พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 365 ฉันคิดว่าเขาพูดถูก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 365 ฉันคิดว่าเขาพูดถูก
บทที่365 ฉันคิดว่าเขาพูดถูก
บ้านศศินัดดา
ศศินัดดานั่งอยู่บนโซฟา ในมือถือบัตรเชิญงานแต่งที่รพีพงษ์ให้คนส่งมาให้ ใบที่หน้าดำและดูไม่ดี
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็โยนบัตรเชิญฉบับนั้นลงบนโต๊ะ แล้วตะโกนเสียงดังว่า: “รพีพงษ์ทำให้โกรธจริงๆ เขายังอยากจะจัดงานแต่งที่ปราสาทคริสตัลกับอารีจริงๆ อารีน่าจะถูกหลอกลวงด้วยคำพูดที่น่าประทับใจของรพีพงษ์ หรือว่ารพีพงศ์ไม่รู้ว่าตอนนี้ปราสาทคริสตัลกลายเป็นจุดที่น่าสนใจของผู้คนทั้งเมืองเลยเหรอ? เขาจัดงานแต่งงานที่นั่น จะให้ครอบครัวเราขายหน้าหรือไง!”
ชนิสราที่กำลังทำความสะอาดอยู่และศักดาที่กำลังเล่นกับนกอยู่หน้าระเบียบก็ได้ยินคำพูดของศศินัดดาพอดี ก็ตกใจ จากนั้นก็รีบเดินไปที่พวกเขาทันที
“หรือว่างานเลี้ยงปราสาทคริสตัลช่วงนี้ที่กำลังครึกโครม ก็คืองานแต่งงานของอารีและรพีพงษ์เหรอ? รพีพงษ์สปอร์ตไม่เบานะ สามารถจัดงานแต่งงานที่สถานที่แบบนั้นได้ เขาคงจะใช้ความคิดความสามารถไปไม่น้อยเลยใช่มั้ย?”ศักดาพูด เขายังมีความสุขแทนรพีพงษ์และอารียา
ชนิสราหยิบบัตรเชิญบนโต๊ะ มาดู และรอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และกล่าวว่า: “เป็นเรื่องดีนะที่รพีพงษ์และอารีจัดงานแต่งงานขึ้นมาใหม่ เพียงแต่ว่าทำไมหลายวันมานี้ พวกเขาไม่กลับมาที่บ้านเลยล่ะ?”
ชนิสราไม่รู้เรื่องที่อารีและศศินัดดาทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด
เมื่อศศินัดดาได้ยินคำพูดของชนิสรา ก็เบิกตากว้างจ้องไปที่เธอทันที แล้วพูดว่า: “เป็นเรื่องดีบ้าไรกันล่ะ ครั้งนี้รพีพงษ์อยากให้บ้านเราอับอายอีกครั้ง ชนิสรา ตอนนี้เธอสามารถอยู่ที่บ้านฉันต่อไปได้ เป็นเพราะความใจดีของฉัน รพีพงษ์ไม่ใช่คนในครอบครัวเราแล้ว หลังจากนี้ถ้าเธอยังกล้าช่วยพูดแทนเขาอีก ระวังฉันจะไล่เธอออกไป”
สีหน้าของชนิสราเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะพูดว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนในครอบครัวของหล่อนอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากว่าไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
ที่สำคัญที่สุด ลูกสาวของเธออยู่ที่โรงเรียนเจอกับปัญหามากมาย ตอนนี้เธอต้องการเงิน ดังนั้นไม่สามารถเสียงานนี้ไปได้ ไม่ว่าศศินัดดาจะทำยังไงกับเธอ เพียงแค่ไม่ไล่เธอออก เธอก็สามารถอดทนได้
ศศินัดดาก็คุ้นเคยกับการทำงานบ้านของชนิสรา หล่อนรู้สึกว่ายังดีที่ตอนนี้ตัวเองเป็นเจ้าโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล ที่บ้านจ้างแม่บ้านหนึ่งคนก็ยังไหวอยู่ ดังนั้นหลังจากที่รพีพงษ์จากไป เธอก็ไม่ได้ไล่ชนิสราออกไป แต่ยังให้เธออยู่ต่อไป
