พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 47 ธฤตญาณ
บทที่ 47 ธฤตญาณ
หลังจากที่รพีพงษ์ทำงานบ้านเสร็จแล้ว ก็ออกมาจากบ้าน และนั่งแท็กซี่ไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กาย
ไตรทศที่กำลังรออยู่ในห้องตามลำพัง เมื่อเห็นรพีพงษ์เข้ามา จึงรีบลุกขึ้นต้อนรับเขาเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้น พูดเถอะ" รพีพงษ์ตรงเข้าประเด็น
ไตรทศครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อเรียบเรียงถ้อยคำ: "พี่รพีคนคนนี้ที่พี่ให้ฉันตรวจสอบ ตัวตนตรงกับธฤตญาณที่ปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวแห่งเมืองกรีนโคลปีนั้น ถ้าเดาไม่ผิด คนคนนี้ 99% คือธฤตญาณ"
"ธฤตญาณ?" รพีพงษ์เลิกคิ้วแล้ว "ที่ตอนนั้นเพราะถูกคนหักหลัง คนคนเดียวที่ต่อสู้กับคนเกือบร้อย ธฤตญาณที่ทำให้ทั้งถนนถูกย้อมด้วยเลือดแดงฉานคนนั้น? เขาไม่ใช่ว่าตายแล้วเหรอ?"
ชื่อเสียงของธฤตญาณคนนี้รพีพงษ์เคยได้ยินมานานมากแล้วบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปมีสาขาต่างๆอยู่รอบๆ เมืองริเวอร์สำหรับสถานการณ์โดยรอบแล้วจึงมีความเข้าใจค่อนข้างทันท่วงที
เมืองกรีนโคลเป็นเมืองเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองริเวอร์ ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูงกว่าเมืองริเวอร์ โลกใต้ดินทางนั้นวุ่นวายกว่าเมืองริเวอร์ร้อยเท่า และสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ชนิดนี้ เป็นเพราะการหายตัวไปของ ธฤตญาณ
ในขณะที่ธฤตญาณยังอยู่ โลกใต้ดินของเมืองกรีนโคล เป็นดั่งเสาหินต้นหนึ่งธฤตญาณคนเดียวกุมอำนาจทั้งหมดในโลกใต้ดินของเมืองกรีนโคลเอาไว้ในมืออย่างมั่นคง
ในช่วงที่อิทธิพลของเขาแข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่กลัวแม้แต่ตระกูลอันดับหนึ่งใดๆของเมืองกรีนโคล
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่ปีก่อน คนของธฤตญาณได้วางแผนทรยศ ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง หลังจากการต่อสู้กับคนเกือบร้อยติดต่อกัน ก็หายตัวไปจากเมืองกรีนโคลทุกคนต่างก็เชื่อว่า ธฤตญาณถูกคนกลุ่มนั้นของเขาฆ่าตายแล้ว
ดังนั้นเมื่อรพีพงษ์ได้ยินไตรทศ บอกว่าพี่ใหญ่ที่ขายเครปจีนคือธฤตญาณ จึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ตอนนั้นธฤตญาณก็แค่หายตัวไป ต่อมาผู้คนแม้แต่ศพของเขาก็ไม่พบด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาตายไปแล้ว” ไตรทศเอ่ยคำอธิบาย
“เมื่อวานฉันตรวจสอบทั้งคืน ช่วงเวลาที่คนคนนี้มาถึงเมืองริเวอร์กับช่วงเวลาที่ธฤตญาณหายตัวไปตรงกันพอดี และคนที่ก่อเหตุวิวาทกับคนคนนี้เมื่อวานนี้ ก็มาจากเมืองกรีนโคลพอดี”
รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด หากเป็นเช่นนี้จริงๆ พี่ใหญ่ที่ขายเครปจีนคนนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นธฤตญาณจริงๆ
เมื่อก่อนนานมากแล้ว รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ที่ขายเครปจีนคนนี้ไม่ธรรมดา คิดไม่ถึงว่าเขาคือ ธฤตญาณผู้ปลุกปั่นลมฝนแห่งเมืองกรีนโคลซึ่งนี่ยังคงทำให้รพีพงษ์ประหลาดใจมาก
“ตอนนี้คนเขาอยู่ที่ไหน?” รพีพงษ์เอ่ยถาม
