ฉันมองคุณผิดไปจริงๆ!” บุษบากรก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ
เจตนิพัทธ์ชะงัก ไม่เข้าใจว่าทำไมบุษบากรถึงเริ่มช่วยรพีพงษ์พูดแล้ว
หลังจากที่หมาป่าดำได้เห็นรูปลักษณ์ของอารียาและบุษบากร ดวงตาก็สว่างขึ้นในทันที ผลักผู้หญิงในอกของเขาออกไปทันที
เขามองไปที่อารียาและบุษบากรด้วยรอยยิ้มเลศนัย แล้วพูดว่า “ถ้าพวกนายไม่อยากออกเงินก้อนนี้ ก็ได้”
เมื่อได้ยินหมาป่าดำพูดแบบนี้ อารียาถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่าหมาป่าดำจิตใจสำนึกแล้ว
“เพียงแค่พวกเธอสองคน ยอมที่จะนอนกับฉันคืนหนึ่ง ฉันก็จะไม่ถือสาเรื่องในครั้งนี้ และการใช้จ่ายทั้งหมดในคืนนี้ของพวกเธอ คิดกับฉันทั้งหมด เป็นยังไง?” หมาป่าดำเผยฟันสีเหลืองในปากออกมา พูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์