ศักดากลอกตาไปมา แล้วพูดว่า: “ไม่ว่ายังไง อารีก็เป็นลูกของคุณ งานแต่งงานของลูกคุณก็ต้องไป ต่อให้คุณจะความไม่พอใจใดๆกับรพีพงษ์ บัตรเชิญนี้ก็แจกออกมาหมดแล้ว เรื่องนี้คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ที่สำคัญนะรพีพงษ์สามารถจัดงานแต่งที่ปราสาทคริสตัลให้กับอารีได้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ารพีพงษ์เก่งกาจไหน ครั้งนี้เขากลับมาจากเกียวโตยังเหมือนเดิม คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ฝั่งเกียวโตได้อะไรมาบ้าง เกิดเขากลายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลลัดดาวัลย์ล่ะ ดังนั้น คุณก็อย่าโกรธพวกเขาเลย”
ศศินัดดาส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า: “ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็เป็นดวงหายนะอยู่ดี ตอนนี้ฉันไร้ความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ ไม่สนว่าเขาจะสามารถนำพาอะไรมาให้ฉัน เขาสามารถจัดงานแต่งงานที่ปราสาทคริสตัลแล้วยังไงล่ะ กูก็ไม่ใช่แม่พระ เขาอยากจะจัดงานที่นั่น ฉันก็จะทำให้มันจัดงานได้ไม่สำเร็จ!”
ศักดาถอนหายใจอย่างเอือมระอา สำหรับภรรยาของตัวเองแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอธิษฐานในใจอย่างเงียบๆ ว่าให้งานแต่งงานครั้งนี้ของรพีพงษ์ ไม่ถูกศศินัดดาทำลาย
เมื่อตอนที่ศศินัดเรากำลังวิธีทำลายงานแต่งงานของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็กำลังก็เริ่มช่วยอารียาเลือกชุดแต่งงาน
เขาพาอารียาไปดูร้านขายชุดแต่งงานทั้งหมดในเมืองริเวอร์ก็ไม่มีชุดไหนที่ถูกใจ แต่เมื่อเห็นว่าวันแต่งงานกำลังใกล้เข้ามา อารียายังไม่มีชุดแต่งงานที่เหมาะสม ในใจของเขาก็กังวลเล็กน้อย
แต่ยังดีที่เธียรวิชญ์รู้จักดีไซเนอร์ชุดแต่งงานชั้นนำในประเทศหลายคน คนเหล่านี้มีทีมออกแบบของตัวเอง หลังจากที่จองแบบการออกแบบชุดแต่งงานแล้ว ก็สามารถทำชุดแต่งงานออกมาได้ภายในสองวัน
ดังนั้นก่อนแต่งงาน อารียาสามารถใส่ชุดแต่งงานที่สวยที่สุดได้อย่างแน่นอน
เช้าวันนั้น รพีพงษ์ไม่ให้อารียาไปทำงาน แต่พาเธอไปที่อาคารสำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป
“รพีพงษ์ นายพาฉันมาทำอะไรที่นี่ วันนี้ที่บริษัทมีประชุมสำคัญ”อารียาบ่น
“อีกห้าวัน ก็จะถึงงานแต่งงานของเราแล้ว แต่ยังไม่มีชุดแต่งงานสักชุดที่เหมาะสมกับเธอเลย ทำไมเธอไม่กังวลเลยล่ะ”รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา
“ก่อนหน้านั้นเราก็เลือกชุดไว้หลายแบบไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกว่าหลายชุดนั้นก็ค่อนข้างดี ถ้าหาชุดที่ดีกว่าไม่ได้ ถึงเวลาก็เลือกจากในหลายชุดนั้นมาหนึ่งชุดเถอะ”อารียากล่าวอย่างไม่แยแส
“อย่างนั้นไม่ได้ งานแต่งครั้งนี้ ฉันจะทำให้ดีที่สุด ชุดแต่งงานของเธอก็ต้องสวยที่สุด ถ้าหากเลือกชุดที่เหมาะสมไม่ได้ อย่างนั้นฉันก็จะหาคนมาออกแบบให้เธอ แบบนี้ก็จะเหมาะสมที่สุด”รพีพงษ์กล่าวอย่างจริงจัง
รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของอารียา เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ให้ใส่ใจเรื่องชุดแต่งมากกว่าเธอ ในใจของเธอมันก็เกิดความรู้สึกที่มีความสุข
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้นายพาฉันมาที่นี่ คือจะหาคนมาออกแบบชุดแต่งงานให้กับฉันเหรอ?”อารียาถาม
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ฉันให้เธียรวิชญ์หาดีไซเนอร์ออกแบบชุดแต่งงานชั้นนำในประเทศมาสองคน เดี๋ยวเจอพวกเขาแต่ละคนจะให้แบบชุดมาคนละหนึ่งชุด เธอก็เลือก ดูว่าชอบแบบไหน หลังจากที่จองแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มทำทันที และจะสามารถทำชุดแต่งงานออกมาได้ในวันแต่งงานอย่างแน่นอน”
อารียาพยักหน้า สำหรับการจัดการของรพีพงษ์ เขาไม่มีความคิดเห็นอะไร
ทั้งสองขับรถเข้าไปในโรงรถใต้ดินของอาคาร หลังจากจอดรถแล้ว ก็ว่าจะไปหาลิฟต์ที่ขึ้นไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าตามหลังพวกเขา ตามมาด้วยเสียงของคนคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้นมา: “คนที่อยู่ด้านหน้า รีบหลีกทางให้ด้วย อย่าขวางทางพวกเรา เวลาของเจ้านายพวกเราเร่งด่วนมาก พวกเธอไม่สามารถที่จะทำให้ล่าช้าได้”
รพีพงษ์หันกลับไปมอง และพบว่ามีคนห้าคนกำลังเดินไปในทิศทางของพวกเขา คนที่เดินอยู่ตรงกลางเป็นผู้หญิง แต่งตัวค่อนข้างแตกต่างจากทั่วไป เหมือนศิลปินนิสัยแปลกๆในทีวี
และมีผู้ชายสี่คนอยู่รอบๆตัวเธอ ผู้ชายสี่คนนั้นถือกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็ก และดูเหมือนว่าเป็นผู้ช่วยของผู้หญิงคนนั้น
ทางในที่จอดรถก็ไม่ใช่ว่าจะกว้างขวาง ทั้งห้าคนครอบครองทั้งพื้นที่ของถนนโดยตรง และเมื่อตอนที่เดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์และอารียา มีผู้ช่วยสองคนก็จ้องมองไปที่พวกเขา ราวกับว่ากำลังส่งสัญญาณว่าไม่พอใจพวกเขา
เมื่อตอนที่ผู้ช่วยคนหนึ่งเดินผ่านอารียา ก็จงใจเดินชนอารียา ถ้าไม่ใช่ว่ารพีพงษ์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พยุงอารียาไว้ ไม่อย่างนั้นอารียาก็คงจะล้มลงกับพื้น
รพีพงษ์ขมวดคิ้วและชำเลืองมองไปที่ผู้ช่วย และพูดอย่างเย็นชา: “เมื่อกี้คุณเดินชนคนนะ ไม่รู้สึกเลยเหรอ?”
ผู้ช่วยคนนั้นหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เบะปาก แล้วพูดว่า: “ชนแล้วยังไม่ หล่อนก็ไม่เห็นเป็นอะไร อย่าทำให้เจ้านายพวกเราเสียเวลาที่นี่ พวกเธอไม่คุ้มที่จะเสียเวลาด้วย”
ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์และอารียา หลังจากเห็นเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่อยู่บนตัว ก็แน่ใจทันทีว่าทั้งสองคนนั้นเป็นยากจน และแววตาก็แสดงการดูถูกเหยียดหยามออกมา
รพีพงษ์จ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้น และถามว่า: “คนของคุณชนคน หรือว่าคุณไม่ต้องกำชับหน่อยเหรอ? อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะมีคำขอโทษนะ?”
หญิงคนนั้นหัวเราะเบาๆ และพูดว่า: “คนยากจนอย่างพวกแกสมควรที่จะให้ลูกน้องฉันขอโทษด้วยเหรอ? หยุดโวยวายได้ล่ะ แกรู้ไหมแกทำให้ฉันเสียเวลาไปกี่นาที ฉันสูญเสียอะไรบ้าง? เดี๋ยวฉันกำลังจะไปคุยธุรกิจใหญ่ แกรีบหุบปากของแกซะ อย่ามาตีตนไปก่อนไข้”
หลังจากพูดเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของรพีพงษ์ ยังคงเดินไปด้านหน้าต่อ
ผู้ช่วยคนนั้นก็เหมือนอาศัยบารมีของคนอื่นอวดเบ่ง บนใบหน้าแสดงออกมาค่อนข้างมีชัย ไม่ได้เอารพีพงษ์และอารียาอยู่ในสายตาเลย
รพีพงษ์รู้สึกรำคาญเล็กน้อย และอยากจะขึ้นไปเถียงกับพวกเขาทันที แต่ว่าตอนนี้อารียาคว้าตัวเขาไว้ แล้วพูดว่า: “ช่างมันเถอะ อย่าถือสาพวกเขาเลย คนพวกนี้ดูไปแล้วสวยสง่าสูงส่ง แต่ทัศนคติต่อชีวิตแย่มาก ต่อให้มีร่ำรวยแค่ไหน ไม่ช้าไม่เร็วก็เสียเปรียบอยู่ดี เราไม่จำเป็นต้องไปเสียเรี่ยวแรงนี้เลย”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดจองอารียา ก็หัวเราะขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าภรรยาของฉันจะมีคุณธรรมขนาดนี้”
“แน่นอน”อารียายิ้มอย่างมีภูมิใจ เธอไม่ต้องการให้รพีพงษ์มาเสียเวลากับเรื่องไร้ความหมายแบบนี้
รพีพงษ์รู้สึกว่าคำพูดของอารียามีเหตุผล ก็เลยไม่ได้ไล่ตามไปเถียงกับพวกเขา แต่ใช้มือลูบจมูกอารียาเบาๆ จากนั้นก็พาเธอไปที่ลิฟต์
ทั้งสองคนเดินไปห้องทำงานของเธียรวิชญ์
เธียรวิชญ์รอรพีพงษ์พวกเขาสองที่ห้องทำงานอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นพวกเขา ก็รีบทักทายอย่างกระตือรือร้น
“ดีไซเนอร์ทั้งสองคนที่ผมหามาในครั้งนี้เป็นนักออกแบบชั้นนำในประเทศ พวกเขาได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย หนึ่งในนั้นมีชื่อว่ากมล เป็นดีไซเนอร์ที่มีสไตล์เป็นของตัวเองมาก ครั้งนี้เทียบแล้วผมมีแนวโน้มเอียงไปทางกมล อีกคนหนึ่งมีชื่อว่าปารินทร์ แม้ว่าจะเป็นดีไซเนอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ดึงดูดสายตาเท่ากับกมล ผมจะพาพวกคุณไปเจอพวกเขาสองคน จะเลือกแบบไหน ขึ้นอยู่กับความชอบของพี่สะใภ้”เธียรวิชญ์กล่าวด้วยยิ้ม
รพีพงษ์พยักหน้า และเดินตามเธียรวิชญ์ไปที่ห้องรับรองลูกค้าวีไอพีพร้อมกับอารียา
ห้องรับรองลูกค้าโปร่งใส ล้อมรอบด้วยกระจก รพีพงษ์มองเห็นผู้คนในห้องรับรองลูกค้าวีไอพีได้อย่างรวดเร็ว ในนั้นมีอยู่ห้าคน เป็นผู้หญิงและผู้ช่วยทั้งสี่คนของเธอที่พวกเขาเพิ่งเจอในลานจอดรถ
“หญิงที่สวมเสื้อผ้าเปรี้ยวจี๊ด ก็คือกมล แนวคิดการออกแบบของเธอโดดเด่นกว่าคือ สง่ากว่า และราคาก็แพงกว่า นั่งอีกด้านคือปารินทร์ แนวคิดการออกแบบก็ดีมากเช่นกัน แต่ประสบการณ์นั้นน้อยกว่ากมล ปารินทร์มีชื่อเสียงมาได้ไม่ถึงสองปี แต่กลมเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงการออกแบบอยู่แล้ว”เธียรวิชญ์กล่าวแนะนำ
