พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 469 เขาตายแล้ว
บทที่ 469 เขาตายแล้ว
“ให้ตายเถอะ จะเก่งเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ทันดูเลย บอดี้การ์ดสี่คนนั้นลงไปกองกับพื้นแล้วเหรอ”
“ดูเหมือนว่าร่างกายและฝีมือของรพีพงษ์จะเทียบได้กับปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ที่เราเห็นในทีวีเลยนะ น่ากลัวจริงๆ ถ้าฉันโดนสักหมัด คงจะตายไปเลย”
“แม่เจ้า คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะต่อสู้เก่งขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นแค่คนที่ถูกด่าว่าสวะ ฉันเคยอยากกลั่นแกล้งเขาด้วยนะ ดีที่ตอนนั้นฉันไม่แกล้งเขา ไม่งั้นล่ะก็ วันนี้พวกเธอคงจะไม่ได้เห็นฉันอีกแล้ว”
..….
ทุกคนตกใจกับพละกำลังของรพีพงษ์ พริบตาเดียวพวกเขาพากันมองรพีพงษ์เปลี่ยนไป
ธายุกรก็ตกใจกับการลงมืออย่างรวดเร็วของรพีพงษ์เช่นกัน ก่อนหน้านี้เขารู้ว่ารพีพงษ์ต่อสู้เป็น แต่ไม่เคยคิดว่าจะเก่งขนาดนี้ เขายังนึกว่าเมื่อรพีพงษ์เจอกับสี่บอดี้การ์ด ก็คงรับมือไม่ไหวและพ่ายแพ้ไป คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะจัดการกับบอดี้การ์ดทั้งสี่คนเพียงชั่วพริบตาเดียว
หลังจากที่รพีพงษ์จัดการกับบอดี้การ์ดเรียบร้อย เขาหันไปถามชนิสราว่า “พี่สา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ชนิสราส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไร แค่โดยทำร้ายนิดหน่อย ไม่มีอะไรหนักหนา”
รพีพงษ์มองรอยฟกช้ำบนใบหน้าชนิสรา สีหน้าของเขาเย็นยะเยือก “พี่วางใจเถอะ ที่มันทำร้ายพี่ ผมจะจัดการแทนเอง”
พูดจบ รพีพงษ์พาชนิสราไปอยู่กับไตรทศและธฤตญาณ
ธายุกรสูดหายใจลึก เขาจัดแจงร่างกายของตัวเอง ถึงรพีพงษ์จะต่อสู้เก่งแล้วยังไงเหรอ เขามีศิวะศักดิ์คอยช่วยเหลืออยู่ ปรมาจารย์ท่านนี้ถูกขนานนามว่ามือชูรา เก่งกว่าคนไม่เอาไหนอย่างรพีพงษ์แน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ธายุกรยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เขาเดินเข้าไปหาและจ้องหน้ารพีพงษ์ “อย่านึกว่าแกต่อสู้ได้นิดๆ หน่อยๆ แล้วฉันจะกลัวแกนะ ฉันจะบอกแกให้รู้ไว้ว่าฉันมีคนที่มีฝีมือสูงมาก ขอแค่ฉันโทรหาเขา เขาก็จะมาทันที เมื่อถึงตอนนั้นเขาสู้กับแกด้วยมือเดียวก็สามารถทำให้ลงไปนอนกองกับพื้นได้ แกกล้าให้เขามาไหมล่ะ”
รพีพงษ์มองธายุกรแล้วพูดว่า “แกหมายถึงศิวะศักดิ์?”
ธายุกรอึ้งไป ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะรู้จัก ศิวะศักดิ์ เขาจึงพูดอย่างมั่นใจทันที “ใช่ เขานั่นแหละ ในเมื่อแกเคยได้ยินชื่อของเขา แกน่าจะรู้ถึงฝีมือของเขาดี ก่อนที่เขาจะมา ทางที่ดีแกควรคุกเข่าแล้วก้มหัวขอโทษฉัน ไม่งั้นถ้าเขามาถึง ฉันคงไม่มีความอดทนแบบนี้แน่ๆ”
รพีพงษ์แบะปากแล้วพูดว่า “เขาคงมาไม่ได้แล้วล่ะ”
“เลิกพูดไร้สาระ ศิวะศักดิ์ เป็นคนของฉัน เขาจะมาหรือไม่มาฉันเป็นคนตัดสินเอง แกคิดว่าตัวเองใคร แกอย่าบอกนะว่าแกคิดว่าพอแกพูดว่าเขาคงมาไม่ได้ แล้วเขาก็จะไม่มาน่ะ?” พูดพลางธายุกรก็หยิบมือถือขึ้นมา เพื่อที่จะโทรหาศิวะศักดิ์
“เขาตายแล้ว ถึงแกจะโทรไปก็ไร้ประโยชน์” รพีพงษ์เห็นธายุกรไม่เชื่อ จึงพูดออกไป
ธายุกรแสยะยิ้ม เขาไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์และโทรหาศิวะศักดิ์
แต่ว่าผ่านไปนาน อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย จนทำให้ธายุกรขมวดคิ้วขึ้น
ขณะนั้นเองมีใครบางคนวิ่งกุลีกุจอเข้ามา เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดที่ศิวะศักดิ์พาไปในตอนนั้น เมื่อเห็นธายุกร เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาหาธายุกร
“เกิดเรื่องแล้วครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!” คนนั้นวิ่งพลางพูดพลาง
ธายุกรเห็นเขา จึงพูดออกมาว่า “ฉันกำลังหาพวกแกอยู่ ลูกพี่ของพวกแกล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รับโทรศัพท์”
หลังจากที่คนนั้นวิ่งเข้ามาหาธายุกร เขาพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังว่า “ละ ลูกพี่ตายแล้วครับ”
“แกว่าอะไรนะ! แกยังกล้าพูดล้อเล่นอีกเหรอ ฉันจะซัดแกให้ตาย!” ธายุกรกำคอเสื้อของชายคนนั้น
“มะ ไม่ได้ล้อเล่นครับ เป็นเรื่องจริงครับ ลูกพี่โดนซ้อมตายจริงๆ ครับ!” ชายคนนั้นใกล้จะร้องไห้ออกมา
“ใครซ้อมเขา? ลูกพี่ของพวกแกพละกำลังเยอะขนาดนั้น จะโดนคนซ้อมตายได้ยังไง” ธายุกรถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นเขาจึงมองไปยังรพีพงษ์ เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะพูดเรื่องจริง
ชายคนนั้นก็มองตามธายุกรเช่นกัน วินาทีที่เขาเห็นรพีพงษ์ เขาถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าหวาดกลัว จนถอยกรูดไปข้างหลัง
“ขะ เขา เขาเป็นคนซ้อมลูกพี่ น่ากลัวมาก น่ากลัวมากจริงๆ” ราวกับชายคนนั้นเห็นปีศาจอย่างไรอย่างนั้น หลังจากที่เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ก็รีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปทันที
ธายุกรมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่าศิวะศักดิ์จะโดนซ้อมจนตาย แล้วคนที่ซ้อมเขาก็คือรพีพงษ์ มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้จริงๆ
เขากลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองรพีพงษ์ ไม่รู้ว่าความกลัวก่อตัวขึ้นในใจตั้งแต่เมื่อไร
ตอนนี้รพีพงษ์มองเขาอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่ารพีพงษ์จะไม่ได้พูดอะไร แต่ธายุกรกลับขนลุกไปหมดทั้งตัว
“กะ แกมองฉันแบบนั้นทำไม อย่าบอกนะว่าแกจะทำร้ายฉัน ฉันจะบอกให้นะ ที่นี่คือบริษัทของฉัน คนมากมายกำลังมองอยู่ ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน คนพวกนั้นจะรีบแจ้งตำรวจ!” ธายุกรพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วถามขึ้นว่า “ทำไมล่ะ กลัวแล้วเหรอ”
ธายุกรรีบเบิกตาโพลง แล้วตะโกนออกมาว่า “ไร้สาระ ใครจะกลัวแก แกต่อสู้เก่งแล้วยังไงเหรอ แกมันก็เก่งแต่ใช้กำลัง ตอนนี้ฉันอยากสู้กับแกด้านธุรกิจ ถ้าแกมีความสามารถก็มาแข่งกับบริษัทฉันสิ นี่สิถึงจะเรียกว่าเก่งจริง”
รพีพงษ์หรี่ตาลง เมื่อคิดถึงเรื่องที่รพีพงษ์ทำให้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลล้มละลาย เขาก็โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ เขาไม่สามารถทำร้ายธายุกรได้ ตอนนี้เขาต้องจัดการกับเรื่องวุ่นวายที่ W H กรุ๊ป เป็นอันดับแรก
รพีพงษ์จะไม่ปล่อยคนที่ทำผิดเอาไว้แม้แต่คนเดียว แต่เขาต้องทำมันทีละขั้น
“ก็แค่ W H กรุ๊ป แกคิดว่าฉันเห็นบริษัทนี้อยู่ในสายตาเหรอ” รพีพงษ์จ้องธายุกรแล้วพูดออกมา
“ดูสิว่าแกจะทำอะไรได้บ้าง ฉันสามารถทำให้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลล้มละลายได้ แกล่ะทำให้บริษัทฉันล้มละลายได้ไหม ฉันจะบอกแกให้นะ มีคนที่คอยสนับสนุนฉันอยู่ ความสามารถกระจอกๆ แบบแก ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอก!” ธายุกรพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
รพีพงษ์หันหน้าไปหาธฤตญาณ แล้วถามขึ้นว่า “เธียรวิชญ์จะมาถึงเมื่อไร”
“น่าจะใกล้ถึงแล้วครับ” ธฤตญาณตอบ
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรต่อ
ธายุกรเห็นรพีพงษ์ไม่พูดอะไร จึงคิดว่าเขากลัว ธายุกรยิ่งมีสีหน้าได้ใจเข้าไปใหญ่
ผ่านไปไม่นาน เธียรวิชญ์มาถึง W H กรุ๊ป เขาเดินเข้ามาในห้องโถง หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ เขาจึงรีบเดินเข้ามา
ธายุกรเห็นเธียรวิชญ์ ก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไม อย่าบอกนะว่าแกจะให้บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปมาช่วยจัดการฉันเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ไม่มีทางหรอก!”
รพีพงษ์ไม่สนใจเขา จากนั้นจึงหันไปหาเธียรวิชญ์ แล้วถามว่า “ว่าไง สามารถทำให้ W H กรุ๊ป ล้มละลายได้ไหม”
สีหน้าของเธียรวิชญ์นิ่งไป เขาส่ายหน้าให้รพีพงษ์ “มีเงินทุนจำนวนมากที่คอยสนับสนุน W H กรุ๊ป แค่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ไม่สามารถทำให้พวกเขาล้มละลายได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธียรวิชญ์พูด ไตรทศกับธฤตญาณพากันอึ้งไป คิดไม่ถึงว่า W H กรุ๊ปจะมีคนคอยหนุนหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ขนาดบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปของรพีพงษ์ยังไม่สามารถสู้ได้
ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักรพีพงษ์มา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจัดการคู่ต่อสู้ไม่ได้
พอจะเห็นได้ว่า W H กรุ๊ปมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง แต่มันจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน
รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่เธียรวิชญ์พูด เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาและยังคงนิ่งอยู่ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา
“พี่รพี พวกเรากลับไปปรึกษากันก่อนดีไหมว่าจะจัดการกับ W H กรุ๊ปอย่างไร ถึงแม้จะมีคนคอยหนุนหลังมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวิธีเอาชนะมัน” เธียรวิชญ์พูดกับรพีพงษ์
“ไม่จำเป็น” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ธายุกรเห็นพวกรพีพงษ์กำลังปรึกษากัน เธียรวิชญ์หน้านิ่วคิ้วขมวด เขาเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงจะเป็นบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ก็ไม่สามารถทำอะไร W H กรุ๊ป ได้
เขากลอกตาไปมา แล้วแสยะยิ้ม “รพีพงษ์ แกจะจัดการกับ W H กรุ๊ป ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงหน้านิ่วคิ้วขมวดกันหมดล่ะ ทำอะไรบริษัทฉันไม่ได้ล่ะสิ”
เมื่อพนักงานได้ยินสิ่งที่ธายุกรพูด ก็พอเดาได้ว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ไม่สามารถทำอะไร W H กรุ๊ป ต่างก็พากันกระหยิ่มใจ
“คิดไม่ถึงว่าขนาดบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะไม่สามารถจัดการกับ W H กรุ๊ปได้ บริษัทเราสุดยอดจริงๆ”
“ฮ่า ฮ่า คิดคิดแล้ว การออกมาจากบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลมาที่นี่ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตอนนั้นก็มีคนตัดสินใจลาออกหลายคน โง่สิ้นดี ขนาดบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปยังทำอะไรไม่ได้”
“รพีพงษ์ นายอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลย เมื่อก่อนฉันเคยทำงานที่บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล แต่พอมาทำงานที่นี่ ฉันรู้สึกว่าดีกว่าร้อยเท่า ถึงจะเป็นบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป แต่ก็ไม่ใช่คู่แข่งของ W H กรุ๊ปอยู่ดี นายรีบออกไปจากบริษัทเราดีกว่า ถ้านายมาแหย็มกับประธานของเรา นายอาจจะมีจุดจบไม่สวยก็ได้” หนึ่งในคนที่เคยทำงานให้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลพูดกับรพีพงษ์
ธายุกรเห็นคนในบริษัทเข้าข้างตัวเองก็รู้สึกได้ใจ เขาตะโกนใส่รพีพงษ์อีกครั้ง “ได้ยินหรือยัง ขนาดพนักงานที่เคยทำงานกับแกยังพูดแบบนั้น แกยังคิดว่าจะสู้ฉันได้เหรอ ฉันว่านายรีบยอมแพ้ดีกว่า อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย”
“ไอ้เวรเอ๊ย ยังเหิมเกริมอีกนะ พี่รพี ผมจะซัดมันสักหมัด ดูสิยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกไหม” ไตรทศพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด
รพีพงษ์โบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง เดี๋ยวรอดูเลย”
จากนั้นรพีพงษ์หยิบมือถือออกมาโทรหาใครคนหนึ่ง
หมายเลขนี้เป็นหมายเลขพิเศษที่เอาไว้ติดต่อกับกองกำลังที่กิสนาส่งมายังโลกภายนอก
คนที่มีหมายเลขนี้ จะมีแค่หัวหน้ากิสนาและคนที่หัวหน้ากิสนาไว้ใจเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกคนที่ติดต่อมาจากโลกภายนอก คนของกิสนาจะพยายามช่วยคนเหล่านั้นอย่างเต็มที่
หลังจากที่โทรติด รพีพงษ์พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “สืบเรื่องของ W H กรุ๊ปในเมืองริเวอร์ ทำให้มันล้มละลายภายในสิบนาที”