"จากเบาะแสที่ฉันพบเมื่อวานนี้ ก็พอจะเดาที่ซ่อนตัวของเขาออกแล้ว แต่ก็แค่เดาออกเท่านั้น คาดว่าคนพวกนั้นที่ตามล่าเขา ก็หาตัวเขาออกมาได้เช่นกัน" ไตรทศเปิดปาก
รพีพงษ์ลุกขึ้นยืนทันที และเปิดปากพูดว่า "รีบพาฉันไปหาเขาเดี๋ยวนี้"
“พี่รพี , ธฤตญาณเรื่องนี้ไม่ง่ายเลยทีเดียว ถ้าพวกเราต้องการสอดมือเรื่องนี้ กลัวแต่ว่าเมืองกรีนโคลทางนั้นที่เดือดร้อนจะผูกใจเจ็บ” ไตรทศเอ่ยเตือนสติ
“เมื่อก่อนเขาเคยช่วยฉัน ฉันไม่อาจดูดายไม่ช่วยเหลือ ไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่คือเมืองริเวอร์ คนเมืองกรีนโคลยังไม่ถึงเวลามาวิ่งพล่านอยู่ที่นี่” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น
ไตรทศไม่ได้พูดอะไรมากอีก เขาเชื่อในการตัดสินใจของรพีพงษ์เสมอ ดังนั้นจึงพารพีพงษ์ออกจากสถานบันเทิงสตาร์กายทันที รุดหน้าไปตามทิศทางของหมู่บ้านในเมือง
ระหว่างทางไตรทศยังกล่าวกับรพีพงษ์ถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ให้ผู้คนสับสนซึ่งตามมาหลังจากที่ธฤตญาณถูกหักหลังในปีนั้น
ตอนนั้นคนที่หักหลังธฤตญาณกวาดล้างอิทธิพลในตอนนั้นของเขาได้แค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ในเวลานั้นธฤตญาณมีเวลาที่จะรวบรวมคนสนิทของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะกำจัดคนทรยศพวกนั้น
แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงคือ ธฤตญาณเลือกที่จะหนีตั้งแต่แรก โดยไม่ได้แจ้งกับบรรดาคนสนิทเลยด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดเป็นเพราะพลาดโอกาสที่ดีที่สุด จึงถูกคนทรยศล้อมเอาไว้บนถนนสายหนึ่ง นี่ก็คือเหตุการณ์ศึกนองเลือดที่มีชื่อเสียงครั้งนั้น
ธฤตญาณที่สามารถกุมกองกำลังใต้ดินทั้งหมดของเมืองกรีนโคลเอาไว้ในมือได้อย่างมั่นคง จิตใจย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ ว่ากันตามเหตุผลแล้วย่อมไม่โง่ถึงขั้นหนีไปคนเดียวแน่นอน
ไตรทศสงสัยมากสำหรับเรื่องนี้ มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนสักแห่งที่ไม่ถูกต้อง
รพีพงษ์ให้เขาไม่ต้องคิดมากอีก เรื่องมันก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เกรงว่าความจริงจะมีเพียงธฤตญาณคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ตอนนี้ที่พวกเขาต้องทำ คือหาธฤตญาณให้พบโดยเร็วที่สุด และช่วยเขาออกจากเงื้อมของคนเมืองกรีนโคลพวกนั้น
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็มาถึงหมู่บ้านในเมือง ไตรทศก็พา รพีพงษ์มาถึงบริเวณอาคารรกร้างแห่งหนึ่ง ตามเส้นทางที่ตรวจสอบออกมา
ที่นี่โดยทั่วไปแล้วแทบจะไม่มีใครอาศัยอยู่เลย ต่างก็เป็นบ้านที่รอการรื้อถอนทั้งสิ้น ปกติแล้วน้อยนักที่จะมีคนมาที่นี่
ทั้งสองยืนอยู่หน้าลานบ้านหลังหนึ่ง ไตรทศชี้ไปที่ปากประตู และเปิดปากพูดว่า "ถ้าเดาไม่ผิด เขาน่าจะอยู่ข้างใน"
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในลานอย่างระมัดระวัง แล้วจึงค้นหาไปตามบ้านที่อยู่ในลาน
เขาผลักเปิดประตูบานหนึ่งในนั้น แล้วเดินเข้าไปข้างใน ในขณะนี้เอง ลมแรงก็พัดมาวูบหนึ่ง ตรงเข้าโจมตีด้านหลังศีรษะของรพีพงษ์
“พี่รพีระวัง!” ไตรทศตะโกนเสียงหนึ่ง
"ริชาร์ด ปีนั้นข้าปฏิบัติต่อแกไม่เลวเลย แต่วันนี้แกกลับคนมาไล่ฆ่าฉัน เอามโนธรรมให้หมากินไปแล้วจริงๆ วันนี้ข้าจะขอตายไปพร้อมกับแก ต่อให้ต้องตาย ก็จะลากไปสังเวยด้วยคนหนึ่ง!"
เมื่อเสียงหนักๆเสียงหนึ่งดังขึ้น หมัดๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังศีรษะของรพีพงษ์แล้ว
รพีพงษ์ไม่มีร่องรอยของความตื่นตกใจเลย ในขณะที่กำปั้นนั้นกำลังจะตีบนตัวเขา ก็เบี่ยงตัว หลบไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็คว้าข้อมือของกำปั้นนั้น
ธฤตญาณตกตะลึงอยู่ในใจ ขณะกำลังจะถอยไปข้างหลัง แต่เขาพบว่ามือของตัวเองดูเหมือนจะถูกตรึงเอาไว้แล้ว ขยับไม่ได้สักนิด
“คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี พละกำลังที่แท้จริงของแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพระเจ้าอยากจะฆ่าฉันจริงๆ” ทันใดนั้นธฤตญาณก็ถอนหายใจส่งสัญญาณแห่งความสิ้นหวังออกมาแล้ว
"พี่ใหญ่ ฉันเอง พี่อย่าเข้าใจผิด" รพีพงษ์เปิดปากพูด
ธฤตญาณขณะนี้จึงได้ร่างของรพีพงษ์ชัดเจน ความประหลาดใจบนใบหน้าจึงเพิ่มมากขึ้น เปิดปากถามว่า "ทำไมเป็นนาย? นายมาที่นี่ได้ยังไง?"
รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา เปิดปากพูดว่า: "รู้ว่าพี่ประสบปัญหา ดังนั้นจึงมาช่วยเหลือ"
“พี่รพีของฉันเป็นคนมีบุญคุณต้องทดแทน เขาบอกว่าคราวก่อนพี่เคยช่วยเขา ดังนั้นคราวนี้ต้องช่วยพี่ให้ได้” ไตรทศตะโกนเปิดทางเพิ่มเติม
ธฤตญาณหันไปมองไตรทศหรี่ตาและถามว่า "นายคือไตรทศ?"
"ไม่ผิด เป็นฉันเอง" ไตรทศเอ่ยตอบ
ความประหลาดใจในหัวใจของธฤตญาณรุนแรงยิ่งขึ้น สำหรับสามราชันฟ้าแห่งเมืองริเวอร์เขายังมีความเข้าใจอยู่บ้าง รู้ว่าไตรทศ เป็นคนโหดเหี้ยมมุทะลุเมื่อไม่เห็นด้วยก็จะเข้าปะทะ
และชื่อเสียงของรพีพงษ์ตอนที่เขาขายเครปจีนมากหรือน้อยก็พอจะรู้ รู้ว่ารพีพงษ์เป็นสวะอย่างแท้จริงในสายตาของคนเมืองริเวอร์
เมื่อกี้ไตรทศซึ่งเป็นหนึ่งในสามราชันฟ้า จริงๆแล้วเรียกรพีพงษ์ว่าพี่ และยังให้ความเคารพเช่นนั้น นี่ทำให้เขาค่อนข้างทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
รพีพงษ์มองออกถึงความสงสัยของธฤตญาณจึงพูดกลัวหัวเราะว่า “ฉันก็เหมือนกับพี่ ต่างก็มีความลับบางอย่างไม่มากก็น้อย เพราะงั้นพี่ก็ไม่ต้องแปลกใจจนเกินไป”
ธฤตญาณพยักหน้า จากนั้นก็ยังพูดพลางถอนหายใจว่า: "พวกนายควรออกไปจากที่นี่ซะเถอะ ไล่ฆ่าคนของฉันไม่ง่ายเลยทีเดียว ฉันไม่อยากให้พวกนายลำบากเพราะฉัน"
“เรื่องนี้พี่ไม่ต้องเป็นห่วง มีฉันกับพี่รพีอยู่ ใครก็แตะต้องพี่ไม่ได้” ไตรทศพูดพลางตบหน้าอก
ธฤตญาณส่ายหัว เขารู้ว่าไตรทศต่อสู้ได้ แต่เขาอย่างมากที่สุดก็ต้านทานริชาร์ดได้คนเดียว และริชาร์ดคงพาคนมาด้วย ตอนนี้เขาทั้งแผลเก่าแผลใหม่โจมตีพร้อมกัน ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้เลยด้วยซ้ำ
สำหรับรพีพงษ์ เขาไม่เคยคิดเลยว่ารพีพงษ์จะต่อสู้ได้
“ริชาร์ดที่ไล่ฆ่าฉันเมื่อปีนั้นก็มีชื่อเสียงในเมืองกรีนโคลไม่ใช่ย่อย พละกำลังก็ไม่ได้แย่ไปกว่าไตรทศ และเขายังมีคนมาด้วย อาศัยพวกเราสามคน คงจะรับมือไม่ไหว พวกนายสองคนควรไปซะเถอะ” ธฤตญาณเปิดปาก
“พูดแบบนี้ พี่ใช่ธฤตญาณจริงๆเหรอ?” รพีพงษ์เปิดปากถาม
ธฤตญาณผงะ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเดาตัวตนของเขาออกแล้ว เรื่องมาถึงตรงนี้ เขาก็ไม่มีอะไรต้องปกปิดแล้ว
"ไม่ผิด ฉันคือธฤตญาณ นึกว่าจะสามารถปกปิดชื่อแซ่ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ในเมืองริเวอร์ ได้ คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะไร้หัวใจขนาดนี้" ธฤตญาณพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ
เดิมที รพีพงษ์คิดจะบอกกับ ธฤตญาณว่า ตราบเท่าที่ยังอยู่บนพื้นที่เมืองริเวอร์ ก็ไม่มีใครแตะต้องเขาได้ แต่ว่าในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าจำนวนหนึ่งดังมาจากข้างนอกแล้ว
"ธฤตญาณฉันรู้ว่าแกซ่อนตัวอยู่ข้างใน ไสหัวออกมาตายให้ฉันเร็วเข้า อย่าเสียเวลาของฉันอีก!" น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นเสียงหนึ่ง
ธฤตญาณส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ริชาร์ดมาถึงแล้ว ต่อให้พวกรพีพงษ์คิดจะไป เกรงว่าจะยากซะแล้ว
"พวกนายออกไปเถอะ ไม่มีเหตุผลที่จะซ่อนอีกแล้ว"
ธฤตญาณเดินนำออกไปแล้ว รพีพงษ์กับไตรทศสองคนก็เดินตามไปแล้วเช่นกัน
ภายในลานมีคนยืนอยู่ด้วยกันห้าคน หัวโจกก็คือริชาร์ด
ริชาร์ดรูปร่างสูงใหญ่ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนเพียงแค่เห็นแวบแรก ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความอันตรายมากชนิดหนึ่ง
เมื่อเขาเห็นคนสามคนเดินออกมาจากในบ้าน ก็ค่อนข้างประหลาดใจ รีบมองไปที่ ไตรทศกับรพีพงษ์สองคนแวบหนึ่ง
"คิดไม่ถึงว่าจะยังเจอผู้ช่วย แต่แกที่คิดเช่นนี้ วันนี้จะรอดพ้นจากเงื้อมมือได้รึเปล่า?" ริชาร์ดพูดพลางหัวเราะเยาะ
"ริชาร์ดเรื่องนี้พวกเขาสองคนไม่เกี่ยว แกปล่อยพวกเขาสองคนไป แกจะจัดการฉันยังไงก็ได้" ธฤตญาณพูดอย่างใจเย็น เรื่องถึงตอนนี้ เขายอมรับชะตากรรมแล้ว
“ธฤตญาณต่อให้แกเป็นลูกพี่ใหญ่เมืองกรีนโคล แต่ฉันไตรทศก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด เวลาแบบนี้ให้ฉันไป เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” ไตรทศสาวเท้าไปข้างหน้า
ริชาร์ดหรี่ตาลง จ้องไปที่ไตรทศพลางเอ่ยถามว่า "แกคือไตรทศหนึ่งในสามราชันฟ้าแห่งเมืองริเวอร์?”
"ไม่ผิด ฉันเป็นปู่ของแกนั่นแหละ!" ไตรทศตะโกน
สำหรับไตรทศ ริชาร์ดยังคงกลัวอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่ความกลัวเท่านั้น
"ในเมืองริเวอร์ยังไม่ถึงคราวที่คนเมืองกรีนโคลจะวิ่งพล่าน วันนี้ พวกแกออกไปจากลานแห่งนี้ไม่ได้" รพีพงษ์ก็เปิดปากพูดเช่นกัน
ริชาร์ดมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง ในใจประหม่าขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าหากว่าคนคนนี้ก็เป็นคนระดับเดียวกับไตรทศคนนี้เหมือนกัน ก็ลำบากแล้ว
เขาจึงเปิดปากถามว่า "แกเป็นใครอีก?"
“รพีพงษ์”
ริชาร์ดเป็นครั้งแรกที่เผยท่าทีงุนงงออกมา ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้ จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง พูดว่า "แกหรือว่าจะเป็นสวะอันลือเลื่องคนนั้นของเมืองริเวอร์ , รพีพงษ์ใช่ไหม?"