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ได้เร่งรีบเข้าไป แต่เดินไปที่ด้านหน้าของต้นไม้ขนาดใหญ่สองใบที่ประตู เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ข้างในมองเห็นตัวเอง และต้องการฟังว่าพวกเขาพูดอะไรอยู่ด้านใน
“ปารินทร์ ครั้งนี้ที่เชิญพวกเราให้มาออกแบบชุดแต่งงาน เป็นเพื่อนของเจ้านายของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เธอพาผู้ช่วยมาแค่คนเดียว ก็ไม่มีหน้าเลยจริงๆนะ”กมลจ้องไปที่ปารินทร์ และพูดด้วยความดูถูก
พวกเขาทั้งสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน และกมลก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของปารินทร์ แต่ว่าอยู่ในห้องนี้ พวกเขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่เป็นแข่งขันกัน ดังนั้นท่าทีของกมลที่มีต่อปารินทร์จึงไม่ค่อยดีนัก
“ฉันแค่ต้องนำแบบการออกแบบที่ดีที่สุดของฉันออกมาก็พอแล้ว ไม่ว่าจะพาผู้ช่วยมากี่คน เอาผลงานที่ดีออกไม่ได้ มันก็เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่าๆเท่านั้นเอง”ปารินทร์กล่าวโดยไม่แสดงความอ่อนแอ
ผู้ช่วยทั้งสี่คนของกมลมองไปที่ปารินทร์อย่างโกรธเคือง เห็นได้ชัดว่าคำพูดของปารินทร์ ทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ปารินทร์ เธอหมายความว่ายังไง? เธอว่าฉันเอาผลงานที่ดีกว่าเธอออกมาไม่ได้เหรอ? เธอไม่ได้มองตัวเองก่อน ว่ามีรายได้กินข้าวจากออกแบบแค่ไม่กี่ปี ฉันถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์มากกว่าในแวดวง แต่เธอเป็นแค่เด็กที่เพิ่งออกจากรัง อันที่จริงครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าเธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเลย ไม่ว่ายังไงตาม เขาก็จะต้องเลือกดีไซเนอร์ที่มีประสบการณ์ที่โดดเด่น แทนที่จะเลือกคนที่เอาแต่จินตนาการเพ้อฝันไปวันๆอย่างเธอ”กมลชักสีหน้าใส่แล้วพูด
“การออกแบบจำเป็นต้องใช้จินตนาการ คุณอยู่ในแวดวงการออกแบบมาหลายปีแล้ว น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ครั้งนี้ฉันต้องการพูดด้วยความสามารถ คุณพูดมากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร”ปารินทร์พูดอย่างใจเย็น
“หึ ไอ้กะล่อนปลิ้นปล้อน ดูซิว่าถึงตอนนั้นเขาไม่เลือกแบบของเธอ เธอจะเล่นลิ้นยังไงอีก”กมลพึมพำ
ในเวลานี้รพีพงษ์เดินเข้ามา ยิ้มให้กับกมลและปารินทร์ แล้วพูดว่า: “ฉันกลับรู้สึกว่าเขาพูดถูกนะ ความสามารถและประสบการณ์ไม่เกี่ยวกัน ประสบการณ์ของคุณมันทำให้คุณมีนิสัยที่จองหองพองขนเท่านั้นเอง สำหรับการออกแบบแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร”