พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 4 ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 4 ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
บทที่ 4 ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
น้ำเสียงของราศรีดึงดูดสายตาของคนที่อยู่ในห้องโถง ทุกสายตามองไปยังรพีพงษ์
เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเอามือเท้าเอวไว้ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “นายไม่กลัวจะทำให้ที่นี่สกปรกเหรอ ของทุกๆ อย่างในนี้ ต่อให้นายพยายามทั้งชีวิตก็ไม่มีวันซื้อได้หรอก ถ้านายทำมันสกปรกขึ้นมา นายชดใช้ไม่ไหวหรอก”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมเหรอ ที่นี่เขียนว่าห้ามคนเข้าชมหรือไง”
“อะไรนะ นายเห็นว่าคนอื่นเข้ามาได้ นายก็เข้ามาได้อย่างนั้นเหรอ อย่าลืมสิ ว่าตัวเองเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ที่ฉันยังรักษามารยาทกับนายนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว”ราศรีพูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
รพีพงษ์เบะปาก แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยใส่ใจคนที่ชอบดูถูกคนอย่างราศรี แต่ทว่าในตอนนี้เขาเป็นประธานของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ ราศรีปฏิบัติกับลูกค้าของบริษัทเช่นนี้ จะต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทแน่นอน ไม่ควรปล่อยคนประเภทนี้เอาไว้เด็ดขาด
“ถ้าเธอยังปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้ ฉันกลัวว่าเธอจะทำงานไม่ได้แล้วสิ” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ราศรียังคงเยาะเย้ยเขา เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็หัวเราะร่วนออกมา
“ทุกคนมาดูกันเร็ว ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่มันว่าฉันมีทัศนคติไม่ดี แถมยังว่าฉันจะไม่สามารถทำงานได้อีก น่าตลกสิ้นดี!”
ทุกคนเริ่มมุงกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนร่วมงานของราศรี เพราะว่าเพิ่งเปิดร้านเลยไม่ค่อยมีลูกค้ามาดูห้องสักเท่าไร
“ฉันจะบอกให้นะทุกคน นี่คือรพีพงษ์คนที่ขึ้นชื่อว่าสวะในเมืองริเวอร์ เขาเข้าไปเป็นเขยในตระกูลฉัตรมงคล วันๆ เอาแต่ซักผ้า ทำกับข้าวอย่างกับคนใช้ เขายังเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉัน ฉันไม่อยากพูดเท่าไร เพราะว่ามันน่าอายน่ะ”ราศรีพูดประชดประชัน
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่เธอพูด ต่างก็พากันมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม พวกเขาได้ฟังเรื่องของรพีพงษ์มาบ้าง รู้ว่าเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์
“ที่แท้ไอ้บ้านนอกคนนี้คือรพีพงษ์นี่เอง ว่าแล้วทำไมดูต่ำจัง ถ้าเธอไม่บอก ฉันนึกว่าเขาเป็นขอทานที่มาเก็บขยะเสียอีก”
“คนไร้ความสามารถแบบนี้ ยังกล้าที่จะมาพูดเรื่องทำงานของพี่ราศรี สัปดาห์หน้าพี่จะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแล้ว คนอย่างนายมีสิทธิ์อะไรที่จะทำให้เธอไม่มีงานทำ”
“ฉันว่าพวกเรารีบไล่มันออกไปเถอะ วันนี้ประธานคนใหม่จะมารับตำแหน่ง ถ้ามันวิ่งเข้าไปปะทะประธานคนใหม่ เราจะลำบากเอาน่ะ”
ทุกคนพากันพยักหน้า เมื่อวานหัวหน้าผู้จัดการบอกว่าวันนี้ประธานคนใหม่จะมารับตำแหน่ง
ราศรีปรายตามองรพีพงษ์ แม้เธออยากจะฟังเขาโดนทุกคนเหยียดหยามอีกสักพัก เพื่อแสดงว่าเธออยู่เหนือกว่า เธอได้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ภายในอายุเพียงเท่านี้ นับว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นแล้ว
เปรียบกับคนไร้ค่าอย่างรพีพงษ์แล้ว จะได้เห็นความสามารถของเธออย่างชัดเจน
แถมเธอยังคิดเพ้อฝันไปว่าถ้าประธานคนใหม่มาถึง ไม่แน่เขาอาจจะตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบเลยก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้เธอก็จะเฟื่องฟูขึ้นสวรรค์แล้ว
แต่เธอก็กลัวว่าประธานคนใหม่จะมาเจอคนไอ้ขายหน้าไร้ประโยชน์อย่างเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงพูดกับ รพีพงษ์ “ได้ยินหรือยังว่าวันนี้ประธานคนใหม่จะมาที่นี่ อย่ามายืนขวางหูขวางตาอีกแล้ว ถ้าเกิดว่าทำให้ท่านประธานคนใหม่อารมณ์ไม่ดี นายรับผิดชอบไม่ไหวหรอก”
พูดจบเธอก็เดินเข้าไปลากเสื้อของเขาเพื่อที่จะพาเขาออกไป
รพีพงษ์ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัวไปไหน เขามองเธอด้วยสายตาเมินเฉย
“นายหูหนวกหรือไง ฉันบอกให้ออกไป ยังจะยืนบื้ออะไรอยู่”ราศรีพูดด้วยความโมโห
“นี่คือบริษัทของฉัน ทำไมฉันต้องออกไป” รพีพงษ์พูดขึ้นมา
“นายประสาทเหรอ นายคงจะไร้ประโยชน์จนบ้าไปแล้วสินะ ถึงพูดออกมาได้ว่าที่นี่คือบริษัทของนาย ทำไมนายไม่พูดไปเลยล่ะว่าตัวเองเป็นคุณชายของตระกูลระดับสูง รพีพงษ์ อย่าฝันกลางวันอีกเลย นายมันก็แค่คนไม่มีประโยชน์ รีบไสหัวออกไปซะ”ราศรีมองเขาราวกับกำลังมองคนปัญญาอ่อนอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันฝันกลางวันอยู่หรือไม่ อีกเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง” รพีพงษ์พูดด้วยท่าทางสบายๆ
ทุกคนต่างก็พากันคิดว่าเขาหน้าไม่อาย หน้าด้านยืนอยู่ตรงนี้ยังไม่พอแถมยังกล้าพูดออกมาว่าที่นี่เป็นบริษัทของตัวเอง ไร้สาระเหมือนกับการเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนจริงๆ
เมื่อราศรีเห็นว่าเขาไม่ยอมไป เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะกลัวว่าเขาจะสร้างความวุ่นวายให้กับประธานคนใหม่ที่กำลังจะมาถึง เธอจึงรีบเรียกรปภ.เข้ามา
“ไอ้นี่แหละมันเข้ามาสร้างความวุ่นวายในบริษัท แถมยังแอบอ้างว่าเป็นบอสเรา พวกนายรีบจับมันไว้”ราศรีชี้ไปยังรพีพงษ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
รปภ. พวกนั้นมองไปยังรพีพงษ์ ดูแล้วเขามีท่าทีไม่เหมือนคนความเป็นบอส ดังนั้นพวกเขาก็เลยเดินเข้าไปเพื่อที่จะจับเขา
รพีพงษ์หรี่ตามองรปภ.พวกนั้น เขากำหมัดแน่น
ขณะนั้นเอง นรธีร์เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเห็นว่ารปภ.กำลังจะทำอะไรรพีพงษ์ เขาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
เขารีบวิ่งเข้าไปหารพีพงษ์ทันที จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “พวกนายทำอะไร! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เมื่อราศรีเห็นหัวหน้าผู้จัดการก็รีบเข้าไปพูดกับเขาทันที “หัวหน้าคะ คนนี้คือไอ้สวะที่คนในเมืองพูดถึง มันบ้าไปแล้ว มันเข้ามาในบริษัทแล้วบอกว่าเป็นเจ้าของที่นี่ วันนี้เป็นวันที่ประธานคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง พวกเรากลัวว่าประธานคนใหม่จะเป็นอันตราย เลยจะพาตัวมันออกไป”
“ไอ้นี่มันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉันเองค่ะ มันเห็นว่าฉันใช้ชีวิตดีกว่ามัน มันเลยไม่พอใจ แล้วมาสร้างความวุ่นวาย ยังดีที่ฉันเห็นแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นมันคงจะสร้างความลำบากให้บริษัทไม่น้อย”ราศรีพูดพลาง น้ำเสียงแฝงไปด้วยการยกยอตัวเอง
นรธีร์ได้ยินคำพูดของราศรีสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่พูดอะไรต่อ เขาผายมือออกไป สิ่งนั้นทำให้ราศรีอึ้งไป
“ท่านนี้คือประธานคนใหม่ของบริษัทเรา เขามาดูการทำงานของพวกเธอ เธอว่าเขาบ้าแถมยังไล่เขาออกไปอีก เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง!” นรธีร์พูดด้วยความโมโห
ราศรีอึ้งไป ทุกคนในห้องโถงต่างก็แสดงแววตาตกตะลึงเช่นกัน
“เขา เขาเป็นประธานคนใหม่ของเราเหรอคะ เป็นไปได้ยังไง เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ที่โด่งดังในเมืองริเวอร์”ราศรียังคงไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันว่าเธอนั่นแหละเป็นคนไร้ประโยชน์ คนตาบอด” นรธีร์โกรธจนแทบจะเย็บปากของราศรี
เขารีบหันไปโค้งให้กับรพีพงษ์ “ประธานครับ ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเขาจะปฏิบัติกับคุณแบบนี้ นี่เป็นความผิดของผมเองครับ ประธานลงโทษมาได้เลยครับ”
รพีพงษ์โบกมือปฏิเสธแล้วมองไปยังราศรี จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คนที่ควรจะโดนลงโทษไม่ใช่คุณ แต่เป็นพวกคนที่คิดว่าตัวเองถูกไปเสียทุกอย่าง”
“บริษัทต้องปฏิบัติต่อลูกค้าด้วยความเท่าเทียมกัน คนที่ดูถูกคนอื่นอย่างเธอ ควรจะถูกไล่ออกไปเร็วๆ”